ดวงตากลมโตมองซ้ายสลับขวา เมื่อครู่เด็กชายกลัวจับใจ คนทำสวนตัวโตๆ เข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วย แล้วเดินเข้าไปเอาขวดใสๆ ที่มีน้ำเสียงเหลืองออกมา จากนั้นก็เปิดฝาเทใส่แก้ว แล้วยกดื่มไปหลายอึก
ที่เด็กชายไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เพราะคนๆ นั้นชอบเตะโต๊ะเก้าอี้ และบางทีโวยวายหยิบของต่างๆ ในห้องนี้ไป เป็นของประดับโต๊ะ หรือแจกันสวยๆ พอเอาไป ก็มักบอกเจ้าของบ้านว่า เฉินรุ่ยเผิงเป็นคนเอาไปซ่อน แต่เขาอายุเท่านี้ นิ้วมือก็สั้นป้อม จะหยิบของใหญ่โตพวกนั้นได้อย่างไร
แล้วตอนนี้มีการทะเลาะกัน เรื่องสูบบุหรี่ในห้อง แม่บ้านจึงร้องห้าม ก่อนมีการยื้อยุดไปมา พอผู้ชายตัวเหม็นเห็นว่าเฉิงรุ่ยเผิงอยู่ตรงนั้น จึงหันมาแยกเขี้ยวใส่ พร้อมถลึงตาตาดุเด็กชายด้วย
“แกเห็นอะไรไหม ไอ้หมาหัวเน่า”
เฉินรุ่ยเผิง มองไปยังอาเค่อ ซึ่งเป็นคนสนิทของแม่บ้านลู่ หรือ ลู่เพ่ยเพ่ย
“พี่พูดกับเสี่ยวเผิงดีๆ สิ” แม่บ้านลู่ตำหนิ แต่ยิ้มและส่งตาหวานให้อาเค่ออย่างหยาดเยิ้ม
“เฮอะ พูดดีไปทำไม ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นใบ้ สมองน้อยนิด วันๆ เดี๋ยวกิน เดี๋ยวร้องเข้าห้องน้ำ เธอไม่เบื่อหรือไง ทำงานบ้านด้วย ยังต้องดูแลเด็กอีก”
“ก็มันได้เงินดี คุณหนูรองจ่ายฉันเพิ่มทีละห้าหยวนเชียวนะ สำหรับดูแลเด็กทึ่ม ที่แม่มันวันๆ เอาแต่ร่านหาเรื่องหนีเที่ยว และจับกลุ่มกับพวกคนรวยที่มาจากเมืองหลวง”
ลู่เพ่ยเพ่ยว่า แล้วมองเด็กชาย พอเห็นว่าเฉินรุ่ยเผิงจ้องตนอย่างสนใจ นางก็ยกไม้กวาด ทำท่าจะตีเขา
“เสี่ยวเผิง ไปเล่นข้างนอกนู้นไป พี่เพ่ยจะคุยธุระกับอาเค่อ” เธอบอกเด็กชาย และพอเห็นเขาชักช้า ก็สั่งคนสนิทของตนทำท่าน่ากลัวให้เด็กชายเห็น
เฉินรุ่ยเผิงยืนนิ่งอยู่เกือบอึดใจ พร้อมกลั้นฉี่ พอสองขามีแรง เขาก็วิ่งออกจากห้องนั่งเล่นไป
เกือบครึ่งชั่วโมงที่เขาเล่นอยู่คนเดียวและรู้สึกหิวจัด เพราะลู่เพ่ยเพ่ย ไม่ได้ให้อาหารเขา เด็กชายเลยหลบออกจากสวนหลังบ้าน เขาไม่อยากอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ ที่นี่ไม่มีนางฟ้า ไม่มีคนใจดีกับเขาเลย
และเด็กชายวัยสามขวบกว่าแล้ว แต่ตัวเล็กกว่าปกติด้วยคลอดก่อนกำหนด ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจหลายสิ่ง แต่มีปัญหาด้านการสื่อสาร เขาพูดติดอ่าง มักสลับคำหน้าไปหลัง และสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือการกิน เขากินเก่ง และจำได้ว่าที่บ้านแม่ไม่ชอบทำอาหาร ไม่ให้มีแม่ครัว หรือคนใช้เนื่องจากกลัวคนเหล่านั้นวุ่นวายกับพ่อ จึงทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยๆ
ดังนั้นที่บ้านของเขา จึงมีผลไม้ ขนมปังจากต่างประเทศ ที่อยู่ในกล่องกระดาษ ในกล่องเหล็ก มันหอมเนย มีน้ำตาลโรยข้างหน้า บางอันเป็นถั่ว ในกระปุกแก้วมีเนยถั่วที่อร่อยเหาะ และพวกผงโกโก้ เมื่อคิดถึงแล้วท้องเขาก็ร้องจ๊อกๆ
แต่ไม่รู้เหตุใด เขาเดินวนไปมา ทั้งสงสัยอีกว่ามันไม่ถึงบ้านเสียที ทั้งที่เขาเคยปั่นจักรยานแบบมีล้อเล็กๆ ด้านหลังสองข้างติดเอาไว้เที่ยวเล่นบ่อย และกลับบ้านถูกเสมอ ทว่าพักหลัง แม่รำคาญเสียงกระดิ่ง และเสียงร้องสนุกสนานของเขา มันเลยถูกล่ามโซ่เก็บไว้ในห้อง จักรยานสีเหลืองคันนั้น คงนอนเหงาคิดถึงเฉินรุ่ยเผิงอยู่แน่ๆ
“หม่าม้า... เผิงน้อยหิวแล้ว”
เขาร้องขึ้นและจำได้ว่า วันที่แม่หายไป เขาหยิบหนังสือภาพสีสวยๆ ออกมา เห็นรูปเค้ก รูปอาหารเส้นยาวๆ มีหมูสับปั้นเป็นก้อนๆ วางแปะด้านบน เลยอยากกินมาก เขาฉีกมันออกจากหนังสือ แล้วส่งเข้าปากเคี้ยวเล่นจนเพลิน
“เผิงน้อยหิว”
นั่นคือเสียงที่เขาสื่อสารกับพ่อ และฝ่ายนั้นกอดเขา ก่อนอุ้มขึ้นแล้วพาไปหาหมอ
แต่เด็กชายไม่เข้าใจ เขาหิว ทำไม ต้องไปหาหมอด้วย
“หิว... อยากกินข้าว หม่าม้าไปไหน”
เขาเพ้อ และเอื้อมมือไปจับพ่อ
“กลับบ้านเดี๋ยวได้กินข้าวนะครับ และป่าป๊า จะให้อาม่าย ช่วยดูแลเผิงน้อยดีไหม”
เมื่อพ่อพูดถึงหลี่ชิงม่าย เด็กชายก็มองเขาตาปริบๆ ไม่รู้เหตุใด พ่อถึงชอบส่งเขาไปบ้านหลี่ ให้หลี่ชิงม่ายดูแล
“โอ้ มองป่าป๊าตาโต กำลังคิดถึงนางฟ้าแม่ทูนหัวสินะ” พ่อพูดแบบนั้น แต่เฉินรุ่ยเผิงอยากค้าน ทว่ากลับไม่มีแรงส่งเสียงเสียดื้อๆ
“อาม่ายใจดี ต้องทำอาหารอร่อยให้เผิงน้อยกินทุกวันแน่นอน”
เขาไม่เชื่อ อยู่กับหลี่ชิงม่าย น้องจากจะถูกดุ ลู่เพ่ยเพ่ยยังชอบพาอาเค่อมาแกล้งเขาด้วย
“หิว... เผิงน้อย จะอยู่กับ มะ หม่า มะ ม้า”
เฉินรุ่ยเผิงย้ำเรื่องเดิม และยังไม่หยุดพูดถึงแม่ คนเป็นพ่อจึงพ่นลมหายใจร้อนๆ ระบายความเครียด
“หม่าม้ายังไม่กลับนะเผิงน้อย ออกจากโรงพยาบาลแล้ว อาม่ายจะอยู่กับลูกเข้าใจไหมครับ”
พ่อเสียงเข้มกว่าเดิม และนั่นทำให้เขารู้ว่าเป็นคำสั่ง จะขัด หรือแสดงความอ่อนแอไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ใช่ลูกของผู้บัญชาการ และถูกห้ามไม่ให้ใช้นามสกุลเฉิน
“หม่าม้า สะ สวย และ ปะ เป็นนางฟ้าไหม”
แม่ของเขาสวยกว่าใคร ถึงไม่ชอบอาบน้ำให้เขา หรือหาอาหารให้กิน แต่แม่ไม่ดุ ไม่ตี หรือทำเขาเจ็บตัว มีเรื่องเดียวที่เขาโกรธแม่ก็คือ เอาจักรยานไปเก็บในห้องและห้ามไม่ให้ขี่ นั่นเป็นเพราะเขาปั่นมันออกไปไกล จนแม่ต้องไปตาม
“เอาไว้หม่าม้ากลับบ้านเมื่อไหร่ เผิงน้อยลองถามดูนะครับ”
พ่อบอกเขาอย่างนั้น ฝ่ายเขาเลยมุ่งมั่นรอให้แม่กลับบ้านไวๆ
เฉินรุ่ยเผิงเดินวนเวียนไปมา กระทั่งถึงคอกไก่ของป้าอิง ซึ่งเป็นแม่บ้านคนที่เคยดูแลเขาช่วงเวลาหนึ่ง แต่แม่บอกว่าป้าอิงจู้จี้ ชอบบ่น เลยให้พักอยู่บ้านตัวเองเฉยๆ ห้ามเข้าไปวุ่นวายเรือนพักของผู้บัญชาการ
เด็กชายรู้ว่าอิงซินเลี้ยงไก่ และมีเป็ดที่ออกไข่ฟองโตๆ ด้วย เขาเคยเก็บไข่เป็ด และชอบกิน
เฉินรุ่ยเผิงชะเง้อคอมองห้าอิงซิน แลซ้ายขวา ก็ไม่เห็นใคร
“ป้าอิง... ปะ ป้า”
เขาร้องหา แต่ไม่มีเสียงตอบ ตอนนี้คิดว่า ถ้ามีไข่สักสองฟอง เขาจะเอากลับบ้าน แล้วไปนั่งรอแม่ บางทีแม่อาจใจดี ทอดไข่หอมๆ ให้เขากินก็ได้
เด็กชายเข้าเอาไปในเล้าเป็ด และตอนนี้ พวกมันออกไปหากินอยู่ข้างนอก บ้างก็เล่นน้ำในคลอง เขาจึงไม่โดนไล่จิก
ดวงตากลมโตมองไปทั่ว กระทั่งเห็นว่า บนกองฟางมีไข่ฟองโตๆ อยู่หลายฟอง
“มะ ม่าย มีขี้ ปะ เป็ด เอา ดะ ได้”
เขาว่าแล้วก็เหยียบบนก้อนอิฐ ค่อยๆ จับมันออกจากกองฟาง จากนั้นก็ใส่เข้าในกระเป๋ากางเกง ตอนแรกมันเกือบหล่นจากมือ หากสุดท้ายก็เข้าไปอยู่กางเกงข้างซ้ายและขวาได้สำเร็จ
เมื่อได้ของที่ต้องการ เขาก็ไม่รอช้า รีบออกไปจากคอกเป็ด
“กลับบ้าน...” เขาบอกตัวเอง แล้วก็เดินหน้ากลับบ้าน แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เหตุใดบ้านเขาถึงได้ไกลกว่าเดิม เขาเดินอยู่อีกเกือบยี่สิบนาที ก็เริ่มหิวจนตาลาย คอก็แห้ง ไข่ในกระเป๋ากางเกงก็หนักจนอยากโยนทิ้งไป
ยามนั้นขอบตาเขาผะผ่าวร้อน ขาก็ปวด และยังคิดถึงหม่าม้าเหลือเกิน
ร่างเล็กๆ ค่อยๆ ทรุดลงนั่งบนพื้น เขาพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ กลั้นน้ำตาแล้ว แต่เฉินรุ่ยเผิงก็ไม่อาจทำได้
เขากลัวจะถูกพ่อดุ กลัวไม่ได้เป็นทหาร กลัวไม่ได้ใช้นามสกุลเฉิน ทว่าตอนนี้เด็กชาย เดินไม่ไหวจริงๆ
“หม่าม้า... เผิงน้อย ระ รอ อยู่ตรงนี้ นะ มา อุ้มเผิงเผิงที”
พูดจบเขาก็นอนราบลงไปบนพื้นหญ้า และเขานอนทับไข่เป็ด มันจึงแตกเปื้อนกระเป๋ากางเกง.....
“อย่าลืมที่อั๊วบอก ที่นี่ใช้แรงงานแลกอาหาร และที่อยู่อาศัย” “ฉันทำได้ดีแน่นอน แล้วก็อย่ามาตามก้นต้อยๆ ได้ไหม ฉันไม่ใช่แม่เป็ด และไม่เคยมีลูกมาก่อน” จางเซินถูกต่อว่าอย่างนั้น แต่เขายังอยู่ไม่ห่างจากหลี่ชิงม่าย กระทั่งเธอเข้าไปในครัว และเห็นว่า สตรีวัยกลางคนกำลังทำบะหมี่เป็ดย่าง และยังมีผัดผักเป็ดย่างที่หอมจัดจนทำให้หลี่ชิงม่ายหันไปดึงแขนเสื้อของจางเซิน “ฉัน...หิวจนเป็นบ้าไปหรือเปล่า ทำไมมันหอม แถมจัดจานได้น่ากินขนาดนั้น” เธอถามชายหนุ่ม และดึงแขนเสื้อเขาไม่หยุด “คุณไม่ได้บ้าหรอก อั๊วก็หิวและรับรองบะหมี่ทั้งสิบก้อนนั้นต้องเป็นของคนแซ่จาง” “อย่าให้มันมากเกินไป คุณตัวโตแล้ว กินเยอะเดี๋ยวก็อ้วน ฉันต้องกินมากกว่าคุณเพราะอดอาหารมาหลายวัน” การทะเลาะกันอย่างน่ารักตกอยู่ในสายตามารดาถังปิน และหล่อนก็ยิ้มให้ทั้งคู่ “รองหัวหน้าจางเชิญๆ คุณก็ด้วยนะคะ” “เรียกฉัน เสี่ยวม่ายก็ได้ค่ะ ส่วนตาหมียักษ์หน้าดุเนี่ย คุณน้าไม่ต้องเอาใจหรอก ท่าทางเห็นแก่กินจนน่ากลัว” มารดาถังปินหัวเราะจนได้ และนี่คงเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เห็นว่า จางเ
หลี่ชิงม่ายได้ยินชัดเจน และเธอไม่อาจยืนเป็นเป้านิ่งตกให้ใครมาจับตัวได้ หญิงสาวหมุนตัว ตั้งใจหลบไปอีกฝั่งของตู้ขบวนรถไฟ หากเป็นจังหวะเดียวกันที่โจรผ้าแดงอีกคน หวังพาเธอไปด้วย “ไปเป็นเมียอั๊วดีกว่านะคนสวย รับรองจะไม่เอาไปขายซ่องแน่นอน”เขาบอกแล้วยกปืนขึ้นขู่ เมื่อเห็นว่าเธอแสดงอาการขัดขืน “อย่าทำเรื่องโง่ๆเลย ไม่เป็นเมียอั๊ว ลื้อคนสวยก็ต้องตกเป็นของแก๊งเสือดำ แล้วพวกนั้นมันจะให้ขายทั้งยา และเป็นอีตัวที่อยู่ในเล้าหมูด้วยนะ มีชีวิตบัดซบอย่างนั้น ลื้อทนได้หรือ” ชายคนดังกล่าวว่า แล้วเบียดร่างกายของตนกับร่างกายนุ่มนิ่ม พอเธอถุยน้ำลายใส่ เขาก็ใช้ปลายกระบอกปืนตบเข้าที่ศีรษะเธออย่างแรง หลี่ชิงม่ายมึนงง แต่หูยังได้ยินเสียงปืน เสียงการต่อสู้รอบๆ ตัวอย่างอึงอล กระทั่งมีแรงปะทะวูบผ่านหน้าเธอไปสองสามหน ก่อนจะมีเรือนกายแข็งแกร่งอุ่นจัดมารับร่างบอบบางไปอยู่แนบอก “คนนี้เหรอ แกมั่นใจว่าไม่ผิดตัว” “ไม่ผิดแน่นอน แต่เซินเกอ จะพาเธอกลับไปด้วยจริงๆ หรือ สถานการณ์ยุ่งยากอยู่นะครับ อีกอย่างดอกไม้สวยๆ แบบนี้ มีหนามแหลม แล้วก็ดูมีพิษด้วย” “เฮ้อ พูดเป
ตอนพิเศษดอกไม้ในมือมาเฟีย หลี่ชิงม่ายได้รับการติดต่อจากหางหมี่ให้เดินทางไปเมืองฉีซาน พร้อมแจ้งว่าจัดหาที่พักและงานรองรับไว้ให้แล้ว ตอนแรกหญิงสาวอยากอยู่เมืองฝูเจียงอีกสักระยะ อย่างน้อยก็คือได้เยี่ยมพี่ชายที่อยู่ในคุก แต่หลี่เจ๋อฟูปฏิเสธการพบเธอ เรื่องนี้ทำให้หญิงสาวผิดหวังจนป่วยกระเสาะกระแส นอกจากนั้นภาพคู่รักที่มีความสุขร่วมกันของเฉินซือหยางกับอันหว่านถิงบาดตาบาดใจเหลือเกิน สตรีนางนั้นก็เปลี่ยนตัวเองใหม่ กลายเป็นคนรักครอบครัว ทั้งยังสร้างธุรกิจให้หลายชีวิตลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้ แม้ไม่คิดอยากอิจฉาใคร หากสุดท้ายหลี่ชิงม่ายก็ไม่อยากรับรู้เรื่องราวต่างๆ ของพวกเขาและเธอไม่ใช่คนเข้มแข็งอะไรขนาดนั้น “ฉันแพ้เธอ...” หลี่ชิงม่ายเอ่ยคำนั้นกับอันหว่านถิง แล้วหันไปมองอดีตชายคนรักที่เธอหมายปอง เขาวางสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงออกว่าเป็นห่วงเธออย่างที่ผ่านมา นั่นยิ่งทำให้หลี่ชิงม่ายอับอาย และเกลียดตัวเองที่ลึกๆ ยังหวังให้เฉินซือหยางกลับมารักเธอเหมือนเดิม แต่เธอรู้ภายหลังว่า ชายหนุ่มไม่เคยคิดว่าหลี่ชิงม่ายเป็นคนรัก เขามอบตำแหน่งน้องสาวให้เธอเท่านั้น “เดินทางปลอด
“เอ่อ คุณชายใหญ่ เด็กนะครับอย่างไรผมคงยิงไม่ได้ มันเป็นบาป” “เฮอะ แล้วที่แกถูกพ่อมันซ้อมหนัก ทั้งยังไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงานเพราะมันสั่งห้ามไว้ ตอนนี้ก็ใกล้จะอดตายแล้ว จะยอมอยู่ในสภาพนี้ต่อไปเหรอ และถ้าไม่ยอมทำตามที่อั๊วสั่ง ไม่ใช่แค่แฟนแก แม่แก แต่ชีวิตเน่าๆ นี้ อั๊วก็จะส่งลงนรก” อาเค่อสูดลมหายใจลึก เขาเคยเป็นทหารรับจ้างเก่า ไปสงครามถึงสองหน ยิ่งกว่านั้นอดีตคือนักแม่นปืนที่เก็บชีวิตข้าศึกมาไม่น้อย “คุณชายใหญ่ บอกว่าจะไม่ทำร้ายคนของผม ถ้างั้นแลกกับชีวิตเด็กนั่น ก็แล้วกัน” “ฮ่าๆ ๆ แกพูดง่ายแบบนี้ดี และไม่ใช่แค่เด็ก ตัวพ่อมันก็ต้องยิงให้หัวกระจุย” ได้ฟังคำสั่งดังกล่าว อาเค่อก็ไม่ได้โง่ หากเขายิงปืนออกไปต้องรู้ว่าตนมีทางหนีทีไล่ ซึ่งรถจักรยานยนต์จอดห่างอยู่ด้านข้าง แต่บริเวณนี้คือค่ายทหาร แม้ยามนี้การป้องกันไม่แน่นหนา ด้วยถูกดึงกำลังคนไปส่วนกลางในเมือง แต่เขาจะประมาทไม่ได้ และนอกจากปืนยาว เขายังมีระเบิดที่ฝ่ายหลี่เจ๋อฟูเตรียมมาให้ด้วย “ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คุณชายใหญ่รับผิดชอบไหวแน่นะครับ” “เฮ้ย อย่าชักช้า อั๊วพูดคำไห
เลือดข้นกว่าน้ำ หลี่ชิงม่ายตั้งใจจะสร้างสถานการณ์เพื่อเรียกร้องความสนใจหวังให้เฉินซือหยางยอมรับเธอในฐานะภรรยาอีกคน แม้เข้าใจว่า ยามนี้เขากับอันหว่านถิงรักกันอย่างหวานชื่น แต่ความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ซึ่งอย่างไรเธอก็มาก่อน เรื่องนี้เธอจะเรียกร้องจากเฉินซือหยาง ฝ่ายนั้นต้องรับผิดชอบชื่อเสียงที่เสียหายไป อีกทั้งตอนนี้ อันหว่านถิงขีดเส้นตายให้เธอย้ายออกจากบ้านพักคนงานภายในห้าวัน และไม่สนว่าบ้านหลังเดิมที่ถูกไฟไหม้จะซ่อมแซมเสร็จแล้วหรือไม่ก็ตาม แล้วที่น่าน้อยใจ เฉินซือหยางไม่ยอมมาพบหน้าเธอ นับแต่เขากลับมาจากราชการเมืองหลวง เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่เธอคะเนได้ว่า ผู้หญิงใจร้ายอย่างอันหว่านถิงคงปั่นหัวเขา ใช้มารยาชั้นต่ำหลอกล่อไว้ส่วนหางหมี่ยามนี้ไม่ยอมติดต่อมา ให้คนมาส่งข่าวเท่านั้น ด้วยพยายามสลัดหลี่ชิงม่ายให้พ้นตัว เป็นเพราะฝ่ายสกุลหลี่ยามนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือฝ่ายตรงข้ามผู้นำใหม่ของเกาะฉางไห่ คนสกุลหลี่ถูกจับกุมตัวหลายคน แล้วส่งออกไปนอกเมือง ดังนั้นเช้านี้เธอดักรอพบเฉินรุ่ยเผิง หวังใช้เด็กชายเป็นสะพานเชื่อมถึงบิดา เ
“อาบสิครับ แต่ตอนนี้ขอผัวอาบน้ำให้เมียก่อน อดใจไม่ไหวแล้ว”เขาเอ่ยพร้อมกับค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าหญิงสาวออก เพียงไม่กี่วินาที ร่างกายงดงามจึงเบาหวิว และร่างกายแกร่งประกบอยู่ด้านหลัง น้ำอุ่นๆ ไหลตามฝักบัวลงมา พอชายหนุ่มแนบร่างกายชิดหล่อนราวกับเป็นหนึ่งเดียว อันหว่านถิงจึงเอ่ยว่า “เอ่อ ฉันก็คิดถึงเหล่ากงที่สุดเลยค่ะ...” “ผมเก็บความคิดถึง ความรักไว้ตลอด ตอนนี้พร้อมจะบอกกับถิงถิงแบบลึกสุดใจ” เขาจูบหัวไหลกลมมน และดูดหลังคอหล่อนไปหลายที มือหนึ่งสอดเข้าใต้แขน เริ่มนวดคลึงเค้นหน้าอกอวบสวยด้วยความสิเน่หา ขณะเดียวกันความใหญ่โตที่แสนแกร่งถูกแทรกเข้ากลางหว่างขาของอันหวานถิง ความรู้สึกตอนนั้นของเธอคือตื่นตกใจเล็กน้อย พอเห็นว่าปลายหัวหยักเปิดเปลือยสีแดงก่ำแทรกผ่านมาอยู่ด้านหน้าขาตน หล่อนเลยหวามใจ ทั้งลำคอแห้งผาก โอ้ ใหญ่โตมาก และตลอดลำก็ร้อนจี๋ เส้นเลือดที่ปูดโปนนั้น ก็เต้นตุบๆ สร้างความสยิวให้หล่อนอย่างสาสมใจ “ผัวจะเอาเมียแบบนี้ได้ไหม และจะพุ่งให้ถิงถิงดูสักสามสี่น้ำ” “ถ้าทำไม่ได้ ตามที่พูด ฉันจะปรับเหล่ากงนะคะ ปรับหลายๆ ยกด้วย” หล่อ