ทว่าหล่อนกัดเขาได้เพียงประเดี๋ยวเดียว ก็ต้องหยุดการกระทำดังกล่าวลง ด้วยชายหนุ่มสะบัดแขนรุนแรง ขืนปล่อยให้เขาทำอย่างนั้นต่อไปอาจสร้างบาดแผลเหอวะหวะ ถึงอันหว่านถิงโมโห ฉุนอีกฝ่าย แต่ให้ทำร้ายจนเสียเลือดเนื้อมันคงเกินเหตุสักหน่อย หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงโรคจิต หรือคนไร้เหตุผลสักหน่อย
“ประสาทเสียเหรอคะ คุณทำร้ายตัวเองทำไม”
หล่อนหยุดความบ้าระห่ำของตนเอง หากสิ้นคิดย่อมไม่มีสิ่งใดดีขึ้น การหาข้อยุติ แล้วเจรจากับบุรุษตรงหน้า คงมีทางออกแน่นอน
ดวงตาคมกริบมองมาที่หญิงสาว มองอย่างพินิจ ความรู้สึกในวินาทีดังกล่าวบอกให้รู้ว่า เขากำลังจับผิดอันหว่านถิง
ฝ่ายหล่อนก็เริ่มมีข้อมูลของเฉินซือหยาง และให้ตายเถอะ มันน่าเจ็บใจก็ตรงที่ เขาคงมิแคล้วเป็นสามีที่ถูกกฎหมายของเจ้าของร่างนี้จริงๆ
“ผมเป็นหมาบ้าของคุณยังไงละ เสี่ยวถิง”
โอ้ ขนที่หลังต้นคอหล่อนลุกซู่ ร่างกายร้อนหนาวปานจะจับไข้ปุบปับ
“โรคจิต ฉันได้ใช่พวกชอบใช้ความรุนแรง อีกอย่างพึ่งรอดตายมาจากการถูกจับเป็นตัวประกัน พวกมันจะพาฉันไปที่แผ่นดินใหญ่ และหากสำเร็จ ฉันก็คงเหมือนถูกส่งไปรอความตายที่นั่น”
ชายหนุ่มเบ้ปาก ท่าทางยามยียวนก็กวนหัวใจหล่อนเหลือเกิน
“แล้วไหน พวกที่จับตัวคุณไป ตอนนี้ ควรโผล่หัวมาให้ผมเห็นได้แล้ว”
อันหว่านถิงจำได้ว่า พวกมันตามขึ้นมาจากน้ำด้วย ทว่าพอกวาดตาไปทั่วๆ กลับไม่มีสักคน สภาพหล่อนยามนี้จึงเหมือนคนปั้นแต่งเรื่องโกหก และนั่นจึงทำให้เขาถือไพ่เหนือกว่าหล่อนเช่นเคย
“จำได้ไหม คุณเก็บกระเป๋าออกนอกบ้านกี่ครั้ง วางแผนเรียกค่าไถ่ตัวเองก็ไม่ใช่ครั้งแรก รวมถึงทำเรื่องแย่ เช่นเขียนจดหมายลาตาย แล้วที่ผมให้อภัยไม่ได้คือ ทิ้งเผิงน้อยให้ร้องไห้หาแม่ เด็กเล็กแค่นั้น คุณเบ่งคลอดเขาออกมาแล้ว ทำไมถึงไม่มีความเป็นแม่สักนิด อ่อ...แล้วครั้งนี้ ยังทำเรื่องที่น่าเสื่อมเสีย ถึงขั้นอ้างว่าจะถูกจับตัวไปแผ่นดินใหญ่ เอาจริงๆ คุณคิดนอกใจผมอยู่ใช่ไหม!”
หญิงสาวต้องตอบโต้เขาเช่นไร แต่เดิมหล่อนไม่ใช่คนอับจนปัญญาเช่นนี้ สวรรค์ช่างกลั่นแกล้ง ให้ต้องมาพบกับผู้ชายที่น่ากลัว ทั้งยังปากร้าย มีความเผด็จการ ยิ่งอยู่ใกล้ก็ปั่นป่วน ทั้งกลัวว่าเขาจะบีบคอหล่อนจนหัก
“ศีรษะฉันได้รับการกระทบกระเทือน และตกลงไปในน้ำ เสียความทรงจำไป ฉะนั้น ไม่ว่าจะรื้อฟื้นความหลังอะไรตอนนี้ ฉันก็มืดแปดด้าน”
เมื่อหล่อนตอบฉะฉาน และมั่นใจว่าตน สูญเสียความจำในอดีต เขาก็ขี้เกียจคุย
เฉินซือหยางฉุดหล่อนให้เดินตามไปที่รถคันใหญ่ แล้วเปิดประตูประตูด้านหลัง จับหล่อนโยนเข้าไปด้านใน
กระดูกหล่อนแทบหัก เนื้อตัวก็เปียกชื้น คนเลวไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเท่านั้นแหละที่ทำกับผู้หญิงได้อย่างไม่ละอาย
ซึ่งในขณะนั้นทำให้อันหว่านถิงรู้ว่า เขามีคนขับรถประจำตำแหน่งด้านหน้า ส่วนด้านนอกมีสายตาหลายคู่จ้องมองมาอย่างให้ความสนใจ
“ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณก่อนหน้า ผมจะคุณจับใส่ตะกร้า แล้วล้างน้ำให้สะอาดทุกส่วน อย่าลืมว่าคุณเป็นหลานสาวของท่านนายพลอัน เป็นแก้วตาดวงใจเขา และผมรับปากแล้วว่าจะดูแลให้ดีที่สุด” อันหว่านถิงอยากจะพูดโต้แย้งเขา แต่เป็นตอนนั้นที่หล่อนอึ้งจัด และตั้งตัวไม่ทัน
ในขณะเดียวกัน มือใหญ่จับท้ายทอยหล่อน ออกแรงบีบและตรึงไม่ให้ขยับหนีไปไหน อึดใจต่อมากลีบปากบางสีสดชื้นๆ และอุ่นจัดของเฉินซือหยางกดลงมาบดเบียดริมฝีปากที่เผยออ้าของหล่อน
แน่นอนเขาไม่ได้เติมลมหายใจให้หญิงสาว หากตะกละตะกลามตักตวงความหวานฉ่ำ ราวกับโหยหาความรสชาติเล่านี้มานาน
“อ๊ะ... อื้อ... อะ ไอ้...”
ไอ้เลยหรือ...ฮ่าๆ ๆ หยาบคายดี เฉินซือหยาง ทำเสียงหึๆ ในลำคอ แล้วยื่นมือไปหนึ่งส่วนที่กั้นระหว่างคนขับและห้องโดยสายปิดลงเสียงดังปัง ในตอนนั้นคนขับรถรู้หน้าที่ของตนทันที
ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารแบ่งสัดส่วนอย่างเป็นส่วนตัว จึงไม่ทำให้อันหว่านถิงต้องรู้สึกขายหน้าที่ถูกเฉินซือหยางกระทำหยาบคายด้วย
“คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้”
เมื่อเขาหยุดการบดเบียดริมฝีปาก หล่อนก็โพล่งใส่เสียงดัง ยามนี้ใบหน้าแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตมีรังสีแห่งความโกรธพุ่งใส่เขา
“สามีภรรยากัน มีส่วนไหนที่ผม ไม่เคยจับ บีบ หรือใช้น้องชายเขาไปปล่อยน้ำคาวจัดใส่”
อันหว่านถิงช็อก หล่อนมาพบกับผู้ชายคนนี้เพื่อประโยชน์อันใด รอดตายในโลกคู่ขนานจากฝีมือคู่หมั้นห่วยแตก และมีนิสัยชั่วช้า หากสุดท้ายต้องมาทุกข์ทรมานตกอยู่ในกำมือคนที่เห็นหล่อนเป็นสินค้า หรือสิ่งของเท่านั้นหรือ
น้ำตาเหมือนจะกลั้นเอาไว้ไม่ไหว มันโกรธจัด หล่อนกำลังจะคลั่งเพราะถูกเขาปลุกปีศาจร้ายในใจออกมา
“ให้เกียรติฉันด้วยค่ะ”
อันหว่านถิงเอ่ย น้ำเสียงแหบแห้ง ขณะเดียวกันก็จัดผมและเสื้อผ้าให้เข้าที่
“นั่นคือสิ่งที่เราควรปฏิบัติต่อกัน แต่ดูเหมือนคุณละเลยเสมอ”
เฉินซือหยางสัมผัสได้ว่าภรรยาของตนเปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะหล่อนถูกยากล่อมประสาท หรือไม่คงบาดเจ็บอย่างที่หล่อนอ้าง แล้วสูญเสียความทรงจำชั่วขณะ เฮอะ...ฟังแล้วก็น่าขัน
“อดีตฉันแก้ไขไม่ได้ แต่นับแต่นี้ฉันจะไม่ใช่ ผู้หญิงคนเดิมที่คุณเคยรู้จัก”
“หึ ๆ ๆ นั่นย่อมหมายความว่า คุณยอมรับที่จะเรียนรู้ เรื่องระหว่างเราอีกครั้งใช่หรือไม่ แต่เตือนไว้ก่อนว่า มันค่อนข้างเร้าใจ ป่าเถื่อน รุนแรง คนอย่างผมหยาบคายเสมอโดยเฉพาะเรื่องบนเตียง”
เฉินซือหยางคงเก่งแต่ขู่เท่านั้น หล่อนปลอบใจตัวเองจบก็มองเขาด้วยสายตาท้าทาย
ชายหนุ่มยกยิ้มตรงมุมปาก ขณะเดียวกันก็เริ่มแกะกระดุมเสื้อของตน อันหว่านถิงเสมองไปทางอื่น หากไม่วายเบ้ปากให้เขาอยู่เนืองๆ ถึงเขาจะหล่อเหลา ทั้งสง่างาม ทว่ายามนี้หล่อนนึกหมั่นไส้ พอย้อนนึกว่าที่คู่หมั้นของตนแล้ว หมอนั่นทึ่ม แต่ไม่กวนประสาท ชั่วช้าที่คิดฆ่าหล่อนก็จริง ทว่ากับเฉินหว่านถิงคนนี้เล่า เพียงแค่เปิดฉากมาไม่ทันไร เขาก็ทำให้หล่อนหายใจไม่ทั่วท้อง เส้นประสาทตึงเครียดไปหมด เรียกว่าผู้ชายอันตรายก็คงไม่ผิดไปจากนั้น
“เฮ้ย...ยังอีก! เร็วซีคุณ”
น้ำเสียงเขาเข้มเกินเหตุ สีหน้าเก๊กขรึม ชวนให้หงุดหงิด หล่อตายล่ะ
“อะไร!”หล่อนตวาดกลับ ถลึงตาใส่อย่างไม่ยอมกัน
“ถอดเสื้อให้ผัวไง เร็วๆ สิ!”
ผัว... ใช่คำน่าระคายหูแบบนี้ได้ไม่อายปาก นี่คงมีคนรับใช้ รองมือรองเท้าจนเคยตัว พอเห็นว่าหล่อนเป็นภรรยา ก็คิดโขกสับอย่างนั้นสินะ
“หน้าที่ฉันหรือไง แล้วจะมาถอดเสื้ออะไรในรถเนี่ย”
“ผมอึดอัด ร้อนด้วย เอ่อ อาถิงนั่นแหละ ที่ทำให้อารมณ์เสีย”
โอ๊ย ไอ้บ้า เขากล้าโทษหล่อน ให้ตายเถอะ นี่จับฉลากได้เป็นผู้บัญชาการยศใหญ่โตไม่พอ ยังมีหน้าคว้าคนสวยที่สุดให้แผ่นดินอย่างอันหว่านถิงมาเป็นภรรยา คิดจะให้เป็นสาวใช้เป็นทาสส่วนตัวสินะ มิน่าเจ้าของร่างถึงมีนิสัย แง่งอน ไร้เหตุผล เป็นนางร้ายของเรื่องนี้ เพราะมีสามีบ้าอำนาจ เผด็จการ
“อยากถอด ก็ถอดเอง มือคุณก็มี ตอนนี้ฉันครั่นเนื้อครั่นตัว และเจ็บแผลด้วย”
เป็นตอนนั้นที่เขาแยกเขี้ยวใส่ ก่อนยกมือข้างที่ตนถนัดขึ้นอวด ไม่นะ... อันหว่านถิง คิดว่าตนแค่กัดอีกฝ่ายเบาๆ ทว่ายามนี้ เห็นแล้วว่า มันเป็นแผลใหญ่
“อืม แล้วไงคะ แบบนี้ก็เท่าเทียมกันดี ฉันก็ถูกมีดกรีดแขน คุณก็โดนกัด”
“หว่านถิง!”
ชายหนุ่มกัดฟันเสียงดังกรอดๆ
“รู้คะ สมองไม่ได้เสื่อม จำชื่อตัวเองได้ อันหว่านถิง”
เขาอยากระเบิดอารมณ์ใส่มากกว่านั้น ทว่ายามนี้เกิดความร้อนในร่างกายแปลกๆ เลยพยายามถอดเสื้อตัวเองออก โดยมีหล่อนที่ทำเป็นไม่แยแส พอถอดเรียบร้อย เขาโยนมันใส่ใบหน้าสวยจัดนั่นแหละ
“เฉินซือหยาง!”
“กล้าดีอย่างไร เรียกชื่อผมแบบนี้”
“อ๋อ ชอบให้คนยกหางใช่ไหมคะ ผู้บัญชาการเฉิน”
อันหว่านถิงไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาหรอก แต่มันอดไม่ได้จริงๆ
“รอให้ถึงบ้านก่อน คุณได้เจอดีแน่”
เขาขู่หล่อนอีกหน และคราวนี้เตรียมถอดกางเกงออกด้วย
“อย่านะ ขืนแก้ผ้าในรถ ฉันจะกัดคุณให้สูญพันธ์จริงๆ ด้วย”
ชายหนุ่มได้ยินแล้ว ก็อารมณ์ดี เขาหัวเราะเสียงดัง ก่อนเอ่ยกับหล่อนว่า
“พูดว่าจะกัดผม แล้วให้มันจริงเถอะ สายตาคุณที่มองมาเมื่อครู่ เหมือนอยากใช้ปากกับไอ้นั่นมากกว่า เปรี้ยวปากมาหลายวันสิท่า ได้เลย พอถึงบ้าน... ผมจะป้อนทุกอย่างให้คุณจนอิ่มจนล้นทะลักเอง”
“เงียบเถอะค่ะ ฉันปวดหัว ตอนนี้ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว”
หล่อนบอก และหันหน้าไปมองด้านนอกที่รถแล่นผ่าน ในยุคสมัยที่อันหว่านถิงย้อนมา มีธรรมชาติที่งดงาม ทั้งอากาศก็ยังบริสุทธิ์
“คุณบอกว่าฉันไม่ดูแลลูก... แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหนคะ”
“แม่ทูนหัวของเผิงน้อยช่วยเลี้ยงอยู่”
น้ำเสียงเขาที่พูดถึงแม่ทูนหัวอะไรนั่น มันเจ็บจี๊ด และทำให้หัวใจอันหว่านถิงหดเกร็ง
ฝ่ายเขาก็เหมือนจับสังเกตบางสิ่งใด ชายหนุ่มยกยิ้มตรงมุมปาก ท่าทางเหมือนคนถือไพ่ที่มีแต้มต่อหล่อน
“เผิงน้อยติดคนบ้านหลี่ คงเป็นเพราะอาถิง... ทิ้งขวางแกบ่อย เฮ้อ เรื่องนี้คงแก้ยากแล้วสินะ”
เขาว่าและถอนหายใจแรงๆ ยามนั้นอันหว่านถิงกับเจ้าของร่าง ไม่พอใจมาก จึงเอ่ยว่า
“ฉันอยากกลับบ้านไวๆ และต้องรีบไปรับลูกด้วยค่ะ”
อันหว่านถิงบอกเขา ในใจพยามปะติดปะต่อเรื่องที่ถูกปิดกั้นเอาไว้ และไม่รู้เหตุใด หล่อนสังหรณ์ใจไม่ดีเกี่ยวกับเฉินรุ่ยเผิง หรือเผิงน้อย ผู้เป็นลูกชายของหล่อนเหลือเกิน
ดวงตากลมโตมองซ้ายสลับขวา เมื่อครู่เด็กชายกลัวจับใจ คนทำสวนตัวโตๆ เข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วย แล้วเดินเข้าไปเอาขวดใสๆ ที่มีน้ำเสียงเหลืองออกมา จากนั้นก็เปิดฝาเทใส่แก้ว แล้วยกดื่มไปหลายอึก ที่เด็กชายไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เพราะคนๆ นั้นชอบเตะโต๊ะเก้าอี้ และบางทีโวยวายหยิบของต่างๆ ในห้องนี้ไป เป็นของประดับโต๊ะ หรือแจกันสวยๆ พอเอาไป ก็มักบอกเจ้าของบ้านว่า เฉินรุ่ยเผิงเป็นคนเอาไปซ่อน แต่เขาอายุเท่านี้ นิ้วมือก็สั้นป้อม จะหยิบของใหญ่โตพวกนั้นได้อย่างไร แล้วตอนนี้มีการทะเลาะกัน เรื่องสูบบุหรี่ในห้อง แม่บ้านจึงร้องห้าม ก่อนมีการยื้อยุดไปมา พอผู้ชายตัวเหม็นเห็นว่าเฉิงรุ่ยเผิงอยู่ตรงนั้น จึงหันมาแยกเขี้ยวใส่ พร้อมถลึงตาตาดุเด็กชายด้วย “แกเห็นอะไรไหม ไอ้หมาหัวเน่า” เฉินรุ่ยเผิง มองไปยังอาเค่อ ซึ่งเป็นคนสนิทของแม่บ้านลู่ หรือ ลู่เพ่ยเพ่ย “พี่พูดกับเสี่ยวเผิงดีๆ สิ” แม่บ้านลู่ตำหนิ แต่ยิ้มและส่งตาหวานให้อาเค่ออย่างหยาดเยิ้ม “เฮอะ พูดดีไปทำไม ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นใบ้ สมองน้อยนิด วันๆ เดี๋ยวกิน เดี๋ยวร้องเข้าห้องน้ำ เธอไม่เบื่อหรือไง ทำงานบ้านด้วย ยั
อันหว่านถิงมาถึงบ้านพักของผู้บัญชาการเมืองฝูเจียง ซึ่งแต่เติมจากเดิมให้โอ่โถง แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจ นอกจากหน่วยรักษาความปลอดภัยด้านหน้าสองคน ด้านในไม่มีแม่บ้าน สาวใช้ หรือใครอีกเลย พอหล่อนทำสีหน้าประหลาด เขาก็เอ่ยว่า “ชอบความสงบ และไม่อยากให้ใครเป็นตากุ้งยิง เวลาเราจู๋จี๋กันไม่ใช่เหรอ รวมถึง คุณไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ผัวสุดหล่อด้วย” ประชด เฉินซือหยางเป็นคนประเภทนี้ หล่อนต้องคิดบัญชีกับเขาสักวัน หล่อนเดินตามก้นคนตัวสูง ภาพในหัวของบ้านหลังนี้ไม่แจ่มชัดนัก กระทั่งเห็นรูปวางบนหลังตู้ และรูปครอบครัวติดฝาผนัง อันหว่านถิงพอจะโล่งใจว่า หล่อนเป็นได้แค่นางร้ายง่อยๆ ไม่ใช่สตรีชั่วช้า จนแก้ไขนิสัยเสียไม่ได้ แล้วที่หล่อนมีนิสัยไม่ได้เรื่อง หรือทำตัวน่าเบื่อส่วนหนึ่งคือการดูแลอย่างเอาใจจนเกิดเหตุของปู่ ซึ่งเป็นอดีตนายพล นอกจากนั้นยังแต่งกับผู้ชายที่แสนจะกวนประสาท ทั้งบ้าอำนาจและคลั่งไคล้ของสวยงามอย่างเฉินซือหยาง หากเข้าใจไม่ผิด คนๆ นี้ คิดว่าหล่อนคือผู้หญิงที่มีไว้สำหรับประดับบารมี และให้ความสนุกบนเตียงเท่านั้น เมื่อเข้าไปถึงห้องพักผ่อนด้านใน
เฉินรุ่ยเผิงรู้สึกตัวเบาหวิว และอย่างไรไม่ทราบ เมื่อครู่ยังเดินหลงทางอยู่เลย และก็หลับไปแล้วด้วย หากตอนนี้เขากลับมาอยู่ทางหมารอดด้านข้างบ้าน ซึ่งเขาเคยแอบออกมาสองสามหน มันเกือบถูกปิดไปแล้ว แต่เด็กชายขอร้องพี่ทหารเอาไว้ ฝ่ายนั้นก็ใจดี แถมบอกว่า ออกจากบ้านตอนไหน ต้องแจ้งให้ทราบด้วย เมื่อเขาหมุดเข้าไป กางเกงมันเกี่ยวกับบางสิ่ง ถึงอย่างนั้นก็พยายามดันตัวเองไปข้างหน้าสุดแรง “หิวแล้ว...ไปกินข้าวดีกว่า” เขาบอกตัวเองอย่างนั้น แล้วนึกถึงรสชาติอาหาร ที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องครัว และวันนี้ต้องร้องฮู้เร่ ออกมา เด็กชายไม่เคยรู้มาก่อนว่าในห้องครัวมีของกินแปลกตาด้วย รู้แบบนี้เวลาที่พ่อให้คนไปส่งที่บ้านหลี่ เขาจะหาทางซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ยอมไปไหน ดวงตาเรียวมองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดสวยงาม ใบหน้าของหล่อนยิ้มหวาน และดูใจดีกับเด็กเล็กอย่างเขา “หม่าม้า” เฉินรุ่ยเผิงว่าแล้ววิ่งโผเข้าไปก่อนอีกฝ่าย เขากอดขาหล่อนแน่น พร้อมกันนั้นก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดมันทำได้ยากจริงๆ “เผิงเผิง ไม่ได้ขี้แย เผิงเผิงหิว มะ มัน มีเสียงร้องจ๊อกๆ” เขาบ
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉินรุ่ยเผิง เช็ดตัวอย่างเบามือ กระทั่งเรียบร้อย ก็ใช้แป้งเด็กทาให้ เด็กชายเลยตัวหอมมาก และขณะที่เธอจะสั่งให้หวังเฮ่อเอาเสื้อผ้าเด็กชายไปทำความสะอาด เฉินรุ่ยเผิงก็สะลึมละลือ เขาทำตาปรือ ริมฝีปากสีชมพูเล็กๆ ขยับช้าๆ “คนนี้ หม่ามี้ ผะ เผิง น้อย มะ ไหม ฮะ ซ้วย สวย สวย บิวตี้ฟู” เขาถาม และเอานิ้วเล็กๆ จิ้มแขนอันหว่านถิง จิ้มแล้วก็ลืมตากลมโตมองหล่อนด้วยความตกใจ จากนั้นก็จิ้มที่พุงตัวเอง สลับกับแขนหล่อนไปมา “ฝันหรือ ปะ เปล่า กะ กูด ไนท์ ละ แล้วเหรอ” เขาพูดอย่างนั้น อันหว่านถิงจึงไม่เสียเวลาให้เด็กชายขวัญเสีย รีบกอดเขา และหอมเบาๆ ที่หน้าผาก เด็กชายตัวเล็กกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ผอม มีแก้ม มีเนื้อหนัง ที่สำคัญน่ารัก หากพูดติดอ่างเพราะขาดความมั่นใจ แต่ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ด้วย เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย และหล่อนต้องส่งเสริมเขา “เผิงน้อย ไม่ได้ฝัน แม่อยู่ตรงนี้แล้ว” เขาจั๊กจี้ และตลกด้วย แม่กอดเขา พูดก็เพราะ แถมยิ้มหวาน แบบนี้เขาคงได้นอนกับแม่ ได้ฟังแม่ร้องเพลงแน่นอน ซึ่งนานแล้วเด็กชายจำได้ แม่คนสวยร้องเพลงเพราะที่
“ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามพลางสำรวจเด็กชายด้วยสายตา เมื่อเห็นว่ายิ้มแป้น หัวเราะเป็นระยะๆ ก็ไม่ได้กังวลเหมือนคราวแรกที่ไปถึงบ้านสกุลหลี่ แต่อย่างไรเขาก็ให้หมอทหารติดตามมาด้วย คงต้องให้ตรวจร่างกายเพื่อความสบายใจ ก่อนหน้านั้นที่ไปถึงบ้านหลี่ ฝ่ายหลี่ชิงม่ายไม่อยู่บ้าน เขาจึงบอกให้ลู่เพ่ยเพ่ยพาลูกชายมาขึ้นรถ แต่เธอหน้าเสีย แล้วชี้วุ่นวายไปหมด กระทั่งเขาสืบได้ความว่า เฉินรุ่ยเผิงหายไป ยามนั้น เขาเลยให้คนในหน่วยของตนออกตามหา ส่วนเขาเร่งตรวจสอบจุดที่ลูกชายเดินออกไปจากบ้านหลี่ พบว่าทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เลี้ยง แล้วยังมีคนสวน ที่เข้ามาวุ่นวายด้วย ชายหนุ่มเกือบระเบิดโทสะจับทั้งคู่ไปขังคุกทหาร แต่เขาอยากให้ลูกชายปลอดภัยเสียก่อน ต่อจากนั้นค่อยจัดการทั้งลู่เพ่ยเพ่ย และอาเค่อ ก็คงไม่สาย อันหว่านถิงวางสีหน้าไม่ถูก คนตัวโตจู่โจมเร็วเกินไป ไออุ่นของเขาทำให้กายสาวร้อนวูบวาบ แถมลำคอหล่อนแห้งผาก ประหนึ่งว่ากระหายน้ำ “ดะ เดี๋ยวกะ ก่อนคะ คุณตะ ตัวเหม็น... ฉันกับลูกอาบน้ำแล้ว ถอยไปสิคะ” หล่อนกลายเป็นติดอ่างไปอีกคน อาการเหมือนสาวแรกรุ่น เขินเขาหรือ ใช่ ไม่กล
ดวงตากลมโตลืมช้าๆ พยายามมองแต่หน้าเขา เพื่อไม่ให้จิตใจหวั่นไหว “ฉันรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราใช้อารมณ์คุยกันตลอด แต่นับจากนี้ ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่ ไม่ให้สัญญาว่าจะดีขึ้นแค่ไหน แต่ฉันจะตั้งใจดูแลบ้าน และเลี้ยงเผิงน้อยค่ะ” “แล้วผัวล่ะ” “ตราบใดที่มีเงินให้ฉันใช้ และระหว่างที่เป็นสามีภรรยากัน คุณไม่นอนกับคนอื่น ฉันก็จะซื่อสัตย์กับคุณ” ชายหนุ่มยิ้ม เขาเย้าหยอกหล่อนหลายหน นับแต่พบหน้ากันที่ถนนหลังโรงแรมในเมือง “คืนนี้ กินข้าวที่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน ผมจะใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มที่ แบบนี้ดีไหม” “ถ้าอย่างนั้น ฉันไปเตรียมอาหาร และดูลูกข้างนอกนะคะ” เขาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่ปล่อยหล่อนไปง่ายๆ “อาถิงหนีผมได้ครั้งเดียวเท่านั้น ยังไงก็ต้องถูกทำโทษเสียก่อนถึงจะปล่อยตัวได้” เขาหมายถึงก่อนออกจากบ้านเมื่อครู่ที่ขอพลังใจหล่อน แต่คนสวยกลับวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ ดวงตากลมโตมองเขา ใจเต้นแรง อาการร้อนวูบวาบเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหล่อนก็ต่อรอง “แค่จูบนะคะ มากที่สุด คือให้เอ่อ... จับหน้าอก นวดได้ บีบได้ แต่ห้ามดูด และถ้ากัด ฉันต
ต่อแขนเติมขา เรือนพักผู้บัญชาการในเขตพื้นที่ของทหาร ไม่ได้มีบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก รวมถึงผู้ใหญ่นานแล้ว เรื่องนี้ทำให้ทั้งอิงซิน หวังเฮ่อ กั๋วซี ซึ่งรับใช้ครอบครัวเฉินยิ้มหน้าบานเสมอ เมื่อพวกเขาออกไปซื้อของใช้ แม้แต่ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ บ้านพักฯ มีเสียงถามไถ่ให้ได้ยินตลอด ด้วยเหตุนี้ภาพการมีปากเสียงกันของอันหว่านถิงกับเฉินซือหยางได้หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยภาพของครอบครัวที่ออกมาเดินเล่นด้วยกันยามเย็น และฝ่ายเฉินซือหยางชอบใจมากที่อันหว่านถิงยืนยันว่า หล่อนต้องการมีน้องสาวให้แก่เฉินรุ่ยเผิงไวๆ และหลังจากห่างหายการอุ่นเตียงด้วยกัน ทั้งคู่ก็มีประสบการณ์อันโลดโผน โดยเขาใช้ข้ออ้างว่า ลูกผู้หญิงนั้นขี้อาย ต้องใช้ท่าทางเร้าใจ และการร่วมรักบ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนไม่ใช่แค่ยามค่ำคืนเท่านั้น “ฉันพยายามแล้วนะคะ แต่ดูเหมือนว่า... ต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้ และอดทนเพื่อลูก” ชายหนุ่มมองคนรัก สำหรับเขา อันหว่านถิงเป็นธรรมชาติมาก และดูตื่นเต้นในทุกสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้ อีกทั้งอันหว่านถิงเอาใจเขายิ่งนัก แม้หลายหนมีท่าทางจะไม่ประสีประสายามแนบเนื
ทะลึ่ง หล่อนทำปากขมุบขมิบต่อว่าเขา “ภรรยา... เล่นน้ำด้วยกันนะ” หล่อนส่ายหน้า แต่ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะทั้งพ่อและลูกชาย ต่างช่วยกันคะยั้นคะยอ สุดท้ายทั้งสามคนจึงเต้นรำกลางสายฝนชุ่มฉ่ำที่โปรยปรายลงมา “รู้ไหม เกือบสิบกว่าปีแล้วที่ผมไม่ได้ทำเรื่องบ้าบอแบบนี้ บางทีเมื่อไม่ต้องคิดอะไรมาก อยู่กับสิ่งที่ง่ายๆ มันทำให้เราได้เห็นว่าชีวิต ก็หาความสุขได้จากคนที่เรารัก และธรรมชาติ” อันหว่านถิงแสร้งทำตาโตมองเฉินซือหยาง ก่อนใช้หลังมือแตะที่หน้าผากเขา “โอ้ ตัวเริ่มร้อนนะคะ ที่แท้เหล่ากงก็เพ้อเพราะเป็นพิษไข้” “ใช่สามีเป็นไข้ ไข้จับสั่นเลย และทางรอดเดียวก็คือต้องเอาพิษร้ายๆ ออกจากร่างกายโดยด่วน” เขาว่าและบุ้ยใบ้ให้หล่อนมองที่เป้ากางเกง “เฉินซือหยาง!” หล่อนส่งเสียงแหวใส่คนตัวโต และเขาไม่ได้ตอบ หากเป็นลูกชายที่ทำท่าวันทยาหัตถ์อีกหน “เผิงเผิง อยู่ ทะ ที่ แล้วขอรับ ผะ ผู้บัญชาการนะ น้อย รอรับคำสั่ง หม่าม้า” หญิงสาวยิ้มให้เขา แล้วบอกว่า “กลับเข้าบ้านไวๆ เดี๋ยวแม่จะอาบน้ำให้ เล่นนานกว่านี้ จะเป็นหวัดได้รู้ไหม” “อาบน้ำ ฮู้...เร่
ตัวเมืองฝูเจียงในสายตาของอันหว่านถิงยามนี้ แตกต่างจากตอนที่หล่อนปีนขึ้นจากท่าน้ำเมื่อหลายวันก่อน บรรยากาศคึกคัก แบ่งพื้นที่เป็นสองด้านชัดเจน คือพื้นที่เช่าของต่างชาติ และตรอกการค้าทั้งเก่ากับใหม่ เรียกว่าสะอาดสะอ้านทันสมัย ผู้คนล้วนมีเงินทอง เป็นเขตปลอดสงครามโดยแท้จริง ทั้งมีทหารประจำการเป็นจุดๆ เพื่อรักษาความปลอดภัย ส่วนด้านหลังสุดมีสะพานข้ามเชื่อมต่อ แบ่งเขตด้วยประตูลวดหนาม คือเขตของชุมชนดั่งเดิม เป็นอาคารสูงตั้งแต่สองชั้นถึงห้าชั้นและสลัมที่ไม่น่าชมนัก ผู้คนอยู่กันอย่างแออัดสักหน่อย มีอาชีพค้าขาย ใช้แรงงาน เรียกว่าหาเช้ากินค่ำก็ไม่ผิดไปจากนั้น อีกฝั่งหนึ่งของเมืองก็มีโรงงานต่างๆ เป็นพื้นที่นิคมเมืองฝูเจียง สูงขึ้นไปด้านเหนือ เป็นภูเขาไป๋ซาน เฉินซือหยางให้จ่ากั๋ว หรือ กั๋วซีขับรถไปรับอันหว่านถิงที่บ้านพัก และอันหว่านถิงมาพร้อมกับลูกชาย และอิงซิน เพื่อให้ช่วยดูแลเขาด้วย พร้อมหวังเฮ่อก็ถูกเรียกตัวเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ “ป้าอิง พาเผิงน้อยไปรอผู้บัญชาการที่ห้องรับรองโรงแรมดีกว่า บริเวณนี้เสียงดัง และดูวุ่นวายเกินไป ส่วนฉันอยากเดินเล่นสักนิดหน่อย”
อันหว่านถิงไม่อยากเชื่อหูตนเอง เมื่อก่อนหล่อนสนิทสนมกับหลี่เจ๋อฟู และไม่รู้จักรักษาเกียรติของตนถึงเพียงนั้นหรือ หญิงสาวมองไปทางอิงซินอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าหล่อนหาทางออกสำหรับตัวเองไม่ได้ เพียงแต่สมองต้องการเวลาประเมินผลเรื่องราวแต่หนหลังสักหน่อย ขณะเดียวกันลูกชายหล่อนก็ให้หวังเฮ่อช่วยจอดรถจักรยาน จากนั้นก้าวตรงมายืนขวางหลี่เจ๋อฟู ไม่ให้เขาเข้าใกล้แม่ “ป่าป๊า หะ ให้ เผิงน้อยเฝ้าบ้าน หะ ห้าม คนบะ บ้านหลี่ มะ มา ยุ่ง ชิ้วๆ ๆ” ถึงคำพูดเด็กชายจะติดอ่างไปบ้าง แต่ดวงตากลมโตลูกเล็กๆ นั้นเอาเรื่องน่าดู อีกทั้งเขากำหมัดแน่น ซึ่งไม่ใช่ท่าทางแบบอันธพาล หากดูแล้วคล้ายบอดีการ์ดตัวจิ๋วมากกว่า “ตี๋น้อย... ลื้อเป็นเด็ก จะไปรู้อะไร อั๊วเอาของมาฝากแม่ลื้อ และถ้าอยากกินลูกอม เดี๋ยวแบ่งเศษของเหลือให้ไปแทะเล่น” หลี่เจ๋อฟูบอก พร้อมเตรียมผลักเฉินรุ่ยเผิงที่ขวางทางออกไป หากอันหว่านถิงไม่ชอบใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนโพล่งเสียงดังทรงอำนาจ “คุณชายใหญ่หลี่ สามีฉันไม่อยู่ ตอนนี้ไม่สะดวกรับแขก อีกอย่างที่นี่บ้านพักผู้บัญชาการฯ ปกติเข้าออกต้องมีการตรวจอย่างเคร่งคร
บอดี้การ์ดของหม่าม้า หลายวันต่อมา ในช่วงที่อันหว่านถิงอยู่บ้านพักผู้บัญชาการ ทั้งหล่อนและลูกชาย ได้รับการตรวจสุขภาพกับหมอตีนเปล่า ซึ่งดูแลในพื้นที่ดังกล่าว แผลของหล่อนที่ถูกมีดกรีดบริเวณต้นแขนนั้นหายเกือบเป็นปกติ โชคดีไม่มีแผลเป็น ส่วนเฉินรุ่ยเผิงมีสิ่งเดียวที่น่าวิตก คือบางทีเขาหงุดหงิดง่าย และเริ่มมีพฤติกรรมส่งเสียงดัง ก้าวร้าวเกินควร ส่วนอาการติดอ่างก็คงต้องค่อยๆ แก้ไขต่อไป ฝ่ายเฉินซือหยางได้รับการเรียกตัวเข้าเมือง และให้หวังเฮ่อส่งข่าวว่า จะอยู่ที่นั้นจนกว่าภารกิจจะเรียบร้อย ซึ่งเป็นการร่วมประชุมงาน รวมถึงวางแผนรับมือกับการหลั่งไหลเข้ามาของต่างชาติ เพื่อหาทางรับมือไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทั้งด้านการค้า การศึกษา รวมถึงเผยแพร่ศาสนา นอกเหนือจากนั้น คนขับรถเฉินซือหยางแจ้งว่า บ่ายนี้จึงถึงช่วงค่ำ เขามีเวลาว่างจึงอยากชวนหล่อนไปซื้อของด้วยกันที่ตลอดในเมืองฝูเจียง และดูหน่วยงานของรัฐบาลกับเอกชนที่กำลังจัดงานเปิดบ้านต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ ฝ่ายหล่อนมีหน้าที่ดูแลเฉินรุ่ยเผิง รวมถึงความเรียบร้อยของบ้านทั่วไป ทว่าหลายวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มเริ่มติดใจรสมือหล่
ทะลึ่ง หล่อนทำปากขมุบขมิบต่อว่าเขา “ภรรยา... เล่นน้ำด้วยกันนะ” หล่อนส่ายหน้า แต่ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะทั้งพ่อและลูกชาย ต่างช่วยกันคะยั้นคะยอ สุดท้ายทั้งสามคนจึงเต้นรำกลางสายฝนชุ่มฉ่ำที่โปรยปรายลงมา “รู้ไหม เกือบสิบกว่าปีแล้วที่ผมไม่ได้ทำเรื่องบ้าบอแบบนี้ บางทีเมื่อไม่ต้องคิดอะไรมาก อยู่กับสิ่งที่ง่ายๆ มันทำให้เราได้เห็นว่าชีวิต ก็หาความสุขได้จากคนที่เรารัก และธรรมชาติ” อันหว่านถิงแสร้งทำตาโตมองเฉินซือหยาง ก่อนใช้หลังมือแตะที่หน้าผากเขา “โอ้ ตัวเริ่มร้อนนะคะ ที่แท้เหล่ากงก็เพ้อเพราะเป็นพิษไข้” “ใช่สามีเป็นไข้ ไข้จับสั่นเลย และทางรอดเดียวก็คือต้องเอาพิษร้ายๆ ออกจากร่างกายโดยด่วน” เขาว่าและบุ้ยใบ้ให้หล่อนมองที่เป้ากางเกง “เฉินซือหยาง!” หล่อนส่งเสียงแหวใส่คนตัวโต และเขาไม่ได้ตอบ หากเป็นลูกชายที่ทำท่าวันทยาหัตถ์อีกหน “เผิงเผิง อยู่ ทะ ที่ แล้วขอรับ ผะ ผู้บัญชาการนะ น้อย รอรับคำสั่ง หม่าม้า” หญิงสาวยิ้มให้เขา แล้วบอกว่า “กลับเข้าบ้านไวๆ เดี๋ยวแม่จะอาบน้ำให้ เล่นนานกว่านี้ จะเป็นหวัดได้รู้ไหม” “อาบน้ำ ฮู้...เร่
ต่อแขนเติมขา เรือนพักผู้บัญชาการในเขตพื้นที่ของทหาร ไม่ได้มีบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก รวมถึงผู้ใหญ่นานแล้ว เรื่องนี้ทำให้ทั้งอิงซิน หวังเฮ่อ กั๋วซี ซึ่งรับใช้ครอบครัวเฉินยิ้มหน้าบานเสมอ เมื่อพวกเขาออกไปซื้อของใช้ แม้แต่ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ บ้านพักฯ มีเสียงถามไถ่ให้ได้ยินตลอด ด้วยเหตุนี้ภาพการมีปากเสียงกันของอันหว่านถิงกับเฉินซือหยางได้หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยภาพของครอบครัวที่ออกมาเดินเล่นด้วยกันยามเย็น และฝ่ายเฉินซือหยางชอบใจมากที่อันหว่านถิงยืนยันว่า หล่อนต้องการมีน้องสาวให้แก่เฉินรุ่ยเผิงไวๆ และหลังจากห่างหายการอุ่นเตียงด้วยกัน ทั้งคู่ก็มีประสบการณ์อันโลดโผน โดยเขาใช้ข้ออ้างว่า ลูกผู้หญิงนั้นขี้อาย ต้องใช้ท่าทางเร้าใจ และการร่วมรักบ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนไม่ใช่แค่ยามค่ำคืนเท่านั้น “ฉันพยายามแล้วนะคะ แต่ดูเหมือนว่า... ต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้ และอดทนเพื่อลูก” ชายหนุ่มมองคนรัก สำหรับเขา อันหว่านถิงเป็นธรรมชาติมาก และดูตื่นเต้นในทุกสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้ อีกทั้งอันหว่านถิงเอาใจเขายิ่งนัก แม้หลายหนมีท่าทางจะไม่ประสีประสายามแนบเนื
ดวงตากลมโตลืมช้าๆ พยายามมองแต่หน้าเขา เพื่อไม่ให้จิตใจหวั่นไหว “ฉันรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราใช้อารมณ์คุยกันตลอด แต่นับจากนี้ ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่ ไม่ให้สัญญาว่าจะดีขึ้นแค่ไหน แต่ฉันจะตั้งใจดูแลบ้าน และเลี้ยงเผิงน้อยค่ะ” “แล้วผัวล่ะ” “ตราบใดที่มีเงินให้ฉันใช้ และระหว่างที่เป็นสามีภรรยากัน คุณไม่นอนกับคนอื่น ฉันก็จะซื่อสัตย์กับคุณ” ชายหนุ่มยิ้ม เขาเย้าหยอกหล่อนหลายหน นับแต่พบหน้ากันที่ถนนหลังโรงแรมในเมือง “คืนนี้ กินข้าวที่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน ผมจะใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มที่ แบบนี้ดีไหม” “ถ้าอย่างนั้น ฉันไปเตรียมอาหาร และดูลูกข้างนอกนะคะ” เขาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่ปล่อยหล่อนไปง่ายๆ “อาถิงหนีผมได้ครั้งเดียวเท่านั้น ยังไงก็ต้องถูกทำโทษเสียก่อนถึงจะปล่อยตัวได้” เขาหมายถึงก่อนออกจากบ้านเมื่อครู่ที่ขอพลังใจหล่อน แต่คนสวยกลับวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ ดวงตากลมโตมองเขา ใจเต้นแรง อาการร้อนวูบวาบเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหล่อนก็ต่อรอง “แค่จูบนะคะ มากที่สุด คือให้เอ่อ... จับหน้าอก นวดได้ บีบได้ แต่ห้ามดูด และถ้ากัด ฉันต
“ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามพลางสำรวจเด็กชายด้วยสายตา เมื่อเห็นว่ายิ้มแป้น หัวเราะเป็นระยะๆ ก็ไม่ได้กังวลเหมือนคราวแรกที่ไปถึงบ้านสกุลหลี่ แต่อย่างไรเขาก็ให้หมอทหารติดตามมาด้วย คงต้องให้ตรวจร่างกายเพื่อความสบายใจ ก่อนหน้านั้นที่ไปถึงบ้านหลี่ ฝ่ายหลี่ชิงม่ายไม่อยู่บ้าน เขาจึงบอกให้ลู่เพ่ยเพ่ยพาลูกชายมาขึ้นรถ แต่เธอหน้าเสีย แล้วชี้วุ่นวายไปหมด กระทั่งเขาสืบได้ความว่า เฉินรุ่ยเผิงหายไป ยามนั้น เขาเลยให้คนในหน่วยของตนออกตามหา ส่วนเขาเร่งตรวจสอบจุดที่ลูกชายเดินออกไปจากบ้านหลี่ พบว่าทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เลี้ยง แล้วยังมีคนสวน ที่เข้ามาวุ่นวายด้วย ชายหนุ่มเกือบระเบิดโทสะจับทั้งคู่ไปขังคุกทหาร แต่เขาอยากให้ลูกชายปลอดภัยเสียก่อน ต่อจากนั้นค่อยจัดการทั้งลู่เพ่ยเพ่ย และอาเค่อ ก็คงไม่สาย อันหว่านถิงวางสีหน้าไม่ถูก คนตัวโตจู่โจมเร็วเกินไป ไออุ่นของเขาทำให้กายสาวร้อนวูบวาบ แถมลำคอหล่อนแห้งผาก ประหนึ่งว่ากระหายน้ำ “ดะ เดี๋ยวกะ ก่อนคะ คุณตะ ตัวเหม็น... ฉันกับลูกอาบน้ำแล้ว ถอยไปสิคะ” หล่อนกลายเป็นติดอ่างไปอีกคน อาการเหมือนสาวแรกรุ่น เขินเขาหรือ ใช่ ไม่กล
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉินรุ่ยเผิง เช็ดตัวอย่างเบามือ กระทั่งเรียบร้อย ก็ใช้แป้งเด็กทาให้ เด็กชายเลยตัวหอมมาก และขณะที่เธอจะสั่งให้หวังเฮ่อเอาเสื้อผ้าเด็กชายไปทำความสะอาด เฉินรุ่ยเผิงก็สะลึมละลือ เขาทำตาปรือ ริมฝีปากสีชมพูเล็กๆ ขยับช้าๆ “คนนี้ หม่ามี้ ผะ เผิง น้อย มะ ไหม ฮะ ซ้วย สวย สวย บิวตี้ฟู” เขาถาม และเอานิ้วเล็กๆ จิ้มแขนอันหว่านถิง จิ้มแล้วก็ลืมตากลมโตมองหล่อนด้วยความตกใจ จากนั้นก็จิ้มที่พุงตัวเอง สลับกับแขนหล่อนไปมา “ฝันหรือ ปะ เปล่า กะ กูด ไนท์ ละ แล้วเหรอ” เขาพูดอย่างนั้น อันหว่านถิงจึงไม่เสียเวลาให้เด็กชายขวัญเสีย รีบกอดเขา และหอมเบาๆ ที่หน้าผาก เด็กชายตัวเล็กกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ผอม มีแก้ม มีเนื้อหนัง ที่สำคัญน่ารัก หากพูดติดอ่างเพราะขาดความมั่นใจ แต่ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ด้วย เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย และหล่อนต้องส่งเสริมเขา “เผิงน้อย ไม่ได้ฝัน แม่อยู่ตรงนี้แล้ว” เขาจั๊กจี้ และตลกด้วย แม่กอดเขา พูดก็เพราะ แถมยิ้มหวาน แบบนี้เขาคงได้นอนกับแม่ ได้ฟังแม่ร้องเพลงแน่นอน ซึ่งนานแล้วเด็กชายจำได้ แม่คนสวยร้องเพลงเพราะที่
เฉินรุ่ยเผิงรู้สึกตัวเบาหวิว และอย่างไรไม่ทราบ เมื่อครู่ยังเดินหลงทางอยู่เลย และก็หลับไปแล้วด้วย หากตอนนี้เขากลับมาอยู่ทางหมารอดด้านข้างบ้าน ซึ่งเขาเคยแอบออกมาสองสามหน มันเกือบถูกปิดไปแล้ว แต่เด็กชายขอร้องพี่ทหารเอาไว้ ฝ่ายนั้นก็ใจดี แถมบอกว่า ออกจากบ้านตอนไหน ต้องแจ้งให้ทราบด้วย เมื่อเขาหมุดเข้าไป กางเกงมันเกี่ยวกับบางสิ่ง ถึงอย่างนั้นก็พยายามดันตัวเองไปข้างหน้าสุดแรง “หิวแล้ว...ไปกินข้าวดีกว่า” เขาบอกตัวเองอย่างนั้น แล้วนึกถึงรสชาติอาหาร ที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องครัว และวันนี้ต้องร้องฮู้เร่ ออกมา เด็กชายไม่เคยรู้มาก่อนว่าในห้องครัวมีของกินแปลกตาด้วย รู้แบบนี้เวลาที่พ่อให้คนไปส่งที่บ้านหลี่ เขาจะหาทางซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ยอมไปไหน ดวงตาเรียวมองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดสวยงาม ใบหน้าของหล่อนยิ้มหวาน และดูใจดีกับเด็กเล็กอย่างเขา “หม่าม้า” เฉินรุ่ยเผิงว่าแล้ววิ่งโผเข้าไปก่อนอีกฝ่าย เขากอดขาหล่อนแน่น พร้อมกันนั้นก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดมันทำได้ยากจริงๆ “เผิงเผิง ไม่ได้ขี้แย เผิงเผิงหิว มะ มัน มีเสียงร้องจ๊อกๆ” เขาบ