Home / แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่93 โอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์

Share

บทที่93 โอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์

หลังจากการสอบเลื่อนระดับนักปรุงโอสถระดับหนึ่งได้จบลง หนิงอ้ายตั้งใจว่าจะสอบเลื่อนขั้นเป็นนักปรุงโอสถระดับสองรอบช่วงบ่ายในทันที ทางฝั่งของเหวินหวู่ผู้เป็นอาจารย์นอกจากที่จะไม่ห้ามปรามเเล้วยังส่งเสริมด้วยการมอบสูตรโอสถระดับสองให้กับเด็กหนุ่มอีกด้วย

การสอบเลื่อนระดับของนักปรุงโอสถระดับสองเป็นต้นไป ผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบจะต้องทำการปรุงโอสถระดับสองชนิดใดก็ได้ออกมาหนึ่งชนิด เงื่อนไขคือสมุนไพรที่ต้องใช้ในสูตรโอสถจะต้องจัดเตรียมมาด้วยตนเอง อีกทั้งความบริสุทธิ์ของเม็ดโอสถที่ปรุงออกมาจะต้องมีความบริสุทธิ์อยู่ที่เจ็ดส่วนเป็นต้นไปจึงจะผ่านการทดสอบเป็นนักปรุงโอสถระดับสองได้

สำหรับสูตรโอสถระดับสองที่หนิงอ้ายได้รับมาจากเหวินหวู่มีนามว่าโอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์ระดับสอง เป็นหนึ่งในสูตรโอสถที่ถูกบันทึกไว้และสร้างชื่อเสียงของเหวินหวู่ในฐานะของปรมจารย์โอสถระดับสูงแห่งทวีปบูรพาเเห่งนี้ แม้จะเป็นเพียงโอสถระดับสองก็จริงเเต่หากเทียบกันเเล้วไม่ต่างไปจากโอสถระดับสามขั้นต้นเสียด้วยซ้ำ เป็นโอสถที่สามารถช่วยเพิ่มให้ความเข้มข้นในวิญญาณยุทธ์ธาตุไฟมีความเข้มข้นบริสุทธิ์เพิ่มมากขึ้น

พึงทราบว่านักปรุงโอสถฝึกหัด แม้จะมีความรอบรู้ในเรื่องสมุนไพรต่าง ๆ มากมายก็จริง มีความเข้าใจและญาณสัมผัสอันลึกล้ำในการหลอมสร้างปรุงโอสถขึ้นมาได้ เเต่หากว่าความเข้มข้นและความร้อนแรงในวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟของตนที่ไม่เพียงพอย่อมส่งผลให้เม็ดโอสถที่ปรุงออกมามีความบริสุทธิ์ไม่ถึงห้าส่วน

โดยทั่วไปเเล้วการเลื่อนขั้นเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่งได้จะต้องปรุงโอสถที่มีความบริสุทธิ์ที่มากกว่าหกส่วนเป็นต้นไป ดีงนั้นจะเห็นได้ว่าโอสถโอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์ระดับสองเม็ดนี้มีความล้ำค่าและจำเป็นแก่นักปรุงโอสถฝึกหัดหรือผู้ที่ต้องการเพิ่มความเข้มข้นในวิญญาณยุทธ์ธาตุไฟเป็นอย่างมากเลยทีเดียว...

เกือบหนึ่งชั่วยามก่อนที่การสอบเลื่อนระดับของนักปรุงโอสถระดับสอง เหวินหวู่ได้ถ่ายทอดขั้นตอนการหลอมสร้างปรุงโอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์ระดับสองนี้ให้กับหนิงอ้ายได้เรียนรู้ ก่อนที่จะปล่อยให้เด็กหนุ่มได้ทดลองปรุงขึ้นด้วยตัวเองหลังจากนี้

"หนิงอ้ายเจ้าจงจดจำขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้ให้ดีด้วยเล่า ความเเข็งแกร่งทางวิญญาณยุทธ์ ความลึกล้ำของญาณสัมผัสในตอนนี้ อาจารย์เชื่อว่าเจ้าสามารถหลอมสร้างปรุงโอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์ระดับสองในการสอบเลื่อนระดับนี้ด้วยความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่าเจ็ดส่วนได้อย่างแน่นอน..."

"การหลอมสร้างปรุงโอสถในเเต่ละระดับย่อมมีความซับซ้อนเฉพาะเป็นเอกลักษณ์ ยิ่งหากเป็นโอสถในระดับที่สูงมากเท่าใด ความยุ่งยาก ความละเอียดอ่อนย่อมทวีเพิ่มขึ้นไปเช่นกัน อย่างไรเเล้วเจ้าจงจดจำส่วนเฉพาะเหล่านี้เอาไว้ให้ดีเพราะย่อมเป็นประโยชน์แก่เจ้าในวันข้างหน้าได้..." เหวินหวู่เอ่ยสั่งสอนเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

จากนั้นจึงเรียกเตาหลอมโอสถส่วนตัวออกมาเบื้องหน้า แน่นอนว่าหนึ่งในความสำเร็จในการปรุงโอสถในเเต่ละครั้ง นอกจากที่นักปรุงโอสถจะต้องมีฝีมือและเพียบพร้อมไปทั้งสามคุณสมบัติเเล้ว เตาหลอมโอสถนับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญเช่นกัน ยิ่งเตาหลอมโอสถมีความล้ำค่าพิศดารมากเท่าไหร่ ความสำเร็จในการหลอมสร้างโอสถรวมไปถึงความบริสุทธิ์ในเม็ดโอสถก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

หนิงอ้ายตอบรับคำสั่งสอนจากอาจารย์ของตนพร้อมกับเฝ้ามองและจดจำขั้นตอนเหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ญาณสัมผัสอันลึกล้ำของนักปรุงโอสถระดับเจ็ดได้เเผ่ซ่านไปทั่วทั้งบริเวณห้องพักนี้ วิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟอันกล้าแกร่งได้ถูกชายชราเรียกออกมาได้สร้างความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นจนสัมผัสได้

ไม่รอช้ามือขวาได้ตวัดเอาสมุนไพรตามสูตรโอสถเข้าไปในเตาหลอมดังกล่าว เปลวเพลิงสีส้มอันร้อนแรงได้แผดเผาสมุนไพรเหล่านี้ด้วยความรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งเค่อเหล่าสมุนไพรนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นโอสถเหลวไปเสียเเล้ว

ตั้งเเต่ตอนเเรกเริ่มไปจนถึงขั้นโอสถเหลวในตอนนี้ หนิงอ้ายสังเกตเห็นว่าเปลวเพลิงที่ถูกเรียกใช้ในการปรุงโอสถของอาจารย์ตนได้ถูกควบคุมเปลวเพลิงอันร้อนแรงให้เป็นไปอย่างสมดุลละเอียดแม่นยำ

เด็กหนุ่มสังเกตว่าสมุนไพรเเต่ละชนิดต่างใช้ความเข้มข้นของเปลวเพลิงที่แตกต่างกันออกไป นี่เป็นเคล็ดลับเล็กน้อยที่สามารถเพิ่มความสำเร็จในการปรุงโอสถให้มีความบริสุทธิ์ที่มากขึ้น แน่นอนหนิงอ้ายได้จดจำไว้เป็นอย่างดีแล้ว สองมือของชายชราได้ประกอบขึ้นเป็นท่วงท่าประหลาด ก่อนที่โอสถเหลวในเตาหลอมนั้นจะหมุนวนไปมาก่อนที่จะค่อย ๆ ถูกบีบอัดเข้ามาขึ้นรูปราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นคอยกระทำอยู่

ความร้อนแรงของเปลวเพลิงในก่อนหน้าได้ถูกลดลงมาเสียเกือบครึ่งหนึ่ง เหวินหวู่ได้เพิ่มญาณสัมผัสของตนออกมาอีกครั้งเพื่อที่จะบีบอัดโอสถเหลวนี้ให้ขึ้นรูปเป็นเม็ดโอสถครบตามจำนวนที่ควรจะเป็น เพียงไม่นานกลิ่นหอมฟุ้งจากเม็ดโอสถได้ลอยออกมาจากเตาหลอมตรงหน้าให้ความรู้สึกเหมือนกลิ่นไฟไหม้หญ้าในความรู้สึก

ขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้ได้ถูกเด็กหนุ่มจดจำไปเเล้วทั้งสิ้น ฟังว่านักปรุงโอสถระดับสูงย่อมมีวิถีปรุงโอสถที่แตกต่างกันออกไป สิ่งที่ตนได้เห็นตรงหน้านี้เป็นดั่งสุดยอดเคล็ดวิชาเสียด้วยซ้ำ พึงทราบว่าการที่นักปรุงโอสถระดับสูงมานั่งหลอมสร้างปรุงโอสถให้ได้เห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยง่าย

นับว่าเหวินหวู่เอ็นดูและไว้วางใจในตัวของหนิงอ้ายเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายถึงได้ถ่ายทอดวิถีปรุงโอสถนี้ให้กับเด็กหนุ่มอย่างไม่หวงเเหน ยิ่งได้รับรู้เช่นนี้หนิงอ้ายยิ่งเคารพชายชราผู้เป็นอาจารย์ของตนคนนี้ ดั่งคำที่ว่าเป็นอาจารย์เพียงหนึ่งวันเป็นบิดาตลอดไป ย่อมไม่เกินจริงไปนัก

หนิงอ้ายได้ลองหลอมสร้างปรุงโอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์ระดับสองโดยที่มีเหวินหวู่คอยให้คำแนะนำในสิ่งที่เด็กหนุ่มอาจจะผิดพลาดหรือตกหล่นไป ครั้งเเรกจะเป็นเพียงเม็ดโอสถที่มีความบริสุทธิ์เพียงสี่ส่วนก็จริง ทว่าในอีกสองถึงสามครั้งต่อมาหนิงอ้ายก็สามารถเข้าใจในขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้มากยิ่งขึ้น สามารถปรุงออกมาในความบริสุทธิ์ถึงเจ็ดส่วนได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เหวินหวู่จึงคลายกังวลใจเพราะในการสอบเลื่อนขั้นที่จะเกิดขึ้นอีกไม่ถึงหนึ่งเค่อนี้อีกฝ่ายย่อมทำได้อย่างแน่นอน...

บรรยากาศโดยรอบของลานสอบเลื่อนระดับช่วงบ่ายนี้ กล่าวได้ว่ามีความคึกคักมากกว่าในช่วงเช้ายิ่ง บรรดาอาจารย์โอสถรวมไปถึงศิษย์นักปรุงโอสถระดับหนึ่งจากสำนักศึกษาน้อยใหญ่ที่อยู่โดยรอบต่างให้ความสนใจละเข้าร่วมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นแล้วกลุ่มอิทธิพลระดับต่าง ๆ ก็ได้ให้ความสนใจในงานสอบเลื่อนระดับนี้เช่นกัน

ด้วยเพราะหากมีนักปรุงโอสถที่มากไปด้วยความสามารถที่โดดเด่นเเต่ยังไร้ซึ่งสังกัด หากพวกเขาสามารถยื่นข้อเสนอชักชวนให้นักปรุงโอสถเหล่านี้เข้าร่วมในกลุ่มอิทธิพลของตนได้ ในวันข้างหน้าการบ่มเพาะสุดยอดฝีมือในกลุ่มอิทธิพลของตนของเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด พึงทราบว่าตัวตนของนักปรุงโอสถแม้จะเป็นเพียงระดับหนึ่งหรือระดับสอง เเต่ก็สามารถปรุงโอสถที่ความลึกล้ำพิศดารที่สามารถเพิ่มขีดจำกัดความสามารถของคน ๆ หนึ่งได้แล้วเช่นกัน

การปรากฎตัวของเหวินหวู่ผู้เป็นปรมจารย์โอสถระดับเจ็ด ตัวตนระดับสูงสุดในฐานะนักปรุงโอสถประจำทวีปบูรพาเเห่งนี้ที่ตรงด้านข้างยังเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาน่าเอ็นดูด้วยวัยเพียงสิบห้าสิบหกปีของอีกฝ่าย เเต่ถึงอย่างไรก็ตามทุกคนในที่นี้ต่างไม่ได้ถูกภาพลักษณ์ภายนอกของเด็กหนุ่มหลอกได้อีกเเล้ว ป้ายหยกสีเขียวอ่อนที่ระบุตัวตนของนักปรุงโอสถระดับหนึ่ง

สมญานามปัญญาจารย์โอสถที่อีกฝ่ายได้รับมาก่อนหน้า ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าในการสอบเลื่อนระดับในช่วงเช้าที่ผ่านมาอีกฝ่ายเป็นผู้ที่ทำได้ดีที่สุดด้วยการปรุงโอสถระดับหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์มากถึงสิบส่วนออกมาได้สำเร็จ

คงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดหากผู้เป็นอาจารย์จะพาเด็กหนุ่มผู้เป็นศิษย์ของตนมาร่วมรับชมการสอบเลื่อนระดับของนักปรุงโอสถระดับหนึ่งในช่วงบ่าย ทว่าอีกฝ่ายกลับเดินเเยกไปยังที่นั่งตรงส่วนด้านหน้าลานสอบอันเป็นที่นั่งเดิมในก่อนหน้า ก่อนที่จะหันไปพูดคุยกับปรมจารย์โอสถจ้าวเสวี่ยถังผู้เป็นประธานในการสอบเลื่อนระดับของวันนี้ นับว่าสร้างสงสัยกับทุกคนที่ลอบมองมาตั้งเเต่เเรกเป็นอย่างมาก

เสียงสัญญาณที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง เสียงประกาศให้เหล่านักปรุงโอสถระดับหนึ่งที่ต้องการสอบเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถระดับสองให้มารวมตัวยังลานกว้างนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน หากกล่าวว่าส่วนใหญ่เเล้วในการสอบเลื่อนระดับของช่วงเช้าล้วนเต็มไปด้วยเหล่ารุ่นเยาว์ชายหญิงที่มากมายเเล้วนั้น การสอบเลื่อนระดับช่วงบ่ายนี้ก็เต็มไปด้วยชายหนุ่มและสตรีหลากหลายช่วงอายุ เห็นว่าในการเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถในระดับที่สูงขึ้นไปนั้นหาใช่เป็นเรื่องที่ง่ายดาย บางคนนั้นถึงกับใช้เวลามากถึงสิบปีในการเลื่อนระดับของตนในเเต่ละขั้น

ทางฝั่งของหนิงอ้ายที่ได้ยินเสียงประกาศจึงมุ่งตรงไปยังที่ว่างในลานกว้างทันที โดยที่ไม่สนใจเสียงพูดคุยใดใดที่เอ่ยถึงตนทั้งสิ้น เป้าหมายของเขาในครั้งนี้คือการสอบเลื่อนขั้นเป็นนักปรุงโอสถระดับสอง แม้ว่าทุกคนในสนามสอบเลื่อนระดับนี้จะมีความแตกตื่นเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะพวกเขาต่างจดจำได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้นั้นในช่วงเช้าพึ่งจะผ่านการสอบเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่งไป

เเต่นี่ถึงกลับเข้าร่วมสอบเลื่อนระดับเป็นนักปรุงโอสถระดับสองในช่วงบ่ายนี้ทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเชื่อมั่นในฝีมือของตนมากเกินไปหรืออย่างไร เเต่ท่าทางสงบนิ่งนอกอีกฝ่ายนั้นไม่ได้ดูตื่นเต้นกับการปรุงโอสถในครั้งนี้สักเท่าไหร่นัก

การสอบเลื่อนระดับในช่วงบ่ายนี้ได้กำหนดช่วงเวลาในการหลอมร้างปรุงโอสถอยู่ที่สองชั่วยามเช่นเดิม เงื่อนไขก็เป็นไปตามที่หนิงอ้ายได้รับรู้ก่อนหน้า ผู้ที่ผ่านการทดสอบเป็นนักปรุงโอสถระดับสองจะต้องเตรียมสมุนไพรตามสูตรโอสถระดับสองมาด้วยตนเอง โอสถที่ปรุงสำเร็จขึ้นรูปเป็นเม็ดโอสถจะต้องมีความบริสุทธิ์อยู่ที่เจ็ดส่วนเป็นอย่างน้อย หากผ่านการรับรองจากกรรมการในครั้งนี้แล้วก็สามารถรับป้ายหยกยืนยันและกลับไปได้เลยโดยที่ไม่ต้องรั้งรอให้จบครบเวลาสองชั่วยามได้

หนิงอ้ายตั้งสมาธิในการหลอมสร้างปรุงโอสถครั้งนี้เป็นอย่างมาก ด้วยเพราะโอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์ระดับสองนี้เขาได้ทดลองปรุงขึ้นมาเพียงไม่กี่ครั้ง แม้จะมั่นใจว่าสามารถปรุงออกมาได้ความบริสุทธิ์ไม่ต่ำกว่าเจ็ดส่วน เเต่เขาก็อยากที่จะทำออกมาให้ดีที่สุดเพื่อให้ไม่เสียชื่ออาจารย์ของตน

เด็กหนุ่มได้เรียกเตาหลอมโอสถออกมายังเบื้องหน้าพร้อมกับถ่ายเทเปลวเพลิงอันเข้มข้นจากวิญญาณยุทธ์ของตนออกมาครอบคุลมไปทั่ว ก่อนที่จะตวัดเอาสมุนไพรหลายสิบชนิดลงไปแผดเผาด้วยความร้อนแรงที่แตกต่างกันด้วยความแม่นยำ

ญาณสัมผัสเฉพาะส่วนตัวได้ควบคุมความสมดุลอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ แม้จะใช้เวลามากกว่าอาจารย์ของตนหลายเท่าเเต่ถึงอย่างไรนั้นทุกขั้นตอนก็เป็นไปอย่างถูกต้องจนในตอนนี้สมุนไพรเหล่านี้ก็ได้ถูกแผดเผา แปรเปลี่ยนเป็นโอสถเหลวไปเรียบร้อยเเล้วด้วยเวลาที่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามเท่านั้น หากเทียบกับคนอื่นในที่นี้นับได้ว่ามีความก้าวหน้ากว่าทุกคนเป็นอย่างมาก

ความรวดเร็วเช่นนี้ไม่คล้ายกับนักปรุงโอสถระดับหนึ่งทั่วไปเสียด้วยซ้ำ เเต่เมื่อทุกคนคิดได้ว่าเด็กหนุ่มนั้นเป็นถึงศิษย์ของปรมจารย์โอสถเหวินหวู่ผู้เป็นนักปรุงโอสถระดับเจ็ดย่อมกุมความลับในการหลอมสร้างปรุงโอสถเหล่านี้อย่างแน่นอน แม้จะอิจฉาอีกฝ่ายมากเพียงใดเเต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาต่างล้วนกระจ่างใจในตนว่าหากอาจารย์นั้นเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยม เเต่หากตัวศิษย์ที่เป็นผู้รับหากไม่มีความสามารถและความสามารถที่มากพอก็ย่อมไม่สามารถกระทำเเบบนี้ได้เช่นกัน

หากดูไม่ผิดโอสถระดับสองที่อีกฝ่ายกำลังปรุงขึ้นมานั้นย่อมไม่พ้นโอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์ระดับสองนี้เป็นแน่ ดูท่าเเล้วปรมจารย์เหวินหวู่คงเอ็นดูเด็กหนุ่มเป็นอย่างมากเพราะขนาดสูตรโอสถส่วนตัวที่สร้างชื่อเสียงแก่ตน อีกฝ่ายยังถ่ายทอดให้เด็กหนุ่มได้เรียนรู้อย่างไม่หวงเเหน พวกเขาต่างมีความรู้สึกเหมือนกันว่าไม่รู้จะอิจฉาเด็กหนุ่มที่ได้รับความเอ็นดูจากปรมจารย์โอสถท่านนี้ หรือจะอิจฉาอีกฝ่ายกันที่ได้เก็บเพชรเม็ดงามเช่นนี้ไปครอบครอง

ช่วงที่สำคัญนั่นคือการขึ้นรูปโอสถเม็ด หนิงอ้ายที่สูญเสียพลังลมปราณไปอย่างมากมายก่อนหน้า ก่อนจะหยิบโอสถฟื้นฟูลมปราณระดับห้าเข้าปากของตนในทันทีท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน เด็กหนุ่มถึงกับหยิบโอสถระดับสูงมาใช้อย่างไม่เสียดายเช่นนี้กล่าวได้ว่าช่างทำลายจิตใจพวกเขาเป็นอย่างมากสมกับที่เป็นศิษย์ของปรมจารย์โอสถระดับเจ็ดเสียจริง

เมื่อฟื้นฟูลมปราณให้กลับคืนมามากเพียงพอเเล้ว หนิงอ้ายได้เร่งขีดจำกัดญาณสัมผัสของตนถึงขีดสุด พร้อมกับควบคุมสมดุลของเปลวเพลิงจากวิญญาณยุทธิ์ของตนอย่างรอบคอบ โอสถเหลวสีเเดงทับทิมนี้ได้หมุนวนไปทั่วในเตาหลอมโอสถ สองมือเรียวบางของเด็กหนุ่มได้ตวัดขึ้นเป็นท่วงท่าเดียวกับกับเหวินหวู่ผู้เป็นอาจารย์ของตนที่มีความคล้ายมากกว่าเก้าในสิบส่วนซึ่งได้เรียกรอยยิ้มอย่างภูมิใจของชายชราออกมาอย่างปิดไม่มิด

โอสถเหลวค่อย ๆ ถูกบีบอัดเป็นก้อนกลมพร้อมกับที่เปลวเพลิงนั้นได้ถูกลดทอนมาเกือบครึ่งหนึ่งเพื่อไล่สิ่งเจือปนออกไปทีละนิด จากนั้นเพียงหนึ่งเค่อต่อมาเสียงของโอสถที่กลิ้งอยู่ก้นเตาหลอมมาพร้อมกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้ลอยฟุ้งออกมาเป็นสัญญาณว่าการหลอมสร้างปรุงโอสถในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงเเล้ว

หนิงอ้ายใช้พลังลมปราณของตนบังคับโอสถสีทับทิมเงางามนี้ให้อยู่ในขวดแก้วที่ตนเตรียมไว้ก่อนหน้า พร้อมกับเดินมุ่งตรงไปยังหน้ากรรมการประจำลานสอบเลื่อนระดับเเห่งนี้โดยที่ไม่สนใจความแตกตื่นที่เกิดขึ้นโดยรอบ

"โอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์ระดับสองนี้ เชิญผู้อาวุโสและท่านกรรมการตรวจสอบขอรับ!!!"

จ้าวเสวี่ยถังหยิบขวดแก้วที่บรรจุโอสถระดับสองนี้ขึ้นมาพินิจพิจารณาด้วยความชื่นชม ก่อนหน้านี้ที่เขาได้รับรู้ว่าสหายของตนได้ให้ศิษย์คนล่าสุดของตนเข้าร่วมการสอบเลื่อนระดับเขาก็นับว่าประหลาดใจอยู่บ้าง ยิ่งได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายถึงกับมอบสูตรโอสถส่วนตัวให้กับเด็กหนุ่มใช้ในการสอบเลื่อนระดับในครั้งนี้ อย่างไรเขาคงต้องประเมินถึงฐานะของเด็กหนุ่มนามว่าหนิงอ้ายผู้นี้ในใจของสหายตนอีกครั้งเสียเเล้ว

ทางฝั่งของกรรมการที่เหลือต่างหยิบขวดโอสถนี้พิจารณาด้วยจิตใจที่หวั่นไหว โอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์นี้ไม่ต่างไปจากโอสถระดับสามเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะทำให้พวกตนต้องประหลาดใจไปได้อีกเท่าใดกัน เพียงชั่วครู่จากนั้นขวดแก้วที่บรรจุโอสถสีเเดงทับทิมนี้ก็ได้ตกมาอยู่ในมือของหนิงอ้ายอีกหนึ่งครั้ง ก่อนที่เสียงของจ้าวเสวี่ยถังจะประกาศให้ทุกคนให้ได้ยินโดยทั่วสนามสอบนี้

"โอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์ระดับสองเม็ดนี้มีความบริสุทธิ์มากถึงสิบส่วนถือได้ว่าผ่านเงื่อนไขอย่างครบถ้วน ข้าจ้าวเสวี่ยถังฐานะหนึ่งในสามผู้นำสูงสุดของสมาคมสมาพันธ์นักปรุงโอสถเเห่งทวีปบูรพาขอประกาศว่าหนิงอ้ายผู้นี้ถือได้ว่าเป็นนักปรุงโอสถระดับสองอย่างสมบูรณ์!!"

หนิงอ้ายยิ้มรับพร้อมกับยื่นป้ายหยกที่ตนได้รับมาก่อนหน้าเเลกเปลี่ยนกับป้ายหยกชิ้นใหม่ เด็กหนุ่มสังเกตว่าตรงขอบโดยรอบของป้ายหยกนั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งชั้น ย่อมหมายถึงฐานะของนักปรุงโอสถระดับสอง

เด็กหนุ่มได้ยกมือประสานขึ้นพร้อมกับโค้งตัวคำนับผู้อาวุโสจ้าวเสวี่ยถังที่ยืนอยู่ตรงหน้า โดยที่ไม่ลืมทำความเคารพตามมารยาทให้กับเหล่ากรรมการในครั้งนี้อีกด้วย ก่อนที่หนึ่งชายชราหนึ่งเด็กหนุ่มจะหายไปจากสนามสอบเลื่อนระดับในครั้งนี้ ด้วยความตกตะลึงที่ว่านักปรุงโอสถระดับสองที่มีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีได้ปรากฎบนมหาทวีปบูรพาเเห่งนี้เเล้ว นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างเเท้จริง...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status