“เรียนปีนี้ปีสุดท้ายแล้วใช่ไหมจ๊ะหนูฝน” คุณอโนมาถามสาวน้อยหวานซึ่งนั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้า ดวงหน้าหวานละมุนซึ่งประดับด้วยคิ้วเรียวกับดวงตากลมโตสดใสฉายประกายหวานซึ้ง จมูกโด่งเรียวเล็กรับกับริมฝีปากอิ่มระเรื่อด้วยวัยสาวสด แม้ปลายฝนไม่ได้เป็นคนสวยฉูดฉาดบาดตาแต่ใบหน้าหวานละมุนของเธอก็ทำให้คนมองรู้สึกสบายตา สบายใจเช่นเดียวกับสายฝนเย็นฉ่ำที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผืนโลก...
“ค่ะคุณแม่”
“เร็วจังเลยนะ เผลอแป๊บเดียวเด็กๆ ก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวหมดแล้ว” คุณอัคคีซึ่งอยู่ในวัยล่วงเลยมากว่าห้าสิบปีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มละไม ร่างสูงที่ยังคงงามสง่าไม่เสื่อมคลายลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาส่งให้ปลายฝนซึ่งก็ยื่นมือไปรับด้วยรู้ดีว่าไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ท่านมอบให้ได้
“นี่เป็นของขวัญจากพ่อนะหนูฝน หนูควรจะได้รับมันให้สมกับที่เป็นเด็กดีของพ่อแม่มาตลอด” คุณอโนมาบอกเมื่อเห็นว่าปลายฝนมองสิ่งที่อยู่ในกล่องนิ่งเหมือนกังวล
“ฝนขอบคุณมากค่ะคุณแม่ แต่ฝนเกรงว่า..”
“ไม่ต้องกลัวว่าอาซันจะมาว่าหรอก เพราะเรื่องนี้เราจะเก็บเป็นความลับเฉพาะพวกเรา” คุณอัคคียิ้มกว้างรู้ทันความคิดของสาวน้อยที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่
“ฝนอย่าคิดมากเลย อาซันก็ปากร้ายไปอย่างนั้นเอง แล้ววันนี้อาซันก็ไม่อยู่” เมื่อได้ยินว่าคนปากร้ายไม่อยู่ปลายฝนก็ยิ้มกว้างทันที
“จริงเหรอคะ”
“จ้า แหม ดูเราจะดีใจมากเลยนะที่อาซันไม่อยู่ แล้วฝนจะได้ยิ้มทุกวันเพราะอีกหน่อยอาซันจะต้องไปเรียนรู้งานที่อเมริกาตั้งสี่ปี” คุณอโนมาบอกด้วยรอยยิ้ม
“ระหว่างนี้ฝนก็มาช่วยงานพ่อที่บริษัทในฐานะเลขาของพ่อได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร เริ่มฝึกงานเดือนหน้าเลยเป็นไง”
“ได้ค่ะ ฝนยินดีจะทำตามที่คุณพ่อต้องการทุกอย่างเลยค่ะ” สาวน้อยยิ้มกว้างแล้วกราบลงที่ตักของท่านทั้งสองด้วยความนอบน้อมทำให้ผู้ที่ชุบเลี้ยงเธอมายิ้มกว้างด้วยความปลาบปลื้มตื้นตัน
“เมื่อน้องอิ่มอุ่นกลับมาก็ช่วยสอนงานน้องต่อด้วยนะ เอาล่ะไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ก็ออกไปทำงานกับพ่อ”
“ค่ะคุณพ่อ..”
ปลายฝนสวมสร้อยคอทองคำขาวซึ่งมีจี้รูปปลาโลมาซึ่งมีดวงตาเป็นเพชรเม็ดเล็กๆ สีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นอัญมณีสีโปรดของเธอเลยทีเดียวนั้นติดตัวตลอดตั้งแต่ได้มันมา ปลายฝนชอบสีฟ้าซึ่งเธอก็จะมีสิ่งของเสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าโทนสีฟ้าเสียส่วนใหญ่
“หน้าบานเชียวนะประจบขออะไรจากเฮียไฟอีกล่ะ..”
“คุ คุณซัน” เสียงห้าวดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังคิดอะไรเพลินๆ จนกระบอกน้ำในมือแทบหลุดดีที่ว่าเธอประคองมันไว้ได้ทัน เธอคิดว่าดึกป่านนี้แล้วอัคคีคงไม่กลับเข้ามาที่เรือนใหญ่และเธอก็โล่งใจว่าอัคราไปเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อนๆ ของเขาที่ต่างจังหวัดไม่คิดว่าเขาจะกลับมาเร็วขนาดนี้ ส่วนเธอเองก็เกิดหิวน้ำและน้ำอุ่นในกระบอกน้ำใบโปรดก็หมดพอดีจึงลงมากดน้ำอุ่นในครัวขึ้นไปเก็บไว้ดื่มในตอนเช้าเมื่อตื่นนอน
“ใช่ฉันเอง คิดว่าผู้ชายที่ไหนล่ะ” ร่างสูงใหญ่ของอัคราเดินเข้ามาใกล้ทำให้ปลายฝนจำต้องถอยห่างหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้เขาให้มากที่สุด แม้จะอยู่ภายในรั้วบ้านเดียวกันแต่อัครจะอยู่เรือนหลังเล็กซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาแต่อัคราจะมารับประทานอาหารกับคุณอโนมากับคุณอัคคีก่อนกลับเรือนเป็นประจำ
“คือ ฝนคิดว่าคุณซันกลับเรือนไปแล้วค่ะ”
“ที่นี่ก็บ้านฉันเหมือนกัน ฉันจะอยู่ตรงไหนมันก็เรื่องของฉัน คนอาศัยอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้กับฉัน”
“เปล่านะคะ ฝนก็แค่..”
“ไม่ต้องพูดไปให้พ้นๆ หน้าเลยไป เกะกะลูกตา” ปลายฝนก้มหน้าลงแล้วเดินตัวลีบผ่านหน้าเขาไปโดยไม่รีรอเพราะใจก็อยากจะไปให้พ้นๆ หน้าเขาอยู่แล้ว คนอะไรหน้าตาก็หล่อเหลาขั้นเทพแต่คำพูดที่ออกจากปากแต่ละคำเธอแทบทนฟังไม่ได้ แต่จะว่าไปแล้วอัคราก็พูดดีกับทุกคนยกเว้นเธอ..
“เดี๋ยวก่อน..” เท้าบางชะงักเมื่อได้ยินเสียงห้วนๆ ของเขาดังขึ้น หัวใจของปลายฝนเต้นระรัวด้วยความหวั่นระแวงว่าเขาจะต้องมีอะไรกับเธอแน่ๆ
“ค่ะ”
“ฉันไม่ชอบให้ใครหันหลังพูดด้วย..” ปลายฝนจำต้องค่อยๆ หันกลับมาแต่ไม่ได้เงยหน้ามองเขา แล้วหัวใจของเธอก็เต้นแรงมากขึ้นเมื่อเห็นปลายเท้าแกร่งสะอาดสะอ้านของเขามาหยุดอยู่ในโฟกัสสายตาที่หลุบมองพื้นในระยะที่คิดว่าจะมองไม่เห็นอัคราเพราะปลายฝนเองก็ไม่ได้อยากเห็นหน้าเขานักหรอก
“พื้นมันดีกว่าหน้าฉันรึไงถึงมองอยู่ได้” หาเรื่องกันได้ตลอด หาเรื่องกันได้ทุกอย่างจริงๆ ปลายฝนคิดเช่นนั้นก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเพียงอกว้างของเขาซึ่งชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อออกทั้งแถวเผยให้เห็นอกแกร่งที่แม้ว่าเขาจะสวมเสื้อกล้ามสีขาวสะอาดไว้อีกชั้นแต่ก็ไม่อาจปิดบังอกกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของบุรุษเพศได้ ปลายฝนหน้าร้อนผ่าวด้วยความขัดเขิน ก็ใครจะไปหน้าทนมองผู้ชายโชว์กล้ามเป็นมัดๆ ให้ดูได้หน้าตาเฉยกันล่ะ…
“คุณซันมีอะไรกับฝนรึเปล่าคะ”
“มี.. ฉันหิวข้าว มีอะไรกันบ้าง” ที่แท้ก็หิว ปลายฝนแอบผ่อนลมหายใจวางกระบอกน้ำลงแล้วไปเปิดตู้เย็นนำอาหารกล่องแช่แข็งออกมาสองสามกล่อง แม้ที่นี่จะชอบทำอาหารรับประทานเองจากของสดแต่ก็จะมีอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งติดบ้านไว้เผื่อมีใครหิวกลางดึกหรือมีเหตุจำเป็นต้องรับประทานอาหารพวกนี้ เช่นในยามนี้ เธอคงไม่คิดจะทำอาหารตอนดึกแน่ๆ เพราะมันดึกเกินกว่าจะลุกมาทำอาหาร
“ตอนนี้มีแค่อาหารพวกนี้นะคะ คุณซันจะทานอะไรคะฝนจะเวฟให้”
“อะไรก็ได้เร็วๆ ฉันหิวมาก” ปลายฝนแอบย่นจมูกใส่เขาแล้วหยิบข้าวผัดแกงเขียวหวานไก่ไปใส่ไมโครเวฟให้เขาจนเมื่อได้เวลาที่เวฟเสร็จแล้วเธอก็หยิบกล่องออกมาเทใส่จานให้เขาพร้อมด้วยน้ำเปล่าและน้ำส้มคั้นสดอีกหนึ่งแก้ว
“ฝนออกไปได้แล้วใช่ไหมคะ”
“ไปสิ จะยืนเกะกะทำไมเห็นหน้าแล้วกินข้าวไม่ลง” ปลายฝนอยากจะกรีดร้องใส่หน้าหล่อๆ นั่นให้สาแก่ใจ คนอะไรจะขอบคุณสักคำก็ไม่มีซ้ำยังไล่เธอเหมือนหมูเหมือนหมา แต่สิ่งที่ปลายฝนทำคือเดินออกไปเงียบๆ แต่แล้วเสียงเข้มๆ ก็ดังขึ้น
“ฉันรู้แล้วว่าเธอประจบเอาอะไรจากเฮียไฟ..” ปลายฝนหายใจวาบแล้วกุมสร้อยคอไว้แน่นก่อนจะคว้ากระบอกน้ำแล้ววิ่งแจ้นออกไปจากห้องครัวทันทีราวกับกลัวว่าเขาจะแย่งชิงสิ่งนั้นไปจากเธอ...
อัครามองตามร่างเล็กในชุดนอนแบบกระโปรงยาวแขนตุ๊กตาสั้นเสมอเข่าไปยิ้มๆ สะใจที่ทำให้เจ้าหล่อนหวาดกลัวเขาได้จนวิ่งแจ้นไปเหมือนสมัยเด็กๆ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนปลายฝนก็จะต้องหวาดกลัวเขาจนตัวสั่น นั่นคือสิ่งที่อัครต้องการ
“ปลายฝน.. เธอจะต้องเจอกับฉันอีกนาน แล้วฉันจะทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าที่ฉันกับแม่เจ็บปวด..”
ชายหนุ่มพูดกับตัวเองแล้วมองจานข้าวตรงหน้า คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างสงสัย เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาชอบข้าวผัดแกงเขียวหวานและชอบดื่มน้ำส้มคั้น.. มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญกระมัง.. อัคราไหวไหล่แล้วหยิบช้อนตักข้าวเข้าปากอย่างหิวโหย รอยยิ้มบางๆ ประดับที่ริมฝีปากหยักสวยโดยที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าเผลอยิ้มออกมา...
ตอนที่61. ตอนอวสาน“มาแล้วเหรอครับเมียจ๋า มามะ มาอาบน้ำกัน”“นี่อะไรคะ..” ปลายฝนชูชุดชั้นในซีทรูลูกไม้สีดำขึ้นมองเขาอย่างคาดโทษ“อุ้ย อะ เอ่อ..” อัคราหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าพลางหลบตาภรรยาอย่างขัดเขิน“พี่ซันนี่เองที่เป็นโจรโรคจิตขโมยชุดชั้นในของฝนไป..” ปลายฝนทำท่าขึงขังแต่ในใจนั้นขันชายหนุ่มเต็มทีและขัดเขินเช่นกัน“ก็.. พี่ซันเห็นมันสวยดีและคิดว่ามันจะเป็นไงน้าถ้าฝนใส่มันให้พี่ซันดู” คราวนี้อัครานัยน์ตาพราวพรายหยิบชุดชั้นในชุดนั้นวางไว้แล้วค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างงามช้าๆ“หลังจากอาบน้ำแล้วฝนใส่ชุดนี้นอนนะ..” อัคราบอกยิ้มๆ แววตาบ่งบอกถึงจินตนาการที่คิดไว้โจ่งแจ้ง“บ้า.. พี่ซันลามก โรคจิต..” ปลายฝนจึงทุบอกกว้างเบาๆ อย่างขัดเขินกับแววตาท่าทางของสามี...“ว่าสามีแบบนี้ต้องโดนทำโทษหนักๆ แล้วพี่จะทำโทษด้วยการให้นักโทษสาวใส่ชุดชั้นในชุดนั้นเต้นระบำให้ดูด้วย..”“ถ้าใส่ชุดนี้น
ตอนที่60.“ขอบคุณฝนมากเลยนะที่ให้โอกาสพี่ซันเป็นพ่อของน้องแซมและเป็นสามีของฝน” อัครากุมมือบางไว้แนบอกมองใบหน้าหวานซึ้งอย่างแสนรัก ปลายฝนยิ้มบางๆ ให้สามีด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน“ฝนก็ต้องขอบคุณค่ะ ที่พี่ซันรักเราและกลับตัวเป็นสามีที่ดีของฝน” หญิงสาวยิ้มล้อเลียนเขาอัคราหอมแก้มใสอย่างมันเขี้ยว“หึ ได้ทีก็ล้อกันจังนะ”“ก็ฝนเองยังไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าพี่ซันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้จริงๆ เห็นเกลียดฝนอย่างกับอะไรดี ใจร้ายกับฝนมาตลอดด้วย”“ก็ตอนนั้นไม่รู้ใจตัวเองนี่นาว่ารักเมียแค่ไหนที่ทำร้ายๆ ไปก็เพราะหึง พอรู้ตัวก็ต้องพยายามจีบเมียให้รักให้หลงเราน่ะสิ แต่ก็โดนแกล้งให้คุกเข่าขอแต่งงานหน้าโบสถ์ด้วย..” อัคราทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นวีดีโอที่ถูกเสกแอบถ่ายไว้ทีไรทั้งตื้นตันและขัดเขินเสียทุกที แต่เขาก็ชอบดูมันซ้ำๆ เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาทำมันด้วยใจจริงและเห็นทีไรก็อดขันตัวเองไม่ได้ ดูไม่จืดเลยอัคราเอ๋ย ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกเห็นภาพตนเองในวันนั้น
ตอนที่ 59.“สามีใครนะปากหวานน่ารักจัง”“แล้วทรายล่ะรักพี่ตอนไหน”“อืม ไม่รู้เหมือนกันค่ะ มารู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้เห็นใครสำคัญกว่าทราย เขาต้องมองทรายและเป็นของทรายคนเดียว ทรายขี้หวงนะจะบอกให้..” หญิงสาวบอกพลางกอดแขนเขาแน่นแล้วซบหน้าลงกับท่อนแขนกำยำของสามีเป็นการตอกย้ำยืนยัน พ่อเลี้ยงกำพลหัวเราะท่าทางของภรรยาเบาๆ“จริงๆ แล้ว พี่รักทรายเพราะทรายเป็นคนที่มีความดีมีความกตัญญูต่างหาก..” ชายหนุ่มไล้แก้มนวลของภรรยาเบาๆ ทรายมองเขาด้วยแววตาซาบซึ้งมือเรียวลูบแก้มสากของเขาอย่างแสนรักพูดไม่ออกกับสิ่งที่เขาบอกมา“ตอนที่เราเผลอมีอะไรกันแล้วพี่ก็แอบติดใจลีลาสาวขี้เมานะ ก็เลยสืบเรื่องของทรายแล้วพบว่าผู้หญิงคนนี้หัวใจแกร่งเหลือเกิน ถึงเธอจะทำตัวเหมือนสาวสมัยใหม่แต่สิ่งที่เธอทำให้พี่ประทับใจคือเธอรักพ่อของเธอมากและไม่ยอมทอดทิ้งท่านไปไหน และยังดูแลท่านอย่างดีในขณะที่คนอื่นๆ หนีหายไปหมด แถมเธอยังขายกระเป๋าใบโปรดของตัวเองเพื่อเอาเงินมารักษาพ่อด้วยและก็ยังขยันด้ว
ตอนที่ 58.“พี่ซันคะลุกขึ้นเถอะค่ะทุกคนมองใหญ่แล้ว แล้วแผลล่ะเป็นไงบ้างเดี๋ยวก็เจ็บหรอก..” ปลายฝนบอกเขาเบาๆ อดห่วงคนเจ็บไม่ได้“ไม่ลุก ไม่ปล่อย ไม่เจ็บ หากปล่อยฝนไปฝนก็จะทิ้งพี่ไว้คนเดียว อย่าไปเลยนะอยู่กับพี่เถอะอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก พี่ซันสัญญาจะทำให้ฝนกับลูกมีความสุขที่สุด พี่ซันจะเป็นสามีเป็นพ่อที่ดี..” อัคราหลับหูหลับตากอดขาปลายฝนแน่นโดยไม่สนใจใคร น้องแซมจึงเดินมายืนข้างๆ แล้วตบบ่าผู้เป็นพ่อเบาๆ“คุณพ่อซันค้าบ แม่ฝนกับน้องแซมรู้แล้วว่าพ่อซันรักเรา แต่ตอนนี้แม่ฝนหน้างี้แดงม้ากมาก เหมือนจาเป็นไข้ พ่อซันปล่อยแม่ฝนเถอะค้าบแซมจาได้พาแม่ฝนไปหาหมอ” เด็กชายพูดอย่างไร้เดียงสาเมื่อเห็นว่าคุณแม่คนสวยหน้าแดงก่ำเสียเหลือเกิน...“แต่ถ้าพ่อซันปล่อย แม่ฝนก็จะพาน้องแซมหนีไปจากพ่อซัน พ่อซันยอมไม่ได้” อัครายังคงคุกเข่ากอดขาปลายฝนแน่นท่าทางดื้อดึงเหมือนน้องแซมไม่มีผิด เด็กชายเอียงคอมองบิดาของตนอย่างสงสัยทั้งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองหน้าแม่ฝนทีมองหน้าพ่อซันทีอย่างครุ่
ตอนที่ 57.อัคราถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัย แม้จะถูกยิงชนิดแบบที่เรียกว่าตัดขั้วหัวใจแต่อัคราก็รอดมาได้เพราะโชคดีที่เขามีหัวใจอยู่หน้าอกด้านขวา เพราะหากหัวใจของเขาอยู่ด้านซ้ายอัคราก็คงตายไปตั้งแต่ที่ถูกยิงเมื่อครั้งยังเป็นเพียงเด็กชายในวัยกำลังโต แต่ชายหนุ่มยังคงพักฟื้นอยู่ในห้องปลอดเชื้อหลายวันก่อนจะย้ายมาอยู่ห้องพักฟื้นพิเศษหลังจากที่อาการโดยรวมเขาดีขึ้น ส่วนเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางตำรวจก็จัดการอย่างเรียบร้อยและคุณอัคคีก็เป็นธุระจัดการเรื่องราวต่างๆ แทนอัครา จนทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติตลอดระยะเวลาที่เขาพักฟื้นอยู่ปลายฝนกับน้องแซมก็เป็นพยาบาลดูแลเขาไม่ห่างหายดูเหมือนปลายฝนกับอัคราเข้าอกเข้าใจกันด้วยดี แต่แล้วในวันที่อัคราจะออกจากโรงพยาบาลเขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของปลายฝนสร้างความร้อนรนใจให้กับชายหนุ่มยิ่งนัก...“เฮีย ฝนไปไหน.. เมียผมไปไหน..” อัคราถามพี่ชายซึ่งช่วยมาเก็บข้าวของด้วยตัวเองด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กชายอัครายามงอแงไม่มีผิด“ฝนก็มาเฝ้านายทั้งคืนแล้วนี่นา”
ตอนที่56.“วางปืนลงซะแล้วยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ” เจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกนบอกคนร้ายทั้งสอง“ไม่ยอมโว้ย ถอยไป ออกไป ไม่งั้นกูจะยิงผู้หญิงคนนี้ มันจะปลอดภัยถ้าพวกมึงปล่อยพวกกูไป..” คนร้ายพูดพลางรั้งร่างบางของปลายฝนถอยหลังเข้าไปในตลาดซึ่งมีผู้คนขวักไขว่ทำให้ยากต่อการควบคุมและจับกุมคนร้ายและในช่วงเย็นที่คนกำลังออกมาจับจ่ายซื้อของผู้คนในตลาดก็ยิ่งเยอะอีกทั้งไทยมุงที่อยากรู้อยากเห็นก็มีมากปลายฝนใจเสียและตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เธอพยายามตั้งสติและมองหาช่องว่างเพื่อดิ้นให้หลุดจากคนร้ายและไม่เป็นอันตรายกับตัวเองทั้งปรายตามองอัคราที่ส่งสัญญาณให้เธอใจเย็นๆ และปากของเขาที่ขยับบอกว่าไม่ต้องกลัว หญิงสาวใจชื้นขึ้นค่อยๆ ก้าวตามคนร้ายไปในตลาดเรื่อยๆ“ถ้าไม่อยากตายหลบไปโว้ย หลบๆ” มันทั้งตะโกนและถือปืนกราดปืนไปรอบๆ คนที่กำลังซื้อของและมุงดูอยู่ก็หวีดร้องแล้วถอยหลบออกไปฝูงคนที่แตกฮือไปตลอดทางที่คนร้ายเดินผ่านทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามได้ลำบากแต่ปลายฝนเห็นร่างสูงของอัคราที่หลบหลีกผ