นางย้อนมาเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตา เขาย้อนกลับมาเพื่อเอาคืนคนชั่ว เขาบอกนางว่า ชาตินี้คนที่นางจะแต่งด้วยได้มีเพียงเขาเท่านั้น ซ้ำยังบังคับให้นางกินปลาจะได้หายโง่ บัดซบนัก ใจคอจะไม่ให้นางกินอย่างอื่นบ้างเลยหรือ!
ดูเพิ่มเติม"ฮองเฮาเพคะ ได้เวลาเสวยยาพิษแล้ว อย่าได้ทรงรั้งรออีกเลย ยามนี้ครอบครัวของพระองค์คงกำลังรอท่าอยู่ในปรโลกแล้ว"
แสงอาทิตย์อัสดงสีส้มอ่อน อาบย้อมทั่วทั้งตำหนักคุนหนิง ราวกับแสงทองเรืองรองแสงสุดท้ายที่แสนงดงามก่อนมรสุมคลื่นใหญ่จะคืบคลานเข้ามา
ไป๋เหม่ยเหมยหันไปมองผู้ที่เอ่ยวาจาหยามเหยียดนางคราหนึ่ง ดวงตาคู่งามของนางเรียบเฉยคล้ายไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดในโลกหล้าทั้งสิ้น
นางก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงที่สุด เป็นถึงมารดาของแผ่นดิน แต่สุดท้ายแล้วตำแหน่งจอมปลอมนี้กลับคร่าชีวิตคนในตระกูลของนางไปจนหมดสิ้น
บิดานางที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่และพี่ชายฝาแฝดสองคนถูกประหารชีวิต มารดาของนางแขวนคอปลิดชีพตน ตระกูลไป๋ล่มสลาย เพราะความโง่งมของนางเพียงคนเดียว
นางหลงรักจินฟาน องค์ชายรองผู้หล่อเหลาและแสนอ่อนโยน โดยไม่สนใจฟังคำเตือนของบิดาที่ไม่อยากให้นางยุ่งเกี่ยวกับเขา บิดานางบอกว่าจินฟานนั้นไม่ใช่คนดีอันใด บิดานางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด อำนาจทหารทั้งหมดของบิดาล้วนขึ้นตรงต่อจินฮ่องเต้เพียงพระองค์เดียว หากนางแต่งกับองค์ชายคนใดคนหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องดี ฝ่าบาทแม้จะเมตตาแต่ใจฮ่องเต้ล้วนคาดเดายาก
แต่นางกลับดื้อรั้น สุดท้ายแล้ว จินฟานก็หลอกใช้นาง เมื่อเขาได้สมดั่งใจตนปราถนาแล้วก็รื้อสะพานข้ามแม่น้ำ สังหารคนตระกูลไป๋จนหมดสิ้น
แม้กระทั่งองค์ชายใหญ่จินเฉวียนและเซวียหงเย่ ไคกั๋วกงผู้เป็นขุนนางที่ฝ่าบาททรงโปรดปราณก็ยังยากจะรอดพ้นเคราะห์ร้ายในครั้งนี้ไปได้
แม้แต่ตัวนางเองก็ยังถูกเขาประทานยาพิษ
ผู้ที่มาส่งมอบยาพิษให้นางก็คือเจินหลิง พระสนมกุ้ยเฟยซึ่งเป็นที่โปรดปราณของจินฟาน นางไม่เคยรู้เลยว่าเขาหลอกใช้นางมาโดยตลอด ในใจของเขาไม่เคยมีนางแม้เพียงเศษเสี้ยว
หลังจากคนในครอบครัวตายจากไป ไป๋เหม่ยเหมยก็ไร้สิ้นซึ่งความหวัง นางร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด สุดท้ายแล้วจากความเจ็บปวดก็กลับกลายเป็นความเฉยชาเข้ามาแทนที่ นางไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดทั้งสิ้น
เมื่อเห็นว่าไป๋เหม่ยเหมยยังไม่ยอมรับยาพิษไปดื่ม เจินหลิงจึงมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่เย็นชา
"ไป๋เหม่ยเหมย เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมดื่ม หรือว่าจะให้ข้าช่วยเอายาพิษกรอกปากเจ้า?"
"ข้าอยากพบฝ่าบาทอีกสักครั้ง"
ไป๋เหม่ยเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา เจินหลิงส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเอ่ย
"คนเช่นเจ้าไม่คู่ควรที่จะได้พบกับฝ่าบาท"
"ข้าอยากพบฝ่าบาทเป็นครั้งสุดท้าย หาไม่แล้ว ข้าจะไม่ยอมดื่มยาพิษเฮงซวยนี่เป็นแน่"
"เจ้าอย่าคิดเพ้อฝัน ยามนี้ตัวเจ้าเองไม่ต่างอันใดจากนักโทษ ยังจะมาเรียกร้องสิ่งใดอีก"
เมื่อได้ยินที่เจินหลิงเอ่ย ไป๋เหม่ยเหมยก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
"แล้วอย่างไรเล่า ฝ่าบาทยังไม่ได้ปลดข้าออกจากตำแหน่งฮองเอา แม้ตายข้าก็ยังเป็นฮองเฮา แล้วเจ้าเล่า เจินหลิง เจ้าคิดว่าเขาจะรักปักใจในตัวเจ้าจริงหรือ แม้กระทั่งข้าเขายังหักหลัง แล้วเจ้านับเป็นตัวอะไร ไม่แน่นะ ยามที่เจ้านอนหลับสนิท เขาอาจจะใช้มีดในมือจ้วงแทงเจ้า และสังหารครอบครัวเจ้าเช่นที่ทำกับข้าก็เป็นได้"
"เหลวไหล!"
เจินหลิงกำมือแน่น ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าวาจาของไป๋เหม่ยเหมยที่เอ่ยออกมานั้นทำเอานางหวาดหวั่นไม่น้อย แต่นางไม่เชื่อเด็ดขาด นางและจินฟานรักใคร่กันมานาน นางยอมทนมองเขาเอาใจพะเน้าพะนอนังสารเลวนี่มาหลายปีก็เพื่อวันนี้ เขาไม่มีทางทรยศนาง!
ไป๋เหม่ยเหมยส่งเสียงหัวเราะกังวานใสราวเสียงระฆังเงิน พลางเอ่ยอย่างดูแคลน
"ช่างตื้นเขินไร้เดียงสายิ่งนัก ความรักอันบริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ ก็เพียงแค่มีผลประโยชน์ร่วมกันเพียงเท่านั้น เลิกสนทนาเรื่องไร้สาระได้แล้ว ข้าอยากพบฝ่าบาท"
"ข้าไม่ให้เจ้าพบ มัวชักช้าอยู่ทำไม รีบเอายาพิษกรอกปากนางเสียสิ!"
เหล่านางกำนัลเมื่อได้ยินเจ้านายตนเอ่ยปากสั่ง จึงรีบเดินเข้ามาหมายจะจับตัวไป๋เหม่ยเหมย แต่นางกลับเบี่ยงกายหลบและจัดการสังหารนางกำนัลเหล่านั้นจนตาย นางเป็นถึงบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่แน่นอนว่าวรยุทธ์ย่อมไม่อ่อนด้อย
เจินหลิงเริ่มหวาดกลัว เรื่องอื่นนางไม่มีทางยอมไป๋เหม่ยเหมย แต่เรื่องวรยุทธ์นางไม่อาจสู้ได้ ไป๋เหม่ยเหมยก้าวเข้ามาหาเจินหลิง นางกำปิ่นปักผมในมือแน่น ความคิดที่อยากสังหารเจินหลิงพลันวูบผ่านเข้ามาในหัว
ฉึก!
แต่ทว่านางยังไม่ทันได้ลงมือ ก็มีธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาแทงที่หัวไหล่ข้างซ้ายของนาง หญิงสาวค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นจินฟานนั่นเองที่ลงมือทำร้ายนาง
เมื่อเห็นว่าภายในตำหนักคุนหนิงยามนี้มีแต่่ศพนางกำนัลนอนกองอยู่ เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น แววตาที่มองไป๋เหม่ยเหมยพลันเย็นชาขึ้นมาหลายส่วน
ความรู้สึกที่เขามีต่อไป๋เหม่ยเหมยนั้นยากจะอธิบาย เดิมทีเขาต้องการหลอกใช้นาง แต่กลับมีชั่ววูบหนึ่งที่เกิดความรู้สึกดีดีกับนาง
หรือเขาควรจะขังนางเอาไว้ชั่วชีวิต ไม่ฆ่านาง
ไป๋เหม่ยเหมยมองจินฟานด้วยแววตาที่วูบไหว เจินหลิงรีบเดินไปหลบอยู่ด้านหลังจินฟาน พลางเอ่ยฟ้องว่าไป๋เหม่ยเหมยฆ่าคน ไป๋เหม่ยเหมยส่งเสียงเหอะออกมา พลางมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาวูบไหว
"ท่านมาแล้วหรือจินฟาน"
จินฟานไม่เอ่ยตอบเพียงมองนางด้วยแววตาเฉยชา ไป๋เหม่ยเหมยยิ้มออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มของนางเหมือนดอกเหมยยามฤดูใบไม้ผลิที่กำลังผลิบาน ทั้งอ่อนหวานงดงามและชวนมองในคราเดียวกัน อยู่ๆในใจของจินฟานก็พลันบีบรัด
"ได้ยินว่าเจ้าอยากพบข้ามีเรื่องใดหรือ?"
จินฟานเอ่ยถามไป๋เหม่ยเหมยด้วยน้ำเสียงเจือความรำคาญ เขาไม่อยากจะเสวนาพาทีกับนางเพราะเกรงว่าตนอาจจะเกิดใจอ่อนจนหวั่นไหวและยอมอ่อนข้อให้กับนาง
ไป๋เหม่ยเหมยมองจินฟานอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่ลำคอของตน จินฟานกำมือแน่น เขาไม่เข้าไปหานาง อีกทั้งยังไม่คิดจะห้ามปราม ในเมื่อให้ดื่มยาพิษแต่นางกลับไม่ยอมดื่ม แต่อยากฆ่าตัวตายเช่นนั้นก็ตามแต่ใจนางเถิด
ไป๋เหม่ยเหมยกระอักโลหิตออกมา นางคล่อยๆคลานเข้าไปหาเขา สองมือที่ชุ่มโลหิตคว้าจับชายชุดมังกรของชายคนรักเอาไว้แน่น ดวงตาที่มองมาทำเอาจินฟานรู้สึกขนลุกไม่น้อยเลย
"จินฟาน หากพบกันชาติหน้า ข้าจะไม่รักท่าน และข้าจะทำทุกทางเพื่อให้ท่านอยู่อย่างไม่เป็นสุข ท่านจะไม่ได้สมดั่งใจปราถนาแม้เพียงสักอย่างเดียว ฮ่าๆๆๆ"
ดวงตาของนางเบิกกว้าง หญิงสาวกระอักโลหิตออกมาอีกครา ก่อนจะสิ้นใจตายจากไปด้วยความเจ็บปวดใจแสนสาหัส
จินฟานหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะสั่งให้คนนำศพนางไปโยนทิ้งที่ด้านนอกวังหลวงเสีย
ยามนี้เขาได้เป็นผู้ครองใต้หล้าแล้ว เพียงแค่สูญเสียสตรีนางเดียวไปย่อมไม่นับเป็นอันใด
ชาติหน้าหรือ นางตายเป็นผีไปแล้วยังจะเอ่ยถึงเรื่องชาติหน้าอันใดอีก ช่างน่าขันสิ้นดี!
หลังจากไป๋เหม่ยเหมยตายไป เจินหลิงถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นเจินฮองเฮา เสพสุขกับจินฟานมีลูกหลานสืบทอดราชบัลลังก์ยาวนานหลายชั่วอายุคน เรื่องราวของคนตระกูลไป๋กลายเป็นเรื่องเล่าที่ถูกลืมเลือนไปโดยไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงอีก
แต่มันจะจบเช่นนี้จริงหรือ
แน่นอนว่า ย่อมไม่ใช่......
เช้าวันต่อมาไป๋เหม่ยเหมยก็ให้คนส่งจดหมายไปที่จวนกั๋วกง บอกว่าต้องการนัดพบกับเซวียหงเย่ที่โรงน้ำชาหงลู่ แต่ทว่ากลับไม่มีจดหมายตอบกลับ อีกทั้งคนยังหายหน้าหายตาไม่ยอมมาพบนางอีกด้วยเมื่อเอ่ยถึงโรงน้ำชาหงลู่แล้วก็พบว่ายามนี้ตลาดมืดถูกทางการทลายไปแล้ว เพราะมีการนัดพบและขายสินค้าผิดกฎหมาย จินฮ่องเต้จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น เจ้าของโรงน้ำชาคือขุนนางผู้หนึ่งที่เป็นสหายกับอดีตรองแม่ทัพจวง เขาถูกจับ กิจการโรงน้ำชาถูกขายทอดตลาดมีคหบดีผู้หนึ่งมาซื้อและเปิดกิจการอย่างถูกกฎหมายต่อไป๋เหม่ยเหมยร้อนใจยิ่งนัก นางนึกด่าทอตนเองในใจที่คืนนั้นไม่ตอบรับคำขอของเขาโดยเร็ว จะมัวคิดหาคำตอบใดให้มากความกันนะ!นางรู้ใจตนเองช้าไป กว่าจะรู้ว่านางหลงรักเขา ก็ทำให้คนโมโหหนีหายไปไม่มาพบหน้าเสียแล้วไป๋เหม่ยเหมยจูงเจ้าลูกหมีน้อยมาเดินเล่นในตลาดเพื่อแก้เบื่อ นางต้องการมาเดินเล่นเพื่อผ่อนหลาย จึงชวนจินหยวนเหนียงมาด้วย ส่วนหลินจื่อหยานั้นได้ยินว่าปวดหัวจึงไม่ได้มาเดินเล่นกับพวกนางนางนำเรื่องที่เกิดขึ้นเล่าให้จินหยวนเหนียงฟัง จินหยวนเหนียงฟังจบจึงเอ่ยกับนางทันที"ข้าควรสมหน้าเจ้าดีหรือไม่ คนเขาขอแต่งงานเจ้าก็ควรตอบรั
เรื่องราวเลวร้ายผ่านไปราวกับสายลมพัด ไม่นานทุกคนต่างลืมเรื่องเหล่านี้ไป ตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้นสุขภาพของจินฮ่องเต้ก็ไม่ใคร่จะสู้ดีเท่าใดนัก เพราะเกรงว่าตนอาจจะจากไปก่อนจะได้ทำเรื่องสำคัญให้แล้วเสร็จ จึงทรงออกพระราชโองการแต่งตั้งจินเฉวียนขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ที่ผ่านมาจินเฉวียนก็ได้พิสูจน์แล้วว่าตนเองนั้นเหมาะสมคู่ควรกับตำแหน่งนี้วันที่ทำพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาท เซวียหงเย่ก็มาร่วมงานด้วย เขามองญาติผู้น้้องตนคราหนึ่ง ดวงตาของชายหนุ่มเอ่อคลอ ตอนนี้ทุกคนในตระกูลเซวียยังอยู่ดีมีสุข ช่างนับว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่ง"ญาติผู้พี่ ท่านดูสิ ข้าได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว เป็นเช่นไร ชุดที่ข้าสวมใส่หรูหราหรือไม่"จินเฉวียนยามนี้มีอายุเพียงสิบแปดปี ยังคงมีนิสัยของเด็กน้อยร่าเริงอยู่ เซวียหงเย่ยื่นมือไปจับไหล่น้องชายก่อนจะเอ่ย"เฉวียนเอ๋อร์ ต่อไปเจ้าต้องปกครองไพร่ฟ้าให้อยู่ร่มเย็น อย่าโลภมาก อย่าให้อำนาจบังตาจนเดินไปสู่ทิศทางที่ไม่ดี และต้องดูแลเสด็จป้าให้ดี เลือกสตรีที่ดีมาเป็นคู่ชีวิต ส่วนข้าจะสนับสนุนเจ้าตลอดไป เจ้าต้องมีชีิวิตต่อไปให้ดีรู้หรือไม่"อยู่ๆจินเฉวียนก็ดวงตาแดงก่ำขึ้นมา ทุกคำที่ญาติผู้พ
ผ่านไปร่วมหลายวัน ในที่สุดฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้เหล่าขุนนางเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ตนจัดขึ้น จินฮ่องเต้ชมชอบความสำราญที่ผ่านมาจึงมีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงอยู่หลายคราจวนตระกูลไป๋ก็มาร่วมงานเลี่ยงเช่นเดียวกัน เพราะเป็นงานที่เกี่ยวพันกับเชื้อพระวงศ์ ไป๋เหม่ยเหมยจึงต้องแต่งกายให้ประณีตเสียหน่อยสองวันก่อนจินหยวนเหนียงส่งจดหมายมาบอกนางว่า ได้สั่งให้นางกำนัลจัดที่นั่งให้พวกนางสามคนนั่งใกล้กันแล้ว ไป๋เหม่ยเหมยยิ้มออกมาคราหนึ่ง พลางถอนหายใจ ชาตินี้ศัตรูได้กลับกลายมาเป็นมิตร และศัตรูที่มีใจคิดชั่วก็เริ่มทะยอยตายจากไปทีละคนแล้วไม่นานก็มาถึงพระราชวังฤดูร้อน ไป๋เหม่ยเหมยเดินเข้าไปพร้อมครอบครัวของตน เมื่อเข้ามาถึงบิดาและพี่ชายก็แยกไปพบปะสหายของตน มารดานางก็ไปพบปะกับเหล่าฮูหยินจากจวนอื่นๆ ส่วนตัวนางนั้นถูกจินหยวนเหนียงและหลินจื่อหยาพาไปนั่งยังที่ๆถูกจัดเตรียมเอาไว้ เหล่าสตรีน้อยต่างมองไป๋เหม่ยเหมยด้วยแววตาริษยา แต่ไหนแต่ไรมีสตรีน้อยหลายคนที่อยากผูกมิตรกับจวิ้นจู่ แต่ทว่านางกลับหยิ่งยโสโอหังเพราะเห็นว่าตนเป็นเชื้อพระวงศ์ ไม่คิดจะสนิทสนมกับใครง่ายๆ แต่ยามนี้กลับสนิทกับไป๋เหม่ยเหมยและหลินจื่อหยา ช่างน่าโ
เช้าวันต่อมาตระกูลเจินก็วุ่นวายไม่น้อยเลย เนื่องจากอยู่ๆเจินหลิงก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มารดาของนางไปแจ้งทางการแต่กลับไม่พบตัวบุตรสาว ด้านจินฟานเองก็ทำราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้นชายหนุ่มนั่งจิบชาอยู่ในจวนองค์ชายรอง สภาพจิตใจช่วงนี้ค่อนข้างไม่สู้ดีเท่าใดนัก เขารู้สึกว่าหลายอย่างที่ตนต้องการจะทำคล้ายไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ราวกับว่ามีมือของใครบางคนยื่นเข้ามาคอยขัดขวางเขาอยู่ตลอดเวลาเขาและเจินหลิงเคยมีใจรักใคร่ต่อกันนั้นล้วนเป็นเรื่องจริง แต่การที่เขาเข้าหานางก็ล้วนมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง บิดาของนางมีอำนาจในราชสำนัก อีกทั้งยังรู้จักและสนิทสนมกับขุนนางฝ่ายบุ๋นมากหน้าหลายตา หากเขาแต่งกับนางแน่นอนว่าเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นย่อมสนับสนุนเขา แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน บิดานางมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เมื่อบิดาของนางมาตายจากไป เช่นนี้แล้วจวนตระกูลเจินย่อมล้มลง นางก็ไม่มีประโยชน์อันใดต่อเขาอีกเดิมทีเขาไม่คิดจะทอดทิ้งนางให้ลำบาก แต่ผู้ใดจะรู้ว่านางจะกล่าววาจาข่มขวัญเขา แต่เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย นางก็เป็นเพียงสตรีบอบบางนางหนึ่ง แม้แต่แรงเชือดไก่ยังไม่มีแล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาต่อสู้กับเขาเพราะโทสะท
เมื่อเสนาบดีเจินสิ้นชีพ คนตระกูลเจินก็เหมือนกับแพแตกไร้ซึ่งที่พึ่งพิง ผู้คนที่เคยเข้าหาเพื่อผลประโยชน์ล้วนมองสองแม่ลูกด้วยสายตาเวทนา แต่กลับไม่มีใครสักคนที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ไป๋เหม่ยเหมยที่ได้ทราบเรื่องนี้กลับไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางคิดเพียงว่ามันคือเวรกรรมที่เจินหลิงและคนตระกูลเจินล้วนต้องพบเจอชาติก่อนตระกูลไป๋บ้านแตกสาแหรกขาด คนตระกูลเจินล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องเสนาบดีเจินภายนอกดูเหมือนจะเป็นขุนนางที่เที่ยงตรงไม่สนใจฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ว่าแท้จริงแล้วกลับลอบสนับสนุนองค์ชายรองอย่างลับๆ เสนาบดีเจินนั้นเป็นสหายสนิทกับรองแม่ทัพจวง ชาติก่อนนั้นคนทั้งสองต่างได้ผลประโยชน์ร่วมกันเสพสุขด้วยกัน แต่ชาตินี้เสนาบดีเจินกลับตกตายไปเสียก่อน และอีกไม่นานจินฟานและคนตระกูลจวงก็จะเป็นรายต่อไป!อยู่ๆไป๋เหม่ยเหมยก็นึกถึงคำพูดของเซวียหงเย่ขึ้นมาได้ เขาบอกนางว่าอีกสามวันจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นกับตระกูลเจินแต่นี่ยังไม่ถึงสามวันเลยกลับพบว่าจวนตระกูลเจินเกิดเรื่องขึ้นเสียแล้วนับตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้นนางก็ไม่ได้พบกับเซวียหงเย่อีก มีเพียงองค์รักษ์ของเขาที่ลอบนำยามาให้นางกลางดึก บอกว่าเป็นยาทาที่ดียิ่ง ให้ทาบริเว
ปริศนาที่เซวียหงเย่ทิ้งเอาไว้นั้นทำให้ไป๋เหม่ยเหมยเกิดความสงสัยจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ยามเช้าตอนตื่นนอนขึ้นมา ขอบตาของนางจึงคอนข้างดำคล้ำไม่น้อยเลย อาจูที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอาไข่ต้มมาให้เจ้านายอังใต้ขอบตา ไป๋เหม่ยเหมยลอบก่นด่าเซวียหงเย่ในใจ เพราะเขาแท้ๆ ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของนางกำเริบจนนอนไม่หลับหญิงสาวจัดการประทินโฉมให้หนาหน่อยเพื่อปกปิดรอยคล้ำใต้ดวงตา ก่อนจะเดินไปที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งเมื่อหลายวันก่อนนางหมักสุราเอาไว้หนึ่งไห มันเป็นสุราสูตรหนึ่งที่นางไปขอซื้อมาจากร้านสุรา นางต้องจ่ายเงินมหาศาลเพื่อขอซื้อสูตรจากเขา และบอกว่าอยากเอาไปหมักให้ท่านแม่ได้ลองดื่ม ไม่คิดจะเอาไปเปิดขายเพื่อแข่งกับเขา ท่านลุงเจ้าของร้านสุราจึงยอมขายให้นาง สุรานี้หมักเพียงเจ็ดวันก็สามารถดื่มได้แล้ว ไป๋เหม่ยเหมยให้อาจูขุดมันขึ้นมาก่อนจะที่นางจะนำสุราไหนั้นไปที่เรือนใหญ่ยามเช้าวันนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อร่วมกินมื้อเช้าด้วยกัน เมื่อเห็นว่าบุตรสาวอุ้มไหสุรามาด้วยฮูหยินใหญ่ก็อารมณ์ดียิ่ง นางกอดไหสุราเอาไว้แน่น บอกว่าจะเก็บไว้กินเอง แม้กระทั่งสามีก็ไม่คิดจะแบ่งแม่ทัพใหญ่ไป๋รักใคร่ภรรยายิ่ง เขาบอกนางว่า
ความคิดเห็น