กีรติกาเดินทางกลับเมืองไทยก่อนกำหนดเกือบหนึ่งเดือนเพราะหญิงสาวรู้สึกเกรงใจคุณสุธีถ้าหากจะอยู่ต่อที่ประเทศอังกฤษอีกหนึ่งเดือนโดยไม่ทำอะไรเลย แต่เธอก็ไม่ได้แจ้งทางบ้านไว้ว่าจะเดินทางกลับวันนี้เพราะไม่อยากรบกวนให้ใครต้องมารับที่สนามบิน
ครั้งสุดท้ายที่หญิงสาวกลับมาเมืองไทยก็ตั้งแต่งานศพของบิดาเมื่อสองปีก่อนจากนั้นเธอก็ไม่มีโอกาสได้กลับเมืองไทยอีกเลย ตอนนี้กีรติกาเหลือที่ซุกหัวนอนเพียงที่เดียวก็คือคอนโดที่บิดาซื้อให้เป็นชื่อของตัวเธอเอง
หญิงสาวคิดว่ากลับมาเมืองไทยครั้งนี้เธอจะไปพักอยู่ที่นั่นก่อน เพราะถ้าหากกลับไปที่บ้านของคุณท่านตอนนี้ก็กลัวว่าจะถูกจับให้แต่งงานกับกิตติเดชเร็วขึ้น กีรติกาไม่ได้สนิทสนมหรือคุ้นเคยกับคู่หมั้นคนนี้เลยทุกอย่างเป็นไปตามที่บิดาของเธอและบิดาของกิตติเดชเป็นคนจัดการทั้งหมด
การจากไปอย่างกะทันหันของบิดาทำให้กีรติการู้สึกเคว้งคว้าง และไร้ที่พึ่งเมื่อคุณท่านยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหญิงสาวก็ยอมรับด้วยความเต็มใจเธอไม่เหลือทรัพย์สินอะไรอีกแล้วนอกจากคอนโดมิเนียมห้องเล็กห้องหนึ่ง
เมื่อลงจากเครื่องหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมาหาเธอ
“สวัสดีครับคุณกรีนผมชื่อชาตรีเป็นคนขับรถที่บ้านของคุณท่านยินดีต้อนรับกลับเมืองไทยครับ คุณท่านให้ผมมารับคุณกลับบ้านครับ” ชายวัยกลางคนแนะนำตัวเองกับหญิงสาวด้วยท่าทางสุภาพ
“คุณท่านรู้เหรอคะว่าฉันจะกลับมา” หญิงสาวถามเพราะเธอไม่ได้แจ้งเรื่องนี้กับใครมาก่อนอีกทั้งชายที่ชื่อชาตรีเธอก็ไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อนเลย
“คุณท่านรู้ทุกความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคุณกรีนครับ ท่านก็เลยให้ผมมารอรับ อันที่จริงท่านก็จะมาเองแต่มันดึกไปหน่อยก็เลยให้ผมมารับแทน”
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณเป็นคนขับรถที่บ้านของคุณท่านจริงๆ”
“ผมจะเอารูปที่ผมถ่ายขอบคุณท่านให้คุณกรีนดูนะครับ แต่ถ้าคุณยังไม่เชื่อจะโทรไปถามคุณท่านตอนนี้ก็ได้แต่ผมไม่แน่ใจว่าคุณท่านจะรับโทรศัพท์หรือเปล่าเพราะนี่มันก็เที่ยงคืนแล้ว”
ผู้ชายที่ชื่อชาตรีส่งโทรศัพท์มือถือของตนเองที่คุณสุธีอยู่หลายรูปให้กีรติกาดูทำให้หญิงสาวเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาคือคนขับรถของคุณท่านจริงๆ
“แล้วถ้าฉันกลับเข้าบ้านไปดึกๆ แบบนี้จะไม่เป็นการรบกวนคุณท่านเหรอคะ” หญิงสาวถามต่อ
“ไม่หรอกครับเพราะคุณท่านเข้านอนแล้วก็ยากที่จะตื่น แต่คนที่รอรับคุณกรีนอยู่ที่บ้านน่าจะเป็นคุณกิตติเดชลูกชายของท่านมากกว่าจริงๆ แล้วคุณกิตติเดชก็อยากจะมารับคุณเองนั่นแหละแต่ เขายังทำงานไม่เสร็จผมก็เลยมารับคุณแค่คนเดียวครับ ผมว่ารีบไปกันดีกว่าไหมครับกรีนจะได้รีบกลับไปพักผ่อน”
เพราะผู้ชายคนนี้ท่าทางไว้ใจอีกทั้งยังรู้จักทั้งคุณท่านและกิตติเดชทำให้กีรติกาไว้ใจและเดินตามมายังรถตู้คันหรูที่จอดอยู่
“ผมเอากระเป๋าไปเก็บหลังรถให้นะครับ” เขาเปิดประตูรถให้กีรติกาเข้าไปนั่งส่วนตัวเองก็เดินอ้อมมาทางหลังรถและหยิบกระเป๋าขึ้นไปวางก่อนจะเข้ามาประจำที่ตำแหน่งคนขับอีกครั้ง
“คุณกรีนเดินทางมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำก่อนนะครับคุณท่านบอกว่าน้ำดื่มยี่ห้อนี้คุณกรีนชอบมาก”
หญิงสาวมองขวดน้ำที่วางอยู่ด้านหน้าแล้วยิ้มเพราะมันเป็นขวดน้ำยี่ห้อที่ไม่ค่อยมีคนดื่มเท่าไหร่และเธอก็เคยพูดว่าชอบดื่มน้ำยี่ห้อนี้มากๆ
กีรติกาจึงไม่ลังเลเลยที่เปิดแล้วดื่มอย่างรวดเร็วเพราะตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องเธอแทบไม่แตะต้องอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรเลย หลังจากดื่มน้ำไปได้ไม่นานกีรติกาก็รู้สึกง่วงเผลอหลับไป
หญิงสาวไม่รู้ว่าตนเองเผลอหลับไปนานมากแค่ไหนรู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงคุณคุยกัน
เธอตกใจมากเพราะจำได้ว่าตัวเองนั่งรถออกมาจากสนามบินแต่ตอนนี้กลับมานอนอยู่บนเตียง หญิงสาวรีบลุกขึ้นและเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว
“ตื่นแล้วเหรอคะคุณ” หญิงสูงวัยคนหนึ่งถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร
“ค่ะ ที่นี่ที่ไหนคะแล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เธอมองไปรอบๆ บ้านดูยังไงก็ไม่เหมือนบ้านคุณท่านที่เธอเคยไปพักอยู่เมื่อสองปีก่อนเลยสักนิด
“คุณหิวไหมเดี๋ยวป้าทำอะไรให้กิน” หญิงสูงวัยไม่คำถามของกีรติกาเพราะถูกเจ้านายสั่งห้ามไว้
“ป้าคะที่นี่มันคือที่ไหนแล้วฉันมาที่นี่ยังไง” ขณะที่ถามหญิงสาวก็มองไปบริเวณนอกรั้วบ้านและก็ได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งใบหน้าสวยซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ป้าคะ มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันแล้วทำไมฉันมาอยู่ที่นี่” หญิงสาวถามอีกครั้ง
“ป้าตอบคำถามที่คุณถามป้าไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าคุณอยากจะรู้จริงๆ ก็รอให้เจ้านายของป้ากลับมาก่อนก็แล้วกันนะคะ”
“แล้วเจ้านายของป้าเป็นใครคะแล้วเมื่อไหร่เขาจะกลับมา”
“เย็นนี้เจ้านายของป้าก็คงจะมาถึงที่นี่ระหว่างนี้คุณกินอะไรก่อนดีกว่าไหมนี่มันก็บ่ายแล้ว”
“ไม่ค่ะ ฉันจะกลับบ้าน แล้วกระเป๋าของฉันไปไหน คนที่พามาเมื่อวานอยู่ไหนคะ” หญิงสาวโวยวายและทำท่าจะเดินลงจากบ้านก็พอดีกับชาตรีเดินสวนขึ้นมา
“คุณจะกลับไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้านายของผม”
“พวกคุณเป็นใครมีสิทธิ์มาขังฉันไว้ที่นี่ได้ยังไง ฉันจะกลับบ้านเอากระเป๋ามาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวโวยวายเสียงดังลั่นจนชายฉกรรจ์อีกคนหนึ่งเดินตามหลังคนขับรถเข้ามา
“ผมว่าคุณกลับขึ้นไปบนบ้านดีกว่านะ” เขาพูดด้วยเสียงที่เข้มกับท่าทางที่ดูน่ากลัว
“ทำไมฉันจะต้องเชื่อฟังพวกนายด้วยล่ะ”
“ที่ผมบอกคุณก็เพราะหวังดีนะไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต”
“จะบ้าหรือเปล่านี่มันไม่ใช่ในละครนะที่จะจับคนมาขังไว้” หญิงสาวเถียงจากนั้นก็ลงจากบ้านแต่ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ก็ขวางทางเธอไว้ก่อน
“หลีกไปนะฉันจะกลับบ้าน”
“คุณรู้เหรอว่า จะออกไปจากที่นี่ยังไง” ชายร่างใหญ่ถาม
“นายก็บอกฉันมาซิว่าที่นี่มันที่ไหนเดี๋ยวฉันก็หาทางกลับไปได้เองแล้วน่า”
“อย่าเสียเวลาเลยคุณที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวการจะเข้าออกจากที่นี่มีแค่ทางเดียวคือนั่งเรือเร็วเท่านั้นและตอนนี้กุญแจมันก็อยู่ที่ผม” ชายฉกรรจ์ชูกุญแจให้หญิงสาวดูก่อนจะใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
คุณวัชรีเดินออกจากห้องรับแขกไปแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่กีรติกากับวิคเตอร์เพียงสองคนเท่านั้น“สนุกมากไหมคะที่ทำแบบนี้กับฉัน”“ไม่เลยกรีน ฉันเครียดมากตอนที่หาเธอไม่เจอ ฉันคิดจะขอเธอแต่งงานหลังจากเครื่องเพชรทั้งหมดทำเสร็จแล้ว แต่พอมาเจอเธอวันนี้ก็เลยคิดว่าขอเธอแต่งงานวันนี้น่าจะดีกว่าเพราะฉันไม่อยากให้เธอหนีไปไหนอีกแล้ว”“คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าฉันอยู่ที่นี่”“ไม่รู้เลย แม่ไม่เคยบอกอะไรฉัน ที่มาวันนี้ก็เพราะแม่ชวนมากินข้าวและฉันก็อยากจะเอาแหวนมาอวดแม่ด้วย”“จะให้ฉันแน่ใจได้ยังไงว่าคุณไม่หลอก ที่ผ่านมาคุณไม่เคยพูดหรือแสดงความรู้สึกอะไรกับฉันเลย”“ถ้าฉันจะหลอกเธอฉันจะกล้าขอเธอแต่งงานต่อหน้าแม่เหรอกรีน ถึงฉันไม่ใช่คนดีเต็มร้อย แต่ฉันก็คิดว่าฉันทำทุกอย่างก็เพราะฉันรักเธอนะ” เพราะมารดาไม่อยู่แล้วชายหนุ่มก็พูดคำว่ารักออกมา“รักฉันเหรอคะ”“ใช่สิถ้าไม่รักคงไม่ตามตื๊ออยู่แบบนี้หรอก”“ฉันว่าคุณอยากจะเอาชนะฉันมากกว่า”“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น ฉันแค่อยากอยู่กับเธออยากใช้ชีวิตกับเธอ”“ฉันไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่คุณพูดหรอกนะคุณวิคเตอร์ เราสองคนต่างกันมาก”“พ่อกับแม่ของฉันก็ต่างกันมากแต่ท่านก็อยู่ด้วยกันอย่างมีคว
เย็นวันนี้ลูกชายของคุณวัชรีจะมาทานอาหารเย็นที่บ้านกีรติกากับป้าบัวโรยและมะลิจึงช่วยกันทำอาหารตั้งแต่บ่ายเมื่ออาหารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยกีรติกาก็ขอตัวไปอาบน้ำ ก่อนจะลงมาที่ห้องรับแขกอีกครั้งในเวลาเกือบจะหกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลาทานอาหารของคุณวัชรีหญิงสาวเดินลงบันไดมาและเห็นว่าตอนนี้มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งหันหน้าออกไปทางหน้าบ้านกีรติการณ์คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายของคุณวัชรี แต่พอเดินอ้อมมาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่คือใคร“กรีนเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” วิคเตอร์ตกใจมากที่มาเจอหญิงสาวที่นี่“ฉันควรถามคุณมากกว่านะว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงแล้วมาคุยอะไรกับคุณน้า”“เดี๋ยวใจเย็นๆ ก่อนทั้งสองคนเลยหนูกรีนมานั่งกับน้าตรงนี้”“ค่ะน้าหนิง” หญิงสาวเดินไปนั่งคู่กับเจ้าของบ้านแต่สายตาก็จ้องวิคเตอร์อย่างจ้องจับผิดเธอกลัวว่าชายหนุ่มจะมาพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาและก็กลัวว่าคุณวัชรีจะบอกวิคเตอร์เรื่องที่เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่“หนูกับลูกชายน้ารู้จักกันมาก่อนเหรอ”“คนนี้ลูกชายน้าหนิงเหรอคะ”“ใช่จ้ะ น้าไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อน”“น้าหนิงไม่รู้จริงๆ ใช่ไหมคะว่าหนูกับเขารู้จักกัน” หญิงสาวสา
วิคเตอร์เธอยังคงพยายามโทรศัพท์หากีรติกาอยู่ทุกวันแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขา เธอจะรับโทรศัพท์ของเขาก็ต่อเมื่อส่งงานมอบงานให้เขาแล้วเท่านั้นแล้ววันนี้ก็เป็นวันที่หญิงสาวทำงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเธอส่งไฟล์ให้เขาไม่ถึงห้านาทีชายหนูก็โทรศัพท์กลับมา“กรีนเธอใจร้ายกับฉันมากเลยนะ เราตกลงเป็นแฟนกันแล้วทำไมฉันโทรหาเธอตลอดทั้งสัปดาห์เธอไม่ยอมรับโทรศัพท์ฉันเลย แล้วฉันไปหาที่คอนโดเขาก็บอกว่าเธอไม่อยู่ที่นั่นเธอย้ายไปอยู่ที่ไหนทำไมไม่บอกฉัน เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่าฉันเป็นห่วงเธอมากๆ นะ”“ใจเย็นค่ะคุณวิคเตอร์ถามอะไรมายาวแบบนั้นใครมันจะตอบคำถามคุณทันล่ะคะ” กีรติกาอดขำไม่ได้กับคำถามที่วิคเตอร์ถามรัวมา“ถ้างั้นเอาคำถามนี้ก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหน”“ฉันก็ออกแบบงานให้คุณไงคะ งานก็เสร็จแล้วเพิ่งส่งไปเมื่อกี้ ฉันคิดว่าที่คุณโทรหาฉันก็เพราะคุณได้รับงานของฉันแล้วนะคะ”“กรีนเราคงต้องคุยกันอย่างจริงจังนะ”“ก็นี่ไงคะจริงจัง”“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องงานฉันหมายถึงเรื่องระหว่างเรา”“ระหว่างเรามันก็จบไปแล้วตั้งแต่วันที่ฉันออกมาจากเกาะค่ะและที่ฉันยังติดต่อคุณตอนนี้ก็เพราะเรื่องงานเท่านั้น
บ้านของคุณวัชรีหลังค่อนข้างใหญ่มีบริเวณบ้านกว้างขวางกีรติกาถูกพามาในห้องนอนห้องหนึ่งซึ่งอยู่คนละฝั่งกับห้องนอนของเจ้าของบ้านเพราะเธออยากให้กีรติกามีความเป็นส่วนบ้านหลังนี้มีคนขับรถหนึ่งคนและคนรับใช้อีกสองคนคนหนึ่งชื่อมะลิเป็นหญิงสาวอายุน่าจะประมาณสามสิบปีซึ่งเธอให้กีรติกาเรียกว่าพี่มะลิส่วนอีกคนหนึ่งเป็นมารดาของพี่มะลิชื่อป้าบัวโรยซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องการทำอาหารเช้านี้กีรติกาตื่นมาก็อาเจียนแต่เช้าแต่ก็พยายามฝืนตัวเองลงมาทานอาหารเพราะไม่อยากให้เจ้าของบ้านเป็นห่วงไปมากกว่านี้“หน้าซีดมากเลยเมื่อเช้าอาเจียนใช่ไหม ถ้าหนูลงมาไม่ไหวก็บอกได้นะ น้าจะให้มะลิเอาอาหารขึ้นไปให้บนห้อง”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอยู่ในห้องมันอุดอู้หนูลงมาแบบนี้อากาศดีๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”“เช้านี้ป้าทำแกงไตปลากับขนมจีนนะคะคุณกรีนทานได้ไหม”“ได้ค่ะของโปรดหนูเลย”“หนูกรีนชอบทานอาหารใต้เหมือนกันใช่ไหม”“ใช่ค่ะหนูว่ารสชาติมันจัดจ้านดี”“แต่หนูอย่าทานเยอะนะอาหารใต้มันเผ็ดมากๆ เดี๋ยวมันจะไม่ดีกับเด็กในท้อง ป้าทำต้มจืดกับผัดผักด้วยนะ แต่ป้าไม่ได้ใส่กระเทียมนะคะเพราะรู้ว่าคนท้องไม่ชอบกินกระเทียมเจียว”“ขอบคุณป้าบัวโรยมากนะคะ
วันนี้เป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นกีรติกาแต่งตัวตั้งแต่เช้าเธอสวมสูทสีครีมกับกางเกงสีเดียวกันดูสุภาพกว่าวันปกติมาก เมื่อแต่งตัวเสร็จก็ลงมานั่งรอทนายความอยู่บริเวณชั้นล่างของคอนโดเพราะวันนี้ทนายความจะเป็นคนพาเธอไปแนะนำให้กับหุ้นส่วนใหญ่และพนักงานทุกคนได้รู้จักเมื่อไปถึงบริษัทเธอก็ทักทายพนักงานที่พอจะรู้จักกันบ้างจากนั้นก็เข้าไปนั่งรอในห้องประชุมไม่นานนะผู้หญิงดูท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องเธอแนะนำตัวเองว่าชื่อวัชรีเป็นนักธุรกิจชาวไทยที่ไปแต่งงานกับสามีชาวต่างชาติการประชุมในวันนี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรมากมายคุณวัชรีอยากให้ทุกคนทำหน้าที่ไปอย่างเดิม ในส่วนของแผนการแผนงานทั้งหมดเธอจะส่งให้ผู้จัดการแต่ละแผนกนำไปปฏิบัติอีกทีหลังเสร็จจากการประชุมแล้วคุณวัชรีก็ขอคุยกับกีรติกาเป็นการส่วนตัวโดยทั้งสองมาคุยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก“คุณวัชรีชอบทานอาหารใต้เหรอคะ”“เราอยู่กันสองคนหนูเรียกฉันว่าน้าหนิงก็ได้”“แต่คุณเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เลยนะคะหนูไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ”“ก็ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในบริษัทนะ น้าเคยมีลูกสาวพอเห็นหนูก็ทำให้รู้สึกคิดถึงลูกสาวมากๆ”“ลูกสาวคุณน้าเธอทำงา
เช้านี้กีรติกาตื่นนอนสายกว่าทุกวันหญิงสาวรู้สึกเวียนศีรษะเป็นอย่างมากพอลุกขึ้นได้ยังไม่ทันจะเดินไปไหนไกลก็วิ่งเข้าห้องน้ำ เพื่อโก่งคออาเจียนอยู่หลายครั้งเธอคิดว่าน่าจะเกิดจากอาหารเป็นพิษแต่พอนึกถึงเมนูที่รับประทานไปเมื่อวานก็นึกไม่ออกเลยว่าเมนูไหนที่จะทำให้เธอเกิดอาการแบบนี้หญิงสาวอาบน้ำแล้วคิดว่าถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นก็อาจจะไปให้หมอตรวจดูสักหน่อย แต่ขณะที่เปิดลิ้นชักจะหยิบชุดชั้นใน สายตาก็เหลือบไปเห็นถุงผ้าอนามัยที่อยู่ด้านในสุดซึ่งตนเองซื้อมาตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้วแต่ยังไม่ได้ถูกเปิดใช้งานเลยสักครั้งกีรติกาหน้าซีดเผือดเมื่อนึกย้อนไปตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษเธอก็เป็นรอบเดือนแค่ครั้งเดียวและหลังจากที่กลับมาจากเกาะแล้วก็ไม่เป็นอีกเลยเธอคิดว่าตนเองไม่น่าจะท้องเพราะครั้งแรกที่มีอะไรกับวิคเตอร์ก็ทานยาคุมฉุกเฉินจากนั้นก็ทานยาคุมกำเนิดมาตลอดจะมีก็แค่ช่วงที่เธอไปอยู่บนเรือสำราญที่ไม่ได้ทานยาถึงสามวันติดแต่พอกลับมาเธอก็รีบทานยาให้ครบจำนวนแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเภสัชกรแล้วเธอก็รู้สึกตัวชาเพราะหากลืมกินยาติดต่อกันนานเกินสามวันโอกาสที่จะตั้งท้องก็มีอยู่มาก“คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง” เธอพูดกับ