อันหว่านถิงมาถึงบ้านพักของผู้บัญชาการเมืองฝูเจียง ซึ่งแต่เติมจากเดิมให้โอ่โถง แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจ นอกจากหน่วยรักษาความปลอดภัยด้านหน้าสองคน ด้านในไม่มีแม่บ้าน สาวใช้ หรือใครอีกเลย
พอหล่อนทำสีหน้าประหลาด เขาก็เอ่ยว่า
“ชอบความสงบ และไม่อยากให้ใครเป็นตากุ้งยิง เวลาเราจู๋จี๋กันไม่ใช่เหรอ รวมถึง คุณไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ผัวสุดหล่อด้วย”
ประชด เฉินซือหยางเป็นคนประเภทนี้ หล่อนต้องคิดบัญชีกับเขาสักวัน
หล่อนเดินตามก้นคนตัวสูง ภาพในหัวของบ้านหลังนี้ไม่แจ่มชัดนัก กระทั่งเห็นรูปวางบนหลังตู้ และรูปครอบครัวติดฝาผนัง อันหว่านถิงพอจะโล่งใจว่า หล่อนเป็นได้แค่นางร้ายง่อยๆ ไม่ใช่สตรีชั่วช้า จนแก้ไขนิสัยเสียไม่ได้ แล้วที่หล่อนมีนิสัยไม่ได้เรื่อง หรือทำตัวน่าเบื่อส่วนหนึ่งคือการดูแลอย่างเอาใจจนเกิดเหตุของปู่ ซึ่งเป็นอดีตนายพล นอกจากนั้นยังแต่งกับผู้ชายที่แสนจะกวนประสาท ทั้งบ้าอำนาจและคลั่งไคล้ของสวยงามอย่างเฉินซือหยาง หากเข้าใจไม่ผิด คนๆ นี้ คิดว่าหล่อนคือผู้หญิงที่มีไว้สำหรับประดับบารมี และให้ความสนุกบนเตียงเท่านั้น
เมื่อเข้าไปถึงห้องพักผ่อนด้านใน ที่มีห้องน้ำส่วนตัว ก็เห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวกว้าง ทั้งยังมีความสะดวกสบาย ห้องในยุคสมัยนี้ไม่ได้ล้าหลังเกินไป บ้านพักตกแต่งและออกแบบสไตล์ชาวยุโรป เรียกว่าหรูหราระดับหนึ่ง เหมาะกับการอยู่อาศัยจริงๆ
“อาบน้ำ แล้วผมจะทำแผลให้”
หล่อนส่ายหน้า “แผลฉันเล็กน้อย ไกลหัวใจเยอะ ฉันดูแลตัวเองได้ คุณนั่นแหละไปหาหมอซะ ถึงฉันไม่ได้เป็นบ้า แต่แผลมันน่ากลัวเกินไป ยังไงซะ ฉันไม่อยากมีสามีเป็นไอ้ด้วน มีมือข้างเดียว”
เขาได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะหึๆ
“ถ้าอย่างนั้นรีบอาบน้ำ และถ้าไม่ให้ทำแผล ก็ต้องให้ผมสำรวจว่าถูกใครข่มเหงมาบ้าง ถ้าของมันเสียราคา ผมบอกตามตรง ไม่ค่อยอย่างใช้ร่วมกับใคร”
เขายียวนไม่เลิก มันใช่นิสัยของสุภาพบุรุษหรือ ถึงร่างกายนี้จะบ่งบอกให้รู้แล้วว่า เฉินซือหยางคือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของหล่อน แต่อย่างไรเสียตอนนี้เขาคือคนแปลกหน้า
“ถ้าอย่างทำอย่างนั้นจริงๆ คุณก็จะได้แต่ร่างกายของฉัน ไปสนองความต้องการของตัวเอง”
“เสี่ยวหว่านถิง!”
เขาใช้น้ำเสียง และการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแบบเดิมเป๊ะ กลัวหรือ เปล่าเลย และรำคาญมากกว่า
“ฉันอยากเปลี่ยนเสื้อผ้า และกินอะไรสักหน่อย” หล่อนบอกจบจึงคิดถึงสิ่งหนึ่งได้ ด้วยรูปถ่ายครอบครัว เฉินซือหยางอุ้มเด็กชายวัยน่ารักคนหนึ่ง ดวงตากลมโต แก้มแดง ใส่หมวกทหารเล็กๆ ด้วย
“ลูกล่ะคะ... เออ รุ่ยเผิง... ฉันอยากพบเขา ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน”
หล่อนบอกชายหนุ่ม เป็นเวลานั้น ที่สัมผัสหน้าท้องตนเอง ความรู้สึกที่พุ่งตรงเข้ามา ผนวกกับช่วงเวลาที่อยู่ในโลกเก่า ก่อนถูกคู่หมั้นผลักตกจากหน้าผา ภาพของโธมัสหนุ่มเชื้อสายไต้หวันผสมอเมริกันลอยเข้ามาในหัวยามนั้นหล่อนจำได้ว่า สืบรู้เรื่องของเขากับแม่เลี้ยง และทั้งคู่กำลังมีลูกด้วยกัน และนับว่าโชคดีที่ตัวหล่อน ไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้อีกฝ่าย จนมีสายเลือดของเขา
“เผิงน้อย... ฉันเป็นห่วงเขา” สัญชาติญาณความเป็นแม่ของหล่อนทำให้คิดถึงเด็กชายมาก
ฝ่ายเฉินซือหยางหยุดนิ่งประเดี๋ยว เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ มันเหนือความคาดหมาย ตั้งแต่แรกพบหล่อนโดยบังเอิญ ทั้งที่ตามหาแทบไม่ได้หลับนอนหลายคืน จนเกือบเชื่อว่าอันหว่านถิงแกล้งปั่นหัวเขาด้วยการวางแผนลักพาตัวเองอย่างเช่นที่แล้วมา
“ผมจะไปรับลูกเดี๋ยวนี้ คุณ... เอ่อ อาถิงอาบน้ำ และทำแผลได้ใช่ไหม กล่องยาอยู่ที่โต๊ะข้างตู้หนังสือ พอผมกลับมาเราออกไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน”
ดูเหมือนเขากำลังปรับตัวเองใหม่ เฉินซือหยางก็ประหม่ามิน้อย ลึกๆ เขาคิดว่า ภรรยาที่แต่งงานด้วยดูคล้ายมีคนอื่นมาควบคุมร่างกายหล่อนเอาไว้ และนั่นจึงทำให้เขาเรียกหล่อนอย่างห่างเหินในบางครั้ง ตัวเขาก็นึกขำที่แสดงพฤติกรรมพิลึกเหลือเกิน กระทั่งอันหว่านถิงถามถึงลูก... ท่าทางหล่อน แววตา ทั้งการใช้น้ำเสียงบอกให้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ ก็คือภรรยาของเขา และการถูกลักพาตัวไป พร้อมได้รับบาดเจ็บนั้น คงทำให้เสียขวัญจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากหล่อนจะมีพฤติกรรมที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมบ้าง
“อาถิง...เออ กลับบ้านมาหนนี้ อย่าทิ้งผมกับลูกไปไหนอีกนะ”
อันหว่านถิงใจอ่อนยวบ ผู้ชายคนนี้มีเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วนัก เขาคงเป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์ และมากด้วยมารยาแน่ๆ เพียงแค่ใช้น้ำเสียงนุ่มนวล กับส่งสายตาที่ไร้แววดุดันมาให้ หญิงสาวก็พร้อมให้อภัยทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“ลูกค่ะ ฉันใจคอไม่ดี เท่าไหร่ รีบไปรับแกไวๆ เถิด”
หล่อนบอกและเร่งเขา แต่แทนที่คนตัวโตจะก้าวไปจากห้องส่วนตัว เขากลับสืบเท้ามาหาอันหว่านถิง
“อะไรคะ”
ชายหนุ่มยิ้มเขินอาย ท่าทางขึงขัง และการแสดงข่มขู่ก่อนหน้านี้หายไปหมด
“ขอพลังใจก่อนไปรับเผิงน้อยสักหน่อยได้ไหม”
คำพูดก็ฟังดูแสนซื่อ แต่แววตาคมๆ คู่นั้น พราวระยับเหลือเกิน
“คุณเพ้ออะไรอยู่คะ ท่านผู้บัญชาการ!”
ชายหนุ่มระบายสีหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ ดวงตายังส่งความกรุ้มกริ่มออกมาไม่หยุด
“ผมขอพลังอยู่ไง แล้วพอกลับมาจากไปกินข้าวกันสามคนพ่อ แม่ ลูก คืนนี้ก็ช่วยกันทำการบ้านหนักๆ เพื่อชวนน้องคนใหม่มาเกิด ให้เป็นเพื่อนกับเผิงน้อย”
อันหว่านถิงอึ้งจัด ดวงตากลมโตมองเขาอย่างฉงน ระคนไม่เชื่อหู
“ฉันบอกให้รีบไปตามลูกกลับบ้าน นี่คุณสมองกลับหรือไง ยังชักช้าอยู่ได้”
“อาถิง หอมแก้มผัวก่อน ให้ดีจูบปากก็ได้ เรื่องแค่นี้ มันไม่ยากเย็นอะไรเลย”
หล่อนแยกเขี้ยว และส่งเสียงขู่เขา เรื่องนี้มันยากมาก อย่างไร หล่อนกับเขาเหมือนคนแปลกหน้ากัน
“ตบสักสองที หรือกัดหูให้ขาดน่าจะดีกว่าค่ะ เรื่องนี้ฉันมีแรงทำได้ดีมาก”
ปากก็พูดไปอย่างนั้น แต่พอเขาสืบเท้ามาจนประชิดตัว อันหว่านถิงก็ไม่รู้จะทำใจดีสู้เสืออย่างไรแล้ว
“เร็วสิ ทำให้เสร็จเสีย ไม่อยากเจอหน้าลูกเร็วๆ หรือ ผมจะรีบไปรับเผิงน้อยให้อาถิงอย่างไรล่ะ”
อันหว่านถิงหน้าแดงระเรื่อ ร่างกายหล่อนก็เป็นใจเหลือเกิน เขาหล่อ ทั้งยังเป็นสามีเจ้าของร่าง ยามนี้ไฟกับน้ำมันอยู่ใกล้ชิดกัน มันย่อมมีความร้อนแรงเป็นธรรมดา ถึงอย่างนั้นหล่อนย่อมต้องหาทางเอาตัวรอดก่อน
“หลับตาก่อนค่ะ”
ฝ่ายเขาก็ทำตามแต่โดยดี พอหลับตาหลง อันหว่านถิงก็รีบวิ่งหนี แล้วหลบเข้าไปอยู่ในห้องน้ำ ไม่ยอมทำตามสิ่งที่เขาร้องขอ
“อย่าลืมที่อั๊วบอก ที่นี่ใช้แรงงานแลกอาหาร และที่อยู่อาศัย” “ฉันทำได้ดีแน่นอน แล้วก็อย่ามาตามก้นต้อยๆ ได้ไหม ฉันไม่ใช่แม่เป็ด และไม่เคยมีลูกมาก่อน” จางเซินถูกต่อว่าอย่างนั้น แต่เขายังอยู่ไม่ห่างจากหลี่ชิงม่าย กระทั่งเธอเข้าไปในครัว และเห็นว่า สตรีวัยกลางคนกำลังทำบะหมี่เป็ดย่าง และยังมีผัดผักเป็ดย่างที่หอมจัดจนทำให้หลี่ชิงม่ายหันไปดึงแขนเสื้อของจางเซิน “ฉัน...หิวจนเป็นบ้าไปหรือเปล่า ทำไมมันหอม แถมจัดจานได้น่ากินขนาดนั้น” เธอถามชายหนุ่ม และดึงแขนเสื้อเขาไม่หยุด “คุณไม่ได้บ้าหรอก อั๊วก็หิวและรับรองบะหมี่ทั้งสิบก้อนนั้นต้องเป็นของคนแซ่จาง” “อย่าให้มันมากเกินไป คุณตัวโตแล้ว กินเยอะเดี๋ยวก็อ้วน ฉันต้องกินมากกว่าคุณเพราะอดอาหารมาหลายวัน” การทะเลาะกันอย่างน่ารักตกอยู่ในสายตามารดาถังปิน และหล่อนก็ยิ้มให้ทั้งคู่ “รองหัวหน้าจางเชิญๆ คุณก็ด้วยนะคะ” “เรียกฉัน เสี่ยวม่ายก็ได้ค่ะ ส่วนตาหมียักษ์หน้าดุเนี่ย คุณน้าไม่ต้องเอาใจหรอก ท่าทางเห็นแก่กินจนน่ากลัว” มารดาถังปินหัวเราะจนได้ และนี่คงเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เห็นว่า จางเ
หลี่ชิงม่ายได้ยินชัดเจน และเธอไม่อาจยืนเป็นเป้านิ่งตกให้ใครมาจับตัวได้ หญิงสาวหมุนตัว ตั้งใจหลบไปอีกฝั่งของตู้ขบวนรถไฟ หากเป็นจังหวะเดียวกันที่โจรผ้าแดงอีกคน หวังพาเธอไปด้วย “ไปเป็นเมียอั๊วดีกว่านะคนสวย รับรองจะไม่เอาไปขายซ่องแน่นอน”เขาบอกแล้วยกปืนขึ้นขู่ เมื่อเห็นว่าเธอแสดงอาการขัดขืน “อย่าทำเรื่องโง่ๆเลย ไม่เป็นเมียอั๊ว ลื้อคนสวยก็ต้องตกเป็นของแก๊งเสือดำ แล้วพวกนั้นมันจะให้ขายทั้งยา และเป็นอีตัวที่อยู่ในเล้าหมูด้วยนะ มีชีวิตบัดซบอย่างนั้น ลื้อทนได้หรือ” ชายคนดังกล่าวว่า แล้วเบียดร่างกายของตนกับร่างกายนุ่มนิ่ม พอเธอถุยน้ำลายใส่ เขาก็ใช้ปลายกระบอกปืนตบเข้าที่ศีรษะเธออย่างแรง หลี่ชิงม่ายมึนงง แต่หูยังได้ยินเสียงปืน เสียงการต่อสู้รอบๆ ตัวอย่างอึงอล กระทั่งมีแรงปะทะวูบผ่านหน้าเธอไปสองสามหน ก่อนจะมีเรือนกายแข็งแกร่งอุ่นจัดมารับร่างบอบบางไปอยู่แนบอก “คนนี้เหรอ แกมั่นใจว่าไม่ผิดตัว” “ไม่ผิดแน่นอน แต่เซินเกอ จะพาเธอกลับไปด้วยจริงๆ หรือ สถานการณ์ยุ่งยากอยู่นะครับ อีกอย่างดอกไม้สวยๆ แบบนี้ มีหนามแหลม แล้วก็ดูมีพิษด้วย” “เฮ้อ พูดเป
ตอนพิเศษดอกไม้ในมือมาเฟีย หลี่ชิงม่ายได้รับการติดต่อจากหางหมี่ให้เดินทางไปเมืองฉีซาน พร้อมแจ้งว่าจัดหาที่พักและงานรองรับไว้ให้แล้ว ตอนแรกหญิงสาวอยากอยู่เมืองฝูเจียงอีกสักระยะ อย่างน้อยก็คือได้เยี่ยมพี่ชายที่อยู่ในคุก แต่หลี่เจ๋อฟูปฏิเสธการพบเธอ เรื่องนี้ทำให้หญิงสาวผิดหวังจนป่วยกระเสาะกระแส นอกจากนั้นภาพคู่รักที่มีความสุขร่วมกันของเฉินซือหยางกับอันหว่านถิงบาดตาบาดใจเหลือเกิน สตรีนางนั้นก็เปลี่ยนตัวเองใหม่ กลายเป็นคนรักครอบครัว ทั้งยังสร้างธุรกิจให้หลายชีวิตลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้ แม้ไม่คิดอยากอิจฉาใคร หากสุดท้ายหลี่ชิงม่ายก็ไม่อยากรับรู้เรื่องราวต่างๆ ของพวกเขาและเธอไม่ใช่คนเข้มแข็งอะไรขนาดนั้น “ฉันแพ้เธอ...” หลี่ชิงม่ายเอ่ยคำนั้นกับอันหว่านถิง แล้วหันไปมองอดีตชายคนรักที่เธอหมายปอง เขาวางสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงออกว่าเป็นห่วงเธออย่างที่ผ่านมา นั่นยิ่งทำให้หลี่ชิงม่ายอับอาย และเกลียดตัวเองที่ลึกๆ ยังหวังให้เฉินซือหยางกลับมารักเธอเหมือนเดิม แต่เธอรู้ภายหลังว่า ชายหนุ่มไม่เคยคิดว่าหลี่ชิงม่ายเป็นคนรัก เขามอบตำแหน่งน้องสาวให้เธอเท่านั้น “เดินทางปลอด
“เอ่อ คุณชายใหญ่ เด็กนะครับอย่างไรผมคงยิงไม่ได้ มันเป็นบาป” “เฮอะ แล้วที่แกถูกพ่อมันซ้อมหนัก ทั้งยังไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงานเพราะมันสั่งห้ามไว้ ตอนนี้ก็ใกล้จะอดตายแล้ว จะยอมอยู่ในสภาพนี้ต่อไปเหรอ และถ้าไม่ยอมทำตามที่อั๊วสั่ง ไม่ใช่แค่แฟนแก แม่แก แต่ชีวิตเน่าๆ นี้ อั๊วก็จะส่งลงนรก” อาเค่อสูดลมหายใจลึก เขาเคยเป็นทหารรับจ้างเก่า ไปสงครามถึงสองหน ยิ่งกว่านั้นอดีตคือนักแม่นปืนที่เก็บชีวิตข้าศึกมาไม่น้อย “คุณชายใหญ่ บอกว่าจะไม่ทำร้ายคนของผม ถ้างั้นแลกกับชีวิตเด็กนั่น ก็แล้วกัน” “ฮ่าๆ ๆ แกพูดง่ายแบบนี้ดี และไม่ใช่แค่เด็ก ตัวพ่อมันก็ต้องยิงให้หัวกระจุย” ได้ฟังคำสั่งดังกล่าว อาเค่อก็ไม่ได้โง่ หากเขายิงปืนออกไปต้องรู้ว่าตนมีทางหนีทีไล่ ซึ่งรถจักรยานยนต์จอดห่างอยู่ด้านข้าง แต่บริเวณนี้คือค่ายทหาร แม้ยามนี้การป้องกันไม่แน่นหนา ด้วยถูกดึงกำลังคนไปส่วนกลางในเมือง แต่เขาจะประมาทไม่ได้ และนอกจากปืนยาว เขายังมีระเบิดที่ฝ่ายหลี่เจ๋อฟูเตรียมมาให้ด้วย “ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คุณชายใหญ่รับผิดชอบไหวแน่นะครับ” “เฮ้ย อย่าชักช้า อั๊วพูดคำไห
เลือดข้นกว่าน้ำ หลี่ชิงม่ายตั้งใจจะสร้างสถานการณ์เพื่อเรียกร้องความสนใจหวังให้เฉินซือหยางยอมรับเธอในฐานะภรรยาอีกคน แม้เข้าใจว่า ยามนี้เขากับอันหว่านถิงรักกันอย่างหวานชื่น แต่ความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ซึ่งอย่างไรเธอก็มาก่อน เรื่องนี้เธอจะเรียกร้องจากเฉินซือหยาง ฝ่ายนั้นต้องรับผิดชอบชื่อเสียงที่เสียหายไป อีกทั้งตอนนี้ อันหว่านถิงขีดเส้นตายให้เธอย้ายออกจากบ้านพักคนงานภายในห้าวัน และไม่สนว่าบ้านหลังเดิมที่ถูกไฟไหม้จะซ่อมแซมเสร็จแล้วหรือไม่ก็ตาม แล้วที่น่าน้อยใจ เฉินซือหยางไม่ยอมมาพบหน้าเธอ นับแต่เขากลับมาจากราชการเมืองหลวง เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่เธอคะเนได้ว่า ผู้หญิงใจร้ายอย่างอันหว่านถิงคงปั่นหัวเขา ใช้มารยาชั้นต่ำหลอกล่อไว้ส่วนหางหมี่ยามนี้ไม่ยอมติดต่อมา ให้คนมาส่งข่าวเท่านั้น ด้วยพยายามสลัดหลี่ชิงม่ายให้พ้นตัว เป็นเพราะฝ่ายสกุลหลี่ยามนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือฝ่ายตรงข้ามผู้นำใหม่ของเกาะฉางไห่ คนสกุลหลี่ถูกจับกุมตัวหลายคน แล้วส่งออกไปนอกเมือง ดังนั้นเช้านี้เธอดักรอพบเฉินรุ่ยเผิง หวังใช้เด็กชายเป็นสะพานเชื่อมถึงบิดา เ
“อาบสิครับ แต่ตอนนี้ขอผัวอาบน้ำให้เมียก่อน อดใจไม่ไหวแล้ว”เขาเอ่ยพร้อมกับค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าหญิงสาวออก เพียงไม่กี่วินาที ร่างกายงดงามจึงเบาหวิว และร่างกายแกร่งประกบอยู่ด้านหลัง น้ำอุ่นๆ ไหลตามฝักบัวลงมา พอชายหนุ่มแนบร่างกายชิดหล่อนราวกับเป็นหนึ่งเดียว อันหว่านถิงจึงเอ่ยว่า “เอ่อ ฉันก็คิดถึงเหล่ากงที่สุดเลยค่ะ...” “ผมเก็บความคิดถึง ความรักไว้ตลอด ตอนนี้พร้อมจะบอกกับถิงถิงแบบลึกสุดใจ” เขาจูบหัวไหลกลมมน และดูดหลังคอหล่อนไปหลายที มือหนึ่งสอดเข้าใต้แขน เริ่มนวดคลึงเค้นหน้าอกอวบสวยด้วยความสิเน่หา ขณะเดียวกันความใหญ่โตที่แสนแกร่งถูกแทรกเข้ากลางหว่างขาของอันหวานถิง ความรู้สึกตอนนั้นของเธอคือตื่นตกใจเล็กน้อย พอเห็นว่าปลายหัวหยักเปิดเปลือยสีแดงก่ำแทรกผ่านมาอยู่ด้านหน้าขาตน หล่อนเลยหวามใจ ทั้งลำคอแห้งผาก โอ้ ใหญ่โตมาก และตลอดลำก็ร้อนจี๋ เส้นเลือดที่ปูดโปนนั้น ก็เต้นตุบๆ สร้างความสยิวให้หล่อนอย่างสาสมใจ “ผัวจะเอาเมียแบบนี้ได้ไหม และจะพุ่งให้ถิงถิงดูสักสามสี่น้ำ” “ถ้าทำไม่ได้ ตามที่พูด ฉันจะปรับเหล่ากงนะคะ ปรับหลายๆ ยกด้วย” หล่อ