บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ ตอนปลาย/2
วันเปิดร้านผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก พวกเขาได้รับแจกถั่วเคลือบน้ำตาลเสริมพลังปราณในกายเป็นสินค้าแนะนำ ทีแรกก็ไม่มีใครเชื่อว่า เพียงแค่ขนมขบเคี้ยวจะช่วยเสริมพลังธาตุในกายได้อย่างไร รวี่เยว่จึงมอบลูกกวาดเสริมพลังของแต่ละธาตุให้แต่ละคนลองกินดู “ลูกกวาดอัคคีที่ท่านลุงเพิ่งกินเข้าไป จะช่วยให้ปราณธาตุไฟของท่านแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในทันที และคงอยู่ครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ ท่านสามารถทดสอบพลังได้ทันที” รวี่เยว่ยืนเอามือไพล่หลัง บรรยายสรรพคุณสินค้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับทรงพลังกึกก้องจนหลายคนไม่กล้าพูดแทรก ครั้นชายวัยกลางคน ที่เพิ่งกินลูกกวาดสำหรับเสริมพลังธาตุไฟเข้าไป เริ่มต้นเดินพลังดูตามคำแนะนำ ฟึ่บ!! พลังธาตุไฟในมือของเขาแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในพริบตา ตามสรรพคุณที่กล่าวมาจริงๆ! “โอ้ พลังธาตุของข้าแข็งแกร่งขึ้นจริงๆด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ แม่หนูเจ้าขายราคาเท่าไหร่ข้าขอเหมาหมด!” ชายวัยกลางคนผู้มีพลังธาตุไฟ รีบควักถุงเงินออกจากมาแหวนยื่นให้รวี่เยว่ “เจ้าจะเหมาหมดคนเดียวได้อย่างไร! ข้าเองก็อยากได้เหมือนกัน” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบเบียดเข้ามา จากนั้นก็มีทั้งนักพรตชายและหญิง ต่างยื้อแย่งกันเพื่อขอซื้อลูกกวาดและขนมเสริมพลังธาตุในร้าน “ข้าด้วย ของข้าธาตุลม” “ของข้าธาตุน้ำ” อึดใจต่อมาความโกลาหลก็บังเกิดขึ้นในร้านเฟิ่งหนี่ว์ นักพรตทั้งหลายแทบตีกันตายเพื่อแย่งซื้อสินค้าของร้าน “อย่าแย่งกันเจ้าค่าา รบกวนทุกท่านต่อแถวให้เรียบร้อยด้วย” แม่นมชุนส่งเสียงห้ามทัพ ทว่ากลับไม่ได้ผล รวี่เยว่ยกมือเล็กกุมขมับตัดสินใจใช้ไม้ตาย ร่างเล็กเดินไปหาหุ่นภูตที่วันนี้แปลงร่างเป็นชายหนุ่มหน้าตาเย็นชาดูทรงอำนาจ ยืนกอดอกอยู่หลังโต๊ะรับเงินข้างๆชุนอิ่ง "อย่าหนักมือ เอาแค่พอสะดุ้ง" หุ่นภูตโค้งรับคำสั่ง ก้าวไปยืนกลางร้านและ… ครืนนนน!!! พลังตบะระดับหยวนอิงขั้นกลาง ถูกปล่อยออกมาเพื่อเตือนสติบรรดาลูกค้า ที่กำลังกระหายสินค้าจนหน้ามืด! แต่ละคนหยุดยื้อแย่งทันที หันมามองชายหนุ่มหน้าตาเย็นชาด้วยสายตาเคารพนบนอบ “ไอหยา! ที่แท้เจ้าของร้านนี้คือท่านเซียนนี่เอง พวกข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว จะรีบไปต่อแถวเดี๋ยวนี้แหละขอรับ” เมื่อโดนนักพรตระดับหยวนอิงห้ามทัพ ลูกค้าที่น่ารักทุกท่านจึงยอมไปยืนต่อแถว ณ บริเวณที่ถูกจัดไว้ในร้านโดยละม่อม จวี๋จื่อทำหน้าที่เป็นแมวกวักอยู่หน้าร้าน ยกอุ้งเท้าขึ้นมากุมหัวด้วยความเหนื่อยใจ "ต้องให้ลงไม้ลงมือก่อนถึงจะยอมฟัง เฮ้อ มนุษย์เนี่ยนะ เมี๊ยววว" "คิกๆๆๆ" เสี่ยวหลานที่เกาะอยู่บนคอนหลังชุนอิ่งหัวเราะชอบใจ บังเกิดเป็นเสียงนกน้อยขับขาน เคล้ากลิ่นหอมหวาน รูปร่างหน้าตาสวยงาม สีสันสดใสชวนลิ้มลองของขนมภายในร้าน สร้างความเพลิดเพลินใจให้เหล่านักพรตที่กำลังยืนต่อแถวไม่น้อย ร้านเฟิ่งหนี่ว์เปิดทำการมาได้ครึ่งเดือนแล้ว สินค้าทุกชิ้นเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่ต้องการอย่างมาก เพราะรวี่เยว่จำกัดจำนวนการซื้อ ในแต่ละวันของแต่ละคน เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าไว้คนเดียว หรือนำไปขายต่อในราคาที่สูงเกินความจำเป็น เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นมาในระดับหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่รวี่เยว่ต้องออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ ตำหนักเทวาอนธการ หม่าลั่วขับรถม้ามาส่งรวี่เยว่ที่ตีนเขาทางขึ้นภูผาหยินซาน เขามิอาจไปต่อได้ตามกฎที่กำหนดไว้ของเมืองเฉินเปี้ยน “คุณหนู ข้าคงส่งท่านได้เพียงเท่านี้แล้วขอรับ ข้างหน้าเป็นบันไดทางขึ้น ที่จะนำท่านขึ้นไปบนภูผา แต่ต่อจากนั้น…ท่านคงต้องหาทางไปต่อเองแล้วขอรับ หาก ฮึก หากว่า ท่านหาทางไปไม่เจอ กลับมาหาพวกเรานะขอรับ ข้า ฮึก แม่นมชุนและชุนอิ่งจะรอท่านกลับมา” หม่าลั่วเอ่ยกับคุณหนูของตนเสียงขึ้นจมูกเจือสะอื้นเล็กน้อย หม่าลั่วเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเศร้าด้วย รู้เพียงว่าตั้งแต่ที่เลิกอาชีพนักฆ่ารับจ้าง และผันตัวมาเป็นพ่อบ้านให้รวี่เยว่ ชายหนุ่มกลายเป็นคนอ่อนไหวไปโดยปริยาย รวี่เยว่ที่อุ้มจวี๋จื่ออยู่ในอ้อมแขน พยักหน้าให้หม่าลั่วเป็นเชิงตอบ ก่อนหมุนตัวสะกิดปลายเท้าพุ่งทะยานหายไป ครึ่งวันต่อมาร่างเล็กก็มายืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นป้อมปราการขนาดใหญ่ สิ่งก่อสร้างงดงามวิจิตรตระการตา สูงส่งประดุจวิหารศักดิ์สิทธิ์ของทวยเทพ กำแพงสร้างจากศิลาทมิฬทรงพลังและแข็งแกร่ง “เสี่ยวหลาน จวี๋จื่อ พวกเราถึงแล้ว ตำหนักเทวาอนธการ ยิ่งใหญ่มากจริงๆด้วย” ห้าปีต่อมา "เร่เข้ามาขอรับ เร่เข้ามา วันนี้ทางร้านเฟิ่งหนี่ว์มีลูกกวาดสูตรใหม่มาขาย คนธรรมดาก็กินได้ นักพรตกินดี มีทั้งแบบเพิ่มพลังปราณ พลังวิญญาณและเพิ่มพลังกาย ใครที่ขี้หนาวต้องรีบซื้อเลยนะขอรับ หน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง ท่านจะไม่หนาวสะท้านอีกต่อไป รีบด่วนมีจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย ต้องรออีกสามเดือนถึงจะมีของมาใหม่นะขอรับ" เด็กหนุ่มหน้าใสในชุดผ้าต่วนสีดำ ผู้มีดวงตาดอกท้อสีเทาเย็นชา ยืนประกาศเสียงดังอยู่หน้าร้าน หมุนตัวกลับมานั่งจิบชาที่สาวใช้เตรียมไว้ให้หลังประกาศขายของจบ สิ้นคำบรรยายสรรพคุณ สถานที่สำหรับต่อแถวรอซื้อสินค้า เวลานี้ยาวเหยียดราวงูอสูรตัวใหญ่! ช่างเป็นการรวมตัวที่ฉับไวจนมองแทบไม่ทัน สาวใช้ประจำตัวรวี่เยว่จากตำหนักเทวาอนธการ ยืนมุมปากกระตุกไม่หยุด ธิดาเทพ แอบลงจากตำหนักมาขายของหารายได้อีกแล้ว! เห็นเย็นชาหน้าน้ำแข็งแบบนี้ จะมีใครรู้บ้างว่ารักเงินทองเป็นที่สุด ที่มีอยู่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะใช้หมดรึเปล่า!!! แม่นมชุนพอจะคาดเดาความคิดของสาวใช้ออก จึงเดินไปกระซิบเพื่อช่วยคลายความข้องใจ "มีเงินทองมากอย่างไรก็ดีกว่ามีน้อย พวกเจ้าจำให้ขึ้นใจล่ะ"บทที่ 14 คำยุยง /1 ในขณะที่รวี่เยว่กำลังเพลิดเพลิน กับการหารายได้เข้ากระเป๋าอยู่ที่ร้านเฟิ่งหนี่ว์ในเมืองเฉินเปี้ยน เฉียนเยียนหรานคู่แค้นของรวี่เยว่ ได้นำเรื่องที่นางลงจากตำหนักแล่นไปฟ้องท่านหญิงเมิ่ง เมิ่งเฟยหลิง หลานสาวขององค์ราชินี ซึ่งแอบมีใจให้อวี้เหวินเทียนหยามาหลายปีแล้ว เมิ่งเฟยหลิงเป็นหญิงงาม กิริยามารยาทอ่อนหวานน่าทะนุถนอม หากแต่มิอาจมัดใจบุรุษเย็นชาอย่างอวี้เหวินเทียนหยาได้เสียที “ท่านหญิงเจ้าคะ รวี่เยว่แอบลงไปจากภูผาอีกแล้วเจ้าค่ะ นางทำแบบนี้ทุกสามเดือน แต่ไม่เห็นว่าท่านอ๋องจะกล่าวตำหนิหรือลงโทษนางเลยสักครั้ง หากเป็นข้าหรือคนอื่นๆทำเช่นเดียวกัน คงโดนสั่งโบยหลังขาดไปแล้ว แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนะเจ้าค่ะ ท่านหญิงเห็นด้วยกับข้าหรือไม่” ในดวงตาของเฉียนเยียนหรานเต็มไปด้วยความเกลียดชิงอย่างไม่คิดจะปิดบัง ภาพความทรงจำในวันแรกที่ได้พบคู่แค้นหวนกลับมาอีกครา …ห้าปีก่อน รวี่เยว่ในวัยเก้าหนาวแย้มรอยยิ้มอย่างยินดี เมื่อมองเห็นตำหนักเทวาอนธการตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ร่างเล็กก้าวเท้ามุ่งไปยังจุดหมาย ทว่าเมื่อเดินขึ้นมาได้ครึ่งทางก่อนถึงประตูใหญ่ ชายหนุ่มชุดดำห้าคนซึ่งคาดว่าน่
บทที่ 14 คำยุยง /2 ด้วยเพราะพลานุภาพอัคคีนิลกาฬในกายของรวี่เยว่ มาจากศิลามหาเทวะธาตุหยินหยาง จึงทรงพลังยิ่งกว่าอัคคีนิลกาฬของผู้ที่มีตบะในระดับเดียวกันไปมากโข ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนลึกลับที่เกิดขึ้น ร่างสูงแวบหายจากตำหนัก มาปรากฏกายอยู่หน้าประตูใหญ่ในเสี้ยวลมหายใจ ครั้นเห็นว่าเป็นใคร สุ้มเสียงทุ้มต่ำกล่าวถ้อยคำขึ้นอย่างยินดี “รวี่เยว่! เป็นเจ้านั่นเอง ข้าดีใจที่เจ้ายอมรับคำเชิญของข้า” อวี้เหวินเทียนหยาร่อนลงพื้นสาวเท้ามาหาร่างเล็กด้วยท่วงท่างามสง่า “เส้นทางขึ้นภูผาลำบากไม่น้อย แต่เจ้าก็สามารถผ่านขึ้นมาได้โดยปราศจากรอยขีดข่วน นับว่าฝีมือล้ำเลิศจริงๆ” ชายหนุ่มกล่าววาจาชื่นชมร่างเล็กอย่างอ่อนโยน ก่อนปรายตามองเฉียนเยียนหรานด้วยสายตาคมกริบ ถึงไม่ถามเขาก็พอคาดเดาสถานการณ์ออก คนถูกมองสะดุ้งเฮือก เหงื่อกาฬแตกเต็มเผ่นหลัง รีบก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาผู้เป็นใหญ่รองจากองค์ราชาของตำหนักเทวาอนธการ “กักบริเวณเฉียนเยียนหรานสามเดือน งดโอสถเสริมพลังทุกชนิดครึ่งปี! ส่วนบ่าวไพร่ที่ติดตามมาลงโทษตามกฎ ความผิดฐานปล่อยให้นายของตน กระทำการหยาบคายกับแขกของข้า!” “ท่านอ๋อง ไม่นะเพ
บทที่ 15 การกลับมาของจอมมาร /1 ตำหนักเทพอนันต์ นับตั้งแต่วันที่ฮั่วเฮ่อฉีเดินทางกลับตำหนักเทพอนันต์ตามคำสั่งของพระอัยกา หลังผ่านงานประมูลโอสถครั้งใหญ่ ณ เมืองลวี่เฟิง เด็กหนุ่มแสนดื้อรั้นเอาแต่ใจ เดินเข้าสู่ถ้ำบำเพ็ญของราชวงศ์ในหุบเขาเทพประทานพรด้วยตนเอง หลังได้ข่าวว่าบ้านหลังเล็กของรวี่เยว่ถูกไฟไหม้และเด็กหญิงหายตัวไป… ย้อนไปในวันที่ทราบเรื่อง ฮั่วเฮ่อฉีร้อนใจจนอยู่ไม่สุข เขาส่งคนไปสืบข่าว ทว่าคว้าน้ำเหลว ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งอย่างเผยคังกลับตายแล้วเช่นกัน องค์ไท่จื่อผู้หยิ่งยโสถึงกับยอมลดความโอหังลง เขียนสาส์นไปหาชินอ๋องของตำหนักเทวาอนธการ ถามหารวี่เยว่น้อยด้วยองค์เอง อีกฝ่ายตอบกลับมาว่านางไม่ได้มาพบเขา ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องจริง เพราะในยามนั้นรวี่เยว่ยังไม่ได้เดินทางขึ้นภูผาของตำหนักเทวาอนธการ… ห้าปีผ่านไป ในที่สุดประตูถ้ำบำเพ็ญก็เปิดออก พลังปราณตบะระดับหยวนอิงขั้นกลางพวยพุ่งออกมา ปะทะเข้ากับอากาศภายนอกจนเกิดลมกระโชกไปทั่วบริเวณ อี้หรงทำหน้าที่เฝ้าปากถ้ำรีบวิ่งไปหาสหายรักอย่างลิงโลด พวงหางสีเงินฟูฟ่องแกว่งไปมารวดเร็วจนเกิดลมแรงระลอกที่สอง องครักษ์ที่ผลัดกันมาค
บทที่ 15 การกลับมาของจอมมาร /2 ด้านล่างห่างออกไปคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตำหนักเทพอนันต์ พระราชวังหลวงสีขาวทองสร้างจากศิลาอัคนีหยกขาว ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาเทพประทานพร สถานที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพรปราณและปราณบริสุทธิ์จากธรรมชาติ แมกไม้เขียวขจี สายธารรินไหลจากที่สูงลงสู่ทะเลสาบนิรันดร์ ใจกลางตำหนักเทพอนันต์ ทัศนียภาพเบื้องหน้างดงามราวสรวงสวรรค์ “ตามองครักษ์ที่ติดตามข้าไปเมืองลวี่เฟิงเมื่อห้าปีก่อน บอกให้ไปรอที่ตำหนักนอกเมือง ข้าจะออกเดินทาง” “พะย่ะค่ะ” องครักษ์คนสนิทรับคำสั่งและแวบหายไปจากตรงนั้นราวกับไม่เคยมีอยู่ “...” อี้หรงแอบกลอกตามองฟ้า “เอ่อ ไท่จื่อ ท่านไม่คิดจะกลับไปตำหนักเทพอนันต์ เพื่อเยี่ยมเยียนพระอัยกาสักหน่อยก่อนหรือ” เดี๋ยวก็ได้งานเข้าอีกหรอก แหมมม ออกจากการกักตนปุ๊บ ก็จะหนีเที่ยวปั๊บเลยนะ! “ข้าย่อมกลับไปก่อนแน่ ป่านนี้ท่านปู่คงคิดถึงข้าแย่แล้ว รายนั้นติดข้าจะตาย หุหุ” สีหน้าของชายหนุ่มเป็นเปลี่ยนซุกซนยามเอ่ยถึงท่านปู่ผู้เข้มงวด ฮัดชิ้ว!! ฮั่วเซี่ยวเทียน จามออกมาขณะกำลังคัดเลือกสมุนไพร ร่างสูงหันกลับมาหาอี้หรง เอ่ยถามบางอย่างผ่านกระแสจิต ‘องค์ชายใหญ่กับมารดาของเข
บทที่ 16 ภารกิจพิสูจน์ความสามารถ /1 เมื่อเสร็จจากธุระในเมืองเฉินเปี้ยน รวี่เยว่ก็เดินทางกลับสู่ตำหนักเทวาอนธการในคืนวันนั้น หญิงสาวสังหรณ์ใจว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เพราะทุกครั้งที่หนังตากระตุก เป็นต้องมีเรื่องตีรันฟันแทงเสียทุกครั้งไป! ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนที่แล้ว ระหว่างที่นางเดินทางลงจากภูผา เพื่อนำโอสถต่างๆ ที่หลอมไว้ ไปมอบให้หม่าลั่วและชุนอิ่งนำกลับไปยังหอโอสถของนางที่เมืองหลวง ซึ่งเปิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่ผ่าน …ในวันนั้น รวี่เยว่เพิ่งก้าวเท้าพ้นเขตวงกตมายามาได้เพียงไม่กี่ก้าว กลุ่มนักฆ่ารับจ้างจำนวนสามสิบคน ซึ่งมาดักรออยู่ก่อนแล้ว เข้าจู่โจมแบบกะทันหันจนนางตกใจทำถังหูลู่ตกพื้น! น่าโมโหที่สุด! ท่านอ๋องอุตส่าห์ทำให้นางกินเองกับมือ! โชคดีที่นางไม่ได้พาสาวใช้ทั้งสองคนมาด้วย มิฉะนั้นเรื่องนี้คงได้ถึงหูผู้ปกครองของนาง ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยา หากเขารู้เข้ามีความเป็นไปได้สูงว่า นางจะถูกสั่งห้ามลงจากตำหนักเทวาอนธการไปอีกหลายเดือน และนั่นจะมีผลกระทบกับกิจการทั้งหลายทั้งปวงของนาง เรื่องนี้รวี่เยว่ยอมไม่ได้ เวลาของนางเป็นเงินเป็นทอง!! ตำหนักชินอ๋อง เรือนพักธิดาเทพ รว
บทที่ 16 ภารกิจพิสูจน์ความสามารถ /2 หน้าทางเข้าป่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาเดินเคียงข้างมากับรวี่เยว่ นำเด็กสาวมาส่งยังทางเข้าป่าเพื่อทำภารกิจด้วยตนเอง ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา ฉายแววกังวลระคนห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน จนหลายคนเหลือบมองท่านหญิงเมิ่งที่ยืนอยู่ข้างองค์ราชินีด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ เฉียนเยียนหรานที่ยืนรวมกลุ่มอยู่กับศิษย์คนอื่นๆลอบยิ้ม ในใจกำลังสาปแช่งให้รวี่เยว่ตกตายด้วยฝีมือสัตว์อสูรระดับสูงในป่า “รวี่เยว่ระวังด้วย อย่าให้ตัวเองต้องเป็นอันตราย หากไม่ไหวจริงๆ ให้ยิงพลุสัญญาณ ข้าจะเข้าไปรับเจ้าออกมาเอง” เขาคาดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสของหอบำเพ็ญ จะกดดันให้รวี่เยว่ต้องทำการพิสูจน์ตนเองเร็วขนาดนี้ ตบะของนางยังไม่ถึงระดับหยวนอิงด้วยซ้ำ ตัวเขาคัดค้านอย่างไรก็ไม่เป็นผล สุดท้ายจึงต้องจำยอมปฏิบัติตามกฎที่บัญญัติไว้ ความจริงระดับตบะของรวี่เยว่ผ่านระดับหยวนอิงมาพักหนึ่งแล้ว นางแค่รอให้ผ่านวันปักปิ่นไปก่อนถึงจะยอมเปิดเผยพลังที่แท้จริง เมิ่งเฟยหลิงกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เมื่อได้เห็นสีหน้าและแววตาอ่อนโยนของอวี้เหวินเทียนหยา ยามทอดมองรวี่เยว่ ทีกับนางเขามีแต่ค
บทที่ 17 เสี่ยวเฮยมาว/1 ตลอดเส้นทาง สัตว์อสูรระดับสูงที่สมควรปรากฏตัว กลับหายหัวไปไหนกันหมดไม่รู้ องครักษ์ที่ลอบตามมาห่างๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความงวยงง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสัตว์อสูรหายไปไหนกันหมด” “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ก็มาด้วยเนี่ย” “พวกเจ้าอย่ามัวเถียงกัน ธิดาเทพหายไปแล้ว! นี่มันใกล้อาณาเขตของพยัคฆ์อนธการเข้าไปทุกที หากหลงเข้าไปมีหวัง…” องครักษ์ไม่กล้าคิดต่อ เกิดนางเป็นอะไรขึ้นมา ชินอ๋องฆ่าพวกเขาทิ้งแน่! ทางด้านรวี่เยว่หลังจากแอบหลบฉากมาได้ นางก็รีบกินยากลบกลิ่นอายของตนเอง และเป็นเพราะกลิ่นอายจากเกล็ดมังกรทองของมหาเทพหวงหลง ช่วยข่มขวัญบรรดาสัตว์อสูรทุกระดับในป่าอสูรแห่งนี้ รวี่เยว่จึงเดินทางมาถึงหน้าบ้านของเป้าหมายได้อย่างสะดวกราบรื่นและรวดเร็ว รวี่เยว่ตระเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างที่ได้รับมาจากมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ ก่อนสาวเท้าไปยืนหน้าปากถ้ำของ เสี่ยวเฮยมาว ตามที่อาจารย์หญิงใช้เรียกพยัคฆ์อนธการ ทั้งที่ความจริงชื่อของมันคือ เย่หมิง! กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง เสียงกระพรวนสายรุ้งดังขึ้น พยัคฆ์อนธการสีเทาเข้มมีปีกสีดำตัวมหึมาลืมตาขึ้นทันที ดวงตาสีเขียวประดุจอัญมณีวาวโรจน
บทที่ 17 เสี่ยวเฮยมาว/2 “ข้ามอบให้ท่านได้เจ้าค่ะ เพียงแต่…ท่านต้องกลับไปกับข้า เพราะอาจารย์หญิงสั่งไว้ว่า อะ แฮ่ม” รวี่เยว่ดึงมือที่กำใบกัญชาแมวกลับมา เงยหน้าสบตาแมวยักษ์ตรงหน้า กระแอมเล็กน้อย ก่อนถ่ายทอดคำสั่งที่ได้รับมาจากมหาเทวี “เสี่ยวเฮยมาว ลูกศิษย์ของข้าเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์ เจ้าจงติดตามนางออกไปจากป่า ทำหน้าที่สหายที่ดีของนาง หากเจ้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะส่งสายฟ้ามาหวดก้นปุกปุยของเจ้าเสีย!” กล่าวจบรวี่เยว่ก็แบมือทั้งสองข้างออกพร้อมกัน อัคคีหิรัณย์และอัคคีนิลกาฬปรากฏต่อสายของเสี่ยวเฮยมาว “มหาธาตุหยินหยาง!!! นี่เจ้าครอบครองมหาธาตุหยินหยางจริงๆ อย่างนั้นรึมนุษย์” ร่างยักษ์กระโจนผลุงมาหยุดอยู่ตรงหน้ารวี่เยว่ ดวงตาจ้องมองไฟธาตุทั้งสองอย่างตื่นตะลึง รวี่เยว่ไม่สามารถกลั้นยิ้มได้อีกต่อไป เมื่อได้เห็นความนุ่มฟูในระยะประชิด นางดับไฟธาตุในมือ เอากัญชาแมวสวรรค์ออกมามอบให้พยัคฆ์อนธการ อีกฝ่ายรีบรับไปอย่างลิงโลดหลังจากถูๆไถๆ สูดดมไปได้ครู่หนึ่ง อาการแมวยักษ์เมากัญชาสวรรค์จึงปรากฏ รวี่เยว่รีบฉวยโอกาส เขย่ากระพรวนสายรุ้งพร้อมเอ่ยถามน้ำเสียงเว้าวอน กรุ๊ง กริ๊ง “พ่อพยัคฆ์สุดหล่อ กลับไป
บทที่ 57/2 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด เหวินไป๋เหลียนคนรักของเขาที่งดงามสดใสราวดอกทานตะวัน เทียบไม่ได้เลยกับความงามสง่าโดดเด่น ประหนึ่งดอกหมู่ตานตรงหน้า จากที่คิดว่าจะออกไปจากห้องหอทันทีหลังเปิดผ้าคลุมหน้าสาว หวังเหลียงกลับเปลี่ยนใจ เดินไปรินสุรามงคลมายื่นให้เยว่หนิงลี่แทน และใช้เวลาอยู่กับนางทั้งคืน ทว่าหลังจากนั้นเพียงเจ็ดวัน หวังเหลียงก็พาเหวินไป๋เหลียนเข้าจวน นับเป็นการหยามเกียรติฮูหยินเอกเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเยว่หนิงลี่กล้บไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางสงบนิ่งเยือกเย็นราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน กลับเป็นชุนหมัวมัวและหลานสาวนามชุนอิ่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ครึ่งปีต่อมาหวังเหลียงก็พาอนุอีกคนเข้าจวน เหวินไป๋เหลียนแล่นมาหาเยว่หนิงลี่ให้จัดการเรื่องนี้ ทว่าเยว่หนิงลี่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางอีกนั่นแหละ เหวินไป๋เหลียนที่กำลังตั้งครรภ์เช่นกันยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม เพราะไม่สามารถยุแยงให้อีกฝ่ายออกโรงได้ “นางเป็นก้อนหินหรืออย่างไรกัน ถึงได้เย็นชาไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ น่าโมโหที่สุด! หวังเหลียงนะหวังเหลียง!” เกือบสี่เดือนห
บทที่ 57 1 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด @เรื่องราวบางส่วนในบทนี้ค่อนข้างอ่อนไหว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ สิบหกปีก่อน เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง นับตั้งแต่บอกลากับอวี้เหวินเทียนเหิง เยว่หนิงลี่กลายเป็นคนเงียบขรึม ทั้งที่ปกติหญิงสาวเป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวาราวลูกกวางน้อยวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แม้แต่ต้าอ๋องยังรู้สึกประหลาดใจ ครั้นถามไถ่หญิงสาวเพียงคลี่ยิ้มบาง และกล่าวว่าอาจเป็นเพราะต้องจากพี่น้องทหารร่วมรบไปอยู่เมืองหลวงจึงรู้สึกใจหาย หนึ่งเดือนก่อนงานแต่ง ค่ำคืนนี้เยว่หนิงลี่ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่กับชุนหมัวมัวเพราะนอนไม่หล้บ ครั้นมองเห็นหอสุราที่ตนเคยมากับอวี้เหวินเทียนเหิง หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัวราวต้องมนตร์ จากนั้นจึงถามหาห้องส่วนตัวที่เคยมา เสี่ยวเอ้อร์เดินนำขึ้นบันไดไป ทว่าระหว่างเดินผ่านห้องส่วนตัวอีกห้อง เสียงสนทนาของบุรุษกลุ่มหนึ่งดังลอดออกมา “นี่ หวังเหลียง เรื่องที่เจ้ากำลังจะแต่งงานกับรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากแดนใต้ผู้นั้น ไม่ทำให้แม่นางเหวินไป๋เหลียนยอดดวงใจของเจ้าเสียใจแย่รึ” เสียงของบุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามบุรุษอีกคนที่ชื่อ หวังเหลียง “นั่น
บทที่ 56/2 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง อวี้เหวินเทียนหยาได้แต่ทอดถอนใจ หันไปถามความเห็นของเยว่หนิงลี่ ด้วยความที่หญิงสาวเติบโตมากับบุรุษ จึงทำให้นางมีนิสัยใจกว้างและจริงใจเป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าคนตำหนักเทวาอนธการ มีใจอยากชื่นชมความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ จึงตบปากรับคำอย่างเต็มใจ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ชอบออกมาเดินเล่นเพื่อสอดส่องความปลอดภัยของชาวเมืองยามค่ำคืนเป็นปกติอยู่แล้ว ผูกมิตรไว้ดีกว่าเป็นศัตรู นั้นคือคำที่ต้าอ๋องผู้เฒ่าสั่งสอนนางมาตั้งแต่เด็ก “ได้เจ้าค่ะ ข้ายินดีช่วยพาพี่ชายองครักษ์เที่ยวชมเมืองหลวงยามค่ำคืน” เสียงสดใสจริงใจสะท้อนไปถึงจิตใจขององค์ราชาหนุ่ม จนก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ “ถิงซี เรียกข้าว่าถิงซีเถิด” อวี้เหวินเทียนเหิงบอกชื่อกลางของตน ที่ปกติมีเพียงญาติพี่น้องเท่านั้นที่เอ่ยเรียกนามนี้ แค่กก!! ผู้เป็นน้องสำลักน้ำลายรอบที่สอง นับจากคืนนั้น ถิงซี ก็จะมารอพบเยว่หนิงลี่ที่สะพานหิน ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารทะเลไปราวครึ่งลี้ทุกคืน แม้ฝนจะตกเขาก็จะกางร่มมายืนรอนางไม่เคยขาด หลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ ในที่สุดชายหนุ่มก็มีความกล้า เอ่ยปากชวนนางออกมาเที่ย
บทที่ 56 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง ตำหนักเทวาอนธการ องค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงวางสาส์นที่น้องชายส่งมาถึงลงบนโต๊ะหลังจากอ่านจบ ร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมองออกไปไกล ดวงตาเรียวยาวคู่คมเจือความเศร้าอยู่หลายส่วน “หนิงลี่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายลูกสาวของพวกเราได้อีกแล้ว…ไยเจ้าถึงไม่บอกว่าตั้งครรภ์กับข้า ก่อนที่จะแต่งให้เจ้าสารเลวชั้นต่ำหวังเหลียงคนนั้น!” เพียงแค่รู้สึกขุ่นเคืองใจ ของตกแต่งภายในห้องทรงอักษรทั้งหมดก็แตกละเอียด ดวงตาสีเทาทรงอำนาจคมกริบปิดลง ความทรงจำเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนหวนกลับมา เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง ในพิธีเปิดงานประลองของอาณาจจักร อวี้เหวินเทียนเหิงปลอมตัวเป็นองครักษ์ของน้องชาย เพื่อออกมาท่องเที่ยวดูโลกภายนอกในรอบสิบปี องค์ราชาหนุ่มในวัยยี่สิบแปดเดินทางลงจากภูผาหยินซาน หลังจากพระบิดาเดินเข้าแดนบำเพ็ญแห่งเทวา เพื่อกักตัวระยะยาวอย่างไม่มีกำหนด ชายหนุ่มสวมหน้ากากโลหะสีดำปกปิดใบหน้าเหมือนองครักษ์คนอื่นๆ เพียงแต่มิอาจปกปิดรัศมีสูงส่งรอบกาย จึงทำให้หลายคนรู้สึกยำเกรงองครักษ์ของชินอ๋องผู้นี้มากกว่าคนอื่นๆ ค่ำคืนหลังจบพิธีเปิดงาน อวี้เหวินเที
บทที่ 55/2 หารือ หลังจากปล่อยให้ฮั่วเมิ่งเหยา ทำความรู้จักมักจี่กับรวี่เยว่พอสมควร ครู่ต่อมาฮั่วเฮ่อฉีจึงสั่งให้ฟ่านจื่อพาน้องสาวไปส่งยังที่พัก ท่าทางผ่อนคลายของฮั่วเฮ่อฉีก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาขออนุญาตรวี่เยว่ ก่อนกางม่านพลังป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป จากนั้นจึงเอ่ยเรื่องสำคัญ “รวี่เยว่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง ข้าเองไม่แน่ใจ ว่าเจ้าเคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคำพยากรณ์สำคัญ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือไม่” “หากเป็นเรื่องนี้ข้าพอรู้อยู่บ้างเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ไม่คิดปิดบัง ในเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องรู้หรือได้ยินอะไรมา ทั้งคู่หารือกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกไปพบชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาด้วยกัน …ตำหนักรับรองริมทะเลสาบ โถงรับรองส่วนตัวในเรือนพักชินอ๋อง คำพยากรณ์ซึ่งเกี่ยวพันกับรวี่เยว่ ถูกถ่ายทอดให้อวี้เหวินเทียนหยาฟังจากปากของฮั่วเฮ่อฉี อีกทั้งเรื่องนี้โยงใยไปถึงความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร หากสำนักกระบี่สวรรค์คิดทรยศอาณาจักรอู๋ซาง ไปเข้าฝ่ายอาณาจักรหวงซาอย่างที่คาดไว้จริง เช่นนั้นก็มิอาจนิ่งเฉย เพ
บทที่ 55/1 หารือ เรือนกายสูงสง่าของฮั่วเฮ่อฉีก้าวเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยลูกสุนัขสีขาวเจ้าประจำ มันตรงดิ่งไปหาแมวสีเข้มที่ย้ายตัวเอง ไปนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งอย่างคุ้นเคย “รวี่เยว่ของข้า สบายดีหรือไม่ ช่วงนี้พี่ชายถูกพวกตัวยุ่งจากตำหนักเทพอนันต์รั้งตัวไว้ เลยปลีกตัวมาหาไม่ได้ คิดถึงเจ้าใจแทบขาด” มาถึงปุ๊บก็รีบเอ่ยวาจาออดอ้อนสาวเจ้าปั๊บ ทำคนฟังเขินอายจนแก้มเนียนใสซับสีระเรื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังถือวิสาสะ เดินมากอบกุมมือเล็กขึ้นมาแนบอก สบตานางในดวงใจตาหวานซึ้ง คงเพราะเห็นว่าผู้ปกครองของหญิงสาว ไม่ได้มีท่าทีกีดกันเขาอีกต่อไป ฮั่วเฮ่อฉีเลยเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อพิชิตหัวใจของรวี่เยว่อย่างเปิดเผยมากขึ้น “พี่ชาย ท่านทำข้าใจสั่นไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ยังคงใสซื่อเรื่องความรักไม่ปลี่ยน รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น จนอีกคนที่ยืนอยู่หลังประตู ยกมือขึ้นมาประกบแก้มหัวเราะคิกอยู่ในใจ ‘ข้าชอบนางยิ่งนัก นางน่ารักเหลือเกิน’ ถ้อยคำอันใสซื่อของรวี่เยว่ ประดุจน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของชายหนุ่ม เขายินดีเป็นล้นพ้นยามได้ยินว่านางใจสั่น ‘นางเริ่มมีใจให้ข้าแล้ว!’ ฮั่วเฮ่อฉีหัวใจลิงโลด อยากจะ
บทที่ 54/2 อย่าทำให้ข้าโมโห จากนั้นก็ลงมือทุบตีจิกข่วน จนใบหน้าของวั่งเฉาบวมเป่งกลายเป็นหัวหมู ผ่านไปครู่หนึ่งโส่วจินจึงลากร่างอันบอบช้ำของ ของเล่นชิ้นใหม่ เอ้ย นักโทษคนใหม่ ไปแยกขังไว้ในห้องข้างๆ ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น หวังเหลียงเดินกระสับกระส่าย วนไปวนมาอยู่หน้าจวนแม่ทัพปราบทักษิณ มารดาของเขากับจูหมัวมัวออกมาพบต้าอ๋องตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย จนถึงบัดนี้ทั้งคู่ยังไม่กลับจวน ทหารที่เฝ้าประตูกลับออกมาพร้อมพ่อบ้าน กล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าและจูหมัวมัว ออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานแล้ว ซึ่งถือเป็นความจริงไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว หญิงชราถูกส่งไปหอโอสถเยว่เสียง ส่วนร่างไร้วิญญาณของจูหมัวมัวถูกพาไปทิ้งยังป่าอสูรในเวลาเดียวกัน ส่วนคนขับรถม้าอย่างฝานจื่อหรือหม่าฝาน ก็กลับมายังคฤหาสน์ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า นางบอกให้เขากลับมารอรับหวังเหลียงตอนเลิกงานเหมือนทุกวัน นางกับจูหมัวมัวจะหารถม้ากลับคฤหาสน์เอง เพราะต้องใช้เวลาในการสนทนากับต้าอ๋องค่อนข้างนาน หวังเหลียงเดินกลับขึ้นรถม้า ในอกเต็มด้วยความวิตกกังวล มารดาของเขาหายตัวไป หลังมาขอพบต้าอ๋อง เรื่องนี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ อยากจะถามไถ่มาก
บทที่ 54 อย่าทำให้ข้าโมโห วั่งเฉาละล่ำละลักเอ่ยวาจา เตรียมปลดปล่อยพลังธาตุ…ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลังธาตุวารีระดับเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์ปลายยอดระดับคอขวด ถูกกดข่มไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งบางอย่าง ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกจนแทบจิตหลุด มองหญิงสาวราวเห็นภูตผี ใบหน้าของเขาซีดขาวมิต่างจากกระดาษ ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนหวาดกลัว ในมหาพิภพทงเทียนเหอ สิ่งที่สามารถกดข่มพลังธาตุของนักพรตคนอื่นๆได้ในบัดดล มีเพียงสองประการ ประการแรกคือ เขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ของผู้ครอบครองธาตุแสงระดับหยวนอิงขึ้นไป และประการที่สอง พลังที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ทั้งปวง ทวยเทพ! ถึงแม้หญิงสาวเบื้องหน้าจะมีตบะระดับหยวนอิง หากแต่นางหาใช่เผ่ามนุษย์สายเลือดสัตว์เทพเหมือนเช่นเชื้อพระวงศ์ของตำหนักเทพอนันต์ จะมีเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ได้อย่างไร เรื่องที่นางมีธาตุมืดนั่นก็น่าเหลือเชื่อจนทำให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่ใช่หวังลี่ถิง แต่เป็นตัวปลอมใช่หรือไม่!” วั่งเฉาตกอยู่ในความหวาดผวาโพล่งวาจาออกมาขณะก้าวถอยหลัง “ถามมากเสียจริง หนวกหู” เสียงหวานดังขึ้นคล้ายรำคาญก่อนที่จะ… ครืนนน!! ปึ้ก!! แร
บทที่ 53/2 ช่วงเวลาแห่งความสนุก กระต่ายน้อยพองขนขู่ฟ่ออีกรอบ หันมาแหวใส่อีกฝ่ายทันควัน กล่าวว่าตนไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว ถึงเวลานั้นจะกลับมาท้าเขาแข่งดื่มสุรา ใครแพ้ต้องยอมเรียกอีกฝ่ายว่า ลูกพี่ “ตกลง แล้วข้าจะรอแข่งร่ำสุรากับเจ้า! เตรียมล้างคอไว้ได้เลยอวี้เหวินอิงเอ๋อร์” “ท่านต่างหากที่ต้องเตรียมล้างคอไว้รอ หวงฝู่ฮ่าวอวี่” หลังจากปะทะคารมกันจบ ก็กลับมานั่งกินข้าวกันต่อ ทั้งคู่วางความแค้นลงชั่วคราว แต่กลับมาประลองฝีมือด้วยการแย่งชิงอาหารกันบนโต๊ะแทน รวี่เยว่ถึงกับส่ายหน้าให้กับความซุกซนของทั้งคู่ คืนนั้นองค์ชายใหญ่เสด็จกลับวังด้วยอารมณ์เบิกบานใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้สนุกเช่นนี้มานานแล้ว กงกงประจำตำหนักรีบไปรายงานจ้าวกุ้ยเฟยเป็นการเร่งด่วน องค์ชายใหญ่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทางด้านรวี่เยว่หลังจากส่งกระต่ายน้อยพุงโตถึงเรือน นางก็แวะไปดูสภาพของเล่นใหม่ที่ต้าอ๋องส่งมาให้ตามคำขอ ภายในคุกใต้ดินเวลานี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรอยตะปบ จากกรงเล็บของเสี่ยวเฮยมาว หญิงชรานั่งขดตัวกลม ยกมือปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญขอชีวิตปานขาดใจ ทว่าเสียงที่เ