มู่ชิงซานกวาดตามองไปรอบๆ ตัว เขามั่นใจว่าสตรีอัปลักษณ์คงอยู่ไม่ห่างจากที่นี่ นางเหมือนภูตผีซึ่งหลบซ่อนคอยกัดกินซากสัตว์เน่าตาย
ร่างสูงใหญ่ก้าวไปเบื้องหน้าโดยไม่เกรงกลัวใคร กระทั่งหูแว่วได้ยินเสียงน้ำตก ด้วยความที่เมื่อยล้าและอยากล้างเนื้อตัว จึงเปลื้องผ้าหวังชำระร่างกาย
เมื่อเขาลงสู่ผืนน้ำใส ความสดชื่นทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าหายเครียด แต่พอเงยหน้าขึ้นเขารู้สึกวูบเล็กน้อย อีกทั้งปวดศีรษะอย่างรุนแรงยามนั้นชายหนุ่มคิดถึงความผิดพลาดที่ตนไม่ทันเฉลียวใจแต่แรก ด้วยประมาทว่าแคว้นหมิงอ่อนด้อยหลายอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับเดินเข้าสู่กับดัก มู่ชิงซานนึกย้อนถึงป้ายหยกของน้องชายและกล่องไม้ที่มีนิ้วมือมนุษย์ หรือเป็นไปได้ว่าของสองสิ่งนี้ล้วนแอบแฝงด้วยพิษร้ายและตอนนี้มันกำลังเล่นงานเขาหลังจากที่ใช้พลังภายในเพื่อป้องกันตนเอง
มู่ชิงซานปวดศีรษะรุนแรงกว่าเดิมและมีเลือดไหลออกจากจมูกกับรูหูทั้งสองข้าง อาการหน้ามืดเล่นงานเขาอย่างฉับพลัน แต่เขาพยายามทรงตัวเอาไว้ด้วยได้ยินเสียงฝีเท้าคน แม้ว่าแผ่วเบาแต่มีจำนวนไม่น้อย
“ใครมันบังอาจรบกวนข้า” มู่ชิงซานตวาด ก่อนกระโดดตัวลอยเหนือผิวน้ำ เมื่อมีมีดสั้นซึ่งเป็นอาวุธลับพุ่งตรงมายังร่างเขา
“บัดซบ! ลอบกัดเช่นนี้คงมีแต่พวกคนเขลาแคว้นหมิง” เขาเอ่ย และมองหาคนที่ซุ่มอยู่หลังแนวป่าไผ่
การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็ว ดูท่าแล้วคงเป็นกลุ่มคนที่มีฝีมือมากกว่าชายชุดดำเมื่อครู่
มู่ชิงซานคว้าเสื้อคลุมมาพันกายเอาไว้เพื่อไม่ให้อุจาดตา แล้วลอยตัวไปคว้าดาบใหญ่ จากนั้นก็พุ่งเข้าฟันร่างซึ่งหลบอยู่ตามโขดหิน ร่างเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บต่างกันไป แต่พวกมันมีฝีมือมิได้ต่ำทราม เขาจึงต้องออกแรงมากสักหน่อย
การต่อสู้ยืดเยื้อ ร่างกายของมู่ชิงซานเกิดอาการแปลกประหลาด เขาสะบัดร้อนสะบัดหนาว ศีรษะหนักข้างเดียว อีกทั้งมีอาการหอบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“พิษ!...พวกหมาลอบกัด”
ชายหนุ่มขบกรามแน่น พิษประหลาดคงซ่อนอยู่ในหยกและกล่องไม้ที่เขาได้รับ เมื่อออกแรงหนักมันก็กำเริบหนัก กระนั้นเขาก็ฝืนตนเข้าไปสังหารคนที่พุ่งเข้ามา ดาบใหญ่ฟันไปข้างหน้าก่อนหมุนตัวกลับอย่างเร็วเมื่อมีคนโจมตีจากด้านหลัง ชายหนุ่มจึงถีบศัตรูเหล่านั้นตามด้วยใช้ฝ่ามือซัดอีกร่างซึ่งพุ่งมาทางขวามือ
ยามนั้นเขาไอแห้งๆ ความกลัวพลันเกิดท่วมใจ เขาไม่เคยพ่ายแพ้ต่อสิ่งใด มู่ชิงซานคือหมาป่ารัตติกาล เป็นอ๋องปีศาจที่ใครได้ยินชื่อก็ต่างนึกขยาด ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกเข้าปอด พยายามบ่ายหน้าเพื่อฉวยเอาเสื้อผ้าของตนมาสวมใส่ ทว่าไม่ทันได้หยิบจับอะไร เขากลับลื่นล้ม ก่อนที่ร่างจะถูกกระแสน้ำพัดพา
สองมือของเขาหาที่ยึดเหนี่ยว แต่แรงของน้ำซึ่งซัดใส่ร่างสูงใหญ่มีกำลังมหาศาล อีกทั้งบางส่วนไหลเข้าสู่ปากและหู ยามนั้นชายหนุ่มดิ้นรนสุดกำลังทว่าแรงที่เคยมีเหมือนจะหดหายไป
“ข้าจะตายไม่ได้ หากยังไม่ได้สะสางความแค้นกับนางผู้นั้น!!” เขาเอ่ยแต่เสียงของอ๋องจากต้าหลางเบาจนน่าวิตก
ฟ่านรั่วเจี๋ยต้อนฝูงเป็ดของนางเข้าโรงเรือน และร้องเพลงพื้นบ้านที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็กด้วยความสบายใจ ขณะที่พยายามตามจับลูกหมูแคระที่ซุกซน ดวงตาของนางต้องเบิกค้างเมื่อมีท่อนขาแกร่งขาวซีดโผล่ให้เห็นตรงหน้า พิศแล้วหัวใจพลันหล่นหายไปอยู่ตรงปลายเท้า
กระทั่งสติฟ่านรั่วเจี๋ยกลับคืน นางจึงชะโงกหน้าไปมองร่างที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนเผลอหลุดร้องเสียงดัง เสียงนั้นทำให้เจ้าหมูแคระวิ่งออกมาจากที่ซ่อน
หมูตัวนั้นชื่อตือเมี่ยว มันใช้จมูกโตๆ ดมปลายเท้าร่างที่นอนสลบไม่ได้สติ พอเห็นว่าไม่เคลื่อนไหว มันก็ดมไปทั่วเรือนกายสูงใหญ่ กระทั่งเริ่มใช้ปากเล็กๆ ขบต้นขายาวซึ่งมีแพขนสวยงามเปียกลู่นาบไปกับผิวของเขาซึ่งชวนให้หวามใจอย่างยิ่ง ทว่าเจ้าหมูแคระคงไม่ทันหายมันเขี้ยว ตือเมี่ยวจึงเปลี่ยนเป้าหมายใหม่
“อาเมี่ยว หยุด นั่นไม่ใช่ไส้เดือน!!”
หญิงสาวกลั้นหายใจลึก ก่อนรีบเข้าไปอุ้มตือเมี่ยวลูกหมูแคระขึ้นมากอด
ยามนั้นสายตานางจดจ้องร่างกายของบุรุษซึ่งนอนไร้สติ โดยเฉพาะตรงกึ่งกลางลำตัว ซึ่งนางไม่แน่ใจว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เมื่อได้เห็นแท่งหยกของบุรุษแห่งอาณาจักรต้าหลางเต็มสองตา!
เจ้าสิ่งนั้นนอนหลับใหลอยู่ในฝักสวย ขนาดมันไม่ได้เล็กสักนิด ฟ่าน-รั่วเจี๋ยยอมรับว่ายามนี้นางกระวนกระวายใจอย่างที่สุด
“เป็นเขาจริงๆ หรือ”
นางรำพึงรำพันกับตนเองพลางสำรวจเรือนกายนั้นอย่างละเอียดแน่นอนว่าร่างสูงใหญ่ซึ่งนอนสลบไร้อาภรณ์ห่มกายคือหมาป่ารัตติกาล หรืออ๋องปีศาจซึ่งใครๆ ต่างขยาดกลัว ทว่ายามนี้เขากลับมาอยู่ตรงหน้านางในสภาพเปล่าเปลือย อีกทั้งนอนสลบและหายใจแผ่วเบาราวกับคนหมดแรงนับว่าเป็นโอกาสที่เหมาะสมเสียจริง
“คนชั่วช้าเช่นท่านตกอยู่ในเงื้อมมือข้า สวรรค์ยังมีความยุติธรรม หึๆอย่าคิดว่าจะได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกอีกเลย” นางว่าอย่างลำพองใจ ยิ่งเห็นร่างกายเขาไม่ไหวติง ฟ่านรั่วเจี๋ยยิ่งสาแก่ใจนัก
“กำจัดคนพาลอภิบาลคนดีเช่นนี้นับว่าประเสริฐ!” นางประกาศกร้าวสายตาฉายโชนความมุ่งมั่นทำตามที่ใจคิด
มือเรียวสวยดึงปิ่นปักผมที่เป็นเข็มเงินเล่มใหญ่ พอเลื่อนสลักเล็กก็กลายเป็นมีดสั้นคมกริบ ฟ่านรั่วเจี๋ยค่อยๆ ทรุดลงไปอยู่ใกล้ๆ ร่างกายสูงใหญ่
มู่ชิงซานผู้นี้เป็นชายผิวขาวอยู่สักหน่อย บางส่วนไหม้แดดจึงดูสมชายชาตรี ทว่าทั่วทั้งเรือนกายกำยำนั้นชวนให้ดวงตานางพร่างพราย
“อ๋องปีศาจ ท่านตั้งใจล่อลวงข้า ฮึ...ไม่มีวัน ท่านมิอาจทำเรื่องนี้สำเร็จ”
มีดสั้นจี้ตรงลำคอของมู่ชิงซาน เส้นเลือดเขาเต้นตุบๆ ลูกกระเดือกสวยเคลื่อนไหวช้าๆ ฟ่านรั่วเจี๋ยตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ นางกำลังหวั่นไหว!
หญิงสาวเปลี่ยนจุดหมายใหม่ นางคิดจะแทงมีดสั้นเข้าที่หัวใจเขาเพียงครั้งเดียวร่างนี้ก็จะสิ้นใจ!
“ไม่ได้สิ คนอย่างท่านสมควรถูกทรมาน จะให้ตายง่ายๆ คงไม่สาสมกับความเลวแสนต่ำช้าที่เคยกระทำไว้”
ฟ่านรั่วเจี๋ยก้าวจบจึงเตรียมจะขึ้นนั่งคร่อมตัวเขา ทว่าเป็นตอนนั้นที่กายสาวร้อนผ่าวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ด้วยมือเรียวสวยของนางสัมผัสแผงหน้าอกแน่นๆ ของชายหนุ่ม ก่อนที่จะเผลอไผลบีบยอดหน้าอกซึ่งกำลังแข็งชูชัน!
ความรู้สึกตอนนั้นไม่เหมือนกับยามที่เย้าหยอกเกาเจียวหั่ว และแต่ไหนแต่ไรนางนึกว่าตนชอบอีกฝ่าย ทว่าเหตุใดเพียงแค่ใกล้ชิดอ๋องปีศาจไม่ถึงหนึ่งอึดใจ นางกลับเผลอทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้ คิดแล้วฟ่านรั่วเจี๋ยก็สะท้านไปทั้งร่าง!!
หัวใจนางเต้นแรง เรือนกายร้อนวูบวาบ บริเวณท้องน้อยคล้ายมีผีเสื้อปีกบางบินว่อนนับร้อยนับพันตัว
“ขะ...ข้าเป็นอะไรไป ปีศาจร้าย อ๋องอำมหิต...ท่านไม่สมควรมีชีวิตรอด”นางว่าแล้วจึงลุกพรวดห่างจากร่างชายหนุ่ม ก่อนต้องหวีดเสียงร้องแหลมออกมาเมื่อไส้เดือนของเขาที่นางเห็นก่อนหน้านี้มันเริ่มพองขยายขึ้น และถึงแม้ไม่เต็มที่ แต่ก็ทำให้ฟ่านรั่วเจี๋ยหน้าแดง หูแดง และร้อนอบอ้าวจนเหงื่อผุดท่วมหน้าผาก
“ทะ...ท่าน คนชั่วช้า คิดล่อลวงข้าเยี่ยงนั้นรึ ก่อนที่จะฆ่าท่านให้ตายข้าขอเฉือนไส้เดือนทิ้งแล้วสับให้ละเอียดเอาไปผสมปลายข้าวให้อาเมี่ยวกินก็แล้วกัน หากกระทำเช่นนี้คงนับว่าเกิดประโยชน์!”
นางว่าอย่างเป็นเดือดเป็นแค้น ก่อนกึ่งก้าวกึ่งวิ่งเข้าไปในครัว เมื่อออกมาก็เห็นว่าชายหนุ่มค่อยๆ ฟื้นคืนสติ ฟ่านรั่วเจี๋ยหยุดชะงัก นางมิอาจรับมือเขาได้แน่ บุรุษผู้นี้คือเทพสงครามกระหายเลือดเชียวนะ!
“อย่าเข้ามา ไม่งั้นข้าจะสับท่านเป็นหมื่นๆ ชิ้น” นางขู่เขา พลางยกมีดทำครัวเล่มใหญ่ในมือขึ้น ท่าทางเหมือนจะจัดการเขาให้ถึงแก่ชีวิต
ดวงตาเรียวคมกริบคู่นั้นมองฟ่านรั่วเจี๋ย และมองอยู่นาน นานจนนางผิดสังเกต
“จ้องข้าเยี่ยงนี้ ทะ...ท่านคิดย่ำยีข้าใช่หรือไม่ ฝันไปเถอะ สตรีเช่นข้ามิยอมให้ผู้ใดข่มเหงง่ายๆ และตำหนักเย็นแห่งนี้จะเป็นที่ฝังศพบุตรชายแห่งต้าหลาง” นางกล่าวและปั้นสีหน้าเป็นขึ้งโกรธ ทว่าทำได้เพียงอึดใจเดียว นางก็ต้องประหลาดใจเป็นล้นพ้น เมื่อสีหน้าของมู่ชิงซานกลับระบายยิ้มกว้างรอยยิ้มนั้นทำให้ใบหน้าแข็งกระด้างดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
“พิลึก ทะ...ท่านยิ้มให้ข้า!” นางเอ่ย แล้วเผลอยิ้มตอบเขา
“ยิ้ม” ชายหนุ่มว่าและหัวเราะขบขัน คราวนี้ฟ่านรั่วเจี๋ยถึงกับตะลึงงันยามนี้เหตุใดบุรุษสกุลมู่ถึงไม่เหมือนคนที่นางเคยพบหน้า อีกทั้งแววตาร้ายๆเต็มไปด้วยความอาฆาตซึ่งแผ่รังสีปีศาจหายไปอยู่แห่งหนใด
“ฮึ แล้วข้าสมควรอยู่ที่ใดถึงจะมีชีวิตรอด อย่าบอกนะว่าข้างกายท่าน”เมื่อคนที่วางสีหน้าขึงขังคำรามออกมาอีกหน นางก็ครั่นคร้ามใจ แต่ถึงขั้นนี้ ชีวิตย่อมต้องกลัวสิ่งใดอีก“ข้าคิดว่าตอนนี้เจ้าคงไม่เห็นชอบ แต่หากอยากทวงความยุติธรรมคืนให้ตนเองกับมารดา คงเหลือเพียงทางเลือกเดียวคือเป็นสตรีที่อยู่ข้างกายข้าเท่านั้น”“มะ...มู่ชิงซาน คนเลว! ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะท่านหลอกลวงข้า” นางเจ็บแค้นใจอย่างที่สุด มองร่างสูงใหญ่นี้แล้วอดคิดถึงเจ้าเป็ดน้อยของตนไม่ได้“ฮ่าๆ ข้าหรือจะมีเวลาล้อเล่นกับเจ้าถึงเพียงนั้น กินอาหารพวกนี้เสียแล้วเตรียมทำหน้าที่ของตนให้ดี”“หน้าที่อันใด!” ฟ่านรั่วเจี๋ยถามเขาเสียงเกรี้ยวกราด เป็นตอนนั้นที่ดวงตาคมกริบมองนางราวกับเป็นของหวาน หรือไม่ก็เนื้อสดๆ ที่เขาจะกลืนลงท้องอย่างโอชะ“เจ้าคิดว่าที่ข้ายอมเสียเกียรติไปรับเจ้ามาจากแคว้นหมิงเพื่อการใดหากไม่ใช่...” เสียงทุ้มตั้งใจยั่วแหย่ฟ่านรั่วเจี๋ย“ตะ...ต่ำช้า ทะ...ท่านคิดล่วงเกินข้าหรอกรึ” หญิงสาวหวีดใส่ชายหนุ่มและมิวายดึงปิ่นปักผมของตนออก พอเลื่อนสลักเล็กๆ มันก็กลายเป็นมีดสั้น ซึ่งนางไม่ได้คิดจะทำร้ายเขา หากใช้มันจี้ลำคอขาวผ่อง
ตกอยู่ในมืออ๋องปีศาจฟ่านรั่วเจี๋ยถูกพามาอยู่ในกระโจมที่พักส่วนตัวซึ่งสร้างขึ้นใหม่อย่างเร่งด่วน โดยอยู่ด้านหลังสุดของค่ายทหารต้าหลาง พื้นที่ตรงนี้เป็นเนินสูงและมีสายลมพัดผ่านเย็นสบาย สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่างรอบทิศถึงแม้ตบแต่งเน้นความเรียบง่ายเข้าไว้ แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยก็พึงใจ ด้วยมันสงบมีความเป็นส่วนตัวเมื่อนางสำรวจรอบๆ กระโจมจึงพบว่ามีหลายสิ่งชวนให้ประหลาดใจทั้งกลิ่นกำยานหอมอ่อนๆ พร้อมต้นไม้ ดอกไม้ในกระถาง มองแล้วต้องฉงนมันคล้ายจำลองให้เหมือนในตำหนักเย็น เห็นดังนี้จะให้นางไว้ใจหมาป่ามู่ชิงซานได้อย่างไร น้ำหน้าอย่างเขาคงมีแผนร้ายเอาไว้ล่อลวงนางด้านนอกกระโจมมีทหารยามเฝ้าอยู่ พวกเขาถูกสั่งไม่ให้สื่อสารสิ่งใดเมื่อนางเอ่ยถามต่างพากันปั้นสีหน้านิ่งเฉย และทำได้เพียงแค่ชี้มือบอกว่านางห้ามออกไปไหนยามนี้มีสิ่งที่กังวลใจมาก นางไม่ได้อยู่ที่ตำหนักเย็น ดังนั้นหากไม่ได้รับไอความร้อนจากหินในบ่อน้ำพุและแร่ธาตุที่อยู่ในบ่อ ความอัปลักษณ์ก็จะอยู่บนใบหน้านางและประจักษ์ต่อสายตาทุกคนกระทั่งบ่ายคล้อยหยวนซางก็มาหานาง อีกฝ่ายเป็นคนสนิทของมู่ชิง-ซาน ฟ่านรั่วเจี๋ยคิดว่าคนเป็นนายกับลูกน้องช่างแตกต่างกันร
ฟ่านรั่วเจี๋ยทำตาโต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนสมองทึบไม่รู้มารยาร้อยเล่มเกวียนของบุรุษกลับเป็นนางหรอกหรือ! ความคิดของหญิงสาวสับสนหมุนวนไปมา พลางยกมือเรียวสวยข้างหนึ่งขึ้นอย่างเผลอไผล แล้วสัมผัสริมฝีปากอิ่มสวยของตน ยามนั้นนางคิดถึงรอยจูบที่เขาฝากเอาไว้ มือใหญ่ที่สัมผัสเรือนร่าง ทั้งเนินหน้าอกอวบ เอวคอด รวมถึงบั้นท้ายกลมงอน และพื้นที่แสนหวาน ทั้งที่นางบริสุทธิ์ใจ แต่เจ้าหมาป่าตัวร้ายนั้นคิดคด ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นมู่ชิงซานที่ตั้งใจหยามหมิ่นเกียรตินาง!“คนเลวตัวใหญ่...ทะ...ท่านต่ำช้า ข้าจะไม่ยอมให้ท่านดูแลข้าไม่ว่าในฐานะใด” ฟ่านรั่วเจี๋ยใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห สองมือกำหมัดแน่นดวงตาคมกริบเกิดประกายวิบวับ เขาชอบใจที่นางกราดเกรี้ยว ฟ่าน-รั่วเจี๋ยย่อมต้องเป็นสตรีที่กล้าแกร่ง ยอมหักไม่ยอมงอ เช่นนี้นับว่าเขาไม่เสียเวลาเปล่ากับสิ่งที่กระทำมาทั้งหมด“ฮ่าๆ ถ้าไม่ยอมให้ตอบแทนน้ำใจ ฉะนั้นข้าก็จะเอาผิดเจ้าโทษฐานล่วงเกินชินอ๋องแห่งต้าหลาง อย่าลืมว่าเจ้าข่มเหงข้าอย่างไร และเรื่องนี้หากใครล่วงรู้ ข้าก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”ดวงตากลมโตมองคนหน้าด้านอย่างเหลือใจ“ชั่วช้า ท่านไม่สมควรเป็นลูกผู้ชาย”“ถูกต
ภาพเย้าหยอกของมู่ชิงซานกับฟ่านรั่วเจี๋ยทำให้สถานการณ์ที่ดูเหมือนตึงเครียดผ่อนคลายลงไปหลายส่วน กระนั้นหมิงอ๋องกลับคิดไม่ตก ตามที่จ้าวหานรายงาน บุรุษที่ฟ่านรั่วเจี๋ยเรียกว่า ‘เป็ดน้อย’ ย่อมเป็นชายคนนี้มู่ชิงซาน หรือชินอ๋องผู้เก่งกาจของต้าหลางเด็กหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนักพลางมองมู่ชิงซานและพี่สาวแสนอัปลักษณ์ของตน มีทางใดที่เขาจะทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้บัลลังก์มังกรของเขาไม่สั่นคลอน จริงอยู่ แคว้นหมิงเป็นแผ่นดินเล็กๆ เทียบไม่ได้กับแคว้นอื่น กระนั้นถึงจะเล็ก ทว่าดินแดนแห่งนี้กลับอุดมสมบูรณ์ด้วยการเพาะปลูกมีการแพทย์ที่เจริญรุ่งเรือง เป็นแหล่งการค้าทั้งทางแม่น้ำและถนน นอกจากนั้นยังมีสมบัติล้ำค่ามากมายจากธรรมชาติ หากผู้ใดคิดทำลายนับว่าโง่เขลา แต่หากต้องการยึดครอบครองก็ใช่ว่าจะกระทำได้ง่าย ดังนั้นแคว้นใหญ่อย่างต้าหลางจึงกระทำเพียงแค่ตั้งทัพมาคุมเชิงเอาไว้ เพื่อป้องกันการรุกรานด้านอื่นๆ พร้อมส่งไส้ศึกเข้ามาอยู่ในแผ่นดินนี้ เพื่อคอยรายงานข่าวและตัดแขนขาไม่ให้คนในแคว้นหมิงติดต่อขอความช่วยเหลือจากสิบสองเผ่าคนเถื่อนด้วยนานมาแล้วฝ่ายนั้นเคยปกครองที่นี่มาก่อนฟ่านเฉิงซีก้าวขามาข้างหน้าหนึ่งก้าว
การที่มู่หรูซื่อกระทำการอุกอาจเช่นนั้นถือว่าไม่ไว้หน้าหมิงอ๋อง ทว่าด้วยความที่แคว้นต้าหลางมีอำนาจอยู่เหนือแคว้นหมิง กระนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยข่มเหง เพียงแค่วางกำลังไว้เพื่อขู่ไม่ให้แคว้นหมิงกระด้าง-กระเดื่องและป้องกันการรุกรานจากแคว้นอื่น รวมถึงกลุ่มสิบสองเผ่าคนเถื่อนทว่าหลังจากที่ฟ่านเฉิงซีนั่งบัลลังก์มังกร ความที่ยังเยาว์วัยจึงเป็นเหตุให้อ๋องจากต้าหลางมักลบหลู่เกียรติเขา และบีบคั้นให้หมิงอ๋องส่งเสบียงให้แก่ทัพนับแสนชีวิตของแคว้นต้าหลางเพื่อไปปราบสิบสองเผ่าคนเถื่อน เพราะต้องการขยายอำนาจและความเกรียงไกรของแคว้นต้าหลางหมิงอ๋องชักสีหน้าตึง ข่มอารมณ์สุดกลั้น เขาเอ่ยเสียงเรียบหากเจือด้วยการตำหนิ“จวิ้นอ๋อง อย่าได้ล้อเล่นกันจนเกินไป รั่วเจี๋ยคือพี่สาวข้า นางนับว่าเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหมิงผู้หนึ่ง”มู่หรูซื่อยกยิ้มที่มุมปาก มองหมิงอ๋องสลับฟ่านเยี่ยฉี พี่น้องสองคนนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน หากอยากเล่นสนุกกลั่นแกล้งพวกเขาก็มีหลายทาง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการล่วงเกินสตรีอัปลักษณ์นางนี้“ฮ่าๆ ในเมื่อองค์หญิงใหญ่ต้องการให้ข้าเชยชมคุณหนูรั่วเจี๋ย ข้าย่อมต้องส่งเสริมความคิดนาง” มู่หรูซื่อกล่าวแล
มู่หรูซื่อพยักหน้าอือออ “ข้าเห็นชอบกับสิ่งที่หมิงอ๋องกล่าว เยี่ยงนั้นรบกวนคุณหนูรั่วเจี๋ยด้วย”ฟ่านรั่วเจี๋ยไม่คิดช่วยศัตรูอย่างมู่หรูซื่อมาแต่ไหนแต่ไร หากทั้งน้องชายและพี่สาวกลับอยากผลักดันนางไปให้ห่างๆ เช่นนี้ ทั้งคู่ต้องการสิ่งใดกันแน่“ตะ...แต่เรื่องนี้ข้าไม่เห็นด้วย” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ย แม้เสียงไม่ดัง หากทุกคนก็ได้ยิน“รั่วเจี๋ย เจ้ากล้าขัดคำสั่งของหมิงอ๋องหรือ” ฟ่านเยี่ยฉีเอ่ยเสียงดังฟ่านรั่วเจี๋ยสูดลมหายใจลึก ยามนี้นางจะไปไหนได้ในเมื่อเจ้าเป็ดน้อยหายตัวไป จิตใจเลยไม่ใคร่อยู่กับเนื้อกับตัว“ขะ...ข้ามีหลายสิ่งต้องทำ ปกติก็อยู่ที่ตำหนักส่วนตัวเงียบๆ มิมีเรื่องวุ่นวายอันใดให้ต้องใส่ใจ ดังนั้นเรื่องอื่นที่เกิดขึ้น ขอให้พวกท่านแก้ไขเอาเองเถิด”มู่หรูซื่อหัวเราะออกมา เขาชอบใจที่สตรีอัปลักษณ์มีความคิดอ่านเป็นของตนเอง ซึ่งพอนางอยากขัดขืน เขาก็เริ่มอยากกลั่นแกล้ง แวบนั้นจึงมองไปยังฮ่องเต้น้อยและเห็นว่าเขาหวงพี่สาวคนนี้มากกว่าฟ่านเยี่ยฉีหลายเท่า“คงมิได้ ครั้งหนึ่งข้ากับคุณหนูเคยพบกันมาก่อน ไมตรีที่ช่วยเหลือข้าไว้ย่อมต้องได้รับการขอบคุณ” มู่หรูซื่อเอ่ย ดวงตาเขามีประกายวาบฉายโชน“รั่วเจี๋ยม