จากนั้นฟ่านรั่วเจี๋ยต้องตะลึงยิ่งกว่าเดิม นางจ้องเขม็งที่ร่างสูงใหญ่ด้วยเขากำลังคลานเล่นเย้าหยอกกับตือเมี่ยว
หญิงสาวยกมือข้างหนึ่งทาบหน้าอกอวบสวยของตน มู่ชิงซานมิได้ใช้เท้าสองข้างเดิน แต่กลับคลานเข่าและตอนนี้กำลังมุ่งหน้าเข้ามาหานางด้วยความเร็ว เรือนผมเขายาวเป็นเส้นเล็กละเอียดสีดำขลับสยายเต็มแผ่นหลังใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มราวกับเด็กทารกไม่รู้ความ
“ทะ...ท่าน หยุดนะ หยุดอยู่ตรงนั้น!” นางออกคำสั่ง มีดเล่มโตที่ถือค้างไว้ในมือข้างหนึ่งยกสูงจนเกือบสุดแขน
เมื่อได้ยินเสียงกราดเกรี้ยว มู่ชิงซานพลันหยุดเคลื่อนไหว เขามองหญิงสาวด้วยความตื่นตระหนก ขอบตาคมกริบแต้มสีแดงระเรื่อ ดูเหมือนกำลังจะมีน้ำตาหยดติ๋งๆ ออกมาด้วย ภาพนี้ช่างพิลึกพิลั่นเหลือเกิน
เมื่อฟ่านรั่วเจี๋ยเห็นดังนั้นจึงอุทานเสียงดัง
“มารดาท่านเถอะ มู่ชิงซาน ท่านถูกผีสิงหรืออย่างไร เล่นเป็นเด็กๆอยู่ได้ อีกทั้งไส้เดือนกับไข่เป็ดคู่นั้นก็กวัดแกว่งไปมา อุจาดตาข้ายิ่งนัก” นางว่าแล้วจึงชี้ให้เขาดูสภาพของตน แต่มู่ชิงซานในยามนี้เหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่นางต่อว่าต่อขาน พลอยทำให้นางต้องตั้งสติใหม่ ก่อนรีบโยนเสื้อผ้าซึ่งแขวนบนราวไม้ไผ่ให้เขาสวมใส่
“แต่งตัวเรียบร้อยเมื่อไร สตรีแซ่ฟ่านจึงจะคิดบัญชีแค้นกับท่าน” กล่าวจบนางจึงหมุนตัวกลับ ทว่าเป็นตอนนั้นที่มู่ชิงซานดิ้นไปมาบนพื้น เขาชี้ให้นางดูไส้เดือนที่ยามนี้มันพองขยายกว่าเดิม และปลายหัวหยักมันวาวของมันโผล่ออกมานอกฝัก!
ภาพดังกล่าวทำให้ฟ่านรั่วเจี๋ยแทบทรุดลงไปนั่งบนพื้น บุรุษผู้นี้มีอารมณ์ใช่หรือไม่ ขาที่สามของเขาจึงได้แข็งขันพร้อมจะสู้ศึก
“เจ้าตัวลามก คนสัปดน!”
นางเอ่ยพร้อมเตรียมเอามีดฟันเข้าศีรษะเขา แต่ต้องหยุดความคิดนั้นไว้เสียก่อนเมื่อมู่ชิงซานเอ่ยออกมาและน้ำเสียงฟังดูคล้ายเด็กชาย
“ปวด...ข้าปวดตรงนี้ เจ็บด้วย”
กระทั่งเขาเอ่ยจบ ภาพที่ประจักษ์ตรงหน้าฟ่านรั่วเจี๋ยคือบุรุษแห่งต้าหลางเอามือกุมเป้าตนเอาไว้ ราวกับได้รับความทรมานเหลือแสน แต่ทั้งที่มือเขาหนาใหญ่ กระนั้นยังปกปิดท่อนเอ็นของเขาไม่มิด ภาพตรงหน้าของนางจึงชวนให้ลำคอแห้งผาก และเหงื่อก็พรมไปทั่วใบหน้าแดงก่ำของนาง
หญิงสาวฉุกคิดอะไรบางอย่างได้จึงวางมีดในมือลง ก่อนเดินเข้าไปหาเขาทีละนิดอย่างระแวดระวังภัย
ชายผู้นี้กำลังใช้มารยาหลอกล่อนางหรือไม่ ทว่าสภาพของเขาและแววตากลับดูเป็นมิตรจนน่าประหลาดใจ
และถึงนางอยากฆ่าเขาด้วยมือของตน เพื่อช่วยให้แผ่นดินแคว้นหมิงสูงขึ้น ทว่าฟ่านรั่วเจี๋ยมิอาจฆ่าผู้ที่มีสติไม่สมประกอบได้
“ปวด มันปวด มดกัดตรงนี้!” มู่ชิงซานเอ่ย สองขายาวๆ ปัดไปมาบนพื้น
ฟ่านรั่วเจี๋ยทำใจดีสู้หมาป่า มู่ชิงซานในยามนี้ดูไม่เหมือนชายที่นางพบเห็นก่อนหน้า นางยอมรับว่าใจอ่อนยวบเมื่อเห็นสีหน้าเขาและท่าทางที่เหมือนเด็กน้อยนั่น
“ท่านไม่ได้เป็นอะไร คงอั้นเบาไว้นาน ค่อยๆ ปล่อย...มันออกมา”นางว่าและทำปากจู๋ ก่อนทำเสียงน่ารักราวกับสอนเด็กชายปัสสาวะ
“ฉี่นะ เอ้าฉี่ ปล่อยเลย เข้าใจที่ข้าบอกหรือไม่ เจ้าผ่อนมันออกมาช้าๆให้น้ำอุ่นๆ ไหลออกจากเจ้าไส้เดือนนั่น!”
อึดใจต่อมา ดวงตาคมกริบคู่นั้นก็มองฟ่านรั่วเจี๋ย มองด้วยความสำนึกคุณ และเขาเห็นว่านางงดงามมีเมตตาสูงส่ง!
ฟ่านรั่วเจี๋ยจำต้องหันหน้าหนีจากร่างกายกำยำซึ่งมีกล้ามแกร่งของมู่ชิงซาน นางยอมรับอย่างหน้าไม่อายว่าสายตาที่มีกระแสอ่อนโยนของเขาซึ่งเจือด้วยประกายสดใสทำให้นางคลั่งไคล้ แน่ล่ะ ถึงจะเคยใกล้ชิดบุรุษอยู่บ้าง แต่บุรุษซึ่งเปลือยกายล่อนจ้อนและยังรูปงามมากเช่นมู่ชิงซาน หญิงสาวเพิ่งเคยประสบ
ยามนี้นางแทบอยากเอาเท้าก่ายหน้าผาก ในระหว่างที่หมุนตัวหลบเพื่อให้เขาได้ถ่ายเบาอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ นางคาดว่าเขาต้องได้รับพิษบางอย่าง ทว่าใครเป็นคนใช้พิษเช่นนี้ ด้วยมันเป็นตำรับยาลับที่นางได้พบในบันทึกของมารดา!
สมุนไพรซึ่งสามารถทำให้คนสติเลอะเลือนไปชั่วขณะ แต่พิษดังกล่าวหากคนใช้ไม่เชี่ยวชาญก็อาจทำให้คนได้รับพิษถึงแก่ความตาย!
ฟ่านรั่วเจี๋ยขบคิดจนหัวแทบระเบิด ยามนี้ศัตรูอยู่ใกล้ตัวนางเหลือเกินและฝ่ายนั้นจ้องยืมมือนางฆ่าคน นั่นย่อมหมายความว่านางอาจถูกโยนให้รับความผิดได้ในภายหลัง
เมื่อเขาทำธุระเรียบร้อย นางจึงหันหน้าไปมองมู่ชิงซาน ที่เขาเป็นเช่นนี้คงเพราะยาพิษที่ได้รับประกอบกับศีรษะกระทบกระเทือนเป็นอันมากความคิดความอ่านจึงย้อนกลับไปอยู่ในวัยเด็ก ผิดแต่ร่างกายเขาที่สูงใหญ่และบึกบึน ทำให้นางมิอาจทนดูเขาล่อนจ้อนได้ ด้วยมันชวนให้หวามใจโดยเฉพาะไส้เดือนที่เมื่อพองตัวอวบๆ ฟ่านรั่วเจี๋ยก็นึกอยากตัดมันทิ้งเสียโทษฐานที่มันทำให้นางมือไม้สั่นและแข้งขาอ่อนแรง ซึ่งความเป็นชายของเขาช่างใหญ่โตเร่าร้อนเหลือเกิน
“ทะ ท่าน เอ่อ…คุณชายมู่” ฟ่านรั่วเจี๋ยเรียกเขา ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้างตอบรับ ดูเหมือนเขาชอบทำเช่นนี้ และนางก็หลงใหลจนหัวใจกระตุกไหว แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยยังมีสติ นางเลยดึงตัวเองกลับมาได้ทัน
“หิว!” เขาตอบกลับเสียงทุ้มกังวาน
“มันเป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องดูแลท่านหรือ อีกอย่างไปอาบน้ำเสียเถอะเนื้อตัวมอมแมมเหลือเกิน”
“ข้าหิว!” เขาร้องอีกหน
“นางงูพิษ!” ฟ่านเยี่ยฉีจ้องบ่าวชั้นต่ำเขม็ง ก่อนหน้านี้พยายามซื้อตัวจางฉีให้มาเป็นพวกเดียวกัน และคิดว่ากระทำได้สำเร็จ สุดท้ายกลับไม่เป็นไปอย่างที่หวังจางฉียิ้มเยาะอีกฝ่าย ตอบว่า “องค์หญิงใหญ่ อ่อ...ไม่ใช่สิ ตอนนี้ท่านคงเป็นได้แค่กบฏไร้แผ่นดิน เมื่อก่อนข้าเป็นคนอับจนปัญญาอยู่มาก จึงกระทำความผิดต่อฮูหยินในค่ายทหารแคว้นหมิง ด้วยปล่อยให้คนของท่านที่ปลอมเป็นสิบสองเผ่าคนเถื่อนมาจับนางไป ตัวข้าสำนึกผิดในสิ่งที่ทำจนอยากฆ่าตัวตาย แต่ชินอ๋องให้โอกาสข้าแก้ตัวใหม่ ข้าจึงบอกกับตนเองว่าชาตินี้จะจงรักภักดีต่อฮูหยินและชินอ๋อง แม้ตายไปกลายเป็นผีก็จะอยู่รับใช้” ฟ่านเยี่ยฉีถลึงตาใส่จางฉี ก่อนกล่าวด้วยเสียงแหลมสูง“หึๆ หากรั่วเจี๋ยรู้ว่าเจ้าเคยวางยานางในกระโจมที่ค่ายทหาร ฮูหยินที่แสนดียังจะปล่อยให้นกสองหัวเช่นเจ้ามีชีวิตรอดอีกรึ”“ขะ...ข้าย่อมไม่ต้องการให้ฮูหยินยกโทษให้ เพียงแต่ข้าจะไม่ยอมทำผิดเป็นหนที่สอง ข้าอยากเป็นคนดี ไม่เหมือนเจ้าที่จิตใจสกปรก แม้แต่คนในสายเลือดเดียวกันยังคิดฆ่าให้ตาย” จางฉีเอ่ยแล้วนางก็โล่งใจ เรื่องทั้งหมดนางไม่เคยบอกฟ่านรั่วเจี๋ย แม้กระทั่งจางหมิ่นว่านางคือคนที่วางยาในกระโจมจนทำ
“ฮิๆ มีแต่พวกอ่อนด้อยและปวกเปียกราวกับเด็กน้อย”สิ่งที่หญิงหลังค่อมกล่าวย่อมไม่ผิด ก่อนหน้านี้นางได้วางยาพวกเขาในอาหาร ด้วยการหลอกใช้จางฉี ดังนั้นเมื่อองครักษ์ใช้กำลังภายใน พวกเขาจึงถูกพิษแทรกซึมเข้าสู่ร่างไม่ต่างจากจางหมิ่น“ตายเสียให้หมดทุกคน ชาวต้าหลางหน้าโง่!”หมอตำแยเผยธาตุแท้ให้เห็น นางกลายเป็นคนร้ายเต็มตัว และยังแสยะยิ้มน่าเกลียดอวดผู้อื่นฟ่านรั่วเจี๋ยแข็งใจฮึดสู้ รวบรวมแรงของตน นางล้วงเข้าไปในสาบเสื้อได้ยาลูกกลอนเม็ดสีเข้มมีกลิ่นรุนแรงคล้ายซากศพ ก่อนส่งให้จางหมิ่นเอาใส่ปาก จากนั้นจึงหยิบเข็มเงินของตนเล่มหนึ่งที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลาปักเข้าบริเวณหลังใบหูจางหมิ่น“ฮูหยิน ห่วงตัวท่านเถิด บ่าวไม่เป็นอะไร” จางหมิ่นเอ่ยจบนางก็ไอติดๆ กัน ก่อนมีเลือดพิษสีดำข้นคลั่กถูกขับออกมาจากทางปากกองใหญ่“จางหมิ่น ข้าหาใช่คนเห็นแก่ตัว เจ้ากำลังจะสิ้นใจตรงหน้าข้าเช่นนี้จะเพิกเฉยได้หรือ” นางเอ่ยจบ จึงขยับตัวเพื่อหลบภัยหากเกิดการปะทะรุนแรงหยวนซางก้าวมาพร้อมองค์รักษ์ที่เหลือ เขาตั้งใจจับหญิงหลังค่อมซึ่งกลายเป็นนางมารร้ายแต่แรกหยวนซางสงสัยอีกฝ่าย ทว่าเขาไม่ได้มีทางเลือกอื่น จึงยอมให้นางแฝงตัวเข้ามาอย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จางหมิ่นหาได้มีอาการตระหนก นางเคยช่วยมารดาคลอดน้องชายและน้องสาว รวมถึงยามติดตามกองทัพมักเกิดเหตุไม่คาดฝัน พบเจอสตรีที่คลอดบุตรหรือวัวคลอดลูกจนเกือบต้องเสียชีวิตทั้งแม่และลูกก็หลายหน ดังนั้นเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้นางนิ่ง จึงช่วยให้ฟ่านรั่วเจี๋ยสบายใจ ไม่ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ“ฮูหยิน ข้าอยู่ตรงนี้ ท่านอย่าได้เป็นกังวล”จางหมิ่นเอ่ยจบก็ส่งสัญญาณให้จางฉีและหมอตำแย ในขณะที่หมอตำแยได้ยินเช่นนั้น นางกุลีกุจอเข้ามาใกล้ๆ ฟ่านรั่วเจี๋ย เป็นคนท้องที่ต้องกลั้นหายใจเมื่อได้กลิ่นฉุนจัดจากร่างกายอีกฝ่าย กลิ่นดังกล่าวสร้างความกดดันแก่ฟ่านรั่วเจี๋ยจนมีอาการคล้ายจะวูบหลับและหมดสติ“เหตุใดแม่หมอท่านนี้ถึงมีกลิ่นประหลาดจนข้ารู้สึกหายใจไม่สะดวก”หมอตำแยเงยหน้ามองฟ่านรั่วเจี๋ย ดวงตานางบัดนี้ฉายความเย็นเยียบชัดแจ้ง และกล่าวเสียงติดๆ ขัดๆ จนคนฟังรู้สึกรำคาญ“ขะ...ข้าพะ...พกยาสมุนพะ...ไพรตำรับของต้นตระกูลมาด้วย ทะ...ท่านไม่ต้องหะ...ห่วง มันจะช่วยให้ท่านคลอดดะ...ได้ง่าย โปรดวางใจ”“แต่ข้ารู้สึกปวดศีรษะ” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยเสียงห้วนกระด้างพร้อมบีบมือจางหมิ่น แรงบีบของนางส่งผลให้จางหมิ่นเจ็บจนใบ
กระทั่งช่วงหัวค่ำ หมอตำแยกับจางฉียังไม่กลับมา เป็นยามนั้นที่ฟ่านรั่วเจี๋ยอดทนไม่ไหว นางหวีดเสียงดังลั่นและเหงื่อแตกท่วมร่างหยวนซางเดินวนไปมารอบๆ ปากถ้ำ เขาส่งคนออกไปตามหมอตำแยและจางฉี ซึ่งสิ่งที่ทราบในเวลาต่อมาทำให้เขาตกใจ“พอท่านป้าเข้าไปในบ้านหลังนั้นก็มีควันขึ้น และเสียงดังเหมือน...เอ่อ ปืนใหญ่”“ระเบิดเยี่ยงนั้นรึ” หยวนซางไม่คาดคิดว่าหมอตำแยจะมีศัตรูที่ไหน“ใช่แล้วกุนซือหยวนซาง” จางฉีเอ่ยจบสีหน้านางก็ซีดสลด นางคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องน่ากลัว ตอนแรกยืนพูดคุยกับหลานของหมอตำแยที่เป็นหนุ่มน้อย พอเกิดเหตุร้ายขึ้นเหล่าองครักษ์ก็ได้สั่งให้นางระวังตัว“ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นที่แม่น้ำมีสาวๆ มาซักผ้า บ้างก็ตักน้ำกลับบ้าน ข้าสงสัยอยู่หรอก แต่ไม่ได้สังเกตสิ่งใดเป็นพิเศษ ส่วนองครักษ์ที่ตามไป พวกเขาช่วยสาวชาวบ้านขนน้ำและพูดคุยกันตามประสาคนหนุ่มคนสาว”“เรื่องนี้มีเงื่อนงำน่าสงสัย อย่างไรเราต้องระวังตัว” หยวนซางกล่าวเสียงขรึมจากนั้นหยวนซางจึงฟังรายงานจากองครักษ์ซึ่งเข้าไปตรวจสอบระเบิดและพบว่าหมอตำแยเสียชีวิตพร้อมสามีของนาง กระนั้นยังโชคดีที่หมู่บ้านนี้มีหมอตำแยอีกคนที่เพิ่งเดินทาง
มิได้เป็นเพียงมารดาฟ่านรั่วเจี๋ยไม่อยากให้คนในหมู่บ้านเล็กๆ ที่นางมาอาศัยต้องรับเคราะห์กรรมไปกับนาง หากคนที่ปองร้ายรู้ว่านางหลบอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้อาจมีผู้บริสุทธิ์ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นนางจึงแข็งใจหลบไปอยู่หุบเขาที่มีชื่อว่าเผิงกวน ซึ่งด้านในมีถ้ำลึกและกว้าง อากาศก็ปลอดโปร่งเย็นสบายหุบเขาเผิงกวนอยู่ห่างออกไปราวๆ ห้าลี้ โดยจางหมิ่นพบสถานที่แห่งนี้ในตอนที่นางออกตามหาตือเมี่ยว ถึงแม้ถ้ำที่หุบเขาจะไม่สะดวกสบายเช่นจวนชินอ๋อง แต่ก็เป็นสถานที่ซึ่งนับว่าปลอดภัยมาก อีกอย่างด้านนอกเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกและลำธารใส พร้อมบ่อน้ำพุร้อนอยู่เหนือขึ้นไปเมื่อฟ่านรั่วเจี๋ยคิดอย่างถ้วนถี่ นางคาดว่าสามารถคลอดลูกที่นี่ได้ จวบจนร่างกายแข็งแรงจึงจะออกเดินทางไปยังเมืองฝูหนานตามที่มู่ชิงซานวางแผนไว้“พบอาเมี่ยวหรือไม่” ฟ่านรั่วเจี๋ยถามหยวนซาง แต่เขายังไม่มีความคืบหน้าอะไร จึงเพียงแต่ยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับมา“กุนซือหยวนซางไม่ต้องกังวล อาเมี่ยวเป็นหมูที่ฉลาด คงพลัดหลงไปไม่ไกล อย่างไรข้าฝากให้ตามหามันด้วย แต่ทั้งหมดนี้คงขึ้นอยู่กับฟ้าดิน หากได้พบกันอีกย่อมนับว่ายังมีวาสนาต่อกัน”“อาซ้อ…เชื่อข้าเถิ
“หรูซื่อ ดูเหมือนว่าวันนี้คนที่ต้องคุกเข่าให้แก่เด็กน้อยเช่นข้าย่อมต้องเป็นเจ้า”เมื่อเอ่ยจบ ทหารของเกาเจียวหั่วจึงกระจายกำลังโอบล้อมคนของมู่หรูซื่อ“ถ้ายังอยากมีศีรษะอยู่บนหัว จงปล่อยหมิงอ๋องเสีย” แม่ทัพเกาแจ้งความประสงค์“อยากได้ตัวเขาก็จงก้าวเข้ามา อย่ามัวแต่ร้องเสียงดังน่ารำคาญ”“จวิ้นอ๋อง ท่านรู้หรือไม่ ลูกดอกที่ข้ายิงออกไปเมื่อครู่มันอาบยาพิษและยาพิษนั้นเป็นสิ่งสกปรกอยู่สักหน่อย”ได้ยินเช่นนั้นมู่หรูซื่อจึงครั่นคร้ามใจ เขาไม่คิดว่าตนจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ถูกลอบกัดยังไม่พอ เกาเจียวหั่วยังกล้าข่มขู่เขาด้วยความประสงค์ร้าย“แคว้นหมิงมีแม่ทัพขี้ขลาดเช่นนี้ด้วยรึ ถึงขั้นใช้อาวุธต่ำช้าโจมตีผู้อื่น”“ฮ่าๆ เกรงว่าทั้งหมดนี้ข้าทำด้วยตัวข้าเอง มิเกี่ยวกับกองทัพ และลูกธนูนั้นข้าตั้งใจมอบให้แก่จวิ้นอ๋องเป็นพิเศษ เพื่อตอบแทนที่ท่านกล้าคิดทำร้ายแคว้นหมิง ทั้งที่พวกเราให้เกียรติท่านเสมอมา!” เกาเจียวหั่วเอ่ยจบก็หมายเข้าไปประชิดตัวมู่หรูซื่อ แต่เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่บุรุษรูปงามคิดแผนหนีเอาตัวรอด ระเบิดควันจากมือสังหารจึงทำงานทันทีแม่ทัพหนุ่มหัวเสียหนัก และรีบสั่งคนให้ออกติดตามอีกฝ่ายเพื่อช่ว