หลังจากซุนเย่ผิงกลับไป เมิ่งเจียวซินก็นำข่าวการเดินทางของพวกนางไปแจ้งให้กับจูมี่ และสองพี่น้องตระกูลปิงได้รับรู้ แล้วก็เป็นไปตามคาด คนทั้งสามรีบร้องขอติดตามไปกับนางทันที เมิ่งเจียวซินก็ได้ปฏิเสธคำขอนั้นกลับไปทันทีเช่นกัน
จนเวลาผ่านล่วงเลยไปเกือบครึ่งชั่วยาม คนในเรือนทั้งสามก็ยื่นคำขาดมาว่า เมิ่งเจียวซินจะต้องพาปิงหลงร่วมเดินทางไปกับนางด้วย จูมี่กับปิงเหยาถึงจะยอมอยู่รอการกลับมาของพวกนางอยู่ที่เรือนหลังนี้
เมิ่งเจียวซินแม้จะรู้สึกลำบากใจ เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้สำหรับนาง...มันอาจจะมีเพียงแค่ขาไปเท่านั้น แต่ทว่าเมื่อได้เห็นถึงความห่วงใยที่แสดงออกผ่านสีหน้า และสายตาของคนทั้งสาม แล้วด้วยความที่ปิงหลงเป็นเด็กชาย ความอันตรายจากสถานที่แห่งนั้นกับปิงหลงน่าจะมีไม่มาก ซึ่งหากนางยังอยู่...ตัวนางก็น่าจะพอปกป้อง และคุ้มครองความปลอดภัยให้กับเด็กชายได้
และถ้าหากเดินทางไปถึงสถานที่แห่งนั้น แล้วเม
เมิ่งเจียวซินชะงัก เนื่องจากเรื่องนี้เธอไม่ได้คิดถึงเลยด้วยซ้ำ แล้วการที่อยู่ ๆ คุณยายใบบัวถามเรื่องนี้ขึ้นมา คงเพราะอยากจะชวนพวกเธอเปลี่ยนเรื่องพูดคุยเป็นแน่! ซึ่งยังไม่ทันที่เมิ่งเจียวซินจะได้เอ่ยแก้สถานการณ์ หลี่อวิ้นกุยก็กล่าวขึ้นมาว่า... “ผมแล้วแต่ซินซินเลยครับ แต่บ้านหลังใหม่ผมได้ทำห้องเผื่อเอาไว้แล้วสามห้องครับ” คำตอบที่ได้ยินทำเอาเมิ่งเจียวซินเผลอหันไปจ้องหน้าของบุรุษหนุ่มข้างกายอยู่ครู่หนึ่ง อาจเพราะผลพวงจากโลกนิยายเธอจึงคิดไปเองว่า หลี่อวิ้นกุยอาจจะไม่อยากมีบุตรก็ได้ เธอจึงไม่เคยหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาคิดอีกเลย แล้วในระหว่างนั้นคุณยายใบบัวก็เริ่มถามต่อว่า หลังแต่งงานจะมีเลยไหม? อยากให้บุตรคนแรกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย? คุณใหญ่ชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงมากกว่ากัน?&nb
วันนี้คือ วันแรกที่หลี่อวิ้นกุยได้กลับมาทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกาย หลังจากห่างหายไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากเหตุการณ์ในห้องน้ำวันนั้น... แล้วถึงแม้ว่า ช่วงที่ผ่านมาบุรุษหนุ่มข้างกายจะทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกายไม่ได้ แต่เมิ่งเจียวซินก็ช่วยบริหารร่างกาย และทำกายภาพบำบัดแบบเบา ๆ ให้หลี่อวิ้นกุยบนเตียงนอน แล้วยังปล่อยให้อีกฝ่ายดูแลช่วยเหลือตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การขยับขึ้นลงจากเตียง เพื่อไปเข้าห้องน้ำ เป็นต้น พอได้กลับมาทำตามโปรแกรมกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกายอีกครั้ง จึงไม่เกิดการติดขัด หรือเจ็บกล้ามเนื้อส่วนสะโพก และช่วงขาตอนขยับมากนัก เมิ่งเจียวซินเห็นหลี่อวิ้นกุยกลับมามุ่งมั่นทำตามโปรแกรมที่วางไว้ในแต่ละวันอย่างตั้งใจ อีกฝ่ายไม่ได้หักโหมอย่างในช่วงที่ผ่านมาอีกแล้ว เธอก็รู้สึกดี และรู้สึกสบายใจมาก &n
ปัญหาที่สองคือ เรื่องอุบัติเหตุในคืนนั้น... หลังจากหลี่อวิ้นกุยฟื้นคืนสติในโลกใบนี้ได้สองวัน คุณปู่หลี่อวิ้นเจียงก็เล่าให้ฟังว่า ทางตำรวจได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนแล้วว่า แม่เลี้ยงของเขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุในคืนนั้น...สตรีวัยกลางคนผู้นั้นได้จ้างวานคนงานในคฤหาสน์ตัดสายเบรกรถยนต์ของเขา แล้วนอกจากเรื่องอุบัติเหตุ สตรีวัยกลางคนยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมือปืนที่แฝงตัวเข้ามาเก็บหลี่อวิ้นกุยถึงในคฤหาสน์ตระกูลหลี่ด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเจ็ดเดือนแล้ว ตำรวจยังตามจับตัวแม่เลี้ยงของเขาไม่ได้ ถ้าหากหลี่อวิ้นกุยยังอยู่ในโลกนิยาย...เขาคงส่งคนของตัวเองไปลงมือสังหารสตรีวัยกลางคนผู้นั้นทิ้งไปแล้ว! แต่เพราะในโลกใบนี้ทำอย่างนั้นไม่ได้ เขาจึงได้แต่ต้องหาทางบีบอีกฝ่ายให้เผยตัวออกมาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากหลี่อวิ้นกุยอยากจบปัญหานี้ให้ได้ก่อนแต่งงาน เขาจึงพูดกับ
เมิ่งเจียวซินเฝ้ามองหลี่อวิ้นกุยที่กำลังพยายามฝืนฝึกเดินบนราวด้วยความรู้สึกเป็นห่วง และปวดใจ เธอรู้ว่า บุรุษหนุ่มข้างกายอยากรีบกลับมาเดินให้ได้ แต่หากฝืนมากจนเกินไป มันจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี สามเดือนที่ผ่านมา...เมิ่งเจียวซินรับรู้ และเห็นมาโดยตลอดว่า หลี่อวิ้นกุยทั้งตั้งใจ อดทน และพยามยามทำทุกอย่างตามโปรแกรมกายภาพบำบัด และอดทนทำตามคำแนะนำของคุณหมอนพชัยทุกประการ แต่พอคุณยายใบบัวกับท่านเจ้าสัวหลี่อวิ้นเจียงนำฤกษ์แต่งงานของพวกเธอเข้ามาให้ดู อย่างเร็วสุดคือ กลางเดือนกันยายน หรือก็คือในอีกสามเดือนข้างหน้า แล้วถ้าหากจัดงานแต่งในฤกษ์นี้ไม่ทัน ก็คงต้องรอไปอีกสองปี ถึงจะมีฤกษ์ดีสำหรับพวกเธออีกครั้ง ซึ่งเมิ่งเจียวซินกับหลี่อวิ้นกุยเห็นตรงกันว่า จะจัดงานแต่งในปีนี้เลย คราแรกคุณยายใบบัวกับท่านเจ้าสัวมีท่าทีไม่เห็นด้วย แต่พอเมิ่งเจียวซินกับหลี่อวิ้นกุยช่วยกันพูดเกลี่ยกล่อม เ
โจวหลิวอิงเงยหน้าขึ้นมองบุรุษใต้ร่างด้วยความตกใจ แล้วในขณะนั้นอีกฝ่ายก็ยกตัวขึ้นมานั่ง จากนั้นริมฝีปากของหลี่อวิ้นเซียนก็ทาบทับลงมาที่ริมฝีปากของนาง บุรุษมากเล่ห์เริ่มมอมเมานางด้วยจุมพิตหวาน ในขณะที่ส่วนล่างเริ่มกระแทกขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ส่วนฝ่ามือหนาจากที่เคยทำเพียงแค่โอบกอดก็เริ่มลูบไล้ ก่อนจะย้ายมาบีบคลึงทรวงอกทั้งสองข้าง หลังจากนั้นบุรุษที่เอาแต่พูดว่า ‘หยุดเถิดนะ’ ก็เลื่อนมือลงไปจับที่สะโพกของโจวหลิวอิง แล้วออกแรงกดร่างของนางให้เข้าหา จากนั้นก็กระแทกเอวสอบเด้งขึ้นลงเป็นจังหวะอย่างหนัก แล้วไม่เพียงแค่ส่วนล่างเท่านั้นที่โจวหลิวอิงถูกเล่นงานกลับ เพราะหลี่อวิ้นเซียนยังไล่ขบกัด ดูดดึง และโลมเลียไปตามใบหน้า ซอกคอ หน้าอก และยอกอกของนาง “องค์ชายห้า... อ่ะ! อ๊า...!” ร่างกายของโจวหลิวอิงอ่อนยวบหลังจากส
โจวหลิวอิงปล่อยให้หลี่อวิ้นเซียนอยากพูดอะไรก็พูดไป ส่วนตัวนางนั่งนึกไปถึงตำราของพวกบุรุษที่เคยแอบหยิบของผู้เป็นพี่ชายมานอนอ่าน ถึงแม้นางจะยังไม่เคยมีประสบการณ์ แต่ทว่าเท่าที่เคยอ่าน และภาพวาดที่เคยเห็นในตำรา...วิธีลงมือ รวมไปถึงท่วงท่าต่าง ๆ มันก็ดูเหมือนจะไม่ยาก นางจึงเดินไปหยิบสุราที่แอบซ่อนเอาไว้มานั่งดื่ม เพื่อกดข่มความรู้สึกประหม่า และปลุกความกล้าภายในใจให้ตื่น ระหว่างที่ยกจอกสุราขึ้นดื่ม โจวหลิวอิงก็ค่อย ๆ เรียบเรียงสิ่งที่นางจะลงต้องมือทำไปด้วย ในขณะที่ดื่มสุรา แม้จะได้ยินเสียงเอ่ยห้ามของบุรุษข้างกาย โจวหลิวอิงก็หาได้สนใจไม่ พอสรุปวิธีลงมือได้... โจวหลิวอิงวางจอกสุราที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็คว้ามือบุรุษที่นางรัก แล้วจูงมืออีกฝ่ายไปนั่งที่ขอบเตียง นางดันตัวหลี่อวิ้นเซียนให้ลงไปนอนราบ ก่อนจะขยับขึ้นไปน