อ๋องปีศาจ ท่านทำให้ข้า...คลั่ง
มู่ชิงซานไม่ได้ประมาท เขารับมือในยามคับขันได้ดีเสมอ ดาบเล่มยักษ์ในมือกวัดแกว่งป้องกันตนเอง กระทั่งไร้ลูกธนูที่พุ่งมาหมายสังหารเขาจึงมีเสียงร้องข่มขวัญก่อนปรากฏร่างของผู้คนที่วิ่งไล่กวดชายหนุ่มผู้หนึ่ง
ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังคนซึ่งวิ่งหนีตาย
“พี่รอง ชะ...ช่วยข้าด้วย”
“น้องเล็ก!”
มู่หรูซื่อพยายามเอาตัวรอดจากโจรชุดดำนับสิบชีวิต เขาวิ่งหลบหน้าหลบหลัง ปากร้องเรียกพี่ชาย กระทั่งถูกจับตัวไว้ได้จึงออกแรงดิ้นขัดขืน มือข้างหนึ่งใช้มีดสั้นจ้วงแทงใส่คนที่ทำร้ายเขา ทว่าด้วยจำนวนคนที่มาก มู่หรูซื่อจึงเพลี่ยงพล้ำ
ชายหนุ่มถูกจับลากไปตามพื้น และในขณะที่หวิดโดนฟันเข้าบริเวณหัวไหล่ ร่างสูงใหญ่ของพี่ชายพลันทะยานเข้ามาแล้วใช้ฝ่าเท้าถีบใส่กลางหลังศัตรูเต็มแรง
“น้องเล็ก หลบมาอยู่ด้านหลังพี่” มู่ชิงซานออกคำสั่ง ดาบในมือเขาฟันไปเบื้องหน้า ร่างคนร้ายซึ่งพุ่งเข้ามาถึงกับขาดเป็นสองท่อน โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่ว
เมื่อกลุ่มชายชุดดำเห็นอย่างนั้นจึงปรับกลวิธีจัดการชินอ๋องจากต้าหลางใหม่
“ถ้าไม่อยากให้ร่างกายแยกออกเป็นห้าส่วน จงถอยกลับไปเสีย” มู่-ชิงซานตวาดเสียงก้อง พวกที่ตั้งท่าอยู่จึงละล้าละลัง
“พี่รองอย่าสนใจคนพวกนี้ รีบหนีดีกว่า พวกมันยังมีกำลังเสริมอีกมากไม่แน่อาจมุ่งหน้ามาหาเราในมิช้า”
ดวงตาดุจพญาอินทรีหรี่มองน้องชายสายเลือดเดียวกัน เหตุใดมู่หรูซื่อถึงแสดงความขลาดเขลาต่อศัตรูเช่นนี้
“เจ้าไปทำเรื่องใดเอาไว้ ไฉนถึงทำให้คนพวกนี้ไล่ล่าราวกับเป็นลูกแมวเสียขวัญ”
มู่หรูซื่อไม่รู้จะตอบอย่างไร เมื่อเขาตื่นขึ้นก็พบว่าตนอยู่กลางป่าโล่งยามนั้นท้องเขาร้องโครกครากจนแสบไปหมด ลำคอแห้งผาก ชายหนุ่มเดินโซเซไปได้ราวๆ ครึ่งลี้ กลุ่มชายชุดดำก็โผล่ออกมา และประกาศว่าใครจับตัวจวิ้นอ๋องจากต้าหลางได้จะมอบรางวัลอย่างงาม
“เรื่องนี้ข้ามิอาจทราบ หลังจากถูกสตรีนางหนึ่งช่วยเหลือ ศีรษะก็หนักอึ้ง ร่างกายแข็งเป็นหิน รู้สึกเหมือนตกอยู่ในอำนาจนาง” มู่หรูซื่ออธิบายพลางมองสายตาหลายคู่ที่สืบเท้าเข้ามาหาพวกเขาพร้อมอาวุธครบมือ
“สตรีนางนั้นรูปโฉมเป็นเยี่ยงไร”
เมื่อถูกถาม ภาพที่ชวนให้มู่หรูซื่อขนพองสยองเกล้าพลันปรากฏในหัว มันทั้งหลอน ชวนให้ฝันร้าย ใบหน้าสตรีดังกล่าวประหนึ่งตัวประหลาดที่โผล่มาจากขุมนรก โดยเฉพาะจมูกใหญ่โตซึ่งคล้ายสุกร!
“พะ...พี่รอง ได้โปรดอย่าเอ่ยถึงนางอีก!”
คนเป็นพี่ฉงนฉงาย ก่อนคว้ามือทั้งสองข้างของน้องชายมาดู ทว่าพิศแล้วกลับไม่เห็นว่ามีนิ้วมือข้างไหนหายไป
“ร่างกายเจ้ายังครบสามสิบสองหรือไม่” มู่ชิงซานถามเสียงเข้ม ยามนี้หัวใจเขาบีบรัด ความกราดเกรี้ยวทวีความรุนแรงขึ้น ด้วยคิดว่าตนกำลังถูกใครบางคนหลอกลวง
“ข้าได้รับบาดเจ็บเพียงภายนอกเท่านั้น” มู่หรูซื่อตอบ
“แล้วแหวนประจำตัวเจ้าเล่าหายไปไหน” มู่ชิงซานถามย้ำและคิดถึงกล่องไม้ที่มีนิ้วมือมนุษย์ ตอนแรกเขาประหลาดใจอยู่มากที่ได้รับมัน กระทั่งเห็นว่ามู่หรูซื่อไม่ได้รับอันตรายร้ายแรง เขาก็เชื่อว่าเรื่องนี้มีคนที่รู้ความลับเขา และมันกำลังวางแผนเล่นงานเขาเพื่อหวังผลประโยชน์ครั้งใหญ่
และมู่ชิงซานรู้ว่าพี่น้องเหมือนแขนขา แต่ถ้าแขนขาถูกพิษร้ายกัดกินเขาย่อมต้องรักษาชีวิตตนเอาไว้ ดังนั้นหากในภายภาคหน้าจำต้องตัดร่างกายส่วนใดทิ้ง เขาก็ต้องทำ!
“ปะ...เป็นเพราะสตรี...เอ่อ อัปลักษณ์ นางหลอกลวงข้า ฝังเข็มแล้ว...ดูดกลืนพลังในตัวข้าไปหลายส่วน!” มู่หรูซื่ออธิบายให้พี่ชายฟัง
“ฮึ นอกจากเจ้าจะหลงกลนางแล้ว ยังทำให้ข้าต้องเสียรู้ไปด้วย เจ้าน้องโง่!” มู่ชิงซานเอ่ยจบจึงคำรามเสียงดัง ก่อนกระโจนใส่ร่างที่กรูกันเข้ามาเสียงดาบฟันกระดูกผสมเสียงร้องโอดโอย จากนั้นกลิ่นเลือดก็คละคลุ้งไปทั่วพลอยให้มู่หรูซื่อที่ไม่ได้จับดาบมากเท่ากับการจับพู่กันอาเจียนพุ่งเป็นสาย
กระทั่งกลุ่มชายชุดดำสิ้นลมหายใจจนหมด มู่ชิงซานจึงเป่าปากเรียกม้าคู่ใจกลับคืนมา เขาออกคำสั่งให้มันพามู่หรูซื่อกลับค่ายของต้าหลาง
“ข้าจะไปจัดการสตรีนางนั้น เลือดของนางสมควรนำมาใช้ล้างรองเท้าเปรอะโคลนคู่นี้”
“ทะ...ท่านพี่...อย่าเพิ่งเสี่ยงอันตรายเลย กลับค่ายของเราก่อนเถิด ข้าไม่อยากให้มีเรื่องระหว่างแคว้น”
“ฮึ แล้วการที่เจ้าแอบเข้าไปในแคว้นหมิงโดยขัดคำสั่งพี่ มันเป็นความต้องการสิ่งใดกันแน่”
มู่หรูซื่ออ้ำอึ้ง แต่แรกเขาอยากเข้าไปสืบตามหาตำรับยาลึกลับที่สูญหายไปจากแคว้นต้าหลาง ซึ่งถูกส่งต่อมาให้แก่ชาวหมิงด้วยตนเอง จึงฝืนคำสั่งมู่ชิงซาน แต่นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายเขากลับพลาดท่าถูกตลบหลังจนเกือบทำให้ตนเองสิ้นชีพ
“ข้าก็เพียงอยากแบ่งเบาภาระท่าน อีกอย่างบิดาอยากให้เราเชื่อมไมตรีกับแคว้นหมิง” มู่หรูซื่ออ้างถึงคำพูดหลางอ๋องผู้เป็นบิดา
“หมายถึงงานมงคลระหว่างสองแคว้นเยี่ยงนั้นรึ ฮ่าๆ เจ้าคงไม่รู้ว่าเยี่ยฉีอยากให้ข้ามอบผ้าแพรขาวหรือยาพิษให้แก่นาง มากกว่าการรับใช้ข้าด้วยการอุ่นเตียง”
“ก็พี่รองทำอะไรบุ่มบ่าม สตรีย่อมต้องการการเอาใจ”
“ฉะนั้นพี่คงไม่เหมาะกับนางเป็นแน่ ฮึ...ไซซีที่ไร้หัวคิดคงจะทำให้แคว้นหมิงสิ้นชาติในไม่ช้า”
มู่หรูซื่อไม่อยากเถียงกับพี่ชาย แต่เขามีคำถามหนึ่งผุดขึ้นในใจ
“ถ้าหากพี่รองไม่ต้องการพระชายาเช่นนาง ไฉนถึงไม่ส่งเสริมข้าแทน”
มู่ชิงซานนิ่วหน้า แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเห็นน้องชายสนใจสตรีนางใดเป็นพิเศษ
“เจ้าอยากตบแต่งกับนางจริงรึ”
“หากพี่รองเห็นด้วยข้าจะยินดีมาก”
“ฮ่าๆ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้ากลับคิดว่าเจ้ากำลังวางหมากเพื่อกระทำเรื่องเหลวไหลในภายภาคหน้ามากกว่าการมีพระชายาเคียงข้าง” มู่-ชิงซานเอ่ยตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม
ใบหน้าของมู่หรูซื่อพลันซีดเผือด เขามิอาจล่วงรู้ว่ามู่ชิงซานคิดเห็นเช่นไร แต่ตอนนี้เขาได้ทำให้อีกฝ่ายเริ่มระวังตัวมากขึ้น เรื่องนี้นับว่าโง่เขลา
“เยี่ยงนั้นพี่รองระวังตัวด้วย ข้าขอตัวกลับค่ายก่อน” มู่หรูซื่อกล่าวจบจึงบังคับม้าตัวโตแล้วจากไป
“นางงูพิษ!” ฟ่านเยี่ยฉีจ้องบ่าวชั้นต่ำเขม็ง ก่อนหน้านี้พยายามซื้อตัวจางฉีให้มาเป็นพวกเดียวกัน และคิดว่ากระทำได้สำเร็จ สุดท้ายกลับไม่เป็นไปอย่างที่หวังจางฉียิ้มเยาะอีกฝ่าย ตอบว่า “องค์หญิงใหญ่ อ่อ...ไม่ใช่สิ ตอนนี้ท่านคงเป็นได้แค่กบฏไร้แผ่นดิน เมื่อก่อนข้าเป็นคนอับจนปัญญาอยู่มาก จึงกระทำความผิดต่อฮูหยินในค่ายทหารแคว้นหมิง ด้วยปล่อยให้คนของท่านที่ปลอมเป็นสิบสองเผ่าคนเถื่อนมาจับนางไป ตัวข้าสำนึกผิดในสิ่งที่ทำจนอยากฆ่าตัวตาย แต่ชินอ๋องให้โอกาสข้าแก้ตัวใหม่ ข้าจึงบอกกับตนเองว่าชาตินี้จะจงรักภักดีต่อฮูหยินและชินอ๋อง แม้ตายไปกลายเป็นผีก็จะอยู่รับใช้” ฟ่านเยี่ยฉีถลึงตาใส่จางฉี ก่อนกล่าวด้วยเสียงแหลมสูง“หึๆ หากรั่วเจี๋ยรู้ว่าเจ้าเคยวางยานางในกระโจมที่ค่ายทหาร ฮูหยินที่แสนดียังจะปล่อยให้นกสองหัวเช่นเจ้ามีชีวิตรอดอีกรึ”“ขะ...ข้าย่อมไม่ต้องการให้ฮูหยินยกโทษให้ เพียงแต่ข้าจะไม่ยอมทำผิดเป็นหนที่สอง ข้าอยากเป็นคนดี ไม่เหมือนเจ้าที่จิตใจสกปรก แม้แต่คนในสายเลือดเดียวกันยังคิดฆ่าให้ตาย” จางฉีเอ่ยแล้วนางก็โล่งใจ เรื่องทั้งหมดนางไม่เคยบอกฟ่านรั่วเจี๋ย แม้กระทั่งจางหมิ่นว่านางคือคนที่วางยาในกระโจมจนทำ
“ฮิๆ มีแต่พวกอ่อนด้อยและปวกเปียกราวกับเด็กน้อย”สิ่งที่หญิงหลังค่อมกล่าวย่อมไม่ผิด ก่อนหน้านี้นางได้วางยาพวกเขาในอาหาร ด้วยการหลอกใช้จางฉี ดังนั้นเมื่อองครักษ์ใช้กำลังภายใน พวกเขาจึงถูกพิษแทรกซึมเข้าสู่ร่างไม่ต่างจากจางหมิ่น“ตายเสียให้หมดทุกคน ชาวต้าหลางหน้าโง่!”หมอตำแยเผยธาตุแท้ให้เห็น นางกลายเป็นคนร้ายเต็มตัว และยังแสยะยิ้มน่าเกลียดอวดผู้อื่นฟ่านรั่วเจี๋ยแข็งใจฮึดสู้ รวบรวมแรงของตน นางล้วงเข้าไปในสาบเสื้อได้ยาลูกกลอนเม็ดสีเข้มมีกลิ่นรุนแรงคล้ายซากศพ ก่อนส่งให้จางหมิ่นเอาใส่ปาก จากนั้นจึงหยิบเข็มเงินของตนเล่มหนึ่งที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลาปักเข้าบริเวณหลังใบหูจางหมิ่น“ฮูหยิน ห่วงตัวท่านเถิด บ่าวไม่เป็นอะไร” จางหมิ่นเอ่ยจบนางก็ไอติดๆ กัน ก่อนมีเลือดพิษสีดำข้นคลั่กถูกขับออกมาจากทางปากกองใหญ่“จางหมิ่น ข้าหาใช่คนเห็นแก่ตัว เจ้ากำลังจะสิ้นใจตรงหน้าข้าเช่นนี้จะเพิกเฉยได้หรือ” นางเอ่ยจบ จึงขยับตัวเพื่อหลบภัยหากเกิดการปะทะรุนแรงหยวนซางก้าวมาพร้อมองค์รักษ์ที่เหลือ เขาตั้งใจจับหญิงหลังค่อมซึ่งกลายเป็นนางมารร้ายแต่แรกหยวนซางสงสัยอีกฝ่าย ทว่าเขาไม่ได้มีทางเลือกอื่น จึงยอมให้นางแฝงตัวเข้ามาอย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จางหมิ่นหาได้มีอาการตระหนก นางเคยช่วยมารดาคลอดน้องชายและน้องสาว รวมถึงยามติดตามกองทัพมักเกิดเหตุไม่คาดฝัน พบเจอสตรีที่คลอดบุตรหรือวัวคลอดลูกจนเกือบต้องเสียชีวิตทั้งแม่และลูกก็หลายหน ดังนั้นเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้นางนิ่ง จึงช่วยให้ฟ่านรั่วเจี๋ยสบายใจ ไม่ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ“ฮูหยิน ข้าอยู่ตรงนี้ ท่านอย่าได้เป็นกังวล”จางหมิ่นเอ่ยจบก็ส่งสัญญาณให้จางฉีและหมอตำแย ในขณะที่หมอตำแยได้ยินเช่นนั้น นางกุลีกุจอเข้ามาใกล้ๆ ฟ่านรั่วเจี๋ย เป็นคนท้องที่ต้องกลั้นหายใจเมื่อได้กลิ่นฉุนจัดจากร่างกายอีกฝ่าย กลิ่นดังกล่าวสร้างความกดดันแก่ฟ่านรั่วเจี๋ยจนมีอาการคล้ายจะวูบหลับและหมดสติ“เหตุใดแม่หมอท่านนี้ถึงมีกลิ่นประหลาดจนข้ารู้สึกหายใจไม่สะดวก”หมอตำแยเงยหน้ามองฟ่านรั่วเจี๋ย ดวงตานางบัดนี้ฉายความเย็นเยียบชัดแจ้ง และกล่าวเสียงติดๆ ขัดๆ จนคนฟังรู้สึกรำคาญ“ขะ...ข้าพะ...พกยาสมุนพะ...ไพรตำรับของต้นตระกูลมาด้วย ทะ...ท่านไม่ต้องหะ...ห่วง มันจะช่วยให้ท่านคลอดดะ...ได้ง่าย โปรดวางใจ”“แต่ข้ารู้สึกปวดศีรษะ” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยเสียงห้วนกระด้างพร้อมบีบมือจางหมิ่น แรงบีบของนางส่งผลให้จางหมิ่นเจ็บจนใบ
กระทั่งช่วงหัวค่ำ หมอตำแยกับจางฉียังไม่กลับมา เป็นยามนั้นที่ฟ่านรั่วเจี๋ยอดทนไม่ไหว นางหวีดเสียงดังลั่นและเหงื่อแตกท่วมร่างหยวนซางเดินวนไปมารอบๆ ปากถ้ำ เขาส่งคนออกไปตามหมอตำแยและจางฉี ซึ่งสิ่งที่ทราบในเวลาต่อมาทำให้เขาตกใจ“พอท่านป้าเข้าไปในบ้านหลังนั้นก็มีควันขึ้น และเสียงดังเหมือน...เอ่อ ปืนใหญ่”“ระเบิดเยี่ยงนั้นรึ” หยวนซางไม่คาดคิดว่าหมอตำแยจะมีศัตรูที่ไหน“ใช่แล้วกุนซือหยวนซาง” จางฉีเอ่ยจบสีหน้านางก็ซีดสลด นางคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องน่ากลัว ตอนแรกยืนพูดคุยกับหลานของหมอตำแยที่เป็นหนุ่มน้อย พอเกิดเหตุร้ายขึ้นเหล่าองครักษ์ก็ได้สั่งให้นางระวังตัว“ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นที่แม่น้ำมีสาวๆ มาซักผ้า บ้างก็ตักน้ำกลับบ้าน ข้าสงสัยอยู่หรอก แต่ไม่ได้สังเกตสิ่งใดเป็นพิเศษ ส่วนองครักษ์ที่ตามไป พวกเขาช่วยสาวชาวบ้านขนน้ำและพูดคุยกันตามประสาคนหนุ่มคนสาว”“เรื่องนี้มีเงื่อนงำน่าสงสัย อย่างไรเราต้องระวังตัว” หยวนซางกล่าวเสียงขรึมจากนั้นหยวนซางจึงฟังรายงานจากองครักษ์ซึ่งเข้าไปตรวจสอบระเบิดและพบว่าหมอตำแยเสียชีวิตพร้อมสามีของนาง กระนั้นยังโชคดีที่หมู่บ้านนี้มีหมอตำแยอีกคนที่เพิ่งเดินทาง
มิได้เป็นเพียงมารดาฟ่านรั่วเจี๋ยไม่อยากให้คนในหมู่บ้านเล็กๆ ที่นางมาอาศัยต้องรับเคราะห์กรรมไปกับนาง หากคนที่ปองร้ายรู้ว่านางหลบอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้อาจมีผู้บริสุทธิ์ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นนางจึงแข็งใจหลบไปอยู่หุบเขาที่มีชื่อว่าเผิงกวน ซึ่งด้านในมีถ้ำลึกและกว้าง อากาศก็ปลอดโปร่งเย็นสบายหุบเขาเผิงกวนอยู่ห่างออกไปราวๆ ห้าลี้ โดยจางหมิ่นพบสถานที่แห่งนี้ในตอนที่นางออกตามหาตือเมี่ยว ถึงแม้ถ้ำที่หุบเขาจะไม่สะดวกสบายเช่นจวนชินอ๋อง แต่ก็เป็นสถานที่ซึ่งนับว่าปลอดภัยมาก อีกอย่างด้านนอกเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกและลำธารใส พร้อมบ่อน้ำพุร้อนอยู่เหนือขึ้นไปเมื่อฟ่านรั่วเจี๋ยคิดอย่างถ้วนถี่ นางคาดว่าสามารถคลอดลูกที่นี่ได้ จวบจนร่างกายแข็งแรงจึงจะออกเดินทางไปยังเมืองฝูหนานตามที่มู่ชิงซานวางแผนไว้“พบอาเมี่ยวหรือไม่” ฟ่านรั่วเจี๋ยถามหยวนซาง แต่เขายังไม่มีความคืบหน้าอะไร จึงเพียงแต่ยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับมา“กุนซือหยวนซางไม่ต้องกังวล อาเมี่ยวเป็นหมูที่ฉลาด คงพลัดหลงไปไม่ไกล อย่างไรข้าฝากให้ตามหามันด้วย แต่ทั้งหมดนี้คงขึ้นอยู่กับฟ้าดิน หากได้พบกันอีกย่อมนับว่ายังมีวาสนาต่อกัน”“อาซ้อ…เชื่อข้าเถิ
“หรูซื่อ ดูเหมือนว่าวันนี้คนที่ต้องคุกเข่าให้แก่เด็กน้อยเช่นข้าย่อมต้องเป็นเจ้า”เมื่อเอ่ยจบ ทหารของเกาเจียวหั่วจึงกระจายกำลังโอบล้อมคนของมู่หรูซื่อ“ถ้ายังอยากมีศีรษะอยู่บนหัว จงปล่อยหมิงอ๋องเสีย” แม่ทัพเกาแจ้งความประสงค์“อยากได้ตัวเขาก็จงก้าวเข้ามา อย่ามัวแต่ร้องเสียงดังน่ารำคาญ”“จวิ้นอ๋อง ท่านรู้หรือไม่ ลูกดอกที่ข้ายิงออกไปเมื่อครู่มันอาบยาพิษและยาพิษนั้นเป็นสิ่งสกปรกอยู่สักหน่อย”ได้ยินเช่นนั้นมู่หรูซื่อจึงครั่นคร้ามใจ เขาไม่คิดว่าตนจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ถูกลอบกัดยังไม่พอ เกาเจียวหั่วยังกล้าข่มขู่เขาด้วยความประสงค์ร้าย“แคว้นหมิงมีแม่ทัพขี้ขลาดเช่นนี้ด้วยรึ ถึงขั้นใช้อาวุธต่ำช้าโจมตีผู้อื่น”“ฮ่าๆ เกรงว่าทั้งหมดนี้ข้าทำด้วยตัวข้าเอง มิเกี่ยวกับกองทัพ และลูกธนูนั้นข้าตั้งใจมอบให้แก่จวิ้นอ๋องเป็นพิเศษ เพื่อตอบแทนที่ท่านกล้าคิดทำร้ายแคว้นหมิง ทั้งที่พวกเราให้เกียรติท่านเสมอมา!” เกาเจียวหั่วเอ่ยจบก็หมายเข้าไปประชิดตัวมู่หรูซื่อ แต่เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่บุรุษรูปงามคิดแผนหนีเอาตัวรอด ระเบิดควันจากมือสังหารจึงทำงานทันทีแม่ทัพหนุ่มหัวเสียหนัก และรีบสั่งคนให้ออกติดตามอีกฝ่ายเพื่อช่ว