Share

บทที่ 12

Author: จี้เวยเวย
เฉินเซียงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดคุณหนูของตนเองแล้วก็นึกขำอย่างอดไม่ได้ เมื่อวานเพ่ยหลานถูกมัดตัวส่งไปที่จวนตระกูลหลิ่วชัดๆ โดยส่งตรงถึงเรือนพักของพ่อบ้านหลิ่ว

เมื่อพ่อบ้านหลิ่วรู้ว่าเป็นเรื่องมงคลที่คุณหนูจัดแจงให้ก็หาได้ปฏิเสธ สานต่อเรื่องดีจนสำเร็จ พวกเขายังจดให้คนมาเฝ้าอยู่ข้างนอก ได้ยินว่าตอนแรกเพ่ยหลานไม่ยินยอม แต่ตอนหลังเสียงที่ดังออกมานั้นก็ฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆ

จากคำบอกกล่าวของคนที่มารายงาน ตอนออกมาเช้าวันนี้เห็นภรรยาเอกของพ่อบ้านหลิ่วสีหน้าดำคล้ำนำคนบุกไปจัดการเพ่ยหลานอย่างเกรี้ยวกราด ได้ยินเสียงกรีดร้องน่าอนาถดังมาจากข้างหลัง รายละเอียดเป็นอย่างไรก็ไม่มีแก่ใจจะอยู่ฟังต่อไปแล้ว

“นี่มันเหลวไหลชัดๆ รั่วเจิน ต่อให้งานวิวาห์ของเจ้ามีปัญหาก็ไม่ควรเอาไปลงกับคนรับใช้เช่นนี้! ดีชั่วอย่างไรเพ่ยหลานก็ติดตามเจ้ามาหลายปี เจ้าทำลายชีวิตนางเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนพลันนึกโมโห เดิมเข้าใจว่าแค่ส่งคนกลับไป อย่างมากแค่รอให้ผ่านไปสักพักค่อยให้กลับมาก็ได้ แต่กลายเป็นว่าแต่งให้หลิ่วเหิงไปเสียแล้ว?

หลิ่วเหิงไม่ได้เป็นแค่พ่อบ้าน เตียงของเขา คนแบบเพ่ยหลานสามารถปีนขึ้นไปได้เช่นนั้นหรือ?

“ข้าเหลวไหลงั้นหรือ? ข้าไม่เอาชีวิตนางก็นับว่าเมตตามากแล้ว!” สีหน้าซ่งรั่วเจินเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ท่านน้า ข้าไม่ได้จะว่าท่านนะเจ้าคะ แต่สายตาของท่านย่ำแย่จริงๆ เพ่ยหลานถูกฉินซวงซวงซื้อตัวไปแล้ว คนที่ทรยศเนรคุณเจ้านายพรรค์นี้ เดิมทีสมควรตีให้ตายแล้วเอาไปโยนทิ้งด้วยซ้ำ แต่ข้าเห็นแก่ที่นางเป็นคนที่ท่านน้าตั้งใจเลือกมาถึงได้ไว้ชีวิตนาง”

“ต่อไปท่านน้าอย่าได้ส่งคนมาอยู่ข้างกายข้าอีกนะเจ้าคะ มิฉะนั้นหากข้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ท่านมิกลายเป็นผู้ร้ายเอาหรือ?”

“เพ่ยหลานถูกฉินซวงซวงซื้อตัว?” หลิ่วหรูเยียนหน้าถอดสี หันไปมองหลิ่วเฟยเยี่ยนแล้วคาดคั้นว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนตกใจ ด่าทอในใจว่าเพ่ยหลานช่างโง่เง่าจริงๆ ถูกจับได้ง่ายๆ แบบนี้ ไม่มีสมองเลยสักนิด!

“ข้า ข้าไม่รู้เรื่องเลยนะ มีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือไม่? ก่อนนี้ข้าเห็นว่าเพ่ยหลานเป็นเด็กซื่อสัตย์รู้ความ จะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”

“หลักฐานค้นเจอหมดแล้ว ท่านน้าต้องการให้ข้ายกมาไล่เรียงทีละข้อหรือเจ้าคะ?” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ สีหน้าดุดัน “พอมาคิดดูดีๆ แล้ว ระหว่างเพ่ยหลานกับฉินซวงซวงไม่น่ามีโอกาสมารู้จักกันได้ ประจวบกับได้ยินว่าท่านน้ากับฮูหยินตระกูลฉินมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แล้วเพ่ยหลานก็ยังเป็นสาวใช้ที่ท่านพามา...”

“น้องหญิง หรือเจ้ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้?”

หลิ่วหรูเยียนได้ยินวาจาของลูกสาวแล้วยังจะไม่เข้าใจความหมายอีกได้อย่างไร?

เพ่ยหลานเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง ฉินซวงซวงกับหลินโหวเพิ่งกลับเมืองหลวงมาได้ไม่นาน ถูกคนซื้อตัวได้รวดเร็วเช่นนี้ ยากนักที่จะไม่ทำให้คนนึกสงสัย

หลิ่วเฟยเยี่ยนประท้วงว่า “ท่านพี่ ข้าเป็นคนอย่างไรท่านยังไม่รู้อีกหรือเจ้าคะ? รั่วเจินเป็นลูกสาวท่าน ข้าเห็นนางเป็นเสมือนลูกบังเกิดเกล้า แล้วจะทำเรื่องแบบนั้นออกมาได้อย่างไร?

ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเพ่ยหลานจะขวัญกล้าเทียมฟ้าถึงขั้นทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้ พวกท่านคอยดูเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะไปจัดการนางคนต่ำช้านั่นเอง!”

“ถ้าเจ้ารู้สึกว่ารั่วเจินได้รับความอยุติธรรมจริงๆ และยังให้ความสำคัญกับพี่สาวอย่างข้าคนนี้อยู่ ก็อยู่ให้ห่างจากฮูหยินตระกูลฉิน ไม่อย่างนั้นจะให้พวกข้ารู้สึกอย่างไร?”

หลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา ต่อให้หลิ่วเฟยเยี่ยนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็คงมีส่วนแพร่งพรายข้อมูล ฉินซวงซวงซื้อตัวเพ่ยหลาน เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาร้าย เวลาแบบนี้ถ้าหลิ่วเฟยเยี่ยนยังไปมาหาสู่กับฮูหยินตระกูลฉิน เท่ากับตบหน้าพวกตนอย่างไม่ต้องสงสัย!

หลิ่วเฟยเยี่ยนเห็นอย่างนั้นก็ทำได้เพียงรับปาก ในใจกลับอึดอัดคับข้อง เมื่อก่อนล้วนเป็นนางพูดหลิ่วหรูเยียนฟัง วันนี้ประเสริฐนัก ถูกสองแม่ลูกโต้กลับจนพูดอะไรไม่ออก

ทุกอย่างกลายเป็นความผิดของนาง!

ด้วยความโมโห หลิ่วเฟยเยี่ยนไม่สนแม้แต่จะอยู่กินมื้อเที่ยงด้วยกัน พาซุนเยียนเอ๋อร์จากไปแล้ว พร่ำบอกว่าจะไปสั่งสอนเพ่ยหลานคนเนรคุณผู้นี้

“เจินเอ๋อร์ ครู่ก่อนเหตุใดเจ้าจึงพูดว่าอยากให้เยียนเอ๋อร์กับหลินจือเยว่แต่งงานกันเล่า?” หลิ่วหรูเยียนอดถามไม่ได้

ซ่งอี้อันก็ฟังเรื่องราวทั้งหมดจนกระจ่างแจ้งแล้วเช่นกัน จึงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เรื่องนี้...เจ้าสงสัยว่าท่านน้ามีส่วนเกี่ยวข้อง?”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้า กวาดสายตาไปหาหลิ่วหรูเยียน “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านสนิทสนมกับท่านน้า ถ้าท่านไม่เชื่อ รอจนข้ารวบรวมหลักฐานครบแล้วจะนำมาบอกท่านแม่นะเจ้าคะ”

“เจินเอ๋อร์ เจ้าเป็นลูกสาวแม่ แม่ย่อมคิดถึงเจ้าเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว” หลิ่วหรูเยียนอดปวดใจไม่ได้ สีหน้าจริงจังหาใดเปรียบ “เมื่อก่อนแม่ตามใจน้าเจ้ามากเกินไป แต่นั่นเป็นเรื่องเล็ก จะนำมาเทียบกับเจ้าได้อย่างไร?”

ซ่งรั่วเจินทราบใจจริงของหลิ่วหรูเยียนแล้วก็ว่า “ท่านแม่ เกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านน้ากับฮูหยินตระกูลฉินจะแน่นแฟ้นกันยิ่งกว่าท่าน เพ่ยหลานรายงานเรื่องน้อยใหญ่เกี่ยวกับข้าให้พวกเขารู้โดยละเอียดทุกอย่างแล้ว พวกเขาถึงกล้าคิดจะเอาเปรียบข้าโดยไม่กลัวเกรงเช่นนี้”

“แต่ไหนแต่ไรมาท่านน้ามักอยากให้ญาติผู้น้องเหนือกว่าข้าในทุกๆ เรื่อง ยามนี้เรื่องมงคลนี้อาจไม่ได้ล้ำค่าสำหรับพวกเรา แต่สำหรับญาติผู้น้อง หลินโหวเป็นคู่ครองที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย”

“ด้วยนิสัยของท่านน้า ผลประโยชน์ดีๆ เช่นนี้จะต้องรีบตอบรับโดยไว แต่กลับบ่ายเบี่ยงครั้งแล้วครั้วเล่า นี่ไม่แปลกหรือเจ้าคะ?”

หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วมุ่น วันนี้นางเองก็สังเกตเห็นแล้ว นิสัยของซุนเยียนเอ๋อร์เหมือนกับหลิ่วเฟยเยี่ยน หลิ่วเฟยเยี่ยนเองก็ชอบแย่งชิงกับนางมาตั้งแต่เล็ก วันนี้อยู่ดีๆ กลับมีเหตุผลขึ้นมา นับว่าประหลาดจริงๆ

“ฉินซวงซวงอยากออกเรือนให้หลินโหวก็ไม่แปลก แต่ตอนนี้กลับอยากให้เจ้าออกเรือนไปด้วยขนาดนี้ นับว่าแปลกจริงๆ” ซ่งอี้อันเอ่ยอย่างครุ่นคิด

หลิ่วหรูเยียนลังเล “หรือหวังทรัพย์สิน? ข้าได้ยินมาว่าแม้ฉินซวงซวงจะเป็นคุณหนูตระกูลฉิน แต่ไม่ได้รับความโปรดปรานจากคนในตระกูลมากนัก สินเดิมในงานวิวาห์ครานี้ก็น้อยนิดจนน่าสงสาร”

“เกรงว่าคงไม่ได้หวังแค่ทรัพย์ แต่หวังเอาชีวิตด้วยน่ะสิขอรับ!” สีหน้าซ่งอี้อันฉายแววเย็นเยียบ สองมือกำแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว “ไม่เช่นนั้น พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทถึงเพียงนี้!”

“อะไรนะ? พวกเขากล้าดีอย่างไร?” หลิ่วหรูเยียนเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก มือที่กุมมือซ่งรั่วเจินออกแรงมากกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว

ซ่งรั่วเจินมองพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมแล้วที่ใครๆ ยกย่องเขาว่าเป็นบัณฑิตผู้ปราดเปรื่อง อาศัยเพียงร่องรอยแค่นี้ก็สามารถคาดคะเนเรื่องราวออกมาได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนละเอียดรอบคอบ หากไม่ใช่เพราะตาบอดสองข้างจะลงเอยด้วยการตายอย่างน่าอนาถเช่นนั้นได้อย่างไร?

“พี่รอง ข้าก็คิดเหมือนกับท่าน แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน อย่าทำอะไรกระโตกกระตากจะดีกว่า”

ซ่งอี้อันเห็นน้องสาวที่นิสัยอ่อนโยนผู้นี้ไม่ได้ละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก แต่กลับเหมือนมีความคิดของตัวเองอยู่แล้ว ก็นึกประหลาดใจ แต่ที่มีมากกว่านั้นคือความยินดี

“อี้อัน ถ้านี่เป็นเรื่องจริง เจ้าว่าควรทำอย่างไรดี?”

หลิ่วหรูเยียนคิดมาตลอดว่าซ่งอี้อันเป็นคนฉลาดเจ้าความคิด มักปรึกษาเรื่องต่างๆ กับเขามานานแล้ว จึงอดร้อนใจไม่ได้ “ครอบครัวหลินโหวต่ำช้าเช่นนี้ คิดจะทำร้ายน้องสาวเจ้า พวกเราจะยอมอดทนอดกลั้นไม่ได้เด็ดขาด!”

“แทนที่จะมาถามข้า ลองถามความคิดของน้องหญิงห้าดีกว่าไหมขอรับ?”

ซ่งรั่วเจินแย้มยิ้ม “ความคิดของข้าเรียบง่ายมาก ให้ซุนเยียนเอ๋อร์ออกเรือน”

“ข้าก็คิดเช่นนี้” ซ่งอี้อันยิ้มบางแล้วว่า “ท่านแม่ เรื่องนี้คงต้องให้ท่านออกแรงแล้ว”

หลิ่วหรูเยียนมองซ่งอี้อันสลับกับมองซ่งรั่วเจิน ในสมองปรากฏภาพการอยู่ร่วมกับหลิ่วเฟยเยี่ยนในช่วงหลายปีมานี้ สุดท้ายแววตาเปลี่ยนเป็นหนักแน่น

“ได้!”

ใครก็ไม่สำคัญเท่าลูกสาวของนาง!

หลิ่วเฟยเยี่ยนสนิทสนมกับฮูหยินตระกูลฉิน เกรงว่าคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ใครก็ตามที่กล้าทำร้ายลูกนาง นางจะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
เย่อิง
ถือว่าแม่ฉลาดรู้จักปกป้องลูก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1238

    สวี่เหราพยักหน้า “ดีๆ ๆ ลำบากพวกเจ้าแล้ว”ตอนซ่งรั่วเจินและกู้ฮวนเอ๋อร์มาถึงเรือนของกู้เจาย่วน ได้เห็นนางกำลังลอบนั่งร้องไห้อยู่ภายในห้อง“ญาติผู้พี่ ฮวนเอ๋อร์ พวกเจ้ามาได้อย่างไร?”กู้เจาย่วนรีบซับน้ำตาที่หางตา เพียงแต่ท่าทางขอบตาแดงนั้นน่าสงสารมาก ทำจนคนปวดใจ“เจาย่วน พวกเรามีความสัมพันธ์อันดีตั้งแต่เด็ก เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เหตุใดเจ้าไม่รีบบอกข้า?”กู้ฮวนเอ๋อร์รีบสืบเท้าขึ้นมาอย่างว่องไว เดินมานั่งข้างกู้เจาย่วน“ข้ารู้เจ้าและอวิ๋นอ๋องกำลังจะแต่งงานกัน งานยุ่งอยู่ตลอด นี่จึงไม่ได้ไปรบกวนเจ้า”กู้เจาย่วนยกมุมปากคลี่ยิ้ม “ท่านพ่อและท่านแม่ล้วนไม่ยอมให้ข้าและฉวีเซินคบหากัน ข้าพูดไปก็ไร้ประโยชน์”“ฉวีเซิน? คนในดวงใจเจ้าหรือ?”กู้เจาย่วนพยักหน้า มองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง รู้สึกเก้อกระดากอยู่บ้าง “ญาติผู้พี่เห็นเรื่องน่าขันแล้ว”“แต่ไหนแต่ไรมาเรื่องความรู้สึกทำนองนี้ไม่สามารถบังคับได้ หัวใจสั่นไหวก็ใช่ว่าตนเองจะสามารถควบคุมได้ ข้าเข้าใจ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “นึกถึงปีนั้นข้าถอนหมั้นจนผู้คนต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว นี่ก็ถูกทุกคนเห็นเป็นเรื่องตลกไม่ใช่หรือ? กระนั้นก็ไม่เป็นไรเสียห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1237

    ดรุณีน้อยมักหลงใหลในความรัก ซ่งรั่วเจินเข้าใจเรื่องนี้ดี“คุณชายท่านนั้นที่เจาย่วนชอบ เจ้าเคยพบหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถามกู้ฮวนเอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ ทีแรกเจาย่วนไม่บอกใคร หากไม่ใช่เพราะท่านป้าแนะนำคู่ครองให้ นางก็ไม่ยอมรับปาก สุดท้ายถึงพูดออกมา”“วันนี้ท่านป้าให้ข้าเกลี้ยกล่อมเจาย่วน ท่านเองก็รู้ว่าเมื่อหลายวันก่อนอวิ๋นอ๋องป่วย ต้องการคนดูแล ข้าจึงไปอยู่ที่จวนอวิ๋นอ๋องทุกวัน ล้วนไม่ได้ใส่ใจ”“ข้าคิดว่าอีกเดี๋ยวค่อยไปถามเจาย่วน นางยังยอมพูดกับข้าเจ้าค่ะ”พูดไป กู้ฮวนเอ๋อร์เอ่ยปากกับซ่งรั่วเจิน “ญาติผู้พี่ อีกเดี๋ยวหากไม่รีบไป ไม่สู้พวกเราไปคุยกับเจาย่วนด้วยกัน”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ได้”หลังทุกคนได้รู้เรื่องของกู้เจาย่วน บรรยากาศก็เปลี่ยนไปหลายส่วน คาดว่าสำหรับบ้านใหญ่นี่เป็นปัญหาอย่างหนึ่งหากกู้เจาย่วนคิดไม่ตก ต้องการแต่งงานกับบัณฑิตยากจนท่านนั้น นั่นก็มีเพียงสองผลลัพธ์ประการแรกให้นางแต่งออกไป แต่ด้วยอุปนิสัยของป้าสะใภ้ใหญ่ จะต้องไม่ยอมให้เจาย่วนแต่งไปมีชีวิตลำเค็ญเป็นแน่เช่นนี้แล้ว นั่นก็มีเพียงประการที่สอง บังคับเจาย่วนแต่งกับผู้อื่นเพียงแต่ทำเช่นนี้ สองแม่ลูกจะเกิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1236

    “ท่านแม่ ข้าบอกแล้ว ข้ามีคนในใจแล้ว ชาตินี้นอกจากเขาไม่มีวันแต่งงาน ท่านอย่าบังคับข้าอีกเลย!”เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกไป พวกกู้หรูเยียนก็เผยสีหน้าแปลกใจ ที่แท้กู้เจาย่วนก็มีคนในดวงใจแล้ว?“เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าพูดเหลวไหลอันใด?” สีหน้าป้าสะใภ้ใหญ่เปลี่ยนไป ตวาดเสียงเฉียบกู้เจาย่วนตาแดง “อย่างไรเสียข้าก็ไม่แต่ง ข้ารู้ท่านไม่ชอบเขา คิดว่าเขาไม่เหมาะสมกับข้า”“ความคิดของท่านและข้าไม่เหมือนกัน ข้าชื่นชมพรสวรรค์ของเขา เขาก็แค่ไม่มีหน้ามีตา แต่ในภายภาคหน้าไม่ช้าก็เร็วเขาย่อมประสบความสำเร็จ”“ท่านแม่ เหตุใดท่านไม่ให้โอกาสพวกเราสักครั้งเล่า?”ป้าสะใภ้โมโห นางคิดไม่ถึงเลยว่าลูกสาวที่เชื่อฟังว่าง่ายจะต่อต้านนาง!“เจ้ามีชาติกำเนิดที่ดีเช่นนี้ แต่งงานกับคนที่เหมาะสม ย่อมไม่ต้องกังวลอาหารและอาภรณ์ เป็นนายหญิงของบ้านไม่ดีหรือ?”“หลายปีมานี้ข้าสอนดีดพิณเดินหมากอักษรวาดภาพและบทกวีบทเพลงให้เจ้า ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าไปซักผ้าทำกับข้าวให้ผู้อื่น!”เจาย่วนเป็นลูกสาวคนสุดท้องของนาง เทียบกับลูกชายลูกสาวคนอื่น นางเอ็นดูมากที่สุดบัดนี้มีเพียงนางยังไม่แต่งงาน นางย่อมอยากเลือกสามีที่ดีให้นาง ไม่ขอให้แต่งงานเข้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1235

    จวนราชครูตอนรถม้าจอดหน้าประตูใหญ่ ฉู่จวินถิงและซ่งรั่วเจินลงจากรถม้าพร้อมกัน ก็ได้เห็นรถม้าของสกุลซ่งบังเอิญมาถึงพอดีซ่งหลินเห็นฉู่จวินถิง พูดยิ้มๆ “กระหม่อมได้ยินว่าช่วงนี้งานยุ่งอยู่ที่ศาลต้าหลี่ ยังคิดว่าวันนี้ท่านอาจไม่มีเวลาว่าง ได้แต่รู้สึกเสียดาย คิดไม่ถึงว่าท่านจะมาแล้ว”“ท่านอ๋องรู้ว่าวันนี้เป็นท่านตาเชิญจึงตั้งใจรีบกลับมาเป็นพิเศษเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินอธิบายยิ้มๆภายในสายตาซ่งหลินเปี่ยมความชื่นชม ฉู่อ๋องให้ความสำคัญต่อพวกเขามากจากนั้นขบวนคนเดินเข้าจวนอย่างครึกครื้น ราชครูกู้และคนอื่นๆ ล้วนรออยู่นานแล้ว“ท่านลุงใหญ่ ท่านลุงรอง”“ญาติผู้พี่ใหญ่ ญาติผู้พี่รอง ญาติผู้น้องสาม...”เพราะวันนี้มีคนมารวมตัวกันมาก ครึกครื้นมากทีเดียววันนี้กู้ฮวนเอ๋อร์ตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ คนน่ารักงดงามอย่างมาก“บัดนี้กำหนดวันแต่งงานของฮวนเอ๋อร์และอวิ๋นอ๋องแล้ว ก็คือวันที่หกเดือนหน้า”วันนี้ตั้งใจเชิญทุกคนมารวมตัวกันก็เพื่อเฉลิมฉลองงานแต่งของฮวนเอ๋อร์ ถึงตอนนั้นน่ากลัวว่าจวนโหวจะต้องเตรียมการดีๆ”กู้ชิงซิวลุกขึ้นพูดยิ้มๆ “ข้าขอคารวะทุกท่านก่อนหนึ่งจอก”ทุกคนต่างพากันยกจอกเหล้า ใบหน้าประด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1234

    ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วดุจกิ่งหลิวขึ้น “เช่นนั้นซ่งปี้อวิ๋นกลับสกุลซ่งก่อนหรือ?”“พระชายา นี่ถึงเป็นเรื่องแปลกที่สุด ตอนนี้ลู่หวยอันไม่มีอนาคตแล้ว ซ่งปี้อวิ๋นถึงขั้นไม่กลับไป ยังอยู่กับพวกเขาตลอด ตกลงคิดอันใดอยู่กันแน่?”เฉินเซียงคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ หรือซ่งปี้อวิ๋นชอบลู่หวยอันถึงเพียงนั้น ต่อให้ไม่มีอันใด ก็จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาหรือ?“ไม่รู้” ซ่งรั่วเจินส่ายหน้า “ความคิดของทุกคนล้วนแตกต่างกัน หากเปลี่ยนเป็นพวกเรา คงไม่ย่ำเข้ากองเพลิงตั้งแต่แรก”“ในเมื่อซ่งปี้วิ๋นชอบอยู่กับเขาถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ให้อยู่ร่วมกันตลอดชีวิตเถอะ ป้องกันไม่ให้ภายภาคหน้าไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น”“บ่าวเห็นว่าพวกเขาสองคนล้วนเป็นตัวหายนะ เช่นนี้ก็ดีแล้ว ป้องกันไม่ให้คนอื่นเหนื่อยใจเพราะพวกเขา”ไป๋จื่อหัวเราะ เห็นวันนี้ชิงเถิงกลับมาแล้วจึงเอ่ยถามยิ้มๆ “ชิงเถิง พ่อแม่เจ้ายอมรับคุณชายท่านนั้นได้หรือไม่? ใช่หรือไม่ว่าพวกเราจะได้ดื่มสุรามงคล?”ชิงเถิงอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด นางทำความเคารพซ่งรั่วเจินก่อน นี่ถึงพูด“เมื่อวานพวกเราพาจ้าวจื่ออี้กลับไปถึงได้รู้ว่าที่แท้ปีนั้นเขาไม่เพียงช่วยเหลือชิงชิง แม้แ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1233

    บนรถม้าซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงยิ้มให้ตนเองอยู่ตลอด สงสัยอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋อง ท่านยิ้มอันใดกัน?”“ยิ้มที่ข้าแต่งฮูหยินที่ดีมากมาคนหนึ่ง นี่คือวาสนาที่คนอื่นต่างพากันอิจฉา ย่อมต้องยิ้ม”ได้ยินดังนั้น มุมปากซ่งรั่วเจินกระตุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว จู่ๆ ฉู่จวินถิงก็ขยับเข้าใกล้ จุมพิตนางทีหนึ่งดวงตาดุจจันทราคู่นั้นทอประกายระยับ ฉู่จวินถิงยื่นมือออกไปโอบนางไว้ในอ้อมกอด ถอนหายใจพูดว่า “มีภรรยาเช่นนี้ได้ สามียังจะปรารถนาสิ่งใดอีกเล่า?”ซ่งรั่วเจินอิงแอบอกกว้างอบอุ่นของเขา รู้สึกเพียงอารมณ์ดีมาก จู่ๆ นางก็เข้าใจแล้วว่าความสุขเป็นเช่นไรในวันธรรมดาและเรียบง่าย มีคนให้รัก มีคนรักตอบ สัมผัสได้ถึงความสุขที่เกิดขึ้นในก้นบึ้งของหัวใจ“ท่านตาเรียกพวกเราไปกินมื้อเย็นที่จวนวันพรุ่งนี้ งานแต่งของอวิ๋นอ๋องและฮวนเอ๋อร์เองก็จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพรุ่งนี้จึงตามพวกเราไปรวมตัวกันเพคะ”ซ่งรั่วเจินนึกถึงสิ่งที่มารดากำชับมาในวันนี้ ท่านตาตั้งใจเชิญพวกเขาไปพบเป็นพิเศษ ดีที่สุดคือทุกคนสามารถมาได้“หากท่านสามารถไปได้ นั่นก็ดีมากนัก หากไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หม่อมฉันจะแจ้งพวกเขา ทุกคนล้วนสามารถเข้าใจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status