รุ่งเช้า เสียงไก่ขันดังขึ้นจากหลังบ้าน นางตื่นมานานแล้ว วันนี้นางนำเมล็ดเฉ่าเหมยไปปลูกและเร่งให้มันเจริญเติบโต จนกระทั่งออกผลขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ โชคดีที่เมื่อวานหลี่เซิงทำกล่องไม้ไว้ นางจึงนำมันมาใช้บรรจุสตรอว์เบอร์รี ด้านล่างรองด้วยผ้าอย่างดีเมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย นางจึงร้องเรียกคนที่ยังอยู่ในบ้าน “หลี่เซิง ท่านแต่งตัวเสร็จหรือยัง?” นางเดินเข้าไปดูพลางเอ่ยถาม“ภรรยา ดูข้าหน่อย ข้าแต่งตัวดีแล้วหรือไม่? เป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถามเสียงจริงจังหยางฉิงมองหลี่เซิงด้วยความตกตะลึง ‘เขาแต่งแบบนี้ก็ดูดีเหมือนกัน’ ชุดที่นางตัดให้ช่างเข้ากับตัวเขามากนัก เส้นผมที่เริ่มยาวถูกรวบมัดขึ้นสูง เผยให้เห็นใบหน้าคมคายชัดเจน บริเวณเอวมีหยกที่นางเคยให้เขาห้อยไว้ นางเริ่มรู้สึกหวงเขาขึ้นมาแล้วสิหยางฉิงเดินเข้าไปจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ “ท่านดูดีมากแล้ว” นางลูบแก้มเขาเบา ๆ ‘ตอนนี้ข้ากำลังหลงสามีตัวเอง’หลี่เซิงยิ้มกรุ้มกริ่ม เขามองนางที่ปักปิ่นซึ่งเขาเป็นคนให้ นางแต่งกายเข้ากับมันได้เป็นอย่างดี วันนี้นางยังแต่งหน้าอ่อน ๆ อีกด้วย “เจ้าก็งามนัก” เขากล่าวชมนาง“เรารีบไปกันเถอะ ไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพจะอยู่ที่จวนหร
“แบบนั้นยิ่งดี พรุ่งนี้ท่านจะเข้าเมืองยามไหน? ข้าจะรอท่านอยู่ที่ร้าน” นางตั้งใจจะเข้าไปดูร้านอีกครั้ง และขนมะพร้าวไปก่อนบางส่วน“พรุ่งนี้ยามเซิน ข้าจะเอาของไปส่งที่นั่น” หลี่เสี่ยกล่าว พร้อมคิดว่าต้องใช้คนช่วยขนของไปด้วยเมื่อพวกเขาตกลงเรื่องราคาเสร็จแล้ว ทั้งสองก็พากันเดินทางกลับบ้าน โชคดีที่วันนี้ออกจากบ้านแต่เช้า เมื่อกลับถึงบ้าน ฟ้ายังไม่มืดสนิท แสงแดดยังคงพอมองเห็นอยู่เมื่อถึงบ้าน หยางฉิงลงมือทำอาหารให้หลี่เซิง พร้อมทั้งทำเผื่อไป๋หูและไป๋หลาง ตอนนี้พวกมันวิ่งเล่นอยู่ในสวน ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก นางไม่ได้พาพวกมันไปด้วย นางเลี้ยงพวกมันไว้ให้คอยเฝ้าบ้าน และมันก็ช่างฉลาดและแสนรู้ยิ่งนัก พวกมันเชื่องเฉพาะกับนางและหลี่เซิง แต่หากมีผู้บุกรุกเข้ามา มันจะกระโจนเข้าใส่ทันทีเมื่อคิดถึงหลี่เซิง นางก็นึกถึงอาการแปลก ๆ ของเขา นางมัวแต่ยุ่งกับการหาเงินจนลืมไปว่า เดือนนี้รอบเดือนของนางขาดหายไปหยางฉิงทบทวนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย นางกินอาหารมากขึ้น แต่ก่อนหน้านี้นางคิดว่าคงเป็นเพราะเหนื่อยและหิวมากเกินไป‘แต่ที่หลี่เซิงเป็น มันแปลกมากจริง ๆ ...’นางเอามือสัมผัสที่ท้อง พลางตรวจดูร่
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”หยางฉิงได้สติกลับมา “ไม่มีอะไรหรอก” นางไม่อยากบอกความในใจให้เขาไม่สบายใจในเมื่อนางไม่พูด เขาก็ไม่เซ้าซี้ถามอะไรต่อ ยิ่งคุยเรื่องนี้ในโรงเตี๊ยม ยิ่งเสี่ยงอันตราย“ถ้าเจ้าไม่กินแล้ว เรากลับบ้านกันดีกว่า”หยางฉิงพยักหน้า นางเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว นางกินอาหารที่นี่ไม่ลงจริง ๆหลี่เซิงจ่ายเงินค่าอาหาร แล้วสั่งให้ทางโรงเตี๊ยมห่ออาหารทุกอย่างบนโต๊ะกลับไป แม้เขาจะกินไม่ได้ แต่ที่บ้านยังมีสัตว์ที่กินได้ก่อนออกจากเมือง หยางฉิงบอกให้หลี่เซิงหยุดรถแวะซื้อบ๊วยสดกับเกลือ นางซื้อมาค่อนข้างมาก แต่ไม่ได้บอกว่าเอาไปทำอะไร เมื่อซื้อเสร็จ ทั้งสองก็เดินทางกลับบ้าน...“หยางฉิง เจ้าหิวมากหรือไม่? เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่หรือ?” หลี่เซิงเอ่ยถามด้วยความกังวล กลัวว่านางจะหิวก่อนถึงบ้าน“ถ้าอย่างนั้น ท่านหยุดรถแอบไว้สักครู่เถอะ ข้าจะเข้าไปในมิติเพื่อทำก๋วยเตี๋ยวให้ท่านกิน ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่”หลี่เซิงพยักหน้า หาที่ปลอดภัยแล้วหยุดรถ รอให้นางเข้าไปในมิติ ไม่นานนัก นางก็ออกมาพร้อมก๋วยเตี๋ยวกลิ่นหอมกรุ่น แค่ได้กลิ่นก็ทำให้เขาน้ำลายสอ“ดีที่ในตู้เย็นมีก๋วยเตี๋ยวอยู่พอดี จึง
แต่หากเลือกได้ นางยังคงชอบบ้านที่อยู่ในสวนมากกว่า นางไม่ค่อยถูกใจกับการใช้ชีวิตในเมือง แม้ว่ามันจะสะดวกสบายกว่าก็ตามนางจึงหันไปถามความเห็นของหลี่เซิง หากเขาชอบอยู่ในเมือง นางก็จะอยู่กับเขา“หลี่เซิง ท่านคิดว่าที่นี่ดีหรือไม่?” นางถามพลางลอบสังเกตสีหน้าเขาหลี่เซิงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบ “ข้าชอบบ้านสวนของเรามากกว่า ถึงที่นี่จะเจริญก็จริง แต่ข้ารู้สึกว่ามันวุ่นวาย ไม่สงบร่มเย็นเหมือนบ้านของเรา”‘เขาคิดเหมือนข้า’ นางพึมพำในใจโลกก่อนที่นางจากมา นางเคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย บางที การมีชีวิตอยู่ถึงสองชาติอาจทำให้นางโหยหาความสงบก็เป็นได้...นางหันไปยิ้มให้เขา “ข้าก็ชอบบ้านสวนของเราเช่นกัน เอาไว้ถ้าพวกเราเก็บเงินได้ ค่อยสร้างบ้านหลังใหม่ดีหรือไม่? สร้างเผื่อลูกน้อยของเราด้วยเลย”แล้วนางก็เอียงคอถามเขา “ท่านอยากมีลูกกี่คน?”หลี่เซิงเดินไปจับมือนาง มองด้วยสายตาลึกซึ้ง “เจ้าอยากมีกี่คนก็ได้ทั้งนั้น ข้าไม่เหนื่อยอยู่แล้ว ถ้าเจ้าอยากมีสักห้าคน ข้าก็ยินดี”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ หยอกล้อนางหยางฉิงฟังแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ นางตีแขนเขาเบา ๆ “ท่านเห็นข้าเป็นแม่วัวหรืออย่างไร
หลี่เซิงจึงพูดขึ้นมา “ทำสัญญาวันนี้เลยก็ดี เราจะได้เริ่มปรับปรุงร้านได้เร็วขึ้น ร้านนี้เจ้าเป็นคนซื้อ เป็นชื่อเจ้าถูกต้องแล้ว ภรรยา” เขาพูดพร้อมกับลูบอกตัวเองเบา ๆหยางฉิงยิ้มมุมปาก ‘เขานี่ช่างเอาตัวรอดเก่งซะจริง’“เรื่องย้ายโฉนดที่ดิน ข้าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง?” นางเลิกสนใจหลี่เซิง แล้วหันไปพูดกับนายหน้าขายที่ดินแทน“ท่านเพียงแค่จ่ายเงินเพิ่มอีกห้าตำลึงทองเพื่อดำเนินการออกโฉนดที่ดิน เดี๋ยวข้าจะจัดการย้ายชื่อให้ พวกท่านสามารถไปจ่ายเงินที่สำนักทะเบียนที่ดินได้เลย” เขาอธิบายอย่างละเอียด วันนี้เขาช่างโชคดีที่ได้พบเจอคนซื้อง่ายหลี่เซิงยิ้ม ก่อนจะเดินไปหานายหน้าพร้อมยื่นถุงเงินให้ “ข้าขอฝากเรื่องนี้กับท่านด้วย”เงินห้าตำลึงเงินถูกส่งไป นายหน้ารับถุงเงินมา เขย่าดูเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ ‘เงินไม่น้อยเลย’ เขานึกในใจ แล้วตอบกลับไปด้วยอารมณ์ดี “ข้าจะรีบไปดำเนินการออกโฉนดให้พวกท่านเดี๋ยวนี้”จากนั้น ทั้งสามคนก็นั่งรถเกวียนวัวกลับไปยังสำนักทะเบียนที่ดินอีกครั้ง หยางฉิงเข้าไปดำเนินการจ่ายเงิน ไม่นานก็ได้รับโฉนดที่ดินของร้านค้า ซึ่งเป็นชื่อของนางเรียบร้อยแล้วโฉนดนี้มีสองฉบับ ฉบับจริงอยู่กั
หยางฉิงพยักหน้าเบา ๆ รู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปลอบโยนจากหลี่เซิงไม่นานก็ถึงคิวของพวกเขา ทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน พบว่ามีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นผู้ช่วย ส่วนอีกคนเป็นหัวหน้า สังเกตได้จากการแต่งตัวที่แตกต่างกันเจ้าหน้าที่เหลือบมองทั้งสอง ก่อนเอ่ยถามโดยไม่รีรอ“พวกเจ้าต้องการเช่าหรือซื้อ?”หลี่เซิงเป็นคนตอบ “ข้ามาซื้อร้านค้าขอรับ”เจ้าหน้าที่มองพวกเขาเต็มตาขึ้น ก่อนพยักหน้าให้ผู้ช่วยอีกคน“ในเมืองยังมีร้านค้าว่างอยู่หลายแห่ง พวกเจ้าต้องการให้นายหน้าพาไปดู หรือจะดูแค่โฉนดที่ดิน? แต่หากต้องการให้พาไปดู เจ้าต้องจ่ายสามตำลึงทอง”หยางฉิงคิดว่าการได้เห็นหน้าร้านจริง ๆ น่าจะดีกว่า นางจึงบอกให้หลี่เซิงจ่ายเงินห้าตำลึงทองหลี่เซิงที่เตรียมเงินไว้แล้ว จึงทำตามที่นางต้องการ“ข้าน้อยอยากไปดูหน้าร้านขอรับ” เขายื่นถุงเงินสองถุงออกไป “เป็นค่านายหน้าและค่ารบกวนเวลาของนายท่านขอรับ”เจ้าหน้าที่รับถุงเงินมา ก่อนแบ่งอีกหนึ่งถุงให้ผู้ช่วยนำไปจ่ายค่านายหน้า จากนั้นจึงหันมาพูดกับทั้งสองด้วยท่าทีเป็นมิตรขึ้นเล็กน้อย“พวกเจ้าออกไปรอหน้าห้อง จะมีเจ้าหน้าที่พาไปดูร้านค้า” พูดจบก็โบกมือไล่พวกเขา