공유

Chapter 18. แววตา

last update 최신 업데이트: 2024-11-18 13:50:56

            แววตาของหญิงสาวจ้องมองเขาอย่างงุนงง นางเองไม่เคยตกอยู่ในสภาพไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ 

ดวงตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองหญิงสาวในวงแขน แม้จะไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันตลอดเวลา แต่เขาก็เห็นนางมาตั้งแต่อายุสิบสาม เขาอ่อนเดือนกว่าไม่เท่าไหร่ก็ถูกนางขโมยตำแหน่ง ‘พี่’ ไปเสียก่อน เคยประลองกระบี่นับครั้งไม่ถ้วน ทว่าไม่เคยโอบกอดนางไว้ในวงแขนเช่นนี้  

             “เร็วเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูฟื้นแล้ว” ชุนเอ๋อร์รีบเปิดประตูให้ฮูหยินเข้าไป แต่ก็ต้องตกใจที่เห็นคุณชายกำลังอุ้มคุณหนูอยู่อย่างนั้น

            “จิ่นสือ? หลิ่งหลิน?”

            “ท่านแม่ ข้าว่ารีบตามหมอมาดูอาการพี่สาวเถิด นางไม่มีแม้แต่แรงจะทรงตัวยืนได้เลย” เขาพูดแล้ววางร่างของเคอหลิ่งหลินลงบนที่นอนตามเดิม

            “อ่อๆ ใช่ๆ ตามหมอ เจ้าให้คนไปเชิญท่านหมอมาด่วนเลยนะ”

             “เจ้าค่ะๆ บ่าวจะรีบให้คนไปตามท่านหมอ” ชุนเอ๋อร์รีบวิ่งออกไป ประตูเปิดค้างอยู่ ร่างสูงสง่าของแม่ทัพจ้าวก็ก้าวเข้ามาในห้อง

            “หลินเอ๋อร์” เป็นพ่อบุญธรรมที่เรียกนางเสียงเข้ม แววตามีความสงสารระคนโมโห เพราะรู้สึกผิดที่อนุญาตให้นางนำเมฆเหินไปหุบเขาชิงซานโดยไม่คาดคิดว่านางจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้

            “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านเป็นห่วง”

            “เด็กโง่ มีพ่อแม่ที่ไหนไม่ห่วงลูกตัวเองบ้าง” 

ฮูหยินอี้ซิ่วนั่งลงข้างเตียง มือหนึ่งก็เช็ดหางตา อีกมือก็จับมือของเคอหลิ่งหลินเอาไว้ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาลูกสาวบุญธรรมบาดเจ็บสาหัส หลับๆ ตื่นๆ ไม่ได้สติ ข้าวปลาไม่ได้กิน ข้อมือของนางจึงเล็กลงไปมาก แทบจะเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกเลยด้วยซ้ำ

            “ข้าผิดไปแล้ว ท่านแม่อย่าร้องไห้สิ” นางพยายามจะหัวเราะแต่ทำได้แค่ยิ้มเท่านั้น แต่เมื่อมองไปทางท่านแม่ทัพที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ก็ทำได้แค่เม้มปาก นางผิดต่อพ่อบุญธรรมเป็นที่สุด

            “เจ้าฟื้นก็ดีแล้ว รีบๆ ฟื้นตัวเอง เจ้ายังติดค้างเรื่องสำคัญกับข้าอยู่” แม่ทัพจ้าวได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ส่วนหนึ่งคือความโล่งอกที่เห็นนางฟื้นได้สติ อีกส่วนคือต้องการรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับนาง

            “ข้าทราบแล้วท่านพ่อ” นางเรียกอย่างเอาใจ 

“ท่านแม่ ข้าหิวจัง” นางเริ่มออดอ้อนทำตัวเป็นลูกสาวคนดี

 อากัปกิริยานี้ทำให้จ้าวจิ่นสือเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ แม้เคอหลิ่งหลินจะยังไร้กำลังเรี่ยวแรงฟื้นคืน แต่ก็ใช้สายตาดุๆ จ้องมองไปทางเขาได้

“ดีเลย หิวแล้วแสดงว่าร่างกายกำลังฟื้นตัว กินโจ๊กร้อนๆ ดีกว่านะ” ฮูหยินหันไปเห็นชุนเอ๋อร์วิ่งกลับเข้ามาพอดี “ชุนเอ๋อร์ไปให้พ่อครัวเตรียมโจ๊กร้อนๆ ให้คุณหนูสักชาม”

“เจ้าค่ะ ฮูหยิน” ชุนเอ๋อร์หมุนตัววิ่งออกไปอีกรอบ

“พวกเราก็ออกไปก่อน ปล่อยให้หลินเอ๋อร์พักผ่อน รอท่านหมอมาตรวจอาการอีกที” แม่ทัพจ้าวพูดเหมือนสั่งแล้วหันไปทางลูกชาย

“เจ้าก็เหมือนกันจิ่นสือ เวลานี้เจ้าควรฝึกทหารมิใช่รึ”

“ขอรับท่านพ่อ” จ้าวจิ่นสือก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นเชิงรับคำสั่งท่านพ่อ ลืมไปหรือไรว่าเขาเพิ่งกลับมาบ้าน ท่านแม่ก็ไม่เอ่ยถามสักคำ แต่ช่างเถอะ ทุกคนตื่นเต้นดีใจที่เห็นเคอหลิ่งหลินลืมตาเสียที

  เขาปรายตามองคนที่นอนบนเตียงเพียงครู่หนึ่งแล้วก้าวออกไป ครู่หนึ่งรู้สึกได้ว่ามีใครเดินเร็วๆ ตามหลังมา เขาจึงหยุดและหันไปมอง เห็นพ่อบ้านตู้ที่ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ท่าทางรีบร้อน

“มีอะไร”

“นายท่านให้คุณชายไปรอที่ห้องอักษรก่อนขอรับ”

“เข้าใจแล้ว”

“ข้าน้อยขอตัวไปเชิญท่านหมอมู่ก่อนขอรับ” พ่อบ้านตู้ก้าวถอยหลังออกไป

จ้าวจิ่นสือถอนหายใจหนักหน่วง เรื่องเขาไปไหนมีแต่ท่านพ่อเท่านั้นที่รู้ แม้จะอยากพักแต่ตอนนี้ก็พักไม่ลง พอเห็นเคอหลิ่งหลินลืมตาพูดจาหยอกล้อกับเขาได้ หัวใจที่หนักอึ้งก็เบาลง.

          เสียงร้อนรนเรียกอยู่หน้าบ้านทำให้มู่ฟางเหนียงวางมือจากการเก็บสมุนไพรเบื้องหน้า หญิงสาวเดินไปหน้าบ้านก็เห็นพ่อบ้านตู้ยืนกระสับกระส่ายและมีรถม้าจอดรออยู่หน้าบ้านแล้ว

            “แม่นางมู่ ...ท่านหมออยู่หรือไม่”

            “ท่านพ่อไปรักษาคนป่วยอีกหมู่บ้าน จะกลับวันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ” มู่ฟางเหนียงคลี่ยิ้มน้อยๆ ทำให้ใบหน้าดูละมุนและอ่อนหวานนัก

            “ทำอย่างไรดี...คุณหนูฟื้นแล้ว”

            “พี่หลิ่งหลินฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ” 

นางยิ้มกว้างมากขึ้น เป็นอย่างที่ท่านพ่อคาดการณ์ไว้ไม่ผิด ไม่วันนี้ก็อย่างช้าไม่เกินหนึ่งหรือสองวันนี้ เคอหลิ่งหลินจะตื่นฟื้น ท่านพ่อจึงไม่ให้นางติดตามไปช่วยดูแลรักษาคนป่วยอีกหมู่บ้านที่ผู้ใหญ่บ้านอุตส่าห์จัดหารถม้ามาเชิญไป  ท่านให้นางเตรียมตัวและเตรียมยาสำหรับเคอหลิ่งหลิน ไม่คิดว่าเช้านี้จะได้ยินข่าวดีแล้ว

            “เพิ่งฟื้นเมื่อครู่ ท่าทางอ่อนเพลียมาก”

            “ท่านพ่อบอกข้าน้อยให้เตรียมตัวไว้แล้ว โปรดรอสักครู่ ขอไปหยิบล่วมยาก่อนเจ้าค่ะ”

            หญิงสาวรีบเดินกลับเข้าไปในบ้าน หยิบสมุนไพรที่ท่านพ่อเตรียมไว้ให้ก่อนแล้ว นางหันซ้ายหันขวากวาดตามองว่าลืมสิ่งใดอีกหรือไม่ ทันใดนั้นนางก็นึกถึงตำราแพทย์ที่หยิบยืมมาจากจวนแม่ทัพจ้าว หลังจากวันนั้นที่เขาส่งคนมาบอกนางให้เก็บหนังสือไว้ก่อน เขาก็เงียบหายไปสิบวันเต็ม ไม่รู้ว่าลืมนางไปหรือไม่ เดิมทีอยากยืมหนังสือไว้นานๆ แต่หลังจากที่ปรึกษาพูดคุยกับบิดาว่าเราจะโยกย้ายออกจากเมืองนี้ นางจึงอยากคืนหนังสือให้เขาโดยเร็ว เพื่อจะได้ไม่มีสิ่งใดติดค้างในใจ คิดได้ดังนั้นนางก็หยิบหนังสือสามเล่มห่อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินถือล่วมยาและห่อผ้าออกไปหน้าบ้าน พ่อบ้านตู้รีบเข้าไปช่วยรับและส่งนางขึ้นรถม้าแล้วพาไปที่จวนแม่ทัพอย่างรวดเร็ว

            เมื่อไปถึง มู่ฟางเหนียงเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าคุณหนูของบ้านจะเป็นที่รักและห่วงใยของทุกคน ระหว่างเดินผ่านผู้คนเหล่านั้น แอบเห็นบางคนเช็ดน้ำตาป้อยๆ ด้วยความดีใจ นางจึงพลอยยิ้มไปด้วย พ่อบ้านตู้พานางไปส่งที่ห้องพักของเคอหลิ่งหลิน  

“พี่หลิ่งหลิน” นางร้องทักด้วยความยินดี ก่อนถลาเข้าไปประคองเคอหลิ่งหลินให้นั่งพิงหมอนเอนกายได้สบายตัวขึ้น

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  136.  จบ

    องค์ชายไท่หยางมักมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าซีดเซียวเสมอ ซึ่งมองเพียงผิวเผินจะเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าและร่างกายอ่อนแอนี้กุมความลับที่ใช้ต่อรองกับเขาได้ดียิ่งนัก เขาเองก็ได้สัญญาการซื้อขายกับทางการหลายรายการเพราะการแนะนำของคุณชายเฉิน“แล้วนี่คุณชายเฉิน อ้อ! ไม่สิ! องค์ชายไท่หยางนึกสนุกอย่างไรถึงอยากได้หน้ากากอสูรที่ดูน่ากลัวเช่นนี้”“ก็คงไม่ต่างจากเจ้าที่เบื้องหน้าเป็นคุณชายเจ้าสำราญเช่นกัน”“พระองค์กล่าวเช่นนี้ เห็นทีว่ากระหม่อมคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงแล้วกระมัง” เหวินเฮ่าหลันกลับรู้สึกพอใจกับท่าทางเปิดเผยขององค์ชายไท่หยาง“ร่างกายของข้าไม่ค่อยแข็งแรงนัก จึงมีเรื่องที่ต้องทำให้เรียบร้อยก่อน... แต่การเคลื่อนไหวในฐานะขององค์ชายไท่หยางทำได้ลำบากนัก จึงอยากจะรบกวนเจ้าหาช่างดีๆ ทำหน้ากากอสูรนี่ให้ข้า”“พระองค์จะเอาไว้ใช้เอง?”เหวินเฮ่าหลันได้คำตอบเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก หลังจากนั้นเขาหาช่างที่ไว้ใจได้สั่งทำหน้ากากอสูร แต่ไม่รู้สิ่งใดดลใจเขาให้ช่างทำสองอัน เมื่อส่งมอบหน้ากากอสูรนั่นให้องค์ชายไท่หยาง ไม่นานนักก็ได้ยินข่าวว่ามีบุรุษลึกลับภายใต้หน้ากากอสูรออกอาละวาดเล่น

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  135.  บุปผาพยศรัก

    ปีศาจน้อย! จ้าวจิ่นสือขบกรามแน่น นางเรียนรู้ที่จะหยอกล้อเขาเช่นเดียวกับที่เขาทำกับนาง เขาไม่อาจทานทนไฟปรารถนาที่เผาไหม้อยู่นี้ได้อีก ขยับร่างกายรวดเร็วรุนแรงและลึกล้ำ เป็นนางที่พาเขาให้เตลิดโบยบินไปในค่ำคืนวิวาห์ที่อุ่นร้อน ราวกับวิหคคู่ที่โบยบินในเวิ้งฟ้า หยอกล้อราวกับทั้งโลกมีเพียงแค่เขากับนางเท่านั้น ร่างสองร่างสอดประสานแทบเป็นหนึ่งเดียว ชายหนุ่มส่งเสียงคำราม ในขณะที่หญิงสาวหวีดร้องออกมาอย่างสุขสม แล้วเขาจึงผ่อนร่างนางลงนอนกอดอย่างรักใคร่นางปิดเปลือกตาหอบใจแรงแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจตัวเองจนเกือบจะเป็นปกติจ้าวจิ่นสือมองหญิงคนในรักในวงแขน ยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมของนางให้พ้นใบหน้า หนึ่งชีวิตได้พานพบผู้คนมากมาย แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นเจ้าของเสียงในหัวใจ เขาก้มหน้าสูดกลิ่นหอมของนางให้กลิ่นกายของนางไหลเวียนในตัวเขา นางคือหญิงสาวของเขาแต่เพียงผู้เดียว“ฟางเหนียง ข้ารักเจ้า”ผ่านเรื่องราวมากมายฟันฝ่ามาด้วยกันจนมีวันนี้ แต่แท้จริงแล้วทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น นางคิดถึงกลองป๋องแป๋งอันนั้น นางจะเก็บรักษาเอาไว้ให้ลูกๆ ได้ดู ของขวัญล้ำค่าที่เชื่อมโยงหัวใจของคนสองคนให้ได้มาใกล้ชิดกั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  134.  บทส่งท้าย2. 

    “ท่าน...” นางถูกดวงตาร้อนแรงของเขาจ้องมองจนลืมคำพูดตัวเองไปเสียสิ้น “อืม”เขาจ้องมองนาง ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายที่ได้มองใบหน้านี้เลยสักคราเดียว คิดไม่ออกเลยว่าหากไม่มีนางเคียงข้างแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเก็บเป็นความลับไว้ให้ลึกที่สุด ไม่เช่นนั้นนางจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไป รู้ว่าอย่างไรเขาก็ต้องจำนนยอมแพ้พ่ายต่อสายตาคู่นี้ของนาง “ข้า... ข้าต้องปรนนิบัติท่าน... พี่” คืนนี้นางเป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้องแล้ว ควรทำหน้าที่ของตนเองถึงจะถูก แต่มือเล็กก็สั่นเทา ยื่นไปหมายจะช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อาการเงอะงะของนางเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา ทำให้นางฉุนกึกขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึงตาใส่อย่างดุดัน “ใช่สิ! ข้าทำไม่เก่งนี้ เรื่องแบบนี้ข้าคุ้นเคยเสียเมื่อไหร่ล่ะ” นางหงุดหงิดโมโห อารมณ์นางช่วงนี้ขึ้นๆ ลงๆ แปรปรวนชอบกล “ไม่เป็นไร น้องหญิงอยากทำอะไรก็ตามใจเจ้าเถิด” เขากลั้นหัวเราะแต่กลายเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มแทน ปล่อยให้มือเล็กช่วยถอดเสื้อตัวนอก พอนางลุกขึ้นจะเอาเสื้อของเขาไปแขวน ตัวเองก็เสียหลักเพราะนั่งตัวเกร็งอยู่ตั้งนา

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   133.  บทส่งท้าย 1.

    หญิงสาวนั่งก้มหน้า มองปลายเท้าที่สวมรองเท้าสีแดงสดสวยปักรูปหงส์อย่างงดงามประณีต เสียงครื้นเครงด้านนอกไม่ได้ช่วยให้นางลดอาการตื่นเต้นลงได้เลย ยามมองผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดงสดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องหอราวกับถูกย้อมด้วยสีแดง นางจึงหลุบตาลงก้มมองปลายเท้าของตนแทน เพียงหนึ่งเดือนหลังเสร็จภารกิจลับของจ้าวจิ่นสือ ด้วยความช่วยเหลือขององค์ชายไท่หยาง ทำให้ทั้งสองได้รับราชโองการพระราชทานสมรส แม้มู่ฟางเหนียงจะเป็นเพียงหญิงสาวสามัญชน แต่ด้วยความรักใคร่ที่รองแม่ทัพจ้าวจิ่นสือมีให้นางนั้นเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว นางทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็ดีใจที่ฮูหยินอี้ซิ่วรักและเอ็นดูนางราวกับเป็นลูกสาวแท้ๆ ท่านพ่อของนางก็พลอยวางใจว่านางจะอยู่ที่จวนแม่ทัพจ้าวได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนใจอันใด “เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปนี้ทำอะไรก็เชื่อฟังพ่อแม่สามีของเจ้าให้ดี” “ท่านพ่อ” นางกลั้นน้ำตา คราวนี้ได้แยกกันอยู่แล้วจริงๆ ท่านพ่อของนางมีใจรักใคร่น้าเสี่ยวหลิว เสร็จงานแต่งงานของนางแล้วก็จะกลับไปเมืองหลวง ช่วยน้าเสี่ยวหลิวดูแลโรงเตี๊ยมหมื่นบุปผาและรักษาคนเจ็บป่วยเช่นเคย ส่วนนางเองก็ได้รั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 132. ไม่อยากเชื่อ

    “ท่าน... ระ.. รักข้า..” นางแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ อาศัยจังหวะที่นางไม่เป็นตัวของตัวเองลอกคราบเสื้อผ้าออกเหลือเพียงเอี๊ยมปิดบังทรวงอกที่สะท้อนหอบหายใจแรงกับกางเกงชั้นในตัวน้อย มือกร้านลูบไล้เรียวขาของนาง ไอร้อนจากกายของเขาทำให้นางแทบไม่รู้สึกว่าตัวเองเกือบจะเปลือยเปล่าอยู่แล้ว“ข้า... เข้าใจว่า... ท่าน ระ รัก พี่หลิ่งหลิน” นางรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีพูดออกไปเขาผงกศีรษะรับแล้วกลับยิ้มให้นาง “ก่อนนั้นข้าคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเจอเจ้า ข้าก็รู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร”หัวใจของนางแทบหยุดเต้นไป แต่กระนั้นก็ยังหวาดหวั่นอยู่ “แต่ท่านเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ท่านจะรับข้าไว้ในฐานะใดเล่า”“ข้าย่อมให้เจ้าเป็นภรรยา” มือใหญ่เลื่อนขึ้นจากต้นขาด้านในสู่กลีบบุปผาอ่อนบาง “ข้าจ้าวจิ่นสือจะมีภรรยาเพียงผู้เดียวก็คือเจ้า”“ท่านจะไม่มีหญิงอื่นอีกหรือ?” นางกะพริบตามองหน้าเขา ค้นหาความจริงใจในทุกถ้อยคำ “ข้าไม่ได้หวังตำแหน่งใด ข้าเพียงไม่อาจแบ่งสามีกับผู้อื่นได้”“เจ้าทำให้ข้ารักเจ้าจนไม่มีที่ว่างให้ผู้อื่นแล้ว” แตะกลีบดอกไม้เบาๆ แล้วกระซิบเสียงพร่า แท่งศิลาใต้ตักของนางเริ่มร้อนระอุ“อย

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 131. อย่ามายุ่งกับข้า 

    “นึกแล้วเชียว” นางพึมพำ ไม่รอถามอะไรเขาทั้งนั้น ขยับเสื้อของเขาออกกว้างเพื่อจะได้จัดการล้างแผลและใส่ยาให้ใหม่ ขณะนั้นเอง เสียงเรียกชื่อนางอย่างเกรงใจก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามา เสี่ยวเอ้อที่รอพานางไปส่งที่พักก็ต้องตกใจเพราะเห็นมู่ฟางเหนียงกำลังเปลื้องผ้าชายหนุ่มอยู่ แต่เขามองไม่เห็นบาดแผลจึงคิดไปเองว่าทั้งสองกำลัง...“ข้าจะรอข้างนอก แม่นางมู่เสร็จธุระแล้วโปรดเรียก”นางเพียงหันไปพยักหน้ารับ เพราะใจจดจ่อกับบาดแผล พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นสายตาของเขาก้มมองนางอยู่ก่อนแล้วผู้หญิงคนนี้ วุ่นวายกับเขานัก! จ้าวจิ่นสือได้แต่บ่นในใจ แต่ก็ยอมให้นางแกะผ้าพันแผลและทำความสะอาดที่บริเวณชายโครงซ้ายของเขา“โรคทางใจรักษายากนัก” นางรำพึง“อย่ามาทำเป็นรู้ดี” เขาแค่นเสียงในลำคอ รินสุราใส่จอกให้ตนเอง แต่นางกลับยื่นมือไปคว้าแย่งไว้“ระหว่างที่รักษาแผลนี้อยู่ งดดื่มสุราทุกชนิด” นางถลึงตาสั่งเขา “ข้ารักษาให้ท่านได้เพียงบาดแผลภายนอก แต่ในใจที่เจ็บปวดของท่านนั้น ท่านคงต้องใช้เวลาเยียวยารักษาเอง”“ข้าจะดื่ม” เขาท้าทายนาง“ถือว่าข้าเตือนแล้ว ท่านอยากให้แผลเน่าอยู่ภายในก็ตามใจท่านเถิด” นางปิดบาดแผลให้เขาเรียบร้อย “ท่าน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status