อ๋องรุ่ยหยาง และเหล่าองค์ชายพี่น้องของเขา ต่างพนันขันต่อกันว่า อ๋องรุ่ยหยางจะพิชิต คุณหนูเฟยฮวา บุตรสาวเสนาบดีเฟยเทียนหลงได้ลงหรือไม่ เพราะนางนั้นอวบอ้วนยิ่งกว่าคุณหนูในจวนใด แถมใบหน้าก็มีธรรมดามิได้โดดเด่นหรืองดงาม และนางยังแต่งตัวเฉิ่มเชยหนักหนา สีสันและแบบเครื่องแต่งกายของนางก็แสนเชยดังหญิงรุ่นป้าแก่ชอบสวมใส่ แต่นางนั้นหลงไหลท่านอ๋องรุ่ยหยางยิ่งนัก นางพบเขาที่ไหนก็มองเขาด้วยตาเป็นประกายหวานฉ่ำ ด้วยความหลงไหลจนใครๆก็ดูออก ต่างนินทาว่านางนั้นไม่เจียมตัว แม้บิดาจะเป็นเสนาบดีแต่นางขี้เหร่ปานนี้ อย่าว่าแต่อ๋องรุ่ยหยางเลย บุรุษอื่นก็มิมีใครอยากได้นางเป็นภรรยา บุรุษรูปงามเช่นอ๋องรุ่ยหยางแสนจะรังเกียจนางยิ่งนัก พบเจอนางที่ไหนก็มักจะหลีกหนี จนเป็นที่ขบขันของเหล่าพี่น้องของเขา เหล่าองค์ชายจึงลงขันกันจะยอมเสียม้าตัวที่งามที่สุดของแต่ละคนให้ท่านอ๋องรุ่ยหยาง หากเขายอมพิชิตหญิงขี้เหร่เช่นเฟยฮวาได้ลง เขาจึงวางแผนเกี้ยวนาง จนนางยอมตกเป็นของเขา เมื่อสมใจเขาก็ทิ้งนางอย่างเลือดเย็นยิ่งนัก เฟยฮวาจะทำเช่นไรต่อไป…
ดูเพิ่มเติมวันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งขุนนางใหม่ เหล่าขุนนางทั้งหลายรวมถึงขุนนางใหม่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งรวมถึงครอบครัวของเขาเหล่านั้น ต่างก็มาร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงกันคับคั่ง งานนี้มีองค์รัชทายาทมาเป็นประธานในพิธีแทนองค์ฮ่องเต้ และเมื่อเสร็จพิธีที่เป็นทางการและฟังโอวาทจากองค์รัชทายาทแล้ว แขกเหรื่อก็ต่างพากันชมการแสดงต่างๆและรับประทานอาหารและดื่มสุรากันตามอัธยาศัย เหล่าองค์ชายและท่านอ๋องก็นั่งอยู่ใกล้ๆกันในตำแหน่งที่นั่งของตนเอง
ขณะนั้นองค์ชายห้ามองตรงไปเห็นคุณหนูเฟยฮวานั่งอยู่ข้างๆบิดาของนางที่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาของนางคล้ายกับจ้องมองมาที่อ๋องรุ่ยหยางเขม็งเช่นเคย เขาจึงเกิดความคิดสนุกๆขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งมองไปมาด้วยความเบื่อหน่าย เขาหันไปกระซิบเรื่องราวที่เขาเพิ่งคิดขึ้นมาได้นั้นให้แก่องค์ชายสามที่นั่งข้างๆกัน
จากนั้นทั้งสองก็หันไปสะกิดองค์ชายหกและท่านอ๋องรุ่ยหยางรวมถึงองค์ชายสองที่อยู่ถัดไป หลังจากถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้เหล่าพี่น้องทั้งหลายฟังแล้ว ท่านอ๋องรุ่ยหยางส่ายหัวทันควัน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเขาไม่ยอมหรอก จะให้เขาไปพิชิตคุณหนูอวบอ้วนนั่น แถมแต่งตัวยังกับฮูหยินของบิดาตนเองทำให้แก่เกินวัยไปมาก มองไกลๆ นึกว่าเป็นหญิงเซิ่งหนี่ว์ที่อายุมากแล้ว หน้าตาก็แสนจะธรรมดาจืดชืดยิ่งกว่าอะไร ไม่ได้แต่งเติมให้งดงามเช่นสตรีอื่น
แต่องค์ชายห้าเอ่ยขึ้นอีกว่า หากท่านอ๋องรุ่ยหยางตกลงเขาจะยกม้าตัวงามที่เขาได้มาใหม่นั้น ที่ท่านอ๋องบ่นว่าอยากได้จะขอแลกกับเขา แต่เขามิยินยอมนั้นให้ ท่านอ๋องหันขวับมามององค์ชายห้าทันที เจ้าห้าจะยอมเสียม้าที่หวงแหนยิ่งกว่าอะไรนั่นให้เขา แถมองค์ชายอื่นๆก็บอกว่าจะให้เขาไปเลือกม้าที่ดีที่สุดของตนในคอกด้วยตนเอง จะเลือกตัวไหนก็ได้ ขอเพียงเขาทำภารกิจที่พนันกันนี้ได้สำเร็จเท่านั้น
เหล่าองค์ชายหนุ่มๆทั้งหลายยังอยู่ในวัยคะนอง รู้สึกสนุกสนานยิ่งนัก หากว่าได้บังคับให้อ๋องรุ่ยหยางได้ทำในสิ่งที่เขาไม่อยากจะทำที่สุดได้ องค์ชายสามที่นั่งข้างท่านอ๋องรุ่ยหยางเอ่ยว่า “ เจ้าเจ็ดเจ้าก็หลับหูหลับตาคิดเสียว่านางเป็นคณิกาที่เจ้าเชยชมเพียงชั่วคืนสิ ยอมหลับหูหลับตาเสียเพียงชั่วคืนเจ้าก็จะได้ ม้าตัวงามๆ ถึงห้าตัวด้วยกัน หายากนะที่เจ้าจะมีม้าที่งามที่สุดไว้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ” องค์ชายสามเอ่ยแล้วหัวเราะเบาๆอย่างนึกสนุกเช่นกัน
ท่านอ๋องรุ่ยหยางครุ่นคิดดูขณะที่มองตรงไปด้านหน้าเห็นคุณหนูเฟยฮวาที่นั่งข้างบิดาของนาง แล้วนางก็มองมาทางเขาด้วยเช่นเคย เขาคิดว่าจะลองกันดูสักตั้ง ช่วงนี้เขาก็เบื่อๆสตรีที่เขาเกี้ยวหลายๆคนพอดี ลองทำอะไรที่มันแปลกๆใหม่ๆบ้างดูก็ดีนะ แถมเมื่อทำสำเร็จก็จะได้ของเดิมพันที่เป็นม้างามที่สุดที่เขาจะไปเลือกด้วยตนเองถึงห้าตัวด้วยกัน เพราะอ๋องรุ่ยหยางชื่นชอบการขี่ม้ามาก และเขามีคอกม้าขนาดใหญ่ไว้ในจวนของตนเอง เพียงแต่เขาอยากจะได้ม้าที่องค์ชายห้าได้มาใหม่มันงดงามมากลักษณะของมันสง่างามถูกใจเขาอย่างยิ่ง แต่เพียรขอแลกหรือขอซื้อองค์ชายห้าไม่เคยยินยอมที่จะให้เขา แต่ครั้งนี้กลับตกลงได้ง่ายดายยิ่งนัก
ท่านอ๋องรุ่ยหยางจึงตอบตกลงรับพนันกับเหล่าองค์ชายทั้งหลายไป ทั้งหมดไม่จำกัดเวลาเพียงขอให้ท่านอ๋องทำภารกิจสำเร็จเพียงเท่านั้น จากนั้นอ๋องรุ่ยหยางก็เฝ้าครุ่นคิดถึงแผนการณ์พิชิตหญิงขี้เหร่ที่สุดในบรรดาคุณหนูทั้งหลายที่พวกเขารู้จักนั้น เมื่อใกล้เวลาเลิกงานนั้นเขาก็ได้เขียนจมหมายมาหนึ่งฉบับแล้วให้นางกำนัลนำไปแอบยื่นให้กับคุณหนูเฟยฮวาโดยอย่าให้ท่านเสนาบดีเฟยรู้เข้าเด็ดขาด จากนั้นเขาก็นั่งมองผลงานนั้นอยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อนางกำนัลผู้นั้นนำจดหมายของท่านอ๋องหนุ่มไปแอบยื่นให้กับคุณหนู เฟยฮวาขณะที่นางนำขนมหวานไปวางตรงหน้าคุณหนูนั้นเพื่อไม่ให้มีพิรุธใดๆ เป็นที่สังเกตุ
คุณหนูอวบอ้วนแต่งกายแก่กว่าวัยนั้น แต่งตัวราวกับสาวใหญ่ แต่นางใสซื่อยิ่งนัก เมื่อได้รับจดหมายน้อยนั้น นางก็เปิดออกอ่านแล้วดีใจยิ่งนัก เงยหน้ามองไปที่ฝั่งตรงข้ามเห็นท่านอ๋องหนุ่มพยักหน้าให้นางและมองมายังนางเขม็ง ซึ่งมิเคยปรากฎมาก่อนว่าเขาจะสนใจมองมายังนาง ยิ่งเขียนจดหมายน้อยมาเกี้ยวนางและขอนัดพบเช่นนี้ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้
ตอนแรกที่อ่านจดหมายน้อยนั้นนางคิดว่าคงมีผู้ใดเขียนมันมาส่งให้นางเพื่อกลั่นแกล้งให้นางดีใจเท่านั้นเอง แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมองไปยังท่านอ๋องรุ่ยหยางเขาพยักหน้าให้นาง เช่นนั้นแสดงว่าจดหมายน้อยนี้เป็นของเขาอย่างแน่นอน นางยิ้มแย้มออกมาอย่างดีใจยิ่งนัก แต่ในจดหมายเขียนว่าท่านอ๋องขอนัดพบกับนางในวันพรุ่งนี้แต่มิให้บอกผู้ใดแม้แต่ท่านพ่อ แต่นางคิดว่าคงมิเป็นไรหรอกท่านอ๋องเป็นถึงราชวงศ์คงมิอยากให้ใครรู้เรื่องมากมายเพราะเกรงจะอื้อฉาวว่ากำลังเกี้ยวนางอยู่
เมื่องานเลิกแขกเหรื่อก็ทะยอยกันออกไปจากห้องที่จัดงานเลี้ยงเหล่าราชวงศ์ทะยอยกันกลับออกไปจากห้องนั้น นางมองตามหลังท่านอ๋องรุ่ยหยางที่นางแอบพึงใจเขามานานแล้ว เมื่อเขาเดินผ่านจะออกไปนั้นเขาหันมายกยิ้มให้นางน้อยๆ แล้วก็เดินตามเหล่าองค์ชายพี่น้องของเขาออกไป จากนั้นเสนาบดีเฟยบิดาของนางก็หันมาเรียกนางให้ลุกขึ้นจะได้กลับจวนกันเลย นางพยักหน้าให้บิดาแล้วก็เดินตามบิดาออกไปจากห้องจัดงานเลี้ยงนั้น เมื่อทั้งสองพากันมารอรถม้าอยู่ที่หน้าประตูวังหลวงด้านที่เปิดให้เหล่าแขกเหรื่อ
เฟยฮวาชะเง้อมองไปมาเพื่อมองหาท่านอ๋องหนุ่มแต่ก็ไม่เห็นเขาแล้ว คงจะขึ้นรถม้ากลับไปแล้ว นางผิดหวังเล็กๆที่เขาไม่รอพบนางก่อนกลับ ในใจนางคิดอย่างไร้เดียวสาว่าที่เขาเขียนจดหมายนัดนางออกไปพบนั้นเขาคงจะพึงใจนางเช่นกัน ไม่ได้คิดอย่างลึกซึ้งว่าทำไมอยู่จากที่เขาคอยหลีกหนีนางมาเสมอ ดูท่าทางรังเกียจไม่อยากจะมองหน้าหรือพูดคุยกับนางด้วยซ้ำไป อารามดีใจท่ี่อยู่บุรุษที่นางหลงรักมานานนั้นมีใจตอบนางแล้ว จึงมิได้คิดใคร่ครวญถึงเหตุผลใดๆ
คืนนั้นเฟยฮวานอนหลับฝันดี ฝันว่าบุรุษที่นางพึงใจเอ่ยปากบอกรักนางมานานแล้ว แต่มิกล้าบอกนางตอนนี้เขาพึงคิดได้ว่ารักนางจับใจจึงนัดนางเพื่อเอ่ยปากขอแต่งงานกับนาง แล้วจะส่งคนมาทาบทามนางกับบิดาในภายหลัง ในฝันนั้นนางดีใจเหลือแสน ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าบุรุษหล่อเหลา ท่าทางดี รูปร่างสูงสง่าองอาจเช่นเขาที่มีคุณหนูในห้องหอมากมายหมายปองเขา จะหันมามองสตรีเช่นนาง
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมานางจึงอารมณ์ดีหนักหนา รีบอาบน้ำชำระกายอย่างดีให้เผยอันสาวใช้ประจำกายขัดถูผิวกายให้นางอย่างพิถีพิถันยิ่งกว่าทุกวัน แล้วพรมเครื่องหอมน้อยๆให้กลิ่นกายหอมกรุ่นจะได้ประทับใจท่านอ๋องเมื่อนางอยู่ใกล้เขา จากนั้นก็เลือกเครื่องแต่งกายที่มีมากมายนั้นแต่มันล้วนสีฉูดฉาดและแบบก็ล้าสมัยไปมาก ดังเช่นฮูหยินสูงวัยสวมใส่กัน แต่นางเคยชินกับมันจึงไม่ได้รู้สึกอะไร และนางกำพร้ามารดามาตั้งแต่เล็กจึงมิมีใครคอยแนะนำเรื่องการแต่งกายและเรื่องละเอียดอ่อนเล็กๆน้อยๆของสตรีเช่นนี้ บิดานั้นก็รักนางเสมอ แม้นางจะแต่งกายเช่นไรเขาก็ว่านางงดงามน่ารักเสมอ
ตำหนักของท่านอ๋องรุ่ยหยางผ่านไปสามปี คึกคักยิ่งกว่าเดิมมาก พระชายาเฟยฮวาคลอดบุตรีออกมาอีกหนี่งคน คราวนี้สมใจบิดาของนางยิ่งนักที่ในที่สุดจะได้ท่านหญิงน้อยๆเสียที เพราะเขาชมชอบบุตรสาวตัวอ้วนๆ ที่จะมาวิ่งไล่ตามเขาต้อยๆ แล้วเรียกเขาว่าท่านพ่อเจ้าคะ มานานแล้ว แม่นมฟางตอนนี้ก็วุ่นวายเรื่องท่านหญิงตัวน้อย แต่ก็ได้พี่เลี้ยงที่คล่องงานแล้วสองนางมาช่วยกันดูแล นางแค่เฝ้ามองดูเท่านั้น ส่วนท่านชายน้อยก็วิ่งเล่นไปมาในตำหนักอย่างซุกซนยิ่งนัก ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลถึงสองคน เพราะท่านชายน้อยๆคนนี้ชอบปีนป่ายต้นไม้อย่างยิ่งพระชายาเฟยฮวาเมื่อท้องแก่ต้องคอแหบคอแห้งร้องเรียกท่านชายน้อยให้ลงมาจากต้นไม้เมื่อยามที่ทุกคนเผลอเขาก็จะตะกายขึ้นไปบนต้นไม้จนได้ ตอนนี้พระชายาพักฟื้นจากการคลอดจึงเป็นเผยอันที่ต้องคอยมาประกบท่านชายกับพี่เลี้ยงอีกสองคน เขาวิ่งเล่นอย่างรวดเร็วมากยิ่งมีพี่เลี้ยงคอยวิ่งไล่ตาม เขาก็จะสนุกสนานที่จะวิ่งหนี แต่อีกอย่างเขาชอบฝึกวิทยายุทธเป็นอย่างยิ่ง เขามักจะขอให้องครักษ์ของบิดาสอนเขา เขาจึงค่อนข้างจะเก่งกาจกว่าเด็กเล็กในวัยเดียวกันบางครั้งวิ่งซนและเหาะไต่ขึ้นไปบนที่ต่างๆตำหนัก ทำให้ข้าวของแตก
แม้แต่ริมหน้าต่างก็มิเว้นที่จะพากันไปสำรวจ จนมาจบลงที่พื้นห้อง ฟางหรงโยกขย่มร่างหนาอย่างร่านรัก แม่ทัพฉีก็อ้าปากดูดดึงยอดอกสีแดงระเรื่อที่ส่ายไปมาเหมือนยั่วยวนเขานั้นอย่างเมามัน เสียงเขาครางกระหึ่มในลำคอหนานั้น เขารู้สึกสุขสมเกินจะบรรยาย ดวงตาคมมองใบหน้ายั่วยวนของนางอย่างหลงไหล มือหนาบีบเค้นไปตามร่างกายอวบอิ่มของนางอย่างมันเขี้ยว เขาบีบสะโพกอวบอัดนั้นจนมันขึ้นสี และกระแทกนางอย่างเมามัน ทั้งสองลืมวันเวลาต่างผลัดกันโยกขย่มกันเช่นนั้นเมื่อเหนื่อยก็ผล็อยหลับไป แล้วตื่นมาโยกขย่มกันในอ่างอาบน้ำใบใหญ่นั้นอีก อย่างเร่าร้อน ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม “ ท่านพี่เจ้าขา ยังคิดว่าข้าด้อยกว่าเฟยฮวาอีกหรือไม่ ถ้าท่านคิดเช่นนั้นข้าจะไปหาบุรุษอื่นเพื่อพิสูจน์ดูว่าข้านั้นเด็ดกว่าหญิงเช่นเฟยฮวา ” นางเอ่ยขึ้นเหลียวมองใบหน้าคร้ามคมที่จ้องนางอยู่นั้น ขณะนั้นร่างหนากำลังขย่มนางอยู่ทางด้านหลัง เขาบีบสะโพกนางอย่างมันมือ “ ไม่แล้ว เมียรัก เจ้าเด็ดดวงที่สุด ข้าทั้งหลงทั้งรักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว แต่ห้ามขาดที่เจ้าจะไปพิสูจน์กับบุรษอื่นอีก เพราะเจ้าเป็นเมียของข้าแล้ว ข้าจะรีบตบแต่งเจ้าให้เร็วที่สุด ” ร่างหนาเอ่ยขึ้
หลังยามซื่อ (สิบโมงเช้า ) คนของจวนคหบดีเจีย ก็พาคหบดีเจียมาที่โรงเตี้ยมที่เมื่อวานบุุตรีของเขามาลงรถม้าที่หน้าโรงเตี้ยมตามที่บ่าวที่ขับรถม้าบอกเขาในเช้าวันนี้ เพราะเมื่อวานเขาก็เมามายมากเพราะดื่มมาจากงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของท่านอ๋องรุ่ยหยาง เมื่อกลับถึงจวนเขาจึงเข้านอนทันที มิได้ถามไถ่ถามบุตรสาวว่ากลับมาถึงจวนแล้วหรือยัง แต่เมื่อตอนเช้านี้ สาวใช้ของนางเดินเข้ามาบอกเขาว่าคุณหนูมิได้กลับมาที่จวนเลยทั้งคืน เขาจึงได้เรียกคนขับรถม้ามาสอบถาม พบว่าเมื่อวานนางให้ไปส่งที่หน้าโรงเตี้ยมกวงไถ่ แล้วนางก็เดินเข้าไปในโรงเตี้ยมแห่งนั้น สายๆวันนี้เขาจึงได้มาตามหานางด้วยตนเองเพราะเป็นห่วงนางเหลือเกินว่านางไปอยู่เสียที่ไหน เขาพอจะรู้ว่านางหลงรักท่านอ๋องรุ่ยหยาง คิดว่านางคงจะเสียใจยิ่งที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางแต่งงานไปแล้วกับหญิงอื่น เขาคิดไปว่านางคงจะไปดื่มเหล้าจนเมามายแล้วกลับจวนมิได้จึงได้นอนค้างที่โรงเตี้ยมแห่งนั้น เพราะเขารู้ว่าโรงเตี้ยมแห่งนั้นมีห้องพักให้เช่าราคาแพงพอสมควรเพราะเป็นโรงเตี้ยมชั้นดี คนที่มาใช้บริการย่อมมีแต่พวกขุนนางและคหบดีหรือเป็นพวกราชวงศ์เท่านั้นที่จะมีเงินพอที่จะจ่ายค่าที่พักและค่าอาห
เมื่อแม่ทัพฉีเจียอีและคุณหนูฟางหรงนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะตัวกลมใหญ่หน้าห้องนั้น เสี่ยวเอ้อได้นำสุราที่เหลืออยู่ของทั้งสองและกับแกล้มของพวกเขาขึ้นมาวางบนโต๊ะให้ด้วย ทั้งสองยกไหสุราซดกันต่อและตบไหล่ปลอบใจกันไปมาอย่างมิใครร่จะรู้เรื่องนัก จากนั้น เมื่อเมาได้ที่แม่ทัพฉีก็ลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายของตนเองออกแล้วบ่่นออกมาว่าร้อนเหลือเกินฝ่ายเจียฟางหรงเห็นแม่ทัพฉีเจียอีถอดเครื่องแต่งกายออก นางก็ลงมือถอดของตนเองออกบ้างจนกระทั่งทั้งสองท้ากันว่าใครจะถอดอาภรณ์ได้เร็วกว่ากัน จนกระทั่งทั้งสองกายเปลือยเปล่าทั้งคู่ แม่ทัพฉีจ้องมองกายอวบขาวผ่องตรงหน้าเขาตะลึงงัน และมองใบหน้านางซ้อนไปมากับเฟยฮวา เขาหลงลืมตนไปชั่วครู่ จึงได้ดึงใบหน้าของเจียฟางหรงเข้ามาแล้วประกบจูบนางอย่างดูดดื่มทันทีฝ่ายเจียฟางหรงนางมองใบหน้าหล่อเหลานั้นแล้วนึกไปถึงท่านอ๋องรุ่ยหยาง แล้วก็คิดไปว่าบุรุษที่จูบนางอย่างดูดดื่มนี้คือท่านอ๋องรุ่ยหยาง นางจึงยกแขนเรียวนั้นขึ้นโอบรอบคอหนานั้นอย่างเต็มใจ คืนนี้นางจะแสดงฝีมือให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางดูว่านางก็งดงามและเร่าร้อนไม่แพ้กับเฟยฮวาเช่นกัน จากจูบดูดดื่มนั้นกลายเป็นเร่าร้อน แม่ทัพจูบนางจนพอใจ
งานแต่งของท่านอ๋องรุ่ยหยางและเฟยฮวามิได้เอิกเกริกนัก เพราะเฟยฮวามิอยากให้งานใหญ่นัก เพียงจัดให้ถูกต้องตามประเพณีก็เพียงพอแล้ว ทางวังหลวงส่งคนมาจัดการเรื่องงานให้ทั้งหมด คนจากในวังมาจัดการงานต่างๆตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเสร็จสิ้น ราชวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ รวมถึงคหบดีทั้งหลายก็มาร่วมงานนี้ ต่างพากันนำของขวัญมาอวยพรท่านอ๋องและพระชายากันอย่างคับคั่งแม้มิได้เชิญแขกเหรื่อมากมาย แต่จำนวนแขกก็ยังมากมายอยู่ดีในงานมีอาหารและสุราชั้นดีเลี้ยงอย่างไม่อั้น มีคนนำหมูหัน และเป็ดย่างจำนวนมากมายมาให้เพื่อเลี้ยงแขกในงาน รสชาติของมันดังเช่นอาหารเหลาชั้นดี ในงานนั้นมีแต่เสียงอวยพรกันไม่ขาดสาย แขกเหรื่อต่างยกจอกขึ้นดื่มอวยพรท่านอ๋องรุ่ยหยางจนเขาต้องยกจอกขึ้นรับการดื่มอวยพรนั้นจนกระทั่งเมามายไม่น้อย ในโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่เป็นโต๊ะของคหบดีเจีย มีร่างของเจียฟางหรงนางนั่งดื่มสุราแล้วแอบเช็ดน้ำตาป้อยๆ นางไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะแต่งงานอย่างรวดเร็วเช่นนี้ มิทันรู้ตัวท่านอ๋องก็จััดงานแต่งงานและมีพระชายาเรียบร้อยแล้ว นางคาดหวังไว้มากว่านางคงจะมีโอกาสได้เป็นพระชายาของท่านอ๋องในสักวันหนึ่ง เมื่อก่อนนางก็เคยรู้้มาว่าเฟยฮวาบ
องค์ชายทั้งสองเห็นด้วยกับจึงแม่นมฟางเอ่ยขึ้นว่า “ เรื่องเพียงเท่านั้นมิต้องกังวล ข้ากับเจ้าห้าจะซื้อจวนเล็กๆให้นางอยู่เป็นส่วนตัวและจะให้ทรัพย์สินกับนางพอประมาณให้นางไว้เลี้ยงตนในอนาคต และให้นางอยู่ในฐานะหญิงอุ่นเตียงของพวกข้า ไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นห่วงของนางในตอนนี้และอนาคต หากมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป พวกข้าจะจัดการมอบทรัพย์สินไว้ให้นางเอาไว้เลี้ยงตนมิให้ต้องลำบาก เพราะได้ชื่อว่าเคยเป็นเมียของพวกข้ามาก่อน ย่อมมิต้องลำบากอย่างแน่นอน ” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นและองค์ชายห้าพยักหน้าสนับสนุนความคิดเห็นของเขา เมื่อตกลงกันได้แล้ว แม่นมฟางโบกมือให้ทุกๆคนออกไปจากห้องนั้น แล้วนางก็ตามออกไปแล้วหันมาปิดประตูตามหลังไว้เพราะเกรงว่าสาวใช้คนอื่นๆ ที่ผ่านไปมาจะมองเข้าไปเห็นคนด้านใน แม่นมฟางเดินกลับเรือนตนเองไป ในใจก็ครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลานสาว แล้วนางก็ถอนหายใจออกมาดังๆ เฮ้อ !! ช่างมันเถอะ ในเมื่อข้าวสารกลายไปเป็นข้าวสุกเสียแล้ว อย่างน้อยถ้าจะยัดเยียดหลานสาวของตนให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางก็คงยากที่จะสำเร็จ เพราะท่านอ๋องมิเคยมองหลานสาวของนางเลยด้วยซ้ำแถมเมื่อคืนหญิงผู้นั้นไม่อยู่แค่เพียงคืนเดียวก็วิ่งโร
ความคิดเห็น