ทางด้านทิศตะวันตกของบ้านใหญ่
ซูฝูจับมือนางจางเอาไว้อย่างกระวนกระวายใจ“ท่านแม่ ท่านแม่ว่าจู่ๆท่านปู่ก็กลับมา หรือเขาจะรู้เรื่องของข้าแล้ว?”
นางจางสัมผัสได้ว่ามือและเท้าของซูฝูเย็นเฉียบด้วยความกลัว และนางก็เจ็บปวดแทบขาดใจ“อาฝูเจ้าอย่ากลัวไปเลยนะ ต่อให้ท่านปู่ของเจ้าจะรู้เรื่องแล้ว แม่ก็จะปกป้องเจ้าจนสุดชีวิตเอง”
แม้นางจะพูดออกไปแบบนี้ แต่ในใจกลับครุ่นคิดว่าใครกันแน่ที่เป็นคนปล่อยข่าวออกไป
แล้วข่าวได้แพร่กระจายออกไปเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?
ดวงตาของซูฝูแดงก่ำ นางปาดน้ำตาที่หางตาแล้วพูดว่า“ข้าไม่อยากจะถูกจับลงกรงหมู ท่านแม่ ท่านแม่ต้องช่วยข้านะ!”
“ชู่ว์!”นางจางปิดปากซูฝูเอาไว้แน่น พร้อมกับส่งสัญญาณว่าให้นางพูดเบาๆหน่อย“แม่จะออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าอยู่รอในห้องห้ามออกไปไหนนะ อาหรง เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่ด้วย”
ซูหรงเข้ามาจับมือของซูฝูและดึงนางไปที่เตียงอิฐไฟ
“ท่านพี่ต้องคิดมากไปแน่ๆ ท่านปู่จะรู้เรื่องได้เร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน ต่อให้ซูหวั่นจะป่าวประกาศไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ๆ มันก็ต้องใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเลยนะ!”
ซูฝูจึงค่อยๆดึงสติกลับมาได้ และปลายนิ้วมือของนางก็อุ่นขึ้น“อาหรง เจ้าคิดว่าการที่ข้าท้องลูกคนนี้มันถูกหรือผิดกันแน่ หากข้าแอบไปเอาออก แบบนี้ข้าก็จะหาคู่ครองบ้านอื่นได้แล้วใช่ไหม”
ซูหรงมองไปที่นางอย่างไม่เห็นด้วย“ไปหาคู่ครองบ้านอื่นมันจะดีกว่าสกุลเจียงงั้นเหรอ?ท่านพี่ หากพี่คลอดลูกผู้ชาย พี่ยังจะกลัวว่าสกุลเจียงยังไม่ยอมรับอีกงั้นเหรอ?”
ซูฝูกัดริมฝีปากแน่น
นางคิดว่าสิ่งที่ซูหรงพูดมานั้นถูกต้อง หากนางได้ลูกผู้ชายขึ้นมา เจียงถงลู่จะต้องหันมาสนใจนางอย่างแน่นอน!
ห้องหลักในบ้านใหญ่
ครืนครืน——
ในเวลานี้ มีเสียงฟ้าแลบฟ้าร้อง และฝนก็ตกหนักยิ่งกว่าเดิม มันจึงทำให้บรรยากาศภายในห้องดูแปลกไปเป็นอย่างมาก
พ่อเฒ่าซูนั่งก้มหน้าอยู่ที่ธรณีประตู“ตอนที่จะขนต้นไม้ มีต้นไม้ต้นหนึ่งกำลังจะล้มมาทำข้า เหลียนเฉิงเข้ามาช่วยข้าเลยถูกต้นไม้ทับไปที่ขาและเอว ท่านหมอในเมืองบอกว่ารักษาไม่ไว้ เลยให้ข้าพาเขากลับมา......”
“พี่เฉิงคะ!”
นางหลี่กรีดร้องออกมา ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้นบน และทรุดตัวล้มลงอย่างอ่อนแรง
และโชคดีที่ซูหวั่นเข้ามาประคองนางหลี่เอาไว้ได้ทัน ไม่งั้นนางก็คงจะล้มและศีรษะกระแทกไปที่พื้นอย่างแน่นอน
“ที่ว่ารักษาไม่ได้หมายความว่ายังไง?”แม่เฒ่าเซี่ยงขมวดคิ้ว และมองไปยังซูเหลียนเฉิงที่นอนหมดสติอยู่ราวกับการสำรวจสิ่งของ“เขามีชีวิตอยู่ไม่ได้หรือว่าจะพิการไปตลอดชีวิต?”
พ่อเฒ่าซูถอนหายใจ“ต่อให้จะมีชีวิตอยู่ต่อได้ แต่ก็คงทำได้แค่นอนอยู่บนเตียงอิฐไฟเท่านั้น!”
และนางหลี่ก็ฟื้นขึ้นมาอย่างช้าๆ
นางพยายามกระโจนเข้าไปหาซูเหลียนเฉิง บีบมือของเขา แต่ก็ไม่กล้าแตะโดนเขา และท่าทางที่ระมัดระวังนี้ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสารขึ้นมาอย่างจับใจ
“ท่านแม่ ขอเงินอัดให้ข้าสักหน่อยเถอะนะ ข้าจะพาพี่เฉิงไปรักษาตัวที่ในอำเภอ!”
ราวกับว่านางจะคิดอะไรขึ้นมาได้ นางหลี่มองไปยังแม่เฒ่าเซี่ยงที่อยู่อีกฝั่ง พร้อมกับโขกหัวไปที่พื้นอย่างไม่คิดชีวิต
แม่เฒ่าเซี่ยงบุ้ยๆปาก“เจ้าไม่ได้ยินที่ท่านพ่อได้พูดเหรอ ต่อให้จะช่วยเขาเอาไว้ได้ก็ต้องนอนอยู่บนเตียงอิฐไฟไปตลอดชีวิต แล้วจะใช้เงินไปโดยเปล่าประโยชน์ทำไมกัน ไม่รักษายังจะดีเสียกว่านะ!”
เพราะการนอนอยู่บนเตียงอิฐไฟก็เท่ากับการเลี้ยงคนที่ไม่มีประโยชน์เอาไว้
ครอบครัวไม่มีอาหารหรือเงินอัดเพียงพอที่จะมาเลี้ยงคนไร้ประโยชน์แบบนี้เอาไว้ แถมยังจะต้องดูแลปรนนิบัติอีก!
และถ้านางหลี่ไปดูแลเขาก็เท่ากับว่าคนทำงานจะน้อยลงไปอีกหนึ่งคน แบบนี้บ้านสองก็จะมีซูหวั่นที่สามารถทำงานได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
แล้วซูหวั่นแค่เพียงคนเดียวจะหาเงินได้สักเท่าไหร่กัน?
นางหลี่โขกศีรษะเสียงดังปักๆ และเมื่อเห็นว่าแม่เฒ่าเซี่ยงไม่มีการตอบสนองใดๆกลับมา นางก็หันมาโขกศีรษะให้กับพ่อเฒ่าซูอีกครั้ง“ท่านพ่อ เหลียนเฉิงเป็นคนช่วยท่านเอาไว้นะ ท่านพ่อจะใจดำแบบนี้ไม่ได้นะคะ เขายังมีชีวิตอยู่ต่อได้!”
“เฮ้อ!”
พ่อเฒ่าซูถอนหายใจออกมา และโบกมือให้กับแม่เฒ่าเซี่ยงราวกับว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว“ไปเอากล่องนั่นมา”
“ตาเฒ่า นั่นมันเงินอัดที่เราเก็บไว้กินกันตอนแก่นะ เอาออกมาแล้วต่อไปเราจะทำยังไง!”แม่เฒ่าเซี่ยงไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่มีเงินเราก็ยังหาใหม่ได้ แต่ถ้าคนไม่อยู่แล้ว......”
และแม่เฒ่าเซี่ยงก็พูดอย่างไร้ปรานีขึ้นมาว่า“หาใหม่?ใครจะหามาให้พวกเรา รักษาแล้วก็ยังต้องนอนติดเตียงแบบนั้น สองแม่ลูกจะหาเงินมาได้แค่ไหนกัน เจ้าอย่าลืมนะ ลิ่วหลางยังเป็นเด็กหัวช้าอีก!”
ซูลิ่วหลางร้องไห้จนน้ำมูกน้ำไหล“ท่านปู่ โปรดช่วยท่านพ่อของข้าด้วย!”
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจต่อโลก แต่เขาก็รู้สึกกลัวเมื่อเห็นซูเหลียนเฉิงเต็มไปด้วยเลือด
เช่นเดียวกับซูหวั่นที่นอนอยู่บนเตียงอิฐไฟในตอนนั้น ที่แม้ว่าเขาจะเรียกสักเท่าไหร่ นางก็ไม่ได้ตอบสนองเขาเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดพ่อเฒ่าซูก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เพราะซูเหลียนเฉิงเจ็บตัวเพราะเขา“ไปเอากล่องไม้มา ถ้าเจ้าไม่ไปเอาข้าก็จะไปเอาเอง!”