บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /1
เมืองเทียนหวง เมืองหลวงอาณาจักรอู๋ซาง จวนเสนาธิการทหาร จดหมายจากแดนไกลลุกไหม้อยู่ในเตากำยาน กลางโถงรับรองของเรือนฟาหยาง ฮูหยินผู้เฒ่า เหวินกุ้ยเหริน มารดาของหวังเหลียง และมีศักดิ์เป็นป้าของ เหวินไป๋เหลียน ทอดมองหลานสาวคนโปรดที่เกิดจากเหวินไป๋เหลียนอย่างมาดหมาย ปีนี้หวังลู่เสียนอายุเก้าหนาว เด็กหญิงเกิดหลังหวังลี่ถิงเพียงหนึ่งเดือน จากที่เคยเป็นเพียงบุตรีของอนุ เวลานี้เด็กหญิงคือบุตรีของฮูหยินเอกอย่างสมบูรณ์ "เสียนเอ๋อร์ อีกไม่กี่วันเจ้าก็ต้องเดินทางไปสำนักเพลิงจักรพรรดิแล้ว เตรียมตัวพร้อมรึยัง" ผู้เป็นย่าเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน หวังลู่เสียนหน้าตาพริ้มเพราตั้งแต่เด็ก ฉายแววว่าจะเติบโตขึ้นเป็นหญิงงามเหมือนมารดา อีกทั้งเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ อายุเพียงเก้าหนาวระดับตบะอยู่ที่หนิงชี่ขั้นปลายแล้ว สตรีสายเลือดตระกูลเหวินต่างหากที่สมควรมีชะตาหงส์ ไม่ใช่เด็กอีกคนตามคำทำนายของหอพยากรณ์!! "เสียนเอ๋อร์เตรียมตัวพร้อมแล้วเจ้าค่ะท่านย่า แต่ว่า…เสียนเอ๋อร์ไม่อยากจากท่านย่าไปเลย" เด็กหญิงในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีชมพูอ่อนหวาน เอ่ยวาจาฉอเลาะเอาใจหญิงชรา ใบหน้าเล็กถูไถไปมากับอกอวบของผู้เป็นย่าอย่างออดอ้อน เหวินกุ้ยเหรินหัวเราะหลานสาวอย่างเอ็นดู บรรยากาศภายในเรือนฟาหยางเปี่ยมไปด้วยความชื่นมื่น ผิดกับเรือนฝูหรงของอนุเสิ่น เสิ่นหยูกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ขณะฟังรายงานจากสาวใช้ เรื่องที่หวังลู่เสียนกำลังจะกลายเป็นศิษย์ของสำนักเพลิงจักพรรดิอีกคน มิใช่แค่ หวังซีเหยียน ผู้เป็นน้องชาย ที่ได้เข้าร่วมสำนักเมื่อปีที่แล้ว มาคราวนี้ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจฝากฝังหลานสาว ให้เดินทางไปพร้อมองค์ชายใหญ่ ผู้ซึ่งใครๆต่างคาดเดาว่า เขาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ไท่จื่อในอีกไม่นาน “เจ้าฟังมาไม่ผิดแน่นะเสี่ยวจี่ เรื่องที่นางแก่นั่น ตั้งใจส่งหวังลู่เสียนไปพร้อมขบวนเดินทางขององค์ชายใหญ่” “ไม่ผิดแน่เจ้าค่ะอี๋เหนียง บ่าวของคุณหนูรอง อ๊ะ คุณหนูใหญ่ เป็นคนมาคุยโอ้อวดให้บ่าวฟังเองเลยเจ้าค่ะ” "หึ! นี่คงคิดวางตัวหวังลู่เสียนให้เป็นว่าที่พระชายาในอนาคต แทนหลานสาวที่ถูกลบชื่อไปกระมัง" สีหน้าของอนุเสิ่นมืดครึ้มยามนึกถึงแม่สามี หากไม่ใช่เพราะฮูหยินผู้เฒ่า นางคงไม่สูญเสียบุตรคนที่สองตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก "ลูกข้ากลับมารึยัง" เอ่ยถามพลางกระดิกนิ้วเรียกสาวใช้ให้เข้ามาใกล้ๆ "คุณชายสามกลับมาแล้วเจ้าค่ะอี๋เหนียง ตอนนี้กำลังฝึกเดินพลังอยู่ในห้องเจ้าค่ะ" หลังฟังสาวใช้รายงานจบ อนุเสิ่นก้มกระซิบกระซาบบางอย่างกับอีกฝ่าย เสี่ยวจี่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แต่กระนั้นก็ตอบรับคำสั่งแต่โดยดี "บ่าวจะรีบไปจัดการเจ้าค่ะ" หลังเดินทางมาเป็นระยะเวลาเกือบหนึ่งเดือน ในที่สุดรถม้าของรวี่เยว่ก็มาถึงเมืองเฉินเปี้ยน สภาพอากาศของเมืองนี้หนาวเย็นกว่าเมืองลวี่เฟิงมาก ทว่ารวี่เยว่กลับรู้สึกถึงพลังปราณธรรมชาติเข้มข้นที่ไหลเวียนอยู่ในอากาศรอบตัว “เมืองเฉินเปี้ยนนี่ช่างเป็นสวรรค์ของนักบำเพ็ญโดยแท้ ขนาดพื้นที่ข้างล่าง พลังปราณธรรมชาติยังมากมายถึงเพียงนี้ แล้วบนภูผาของตำหนักเทวาอนธการจะหนาแน่นขนาดไหน” หม่าลั่ว อดีตนักฆ่าที่ถูกส่งมาจับตัวรวี่เยว่ ได้ยอมสวามิภักดิ์เป็นบ่าวรับใช้นับตั้งแต่วันนั้น เพื่อแลกกับความปลอดภัยของจิตวิญญาณดวงน้อยๆของเขา เอ่ยเสียงสนับสนุนด้วยอีกคน "จริงอย่างที่คุณหนูกล่าวมาขอรับ" เมื่อเข้าเมืองมาได้รวี่เยว่และทุกคนจึงไปหาเช่าโรงเตี้ยม ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะออกไปหาเช่าร้าน เพื่อเปิดร้านขายของ ซึ่งผู้ใหญ่ทุกคนต่างเห็นชอบไปในทางเดียวกัน ด้วยเพราะพวกเขามิอาจย่างกรายขึ้นไปยังตำหนักเทวาอนธการได้ การตั้งรกรากอยู่ในเมืองเฉินเปี้ยนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพื่อให้รวี่เยว่ทุ่มเทกับการฝึกฝนโดยไม่ต้องมีห่วง เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนจึงเดินทางไปยังสำนักนายหน้า สำหรับจัดหาบ้านและอาคารที่ปล่อยให้เช่า หลังจากเลือกดูอยู่สามแห่ง ในที่สุดรวี่เยว่ก็พบร้านที่ถูกใจ หน้าร้านกว้างสองคูหาสูงสามชั้น ด้านหลังมีพื้นที่สำหรับอยู่อาศัย ทั้งใกล้แม่น้ำ ทิวทัศน์งดงามสบายตา ตรงตามความต้องการของเด็กหญิงและบ่าวรับใช้พอดิบพอดี “ทำเลดีมากเลยเจ้าค่ะคุณหนู” แม่นมชุนเอ่ยขึ้นขณะเดินดูรอบๆ ถึงแม้นางไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ทว่าดวงตากลับสื่อความหมายออกมาชัดเจน ราคาค่าเช่ารายปีถือว่าสูงพอสมควร แต่สำหรับรวี่เยว่ เงินจำนวนเท่านี้หาใช่เรื่องใหญ่ นางได้ค่าทำขวัญจากเผยคังมาพอประมาณ…เป็นทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของเขา เพื่อแลกกับความปลอดภัยในชีวิตลูกเมีย และเมื่อนำมารวมกับจำนวนเงินที่ได้มางานประมูลโอสถ รวี่เยว่จึงกลายป็นเศรษฐีนีน้อยๆ ในชั่วข้ามคืน ทั้งที่เป็นฤดูหนาว แต่ถนนหนทางของย่านการค้ากลับคึกคักมิต่างจากหน้าร้อน จากที่ตั้งใจว่าจะเปิดร้านในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จึงเปลี่ยนใจมาเปิดร้านเร็วขึ้น สินค้าที่จะทำออกมาขายคือ ขนมและลูกกวาดเสริมพลัง!! ซึ่งได้สูตรมาจากมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ภรรยาของมหาเทพหวงหลง เทพีผู้รักการดื่มกินเป็นชีวิตจิตใจ! มหาเทพหวงหลงได้เล่าเรื่องของศิษย์รักให้ภรรยาฟัง และด้วยเหตุผลที่ทั้งสองมิอาจให้กำเนิดทายาทได้ มหาเทวีจึงเอ็นดูรวี่เยว่เป็นพิเศษ ถึงขั้นยอมสอนเด็กหญิงทำอาหารที่มีสรรพคุณมิต่างจากโอสถ ทว่าสามารถดื่มกินได้ทุกวันโดยไม่มีผลข้างเคียง!! ในเมื่อรวี่เยว่มีมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์เป็นอาจารย์อีกคน นางจึงขออนุญาตนำชื่อมาตั้งเป็นชื่อร้านว่า “เฟิ่งหนี่ว์"ตอนพิเศษ 2/2 กระต่ายน้อยของข้า ราวกับสวรรค์เป็นใจ จึงได้ดลบันดาลให้ค่ำคืนนั้น ท้องนภาสีหมึกพร่างพราวไปด้วยหมู่มวลดารา คล้ายช่วยสนับสนุนให้กลยุทธ์มัดใจสาวประสบผลสำเร็จ อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ดวงตาทอประกายระยับ งดงามมิต่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ร่างบางแย้มยิ้มจนตาโค้ง ขณะมานั่งเล่นที่หัวเรือหลังกินมื้อเย็นเสร็จ “องค์ชายใหญ่ ขอบคุณท่านมากนะ ข้ามีความสุขมากเลย ท่านใจดีมากจริงๆ ไม่ได้หน้ายู่เลยสักนิดเดียว” “…” หวงฝู่ฮ่าวอวี่มุมปากกระตุก ‘หน้ายู่อะไรกันอีกกระต่ายน้อยจอมซน’ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้อ้าปากถาม กระต่ายน้อยจอมซนพลันขยับมือ ปลดหยกสีม่วงเข้มประจำตัวของนาง มอบให้ชายหนุ่มแทนคำขอบคุณเสียก่อน “นี่คือหยกอินทนิลของข้า ข้าขอมอบให้ท่านแทนคำขอบคุณนะหวงฝู่ฮ่าวอวี่ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องกลับภูผาหยินซานแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสมาเมืองหลวงอีก ข้าต้องคิดถึงท่านมากแน่ๆเลย ฮึก อยู่ที่นู่นไม่มีใครเล่นกับข้าเลย ฮึก ท่านเป็นสหายคนแรกที่ยอมไปเที่ยวกับข้า ฮึก” เสียงของอวี้เหวินอิงเอ๋อร์สั่นเครือเจือสะอื้น ขอบตารื้นน้ำ เด็กสาวดูบอบบางราวตุ๊กตากระเบื้อง ที่หากไม่ระวังก็อาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ ร
ตอนพิเศษ 2/1 กระต่ายน้อยของข้า เมื่อเอ่ยนามองค์หญิงห้า อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ขึ้นมา สิ่งที่ทุกคน ณ ตำหนักเทวาอนธการนึกถึงคือ หน้าตาน่ารักพริ้มเพราราวกระต่ายน้อย นิสัยสดใสร่าเริง ขี้เล่น ดื้อรั้นซุกซน ตามประสาองค์หญิงองค์เล็ก และ… “องค์ชายสามพะย่ะค่ะ รีบแอบเร็วเข้า องค์หญิงห้าหิ้วกล่องใส่อาหารเดินขึ้นบันไดหอตำรามาแล้วพะย่ะค่ะ!” เสียงองครักษ์ส่วนตัวของอวี้เหวินเจาเจวี๋ยดังขึ้นเตือนนายของและศิษย์คนอื่นๆไปในตัว หากไม่อยากเป็นหนูทดลองสูตรยาพิศดารขององค์หญิงห้่า อย่าได้เสี่ยงรับอาหารหรือยาบำรุงร่างกายที่นางปรุงขึ้นเด็ดขาด! บรรดาศิษย์ฝ่ายในที่กำลังรวมตัวแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่ในหอตำรา หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า เรือนต้นสนแดง ต่างรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง ดูราวผึ้งแตกรังก็มิปาน! เหลือเพียงผู้อาวุโสสองที่เพิ่งเดินเข้าไปหยิบม้วนตำรายังส่วนในของเรือนต้นสนแดง อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ก้าวมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้า หน้าตาบูดบึ้งอมลมแก้มป่องอย่างขัดใจ นางอุตส่าห์ลุกขึ้นมาทำขนมอบตั้งแต่เช้า ตั้งใจเอามาแบ่งศิษย์คนอื่นๆ ให้ลองชิมกันดูเสียหน่อย แต่เมื่อไม่เห็นเงาใครสักคนร่างบางจึงหมุนตัวเตรียมจากไป ทว่าเผ
ตอนพิเศษ 1/2 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆ ชิงหลง เอ้ย ชิงหลง ในที่สุดเจ้าก็มีวันนี้เหมือนกัน” เสียงหัวเราะเย้ยหยันด้วยความชอบใจของมหาเทพหวงหลงดังขึ้น การได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนเพราะทำสิ่งใดไม่ถูกของสหายรักคือความบันเทิงอย่างหนึ่ง ทว่าคำกล่าวที่ว่า ความสุขนั้นมักสั้นเสมอคือสัจจะธรรมอันแท้จริง ในขณะที่กำลังเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะโดยมีฮั่วฮ่าวหยางนั่งอยู่บนตัก ความอุ่นวาบเปียกชื้นพลันเกิดขึ้น มหาเทพหวงหลงชะงักค้างหลุบตาร่างเล็กบนตักด้วยสายตาเหลือเชื่อ เจ้าตัวน้อยเงยหน้ามองมหาเทพหวงหลง ที่จู่ๆก็หยุดหัวเราะในบัดดลด้วยแววตาใสซื่อกลับมา “คิกๆๆ เอิ๊กๆๆ” เจ้าก้อนแป้งขาวผ่องอวบอัด ระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจเลียนแบบบ้าง เผยให้เห็นฟันน้ำนมด้านหน้าสี่ซี่ น่ารักน่าเอ็นดูราวกระต่ายอ้วนตัวน้อย สีหน้ารื่นเริงของมหาเทพหวงหลงก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกจนดูไม่ได้แทน “อ๊าาาา หยางเอ๋อร์เจ้าจะฉี่ทำไมไม่บอกข้า เมียจ๋าาาา มาเอาหยางเอ๋อร์ไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ที” “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ” คราวนี้เป็นมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “…” มหาเทพทั้งสอง หัวเราะทีหลังดังกว่าเ
ตอนพิเศษ 1/1 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังรวี่เยว่คลอดแฝดมังกรหงส์ มหาเทพทั้งสามคล้ายได้ของเล่นชิ้นใหม่ พวกเขาต่างรอเวลาให้ฮั่วเฮ่อฉีออกไปข้างนอก หรือนอนหลับสนิท จากนั้นถึงจะแอบทอดเงาออกมาเชยชมเจ้าตัวน้อยทั้งสอง หากคืนไหนองค์ไท่จื่อจู๋จี๋กับภรรยานานหน่อย มหาเทพทั้งสามจะขัดใจมาก เพราะคืนนั้นพวกเขามิอาจปรากฏกายออกมาเยี่ยมหลานศิษย์ทั้งสองได้ แต่ก็มีบางครั้งเช่นกัน ที่มหาเทพหวงหลงคิดถึงหลานจนขี้เกียจรอ เขาเลยส่งเมฆนิทราออกมาจากแดนปราณ สะกดจิตฮั่วเฮ่อฉีจนหลับกลางอากาศก็มี บางครั้งชายหนุ่มนั่งกินข้าวเย็นอยู่ดีๆ หัวทิ่มคาโต๊ะก็เกิดขึ้นมาแล้ว ธรรมดาเสียที่ไหนท่านอาจารย์ของรวี่เยว่! คราแรกรวี่เยว่เองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าเมื่อทราบความจริง นางถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ท่านอาจารย์ของนางก็มีมุมแสบสันเอาแต่ใจกับเขาเป็นด้วย รวี่เยว่เลยต้องเฉไฉยกข้ออ้างมาบอกสวามีว่า "น้องคิดว่าวันนี้ท่านพี่คงเหนื่อยเกินไปเลยหลับกลางอากาศเจ้าค่ะ" จะให้บอกความจริงว่าโดนมหาเทพเล่นกลก็ไม่ได้เสียด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ “มหาเทพวางยาองค์ไท่จื่อเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เหตุผลเพียงเพราะคิ
บทที่ 69/2 ครอบครัวที่สมบูรณ์ “เสด็จแม่โตแล้ว ไม่ดื้อแล้ว ไม่โดนเสด็จพ่อหวดก้นแน่นอนเพคะเสด็จลุง” เสียงเล็กของฮั่วเยว่ฉีดังขึ้น ร่างเล็กเอื้อมไปกุมมือผู้เป็นลุงเพื่อขอให้เขาอุ้ม ร่างสูงโน้มตัวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมา หอมแก้มป่องขาวกลมไปฟอดใหญ่ ฟ้อดดด “จริงรึ?” ฮั่วเยว่ฉีหยักหน้าหงึกๆ “เช่นนั้น ลุงเชื่อเจ้าก็ได้” เช้าวันนี้ ตำหนักหย่งเทียนครึกครื้นเป็นพิเศษ บรรดาแขกเหรื่อคนสำคัญ ที่มาร่วมงานวันเกิดธิดาเทพรวี่เยว่ ต่างหอบหิ้วของฝากมากมายมาให้เจ้าของวันเกิด หวงฝู่ฮ่าวอวี่ที่สมรสกับอวี้เหวินอิงเอ๋อร์ไปเมื่อห้าปีก่อน อุ้มโอรสองค์โตวัยสามหนาวเดินตามชายารัก ที่เลิกล้มความคิดเรื่องการเป็นนักปรุงโอสถ แต่หันมาเอาดีทางด้านค้าขายผ้าและเครื่องประดับแทน องค์หญิงจอมซนเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ รูปแบบเครื่องประดับและลายผ้าที่นางออกแบบ จึงงดงามแปลกตาไม่เหมือนใคร เป็นที่นิยมชมชอบของสตรีในเมืองหลวงและเมืองใหญ่หลายเมือง “รวี่เยว่ สุขสันต์วันเกิดนะ พวกเราขอให้เจ้ามีแต่ความสุขในทุกๆวัน” ทักทายเจ้าของวันเกิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปทำความเคารพองค์ราชาอวี้เหวินเหิง และเชื้อพระวงศ์ของตำหนัก
บทที่ 69/1 ครอบครัวที่สมบูรณ์ เสียงกรีดร้องเบ่งคลอดของรวี่เยว่ที่ดังขึ้นเป็นระยะ บีบรัดหัวใจของฮั่วเฮ่อฉีจนปวดร้าว เขาสงสารชายาจับใจ “หม่าลั่ว ทำไมนานนักล่ะ ทำไมรวี่เยว่ยังไม่คลอดอีก” ร่างสูงมือเย็นเฉียบจากความประหม่าระคนหวาดกลัว สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดหล่อเย่หมิงต้องมาพาร่างสูง ที่เดินไปเดินมาจนทำเขาเวียนหัวไปนั่งลง ก่อนยื่นชาให้ดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ “องค์ไท่จื่อ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็คลอด อย่าวิตกจนเกินเหตุไป” หนึ่งชั่วยามต่อมา อูแว้ๆๆๆๆ ฮั่วเฮ่อฉีที่นั่งกระสับกระส่าย หายใจไม่คล่องอยู่หน้าห้องคลอด ลุกพรวดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้อง “เป็นองค์ชายน้อยเพคะ” เสียงชุนอิ่งดังมาจากห้องคลอด “ลูกชาย ข้าได้ลูกชาย หม่าลั่ว ท่านเย่หมิง อี้หรง ได้ยินหรือไม่ ข้าได้ลูกชาย ฮ่าๆๆๆ” ครึ่งเค่อต่อมา แว้ๆๆ อุแว้ๆๆๆๆ “เป็นองค์หญิงน้อยเพคะ” คราวนี้เป็นเสียงของจวี๋จื่อ เสียงเฮดังขึ้นหน้าห้องอีกครั้ง ฮั่วเฮ่อฉีกระโดดกอดเย่หมิงและหม่าลั่ว ทั้งสามหัวเราะร่าเสียงดัง “ลูกสาว ข้าได้ลูกสาวอีกคน ฮ่าๆๆ ดี ดียิ่ง หม่าลั่วช่วยแจกรางวัลให้ทุกคนในตำหนัก เปิดโรงทานในเมืองหล