แชร์

Chapter 17. ดีขึ้นตรงไหน

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-18 13:50:37

เพราะเขาไม่ต้องรีบร้อนรายงานตัวจึงเดินตรงดิ่งกลับไปที่ห้องพัก เขาชะงักเท้าเมื่อต้องเดินผ่านทิศทางที่จะเดินไปห้องของเคอหลิ่งหลิน เขาหันไปถามพ่อบ้านตู้ที่เดินตามมา

            “นางตื่นหรือยัง”

            “คุณหนูยังไม่ฟื้นขอรับ” พ่อบ้านรายงานไปตามจริง “แต่ระหว่างนี้ท่านหมอมู่กับบุตรสาวแวะเวียนมาดูอาการบ่อยๆ สีหน้าคุณหนูก็ดีขึ้นมากขอรับ”

            ตั้งแต่ก่อนไปก็บอกว่าดีขึ้น กลับมาก็บอกว่าดีขึ้น แต่คนก็ยังไม่ตื่น จะดีขึ้นตรงไหน

            จ้าวจิ่นสือหงุดหงิดอยากเดินเข้าไปดูให้เห็นกับตา แต่สภาพตนเองตอนนี้คงไม่เหมาะนัก เขาจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับรู้ แล้วเดินตรงดิ่งไปที่ห้องของตนเอง โบกมือไล่บ่าวรับใช้ไม่ต้องเข้ามา ระหว่างรอคนเติมน้ำอุ่นให้นั้น เขาก็ปลดอาวุธออกจากกายวางบนโต๊ะ รอให้บ่าวรับใช้ออกไป แล้วเขาจึงปลดเปลื้องเสื้อผ้า เหลือเพียงเนื้อกายเปลือยเปล่าลงไปแช่น้ำอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ร่างกายประท้วงว่าเหนื่อยล้าต้องการพักผ่อนอย่างรู้สึกได้

ไม่ใช่งานสอดแนมแฝงตัวครั้งแรก แต่ก็รับคำสั่งทำจริงจังแค่ไม่กี่ครั้ง อดคิดถึงหญิงสาวอีกคนที่ยังไม่ตื่นฟื้น นางเป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่อดทนได้มากกว่าเขาอย่างนั้นหรือ? เพราะทุกครั้งที่มีงานแฝงตัว นางมักได้รับหน้าที่เสมอ

            หลับตาขณะแช่กายในน้ำอุ่น ใจก็ประหวัดถึงเคอหลิ่งหลิน นี่มันครบเดือนแล้วกระมัง ทำไมนางหลับไปนานเช่นนี้  ระหว่างเดินทางก็เป็นกังวล เกรงอาการนางจะทรุดลงไปอีก พยายามคิดในแง่ดีว่าเขากลับมาแล้วอาจจะเห็นนางตื่น จากที่คิดว่าจะหลับพักสักตื่น ก็รู้สึกว่าถ้าไม่ได้เห็นหน้าเคอหลิ่งหลินเขาคงไม่อาจวางใจได้แน่ๆ คิดได้ดังนั้นก็รีบจัดการชำระล้างร่างกาย สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไปที่ห้องของเคอหลิ่งหลิน การทำอะไรด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กทำให้ยามแฝงตัวสอดแนมดูไม่ผิดปกติกับคนผู้อื่นนัก นับว่าถูกแล้วที่ตนเองไม่มีบ่าวรับใช้ติดตามตัว เขาก้าวยาวๆ ออกมาจากห้องพักก็รู้สึกได้ว่าแสงเช้าแตะแต้มระบายฟ้าแล้ว เดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดที่หน้าห้องของเคอหลิ่งหลิน ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นทำท่าจะเคาะประตูเรียกสาวใช้ที่อยู่ข้างใน บานประตูก็เปิดออกมาเสียก่อน

            “คุณชายจิ่นสือ” ชุนเอ๋อร์ประหลาดใจที่เห็นคุณชายของบ้าน ได้ยินว่าเดินทางไปเมืองหลวง ซึ่งปกติคุณชายจะไปมาเป็นประจำอยู่แล้วแต่ไม่รู้กำหนดกลับ ไม่คิดว่าจู่ๆ วันนี้จะมาเจออยู่หน้าประตูแต่เช้าตรู่อย่างนี้

            “นางตื่นหรือยัง”

            “ยังเจ้าค่ะ” ชุนเอ๋อร์เบี่ยงตัวหลบให้คุณชายก้าวเข้าไป จ้าวจิ่นสือปรายตามองคนรับใช้คนสนิทของเคอหลิ่งหลิน นางกำลังจะออกไปข้างนอก เขาจึงพยักหน้าให้นางไปทำธุระของนาง เมื่อในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว เขาก็นั่งที่เก้าอี้กลมข้างเตียงของหญิงสาว

            “ดีขึ้นตรงไหน?” 

จ้าวจิ่นสือพึมพำ แก้มนางตอบลงไปตั้งเยอะ ปกตินางกินข้าวมื้อละสองชามเป็นอย่างน้อย ตั้งแต่นางหลับไปแบบนี้ ชุนเอ๋อร์ป้อนได้แต่โจ๊กกับยาเท่านั้น เขาจับข้อมือนางขึ้นก็แทบจะกลายเป็นหนังหุ้มกระดูกอยู่แล้ว ครู่ต่อมาชุนเอ๋อร์ก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมอ่างใส่น้ำสำหรับเช็ดหน้าตาเนื้อตัวให้คุณหนู แม้คุณหนูจะยังไม่ตื่น แต่นางก็ทำแบบนี้เช่นเดิมเหมือนที่คุณหนูยังปกติอยู่ จ้าวจิ่นสือลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ชุนเอ๋อร์วางอ่างน้ำแล้วเดินเข้าไปใกล้คุณชาย ปกติเป็นบ่าวรับใช้ก็ไม่มีสิทธิ์มองหน้าผู้เป็นนายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้คุณชายผู้หล่อเหลากลายเป็นคุณชายหน้าตาโหดเหี้ยมเพราะหนวดเครานั้น นางจึงก้มหน้า คางแทบชิดอก ไม่กล้าเงยขึ้นสักนิดเดียว

“เชิญท่านหมอมาตรวจบ้างหรือไม่”

“ท่านหมอมู่กับบุตรสาวมาตรวจเมื่อสองวันก่อนเจ้าค่ะ” นางรายงานไปตามจริง “ฮูหยินก็ตระเวนไหว้พระบนบานให้คุณหนูฟื้นเจ้าค่ะ”

“นางซูบผอมลงไปมาก”

“บ่าวป้อนโจ๊กรังนกให้คุณหนู แต่ว่า...” นางพูดเสียงเบา จะให้พูดอย่างไรดี ก็นางหมดสติ อ้าปากดื่มได้แต่นิดๆ  หน่อยๆ เท่านั้น ยาบำรุงดีๆ ล้วนนำมาให้คุณหนูดื่ม ท่านหมอจากวังหลวงมาตรวจยังกระซิบบอกว่าถ้ามิใช่เพราะยาดีเหล่านั้น คุณหนูอาจได้ไปปรโลกแล้ว

จ้าวจิ่นสือพยักหน้ารับ หางตารู้สึกถึงความเคลื่อนไหว เขาหันไปมองเต็มตาก็เห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงเอียงหน้าหันมาทางพวกเขา

“หลิ่งหลิน! เจ้าฟื้นแล้ว”

            “คุณหนู! คุณหนูฟื้นแล้ว”

            “เจ้าไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ แล้วตามหมอมาดูอาการ เร็ว!”

            “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ” 

            จ้าวจิ่นสือช่วยประคองร่างที่นอนอยู่ให้นั่งพิงหมอนแล้วรีบไปรินน้ำชามาให้ แต่กระนั้นมือเรียวก็แทบจะไร้เรี่ยวแรงจะยกขึ้น ชายหนุ่มสบถงึมงำในลำคอแล้วค่อยๆ จ่อถ้วยน้ำชาให้นางดื่มทีละนิด 

            “ค่อยๆ ดื่ม เดี๋ยวจะสำลัก”

            หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ เมื่อน้ำชาไหลผ่านลำคอแล้วนางจึงรู้สึกดีขึ้นแล้วคลี่ยิ้มออกมา

            “อะไรกัน ไยเจ้ามองพี่สาวเช่นนี้” นางเริ่มมีกำลังขึ้น ยกมือเรียวแตะแก้มจ้าวจิ่นสือเบาๆ

            “นี่เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม?” จ้าวจิ่นสือถอนหายใจหนักๆ เคอหลิ่งหลินกลืนน้ำลายลงคอแล้วส่ายหน้าไปมา แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่าย นางก็ฝืนทำเป็นยิ้มแล้วพูดจาหยอกเย้าเช่นที่เคยทำมา

            “ทำไมเจ้าไว้หนวดเครารุงรังเช่นนี้ จะไปแฝงตัวสืบข่าวที่ใด ไม่ชวนพี่สาวคนนี้รึ”

            “เฮอะ! ก็เพราะเจ้านั่นแหละ ข้าถึงต้องอยู่ในสภาพนี้” เขาถอนหายใจอีกครั้ง “นี่เจ้าไม่รู้รึว่าตนเองหลับไปนานเท่าไหร่กัน”

            “ข้าหลับ? หลับไปนานเท่าไหร่กันล่ะ”   

            “หนึ่งเดือน” จ้าวจิ่นสือมองหญิงสาวที่มีสีหน้าตกใจกับสิ่งที่สองหูได้ยิน

“เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม?”

            “เจ้าหลับไปนานหนึ่งเดือน ท่านแม่ตระเวนไหว้พระบนบานให้เจ้าตื่นเสียที”

            “ข้า...ข้า...” 

            ชายหนุ่มหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งเห็นเคอหลิ่งหลินหน้าซีดลงไป เขาก็รู้สึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ พลันจู่ๆ เหมือนนางคิดอะไรได้ ร่างบางก้าวลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ทว่าเหมือนร่างกายไม่เคลื่อนไหวตามที่นางต้องการ สองขาไร้กำลังทำให้ร่างของนางทรุดลงไปนั่งพับเพียบบนพื้น จ้าวจิ่นสือเองก็ตกใจไม่น้อย ตั้งแต่ตกหลุมพรางยอมเรียกนางว่า ‘พี่สาว’ เพิ่งจะได้เห็นนางอ่อนแอและบอบบางเช่นนี้เป็นครั้งแรก นางออกจะเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง แถมแข็งแกร่งจนผู้ชายหลายคนขยาดไม่กล้าเข้าใกล้ เขาก้มลงแล้วช้อนตัวหญิงสาวขึ้น คิ้วเข้มขมวดยุ่ง ไยพี่สาวตัวเบาขนาดนี้ 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  136.  จบ

    องค์ชายไท่หยางมักมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าซีดเซียวเสมอ ซึ่งมองเพียงผิวเผินจะเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าและร่างกายอ่อนแอนี้กุมความลับที่ใช้ต่อรองกับเขาได้ดียิ่งนัก เขาเองก็ได้สัญญาการซื้อขายกับทางการหลายรายการเพราะการแนะนำของคุณชายเฉิน“แล้วนี่คุณชายเฉิน อ้อ! ไม่สิ! องค์ชายไท่หยางนึกสนุกอย่างไรถึงอยากได้หน้ากากอสูรที่ดูน่ากลัวเช่นนี้”“ก็คงไม่ต่างจากเจ้าที่เบื้องหน้าเป็นคุณชายเจ้าสำราญเช่นกัน”“พระองค์กล่าวเช่นนี้ เห็นทีว่ากระหม่อมคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงแล้วกระมัง” เหวินเฮ่าหลันกลับรู้สึกพอใจกับท่าทางเปิดเผยขององค์ชายไท่หยาง“ร่างกายของข้าไม่ค่อยแข็งแรงนัก จึงมีเรื่องที่ต้องทำให้เรียบร้อยก่อน... แต่การเคลื่อนไหวในฐานะขององค์ชายไท่หยางทำได้ลำบากนัก จึงอยากจะรบกวนเจ้าหาช่างดีๆ ทำหน้ากากอสูรนี่ให้ข้า”“พระองค์จะเอาไว้ใช้เอง?”เหวินเฮ่าหลันได้คำตอบเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก หลังจากนั้นเขาหาช่างที่ไว้ใจได้สั่งทำหน้ากากอสูร แต่ไม่รู้สิ่งใดดลใจเขาให้ช่างทำสองอัน เมื่อส่งมอบหน้ากากอสูรนั่นให้องค์ชายไท่หยาง ไม่นานนักก็ได้ยินข่าวว่ามีบุรุษลึกลับภายใต้หน้ากากอสูรออกอาละวาดเล่น

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  135.  บุปผาพยศรัก

    ปีศาจน้อย! จ้าวจิ่นสือขบกรามแน่น นางเรียนรู้ที่จะหยอกล้อเขาเช่นเดียวกับที่เขาทำกับนาง เขาไม่อาจทานทนไฟปรารถนาที่เผาไหม้อยู่นี้ได้อีก ขยับร่างกายรวดเร็วรุนแรงและลึกล้ำ เป็นนางที่พาเขาให้เตลิดโบยบินไปในค่ำคืนวิวาห์ที่อุ่นร้อน ราวกับวิหคคู่ที่โบยบินในเวิ้งฟ้า หยอกล้อราวกับทั้งโลกมีเพียงแค่เขากับนางเท่านั้น ร่างสองร่างสอดประสานแทบเป็นหนึ่งเดียว ชายหนุ่มส่งเสียงคำราม ในขณะที่หญิงสาวหวีดร้องออกมาอย่างสุขสม แล้วเขาจึงผ่อนร่างนางลงนอนกอดอย่างรักใคร่นางปิดเปลือกตาหอบใจแรงแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจตัวเองจนเกือบจะเป็นปกติจ้าวจิ่นสือมองหญิงคนในรักในวงแขน ยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมของนางให้พ้นใบหน้า หนึ่งชีวิตได้พานพบผู้คนมากมาย แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นเจ้าของเสียงในหัวใจ เขาก้มหน้าสูดกลิ่นหอมของนางให้กลิ่นกายของนางไหลเวียนในตัวเขา นางคือหญิงสาวของเขาแต่เพียงผู้เดียว“ฟางเหนียง ข้ารักเจ้า”ผ่านเรื่องราวมากมายฟันฝ่ามาด้วยกันจนมีวันนี้ แต่แท้จริงแล้วทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น นางคิดถึงกลองป๋องแป๋งอันนั้น นางจะเก็บรักษาเอาไว้ให้ลูกๆ ได้ดู ของขวัญล้ำค่าที่เชื่อมโยงหัวใจของคนสองคนให้ได้มาใกล้ชิดกั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  134.  บทส่งท้าย2. 

    “ท่าน...” นางถูกดวงตาร้อนแรงของเขาจ้องมองจนลืมคำพูดตัวเองไปเสียสิ้น “อืม”เขาจ้องมองนาง ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายที่ได้มองใบหน้านี้เลยสักคราเดียว คิดไม่ออกเลยว่าหากไม่มีนางเคียงข้างแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเก็บเป็นความลับไว้ให้ลึกที่สุด ไม่เช่นนั้นนางจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไป รู้ว่าอย่างไรเขาก็ต้องจำนนยอมแพ้พ่ายต่อสายตาคู่นี้ของนาง “ข้า... ข้าต้องปรนนิบัติท่าน... พี่” คืนนี้นางเป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้องแล้ว ควรทำหน้าที่ของตนเองถึงจะถูก แต่มือเล็กก็สั่นเทา ยื่นไปหมายจะช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อาการเงอะงะของนางเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา ทำให้นางฉุนกึกขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึงตาใส่อย่างดุดัน “ใช่สิ! ข้าทำไม่เก่งนี้ เรื่องแบบนี้ข้าคุ้นเคยเสียเมื่อไหร่ล่ะ” นางหงุดหงิดโมโห อารมณ์นางช่วงนี้ขึ้นๆ ลงๆ แปรปรวนชอบกล “ไม่เป็นไร น้องหญิงอยากทำอะไรก็ตามใจเจ้าเถิด” เขากลั้นหัวเราะแต่กลายเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มแทน ปล่อยให้มือเล็กช่วยถอดเสื้อตัวนอก พอนางลุกขึ้นจะเอาเสื้อของเขาไปแขวน ตัวเองก็เสียหลักเพราะนั่งตัวเกร็งอยู่ตั้งนา

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   133.  บทส่งท้าย 1.

    หญิงสาวนั่งก้มหน้า มองปลายเท้าที่สวมรองเท้าสีแดงสดสวยปักรูปหงส์อย่างงดงามประณีต เสียงครื้นเครงด้านนอกไม่ได้ช่วยให้นางลดอาการตื่นเต้นลงได้เลย ยามมองผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดงสดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องหอราวกับถูกย้อมด้วยสีแดง นางจึงหลุบตาลงก้มมองปลายเท้าของตนแทน เพียงหนึ่งเดือนหลังเสร็จภารกิจลับของจ้าวจิ่นสือ ด้วยความช่วยเหลือขององค์ชายไท่หยาง ทำให้ทั้งสองได้รับราชโองการพระราชทานสมรส แม้มู่ฟางเหนียงจะเป็นเพียงหญิงสาวสามัญชน แต่ด้วยความรักใคร่ที่รองแม่ทัพจ้าวจิ่นสือมีให้นางนั้นเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว นางทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็ดีใจที่ฮูหยินอี้ซิ่วรักและเอ็นดูนางราวกับเป็นลูกสาวแท้ๆ ท่านพ่อของนางก็พลอยวางใจว่านางจะอยู่ที่จวนแม่ทัพจ้าวได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนใจอันใด “เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปนี้ทำอะไรก็เชื่อฟังพ่อแม่สามีของเจ้าให้ดี” “ท่านพ่อ” นางกลั้นน้ำตา คราวนี้ได้แยกกันอยู่แล้วจริงๆ ท่านพ่อของนางมีใจรักใคร่น้าเสี่ยวหลิว เสร็จงานแต่งงานของนางแล้วก็จะกลับไปเมืองหลวง ช่วยน้าเสี่ยวหลิวดูแลโรงเตี๊ยมหมื่นบุปผาและรักษาคนเจ็บป่วยเช่นเคย ส่วนนางเองก็ได้รั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 132. ไม่อยากเชื่อ

    “ท่าน... ระ.. รักข้า..” นางแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ อาศัยจังหวะที่นางไม่เป็นตัวของตัวเองลอกคราบเสื้อผ้าออกเหลือเพียงเอี๊ยมปิดบังทรวงอกที่สะท้อนหอบหายใจแรงกับกางเกงชั้นในตัวน้อย มือกร้านลูบไล้เรียวขาของนาง ไอร้อนจากกายของเขาทำให้นางแทบไม่รู้สึกว่าตัวเองเกือบจะเปลือยเปล่าอยู่แล้ว“ข้า... เข้าใจว่า... ท่าน ระ รัก พี่หลิ่งหลิน” นางรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีพูดออกไปเขาผงกศีรษะรับแล้วกลับยิ้มให้นาง “ก่อนนั้นข้าคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเจอเจ้า ข้าก็รู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร”หัวใจของนางแทบหยุดเต้นไป แต่กระนั้นก็ยังหวาดหวั่นอยู่ “แต่ท่านเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ท่านจะรับข้าไว้ในฐานะใดเล่า”“ข้าย่อมให้เจ้าเป็นภรรยา” มือใหญ่เลื่อนขึ้นจากต้นขาด้านในสู่กลีบบุปผาอ่อนบาง “ข้าจ้าวจิ่นสือจะมีภรรยาเพียงผู้เดียวก็คือเจ้า”“ท่านจะไม่มีหญิงอื่นอีกหรือ?” นางกะพริบตามองหน้าเขา ค้นหาความจริงใจในทุกถ้อยคำ “ข้าไม่ได้หวังตำแหน่งใด ข้าเพียงไม่อาจแบ่งสามีกับผู้อื่นได้”“เจ้าทำให้ข้ารักเจ้าจนไม่มีที่ว่างให้ผู้อื่นแล้ว” แตะกลีบดอกไม้เบาๆ แล้วกระซิบเสียงพร่า แท่งศิลาใต้ตักของนางเริ่มร้อนระอุ“อย

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 131. อย่ามายุ่งกับข้า 

    “นึกแล้วเชียว” นางพึมพำ ไม่รอถามอะไรเขาทั้งนั้น ขยับเสื้อของเขาออกกว้างเพื่อจะได้จัดการล้างแผลและใส่ยาให้ใหม่ ขณะนั้นเอง เสียงเรียกชื่อนางอย่างเกรงใจก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามา เสี่ยวเอ้อที่รอพานางไปส่งที่พักก็ต้องตกใจเพราะเห็นมู่ฟางเหนียงกำลังเปลื้องผ้าชายหนุ่มอยู่ แต่เขามองไม่เห็นบาดแผลจึงคิดไปเองว่าทั้งสองกำลัง...“ข้าจะรอข้างนอก แม่นางมู่เสร็จธุระแล้วโปรดเรียก”นางเพียงหันไปพยักหน้ารับ เพราะใจจดจ่อกับบาดแผล พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นสายตาของเขาก้มมองนางอยู่ก่อนแล้วผู้หญิงคนนี้ วุ่นวายกับเขานัก! จ้าวจิ่นสือได้แต่บ่นในใจ แต่ก็ยอมให้นางแกะผ้าพันแผลและทำความสะอาดที่บริเวณชายโครงซ้ายของเขา“โรคทางใจรักษายากนัก” นางรำพึง“อย่ามาทำเป็นรู้ดี” เขาแค่นเสียงในลำคอ รินสุราใส่จอกให้ตนเอง แต่นางกลับยื่นมือไปคว้าแย่งไว้“ระหว่างที่รักษาแผลนี้อยู่ งดดื่มสุราทุกชนิด” นางถลึงตาสั่งเขา “ข้ารักษาให้ท่านได้เพียงบาดแผลภายนอก แต่ในใจที่เจ็บปวดของท่านนั้น ท่านคงต้องใช้เวลาเยียวยารักษาเอง”“ข้าจะดื่ม” เขาท้าทายนาง“ถือว่าข้าเตือนแล้ว ท่านอยากให้แผลเน่าอยู่ภายในก็ตามใจท่านเถิด” นางปิดบาดแผลให้เขาเรียบร้อย “ท่าน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status