ประมาณเกือบห้านาทีหลังจากปกรณ์วางสายไปแล้ว โดยทิ้งฟ้าใสให้มึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมขาถึงเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทไปได้ เจ้านายของฟ้าใส ‘คุณสาธิต’ ก็เดินมาสะกิด
“ฟ้าใส ทางผู้บริหารแจ้งว่าอนุมัติลาช่วงบ่ายให้เธอแล้วนะ เห็นว่ามีธุระด่วน เก็บของแล้วไปก่อนได้เลย พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อก็ได้ งานนี้กำหนดให้ลูกค้าดูอาทิตย์หน้า ยังมีเวลา” สาธิตกล่าวออกมาเสียงเรียบแล้วเดินออกไป หากแต่ตอนพูดนั้นเสียงได้ดังไปจนถึงคนรอบข้าง ทำให้ทุกคนแอบงงว่า แค่ลางานทำไมคุณสาธิตถึงไม่อนุมัติเอง ต้องไปถึงผู้บริหารด้วย ฟ้าใสยังไม่คิดอะไรไม่ค่อยออก แต่จากสถานการณ์นี้แล้ว คงต้องรีบเก็บของแล้วลงไปรอข้างล่างจะดีกว่าไม่อยากอยู่เป็นเป้าสายตานานๆ
“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้” เมื่อเก็บของลงมานั่งรออยู่ที่หน้าบริษัทเรียบร้อยแล้ว ฟ้าใสถึงได้เอ่ยประโยคแรกออกมา
บรืน บรืน เอี๊ยดดดดด ปริ๊น ปริ๊น
เสียงเบรคดังอยู่ข้างหน้าฟ้าใส พร้อมเสียงบีบแตรเสียงดัง ทำให้ฟ้าใสหลุดจากความคิดของตัวเอง และเงยหน้ามองไปยังกระจกฝั่งข้างคนขับที่เลื่อนลงมา
“อ้าว นั่งเหม่อคิดถึงผมอะไรอยู่ครับ ผมมารับแล้วไง ขึ้นรถสิ” ปกรณ์ยกยิ้มหล่อแล้วตะโกนเรียกฟ้าใสขึ้นรถ
ฟ้าใสหันซ้ายหันขวา รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างจำยอม
ชายหนุ่มหันมามองหญิงสาวสักพัก พร้อมทั้งขยับตัวเข้าใกล้
“เฮ้ย นะ นะ นายจะทำอะไร นี่หน้าบริษัทนะ” ฟ้าใสใช้มือผลักไปที่อกแกร่งของปกรณ์ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้มากจนจมูกจะชนกัน พร้อมหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะ
“คาดเข็มขัดสิคร้าบ ขืนไม่คาดขับไปโดนปรับเสียเวลาอีก” ปกรณ์ชูเข็มขัดนิรภัยขึ้นมาแล้วทำการคาดให้กับหญิงสาว จากนั้นกลับมานั่งในท่าพร้อมขับรถ แต่ปากมีการยกยิ้มอย่างพึงใจที่เห็นอาการตื่นตระหนกและหูที่แดงระเรื่อของฟ้าใส
“แล้วทำไมไม่บอกดีๆเล่า ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย โรคจิตหรือไง” ฟ้าใสบ่นออกมาไม่ดังนัก แต่ก็พอให้ได้ยินในรถหรูที่มีกันอยู่แค่สองคน
“ผมก็นึกว่าคุณมัวแต่ตกตะลึงในความหล่อของผม ก็เลยคาดให้ก็เท่านั้นเอง”
“หล่อตาย” ฟ้าใสกรอกตามองบน พร้อมแบะปากหมั่นไส้คนมั่นหน้าเหลือเกิน
“ว่าไงนะ หรืออยากนั่งมองหน้าผมต่อ ผมสามารถจอดรถข้างทางแล้วให้คุณมองหน้าได้ทั้งคืนนะ” ปกรณ์หันมามองหน้าฟ้าใส พร้อมกับตบไฟเข้าข้างทาง
“เฮ้ย ไม่ต้อง ไม่ต้อง คุณบอกว่าต้องไปงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอ ฉันต้องทำสวยนานนะ เดี๋ยวไปไม่ทันงานคุณแม่คุณนะ” ฟ้าใสรีบร้องห้ามออกมา พร้อมกับกำสายเข็มขัดนิรภัยไว้แน่น
“ใช่แล้วลืมไปเลย แต่ถ้าคุณอยากอยู่กับผมสองคน คุณแม่ผมก็ไม่ว่าหรอกนะ สนใจมั้ย” ปกรณ์แกล้งทำเป็นนึกขึ้นมาได้ แล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ใครจะไปอยากอยู่กับคุณสองคน” ฟ้าใสรีบแหวกลับทันที ‘ไอ้โรคจิต’ คิดในใจไม่กล้าพูดออกมา กลัวคนโรคจิตจะทำจริงตามที่บอก
“วันนี้งานเลี้ยงใหญ่ ผมต้องขอความร่วมมือจากคุณสักหน่อย เชื่อว่าคุณแม่ผมคงแนะนำคุณกับทุกคนในฐานะคู่หมั้น ผมขอให้คุณช่วยแสดงว่าเราเป็นคู่รักกันหน่อยแล้วกัน เพื่อรักษาหน้าคุณแม่ต่อหน้าลูกค้าและผู้บริหารทั้งหลาย” อยู่ๆ ปกรณ์ก็เปลี่ยนมาอยู่ในโหมดจริงจังและกล่าวร้องขอฟ้าใสเพื่อช่วยเล่นละครตบตา
“เหอะ คุณกำลังขอร้องฉันเหรอ ฉันทำไม่ได้หรอก เราไม่ได้รักกันจริงๆ สักหน่อย” ฟ้าใสได้ฟังก็ยิ้มออกมา พร้อมกับแผนที่ผุดขึ้นมาในใจ
“โธ่คุณ แต่เรื่องที่เราเป็นคู่หมั้นกันก็จริงนิ คุณต้องการอะไรตอบแทนบอกผมมา” ปกรณ์มีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องให้ฟ้าใสช่วยเพราะเขาเพิ่งรับตำแหน่งเป็นประธานบริษัท ดังนั้น เพื่อทำให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เขาจะต้องควงคนรักไปออกงานในคืนนี้ และแน่นอนคุณหญิงแม่ต้องไม่ยอมให้ใครออกงานคู่กับเขานอกจากว่าที่คู่หมั้นที่หมายหมั้นไว้แน่นอน ไม่งั้นงานแตกแน่
“อืม เอาอะไรดีนะ” ฟ้าใสทำท่าครุ่นคิด อย่างกวนประสาทมากในสายตาของปกรณ์ ‘หนอยได้ทีเอาใหญ่เลยนะ รอถึงทีเราก่อนเถอะ’ ปกรณ์ได้แต่คิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไป
“จะเอาอะไรก็ได้ทั้งนั้น” ปกรณ์เร่งรัด โดยการตกปากรับคำเพิ่มขึ้น
“งั้น ข้อแรก ต่อไปคุณห้ามมาลางานแทนฉันอีก ต่อให้เป็นผู้บริหารก็ห้ามมาก้าวก่ายการทำงานฉัน ข้อสอง ถ้ามีความจำเป็นต้องมารับหรือนัด ต้องแจ้งล่วงหน้า ฉันมีแผนในการดำเนินชีวิตของฉัน ข้อสุดท้าย ฉันอยากให้นายไปบอกแม่นายว่านายไม่อยากหมั้นกับฉัน ทำได้มั้ยหละ” ฟ้าใสถือโอกาสแจกแจงสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมายาวเหยียด
“โห แม่คุณ แค่ออกงานงานเดียว ขอมาตั้งสามข้อเชียว เอาเป็นว่าผมรับปากคุณแค่ข้อแรกเท่านั้น คุณคงไม่คิดเอาเปรียบผมใช่มั้ย” ปกรณ์ได้ฟังก็ฉุนนิดหน่อย ออกงานเดียว กะจบเลยงั้นเหรอ แถมยังจะให้เขาเป็นคนบอกแม่อีกเรื่องถอนหมั้น ฝันไปเหอะ
“ก็นายบอกขออะไรก็ได้ ไม่ได้บอกว่าได้ข้อเดียวนี่หน่า” ฟ้าใสเถียงกลับ
“งั้นตอนนี้ก็รู้แล้วนะ ผมขอให้คุณช่วยหนึ่งอย่าง คุณก็ขอผมได้หนึ่งอย่าง ตามนั้น ถ้าไม่อยากให้เรื่องคู่หมั้นของเราไปถึงบริษัทของคุณ” ปกรณ์พอจับได้ว่าฟ้าใสไม่อยากให้คนที่ออฟฟิศรู้เรื่องความสัมพันธ์กับเค้า เลยรีบฉวยโอกาสนี้ขู่กลับไป
“นายกล้าขู่ฉันเหรอ”
“ก็กำลังขู่อยู่นี่ไงคร้าบ” หน้าตาดีแต่กวนประสาทสุดๆ ในความเห็นของฟ้าใส เสียดายหน้าตาจริงๆ
“ไหนตอนแรกขอความร่วมมือไง”
“ก็ผมขอไปแล้ว แต่เหมือนจะมีคนบางคนฉวยโอกาส เพราะฉะนั้น ผมเลยเปลี่ยนเป็นขู่ดีกว่า ผมไม่เสียเปรียบด้วย” ปกรณ์พูดไปหัวเราะไปกับความหัวใสของตัวเอง
“หึย นายนี่มัน เป็นสุภาพบุรุษมาก เป็นคนดีมากกกกก” ฟ้าใส ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่พูดจาประชดประชัน ซึ่งแน่นอน ชายหนุ่มไม่แคร์
“ทำอะไรกันนะ”เสียงทุ้มดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสองสะดุ้งทันที ฟ้าใสหันมาเจอกับปกรณ์ที่มีสีหน้าทะมึงถึงพร้อมกับสายตาของเขาที่จ้องไปที่มือทั้งสองที่ยังคงจับกันอยู่ ในขณะที่พีทก้มหัวทักทายปกรณ์เล็กน้อย แต่เมื่อมองตามสายตาของปกรณ์ไปก็ตกใจรีบปล่อยมือตัวเองออกจากแฟนสาวของท่านประธานทันที“ตกใจหมดเลยกรณ์ ทำไมต้องเสียงดังด้วย เบาหน่อยสิค่ะ เดี๋ยวเรื่องก็แตกหรอก” ฟ้าใสบ่นไปยังแฟนตัวเอง แล้วยกนิ้วชี้ปิดที่ปากของตัวเอง พร้อมกับส่งเสียง จุ๊ ๆ พลางมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นออยออกมาจากห้องก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปทำตางอนๆ ใส่แฟนตัวเอง“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ แล้วนี่ทำอะไรกัน ทำไมมาอยู่กันสองคน พร้อมจับไม้จับมือกันอยู่ ไม่อยากให้คนเข้าใจผิดก็ไม่ควรทำ” ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างตำหนิ น่าหยิกแฟนตัวเองดีนัก“ขอโทษครับ พอดีผมตื่นเต้นและดีใจเกินไปหน่อย” พีทขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิดซึ่งกันและกันปกรณ์เหลือบมองฝ่ายชายอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ถึงแม้เขาพอจะรู้แล้วว่าเพื่อนคนนี้ของแฟนสาวมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็เคยช
“ฟ้ารู้ใช่มั้ยว่าพีทรักฟ้า” พีทไม่ตอบคำถามหญิงสาว แต่กลับถามกลับไปแทน“ฟ้าไม่รู้ เพิ่งรู้วันนั้นแหล่ะ แต่วันนี้ฟ้าจะพูดให้ชัด ฟ้าไม่ได้มองพีทเป็นอย่างอื่น นอกจากเพื่อน” เสียงหญิงสาวอ่อนลงแต่หนักแน่นเพื่อให้เพื่อนของตัวเองรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน“หึหึ พีทรู้อยู่แล้วหล่ะ พีทผิดเองที่พึ่งรู้ใจตัวเอง เมื่อมันสายไป แต่เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” พีทหันไปจ้องที่หญิงสาวที่ตัวเองหลงรักมานานหลายปี“ได้สิ ถ้าพีทไม่คิดกับเราเกินเพื่อนเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม” ฟ้าใสยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้า“อืม” พีทฝีนยิ้มออกมา เขาต้องทำให้ได้เพราะตอนนี้เขามีอีกสองชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ“แล้วออยหล่ะ พีทจะทำยังไง” ฟ้าใสถามออกมาอีกครั้ง“พีทจะรับผิดชอบออยกับลูก พีทว่าพีทก็เริ่ม...” พีทยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงแหบแห้งพูดออกมา“ไม่ต้อง ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เราไม่ใช่ตัวสำรองของใคร” เสียงออยดังขึ้นมา จริงๆ แล้วหญิงสาวรู้สึกตัวตั้งแต่ไ
“แล้วแกไม่โกรธมันเหรอ” ออยถามหยั่งเชิงนิดๆ อยากรู้ว่าเพื่อนรักรู้สึกอะไรกับนายนั่นหรือเปล่า“อืม จะพูดยังไงดีหล่ะ รู้นะว่ามันเมา มันไม่ได้ตั้งใจ แต่แค่ไม่คิดว่ามันจะคิดกับฉันแบบนั้น”“แกไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลยเหรอ” ออยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง“ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น อีกอย่าง...”“อีกอย่างอะไร” เสียงอยากรู้ออกมาทันที จนฟ้าใสนึกเอ็นดูเพื่อน“อีกอย่างตอนนี้ฉันกับคุณกรณ์ก็ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว”“หา! ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายอมบอกรักแกแล้วเหรอ”“อืม เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหล่ะ” ฟ้าใสตอบไปด้วยมีริ้วแดงขึ้นบนหน้าไปด้วย แสดงออกถึงความเขินอายเล็กน้อย“เฮ้ย ยินดีด้วยนะ” ออยจับมือฟ้าใสขึ้นมาแล้วยิ้มออกมาอย่างจริงใจ“ว่าแต่แกยังไม่บอกเลย ว่าโกรธอะไรกับมัน”“เอ่อ มีเรื่องทะเลาะกับมันนิดหน่อย ตอนนี้ยังไม่อยากคุยกับมัน ฟ้าอย่าสนใจเลย เดี๋ยวพออะไรๆ ดีขึ้น เรากับมันก็คุยกันเ
“ฟ้า ทบทวนเรื่องของเราสองคนอีกรอบได้มั้ย”ฟ้าใสหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างงุนงง ทบทวนอะไรเหรอ“ทบทวนเรื่องความรู้สึกของเราสองคนไงหล่ะ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้กรณ์ไม่อยากรอถึงสองปีแล้ว ถ้าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฟ้า กรณ์คงอยู่ไม่ได้แน่ๆ กรณ์อยากจะสามารถปกป้องฟ้าได้อย่างเต็มที่ ฟ้าเป็นแฟนกับกรณ์นะ”พูดจบก็ยิ่งกระชับไหล่ที่โอบไว้แน่นขึ้นร่างบางเมื่อได้ยินร่างสูงพูดความในใจออกมาก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ หากเมื่อคืน เธอโดนพีทล่วงเกิน แม้จะแค่จูบ เธอก็คงจะรู้สึกกับเขาเช่นกันตอนนี้เธอค่อนข้างจะมั่นใจตัวเองแล้วว่าเธอรักเขามากจริงๆ แต่เขาหล่ะ“กรณ์แน่ใจแล้วเหรอว่า กรณ์รักฟ้า ไม่ใช่แค่ความใกล้ชิด”ร่างหนาพยักหน้าอย่างแรงจนเธอนึกเอ็นดู“จริง ตอนนี้กรณ์รู้ใจตัวเองแล้ว ว่ากรณ์รักฟ้า กรณ์ไม่อาจเสียฟ้าไปได้ เราแต่งงานกันนะฟ้า”เพี๊ยะ เสียงตีดังขึ้น พร้อมกับรอยแดงที่แขน แต่แปลก หน้าคนตีก็แดงด้วย“เร็วไปแล้วค่ะ เป็นแฟนกันก่อนก็พอ”“อ้าวเหรอ ก็อยากข้ามขั้นอ
“มึง ไอ้พีท”พีทโดนกระชากออกจากตัวฟ้าใสทันที ปกรณ์ตามเข้าไปต่อยชายหนุ่มที่บังอาจทำกับคนของเขาแบบนั้น ส่วนฟ้าใสก็ตัวสั่นอยู่ภายในอ้อมกอดของแป้ง โดยมีมิ้นท์ยืนอยู่ข้างๆออยวิ่งเข้ามาดูเป็นคนสุดท้ายเพราะออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงมา เมื่อเห็นเพื่อนโดนปกรณ์ทั้งต่อย ทั้งเตะ และมองไปเห็นฟ้าใสตัวสั่นด้วยความกลัว ก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออยเดินเข้าไปหาฟ้าใสแล้วถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ฟ้า เป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น”เหมือนฟ้าจะได้สติขึ้นมา จึงรีบเดินเข้าไปจับมือปกรณ์ที่กำลังง้างเพื่อต่อยเขาอีก“พอเถอะกรณ์ พีทไม่ได้ตั้งใจหรอก เขาเมาหนะ” ฟ้าพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาปกรณ์หันหน้ามาหาหญิงสาวแล้วโอบกอดเธอไว้ พร้อมมองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนกองอยู่กับพื้น ไม่ถึงกับสลบแต่ก็น่าหายเมาพอสมควร“ยังจะไปแก้ตัวแทนมันอีก” ปกรณ์ดันหัวฟ้าเข้าหาตัวเอง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเช่นกัน เขาคิดไม่ออกว่าถ้าหญิงสาวเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไงพีทเมื่อเริ่มได้สติ หันไปเห็นคนที่ตัวเองแอบรักมาหลายปี มีอา
ฟ้าใสรีบเดินออกมาจากห้องครัวอย่างเร็วเพื่อเดินไปเปิดประตูทันทีแกร๊ก“สวัสดีพี่ฟ้าใส” เสียงใสดังขึ้นหน้าประตูทันที“สวัสดีจ๊ะ น้องมิ้นท์ คุณเจมส์” ฟ้าใสยิ้มทักทายทั้งสองคนมิ้นท์ชูของขวัญให้กับว่าที่พี่สะใภ้ หันไปส่งให้เจมส์เป็นคนถือ จากนั้น ก็รีบควงแขนพี่สะใภ้คนโปรดเข้าไปในห้องทันที“อ้าวสวัสดีค่ะ พี่กรณ์ และก็พี่ๆ ทุกคนค่ะ”มิ้นท์ทักทายทุกคนอย่างไม่ถือตัว“เอาหละค่ะ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว งั้นเราเริ่มตั้งหม้อเลยมั้ย” ฟ้าใสยิ้มบอกกับทุกคน“เย้ เอาเลย หิวแล้ว” ทุกคนเอ่ยพร้อมกันฟ้าใสรีบเข้าไปในครัวเพื่อจัดการเทน้ำซุปที่ต้มไว้แล้ว เมื่อกำลังจะยก ปกรณ์รีบมาช่วยยกแทนหญิงสาวเอง แต่ก่อนเดินออกไปก็แอบหอมแก้มร่างบางตอนเผลอแล้ววิ่งออกไปทันทีฟ้าใสยืนจับแก้มตัวเอง แต่ก็แอบอมยิ้มเขินๆ ไปด้วยปกรณ์เมื่อยกเตาชาบูมาวางบนโต๊ะกินข้าว ก็เดินเข้าไปเตะขาเพื่อนสนิท กับมือขวาตัวเอง ที่นั่งอยู่บนโซฟาเล่นโทรศัพท์อยู่“เฮ้ย อยากกินก็ไปช่วยกันดิ”