“ไงยะ เรื่องนั้น”พี่สาวดึงมือเธอเข้าห้องของตนแล้วเอ่ยถามทันทีที่ประตูปิดลง มาธาวีเดินมาเคาะห้องพี่สาวตามการส่งซิกซ์ เพราะปัฐวิกรกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องของเธอซึ่งทั้งสองพักในคืนนี้สีหน้าสนอกสนใจอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่ายทำให้คนเป็นน้องถอนหายใจอย่างจงใจ“นี่พี่หนึ่งรอสมน้ำหน้าสองอยู่หรือเปล่า”“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำนะ”มาลินีกอดอกสวนกลับทันที“ก็เห็นอยากรู้จังนี่คะ”“นี่ เธอเป็นน้องฉันนะ แล้วฉันก็เป็นคนเตือนเธอด้วย ถ้าอยากเห็นเธอโง่ถูกสวมเขาจริงๆ ฉันจะรีบบอกทำไม รอเหยียบทีหลัง หลังจากที่มั่นใจแล้วไม่ดีกว่าเหรอ”แทนที่จะไม่พอใจหรือซาบซึ้งกับคำพูดของพี่สาวมาธาวีกลับยักไหล่พร้อมกับตีสีหน้ายุ่งยากใจ“สองยังไม่รู้เลย”“อะไรกัน นี่มันผ่านไปสองวันแล้วนะ ไม่ตามสืบอะไร หรือโวยวายซักไซ้คุณปัฐเลยเหรอ”“ก็สองไม่รู้จะเริ่มยังไง”“เธอใจเย็นไปหรือเปล่ายายสอง เป็นฉันบ้านแตกแล้ว”มาลินีโวยใส่น้องสาวทันที ไม่ใช่แค่เธอหรอก ผู้หญิงคนไหนเห็นแบบนั้นก็เดือดกันทุกคนมาธาวีไม่รู้จะอธิบายกับพี่สาวอย่างไร เพระมาลินีกับคนอื่นเข้าใจว่าเธอกับชายหนุ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อกันจึงคบกัน และตกลงแต่งงาน ทว่าความเป็นจริงช่างห่
“หนีผมมานอนโรงแรมนี่เอง”เมื่อขึ้นมาอยู่บนรถและขับออกมาปัฐวิกรก็พูดขึ้น ทว่ามาธาวีไม่ได้ฟังเขา เธอยังหน้าซีดจิตใจพะวักพะวนอยู่แต่กับคุณากร รู้สึกเสียวสันหลังเมื่ออีกฝ่ายมาอยู่ที่เชียงใหม่เพราะหญิงสาวเงียบปัฐวิกรจึงเหลือบมอง พอเห็นว่าท่าทางของเธอราวกับยังตกอยู่ในภวังค์เขาก็หาจุดจอดรถ ก่อนจะยื่นมือไปกุมมือบางเบาๆมาธาวีสะดุ้งนิดๆ หันมองก็สบกับตาคู่คมที่ฉายแววห่วงใย หญิงสาวเม้มปากสะกดความตื้อในอกที่ทำให้รู้สึกหายใจลำบากเอาไว้ แต่ก็เหมือนอีกฝ่ายจะมองออก“ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่ด้วย หมอนั่นทำอะไรสองไม่ได้หรอก”ปัฐวิกรปลอบเสียงทุ้ม ตากลมโตของอีกฝ่ายดูสับสนหวาดหวั่นคล้ายกับที่เขาเห็นในคืนนั้น“ผมจะไม่ยอมให้มันเข้าใกล้คุณได้เกินสองเมตรแน่”ไม่รู้เพราะความกลัวที่ครอบงำจิตใจหรือเพราะน้ำเสียงอบอุ่นที่ดูน่าเชื่อถือของอีกฝ่ายทำให้เธอไม่สามารถสะกดความตื่นกลัวที่เกิดขึ้นได้อีกต่อไป ร่างอรชรโผเข้าไปกอดคอแกร่ง ปล่อยน้ำตาไหลลงเงียบๆ ไม่ส่งเสียงหรือสะอื้นฮักแต่อย่างใดแขนกำยำโอบร่างเล็กตอบในทันใดเช่นกัน มือหนาลูบแผ่นหลังบางแผ่วเบาปลอบขวัญ“ต่อไปนี้อย่าอยู่ห่างจากผมเด็ดขาด เข้าใจไหม”“เดี๋ยวคุณก็กลับกรุงเท
“สอง”มาธาวีที่ก้าวออกจากโรงแรมในตอนเช้าชะงักเท้าเมื่อถูกเรียก เสียงที่ได้ยินเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนทำให้หันกลับไปมอง ทว่าเมื่อเห็นคนที่ตรงเข้ามาหาหญิงสาวก็ตกใจ เร่งรีบก้าวหนีในทันทีราวขวัญกระเจิง แต่ยังไม่ทันจะพ้นส่วนด้านหน้าของโรงแรมอีกฝ่ายก็ฉุดมือเธอไว้ได้“ปล่อยนะ!”ร่างอรชรสะดุ้งโหยงราวถูกของร้อนลวก และสะบัดมืออย่างร้อนรนจนคนจับต้องปล่อย“โอเค เราปล่อยแล้ว”เจ้าของร่างเพรียวกำยำบอก ทว่าพอหญิงสาวจะพุ่งตัวหนีไปอีกทางเขาก็ก้าวมาขวางหน้าเอาไว้“เราขอโทษ”อีกฝ่ายรีบพูดขึ้นมาก่อน เพราะอยากให้มาธาวีหยุดหนีเขา“ไปให้พ้นนะ!”แม้จะตวาดออกไปทว่าเสียงของเธอกลับสั่นเทา หน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัดทำให้คนมองไม่สบายใจนัก“เราแค่อยากขอโทษจริงๆ”คุณากรพูดขึ้นเสียงเบาสีหน้าบ่งบอกว่าเขาเสียใจอย่างยิ่ง“พูดจบแล้วก็ไปสิ”มาธาวีมองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง ไม่คิดจะพูดดีด้วยแม้แต่น้อย คาดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญมาเจอกับเขาได้ โลกมันช่างกลมอย่างโหดร้าย คนที่ไม่ควรเจอก็กลับมาเจอเสียอย่างนั้น“สองยังโกรธเราอยู่สินะ”“ฉันต้องปลาบปลื้มกับสิ่งที่นายทำเหรอ”หญิงสาวประชดกลับไปอย่างไม่ไยดี และพยายามทำเสียงให้เหม
“เมียน้อยเหรอ”กัญญานันดูภาพในมือถือของเพื่อน รวมทั้งฟังเรื่องทั้งหมดจากปากอีกฝ่ายแล้วก็อุทานอย่างไม่อยากเชื่อ“เป็นไปไม่ได้”“พี่ชายก้อยเป็นผู้ชายนะ อายุก็ตั้งเยอะแล้ว แล้วจริงๆ เขาก็อาจจะเลี้ยงผู้หญิงคนนี้ไว้ตั้งแต่ก่อนจะแต่งกับสองก็ได้ ใครจะไปรู้”“คิดเป็นตุเป็นตะจัง หึงหรือเปล่า”เมื่อถูกถามกลับมาแบบนั้นพร้อมสายตาจับผิดมาธาวีก็ส่ายหน้าทันที“หึย...สองจะไปหึงเขาทำไม”คนมองอยู่ถอนหายใจยาว เพราะท่าทางปฏิเสธแต่สายตาล่อกแล่กของเพื่อนสาวไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย แต่เธอก็ไม่อยากทักท้วงออกไปเพราะรู้ว่ามาธาวีจะปฏิเสธอีก“แล้วจะเอาไงล่ะ”“ไม่รู้”“ถามพี่ปัฐไปตรงๆ เลยไหม”กัญญานันแนะนำ เพราะคิดว่าพี่ชายของตัวเองไม่น่าจะเหลวไหล แต่ถึงเขาจะมีผู้หญิงคนอื่นมาก่อนแต่งงานจริง เธอก็คิดว่าพี่ชายต้องบอกเลิกอย่างเรียบร้อย“ไม่เอาอะ สองไม่อยากยุ่งเรื่องของเขา”อีกฝ่ายปฏิเสธทั้งที่สีหน้าไม่ค่อยดีนักทำให้กัญญานันเองก็หนักใจไปด้วย“แล้วจะปล่อยให้คาราคาซังอยู่อย่างนี้เหรอ”มาธาวีเองก็ได้แต่ขมวดคิ้ว สีหน้ายุ่งยากใจเมื่อถูกเพื่อนถาม เพราะยังคิดไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรต่อไป แต่เธอไม่อยากอาละวาดหรือตามจับผิดปัฐวิ
ปัฐวิกรกลับมานั่งรอมาธาวีอยู่ที่ส่วนนั่งเล่นด้านนอกซึ่งใกล้กลับห้องน้ำ เพราะขึ้นมาแล้วได้ยินเสียงน้ำและไม่เห็นหญิงสาวในห้องจึงรู้ว่า อีกฝ่ายน่าจะอาบน้ำแล้วเขาจึงเช็กข่าวทั่วไปจากมือถือรอ เมื่อหญิงสาวก้าวออกมาเห็นเขาก็ชะงัก ชายหนุ่มเองก็ชะงักไปเช่นกัน ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะออกมาโดยมีแค่ผ้าขนหนูพันตัวเพียงเท่านั้นมาธาวียกมือขึ้นปกปิดตัวเองพร้อมกับมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่พอใจทันที โมโหตัวเองที่รีบจนลืมเอาเสื้อผ้าเข้ามาในห้องน้ำด้วยตาคมวาวมองตามชายผ้าที่สั้นเพียงต้นขาของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่ไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น ทว่านั่นกลับทำให้หญิงสาวตาขวางใส่ แล้วรีบเดินเร็วๆ ผ่านหน้าเขา ปัฐวิกรลุกขึ้นร่างอรชรก็แทบจะพุ่งเข้าห้องหนีจนเขาอดขำนิดๆ ไม่ได้ ร่างสูงใหญ่ตรงเข้าห้องน้ำไม่คิดจะตามอีกฝ่ายไป ความจริงก็คิดถึงสัมผัสจากร่างเล็กเหมือนกันแต่เวลานี้เขาคิดว่าคงไม่เหมาะเมื่อทำธุระเสร็จกลับไปในห้องก็ไม่เห็นมาธาวีแล้วเขาจึงตามลงไปด้านล่าง เห็นคนตัวเล็กกำลังหันหลังกวาดพื้นอยู่ก็เข้าไปโอบจากด้านหลังแล้วก้มลงหอมแก้ม ทว่าอีกฝ่ายสะบัดตัวอย่างแรงจนเขาต้องปล่อย“เป็นอะไรน่ะสอง”ชายหนุ่มมองคนที่หันกลับมาจ้อ
แขนกำยำกระชับร่างอรชรมาแนบอกแม้จะรู้ว่าเช้าแล้วก็ตามแต่ยังพอใจที่จะนอนกกกอดคนตัวนุ่มนิ่มอยู่อย่างนี้ ขณะที่อีกฝ่ายคงเพลียจึงยังไม่รู้สึกตัว แต่แล้วอยู่ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้นทำให้ปัฐวิกรหงุดหงิด เขาจึงหยิบจุดกำเนิดของเสียงที่เจ้าของวางไว้ไม่ห่างนักขึ้นมา และหญิงสาวเองก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพราะเสียงมือถือของตน“พี่สาวคุณ”เขาเห็นชื่อที่หน้าจอแล้วก็ยื่นส่งให้คนตัวเล็กง่ายๆมาธาวียังมึนๆ เพราะเพิ่งตื่นจึงรับจากชายหนุ่มมารับสายโดยไม่สนใจร่างสูงใหญ่ที่ลุกจากเตียงไปปัฐวิกรปล่อยให้อีกฝ่ายคุยกับพี่สาวตามลำพังทั้งที่ยังไม่อยากผละจากภรรยาตัวเองเท่าไรนัก คิดว่าไปอาบน้ำก่อนน่าจะดีกว่า แต่เมื่อนึกได้ว่ามีเสื้อผ้าติดอยู่ในรถเขาจึงตั้งใจไปเอาก่อน เหลือบเห็นกุญแจเปิดชั้นล่างวางบนโต๊ะทำงานใกล้ๆ พอดีจึงหยิบไปด้วย“ว่าไงคะพี่หนึ่ง”เธอทักไปเสียงยานคางงัวเงียขณะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง‘นี่เธอทำอะไรอยู่’“นอนค่ะ”‘สายป่านนี้น่ะนะ’ตาคู่สวยเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะเล็กๆ ใกล้ๆ แล้วก็เห็นว่าเธอยังพอนอนต่อได้อยู่“สองป่วย”น้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยดีนักของน้องสาวทำให้มาลินีเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดขึ้น‘มิน่าล่ะ’น้ำเสียงห