Share

ตอนที่ 10 ตามหา

last update Last Updated: 2025-01-06 07:00:21

ภพสวรรค์

เทียนจวินและเทพอาวุโสถูกพลังมารกำบังตาชั่วขณะหนึ่งจึงไม่ทันสังเกตว่าจอมมารเล่นแร่แปรธาตุหลบหนีตามสังหารคนของตัวเอง

ร่างมารของกงจื่อเย่ที่อยู่บนแดนมนุษย์ดูดกลืนพลังชีวิตผู้คนเป็นอาหารทำให้พลังความชั่วร้ายของเขาในร่างมารบนสวรรค์เพิ่มขึ้นด้วย

แท่นเสาศักดิ์สิทธิ์ที่ผูกมัดเขาเอาไว้ ถูกกงจื่อเย่สั่นสะเทือนเล็กน้อยให้อีกฝ่ายตกใจเล่น ในใจมองว่าพลังเทพเซียนเหล่านั้นช่างเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด

เขาสั่งการหลิวอิงอิงค้นหาคำตอบว่าเทพสงครามเล่นกลอันใดกับตัวเขาก่อนที่ร่างจะสลาย พลางจ้องหน้าเทพวายุด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ดวงตาสีฟ้า เรือนผมสีขาว เหมือนกันมากทีเดียว” กงจื่อเย่หัวเราะลั่น แม้จะยังไม่เคยพบหน้าเทพดาราตัวจริงมาก่อน แต่ภาพที่เห็นจากรายงานของโจวเหวินหลงก็ทำให้เข้าใจอย่างหนึ่ง 

ไม่ว่านางจะลงมาเกิดเป็นผู้ใด หากแต่รูปลักษณ์ของนางไม่เคยเปลี่ยน

จอมมารอยากโอ้อวดผู้เป็นพี่ชายของนางแทบใจจะขาดว่าเขาเข้าใกล้น้องสาวสุดที่รักของอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่กลับต้องอดใจไว้เพราะถ้าเทพสวรรค์รู้ตัวคงแห่กันลงไปในแดนมนุษย์เป็นแน่

ร่างมารในแดนมนุษย์ดูดกลืนพลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแข็งแกร่ง เวลานี้เขาเพียงแค่รอจังหวะที่เหมาะสม สังหารปรปักษ์ตนเองได้เมื่อได้ก็ไม่ต้องแสร้งเล่นละครอ่อนแอ ค่อยทำลายแท่นเสาศักดิ์สิทธิ์แล้วกำราบสรรพสิ่งบนภพสวรรค์

สวีต้าเฟิงยังคงมองไม่ออกว่าจอมมารมีแผนอันใดเพราะม่านศักดิ์สิทธิ์คุ้มกันต้นไม้แห่งโชคชะตายังคงอยู่ และหลิวอิงอิงก็รามือไปโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย 

ดวงตาสีฟ้าจ้องมองดวงตาสีม่วงแดงของคนตรงหน้าราวกับต้องการค้นหาสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาแต่กลับได้เห็นแค่รอยยิ้มยียวนกวนประสาท

แม้จะมีท่าทีทรมานเพราะพลังเทพกดทับ หากแต่กงจื่อเย่ยังมีหน้ามาถามสวีต้าเฟิงว่า “เล่าเรื่องน้องสาวของเจ้าให้ข้าฟังได้หรือไม่”

“...” เทพวายุเลิกคิ้วไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน

“เหตุใดนางจึงสามารถสังหารข้าได้” เขาไม่ยอมแพ้ พ่นคำถามอีกชุดใหญ่ 

“...” สวีต้าเฟิงไม่จำเป็นต้องบอกความลับสวรรค์ให้จอมมารล่วงรู้เพื่อความปลอดภัยของน้องสาวยามลืมสิ้นทุกความทรงจำและพลังเทพ

“เหตุใดเทพสวรรค์จึงไร้มารยาทเช่นนี้ เพราะข้าเป็นมาร พวกเจ้าจึงไม่อยากเสวนาด้วยอย่างนั้นหรือ” ดวงตาสีม่วงแดงจ้องเทพวายุไม่ลดละ

“...” ทุกคนต่างเงียบใจจดจ่อกับการต้านทานพลังมารปีศาจที่กงจื่อเย่แผ่ออกมาไม่หยุดหย่อน

“มารดามันเถอะ” เขาสบถพลางแสยะยิ้ม คันปากอยากเล่าสิ่งที่ตนเองเพิ่งพบเจอแทบทนไม่ไหวจึงปรายหางตามองรอบตัวหาที่ระบาย

สายตาหยุดลงตรงเซียนน้อยผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เสื้อผ้าอาภรณ์ที่นางสวมใส่ดูแล้วคล้ายอยู่ในตำหนักเทพดาราก็ไม่ปาน กงจื่อเย่ง้างมือออก หากแต่ลำคอของนางกลับมีไอสีดำล้อมรอบ

เมื่อเขายกมือสูงขึ้น ร่างเซียนน้อยก็ลอยจากพื้นด้วยเช่นกัน

“ข้าอยากฟังเรื่องของเทพดารา จะบอกข้าสักนิดได้หรือไม่” น้ำเสียงราวขอร้องอ้อนวอนแต่การกระทำตรงกันข้าม แรงบีบรัดจำนวนมหาศาลทำให้นางหน้าถอดสี

สวีต้าเฟิงปากระบี่ประจำกายลอยลิ่วเพื่อช่วยเหลือนางแต่กลับถูกพลังของหลิวอิงอิงสะบัดหนี นางยิ้มให้คู่ปรับด้วยความเจ้าเล่ห์ก่อนจะตวัดแส้มาทางเขาพร้อมเข้าสู้รบตบมืออีกครั้ง

จอมมารไม่สนใจสิ่งอื่นใดมองเพียงแค่เซียนน้อยตรงหน้าที่กำลังจะแหลกสลายคามือ เจ็บปวดถึงเพียงนั้นนางกลับไม่ปริปากพูดเรื่องของเทพดาราสักคำ

ความอดทนของเขามีขีดจำกัด ยิ่งทุกคนตั้งใจเมินเฉยคำถามของเขาก็ยิ่งต้องหาที่ระบายก่อนจะอดทนแสดงละครต่อไปไม่ไหว

การเชือดเฉือนสังหารให้เหล่าเทพเซียนที่อยู่ตรงนั้นเห็นความสามารถของเขาจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พอจะทำได้

“ให้โอกาสพูดแล้วไม่พูด เช่นนั้นจงดับสูญไปเสีย” จอมมารแสยะยิ้มกำมือจนสุดแรงบีบร่างเซียนลึกร้าวถึงแก่นวิญญาณจนกลายเป็นเถ้าธุลี

ไร้ซึ่งแก่นวิญญาณ เซียนน้อยผู้นั้นไม่อาจฟื้นกลับคืนได้อีกต่อไป

อารมณ์คุกรุ่นยังคงไม่จางหาย เขาเลือกเหยื่อที่แสนอ่อนแอจากภพสวรรค์อีกหลายสิบในเวลาเดียวกัน ทำเช่นเดิมอย่างที่เคยทำกับเซียนน้อยเมื่อครู่

“ตอบคำถามข้า” จอมมารขู่พวกเขาให้หวาดกลัว “ชีวิตพวกเจ้า เลือกเอาเถิด” เขาทิ้งท้ายไว้เท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครเอ่ยตอบสิ่งที่เขาอยากรู้แม้แต่คนเดียว

จังหวะที่เขากำลังทำลายแก่นวิญญาณเซียน ห่าธนูจากคันศรเทพร่วงโรยลงมายังเบื้องล่าง บาดร่างมารของกงจื่อเย่จนได้เลือด ปวดแสบปวดร้อนไปทั่วร่างจนปล่อยเซียนตัวน้อยพวกนั้นหลุดมือไป

กงจื่อเย่หันขวับไปมองคนที่มาใหม่ เทพปฐพีห่าวอู๋ง้างคันศรรออยู่อีกฟากหนึ่ง สบตากันเพียงครู่แล้วปล่อยลูกศรยิงยาวข้ามกองทัพสวรรค์เสียดทะลุอกจอมมารทันที

“ลอบกัดเก่งเสียจริง” แววตาเดือดดาลปรากฏพร้อมพลังมารพลางคิดในใจว่า เห็นทีจะทนเล่นละครต่อไปไม่ได้แล้ว

จอมมารหงายฝ่ามือหลอมรวมพลังเปิดประตูข้ามแดนเรียกขุนพลมืดจากภพมาร กลิ่นอายปีศาจกระจายไปทั่วบริเวณ ทั้งเหม็นเน่า เยือกเย็น และชั่วร้าย

กองทัพเงาสีดำเคลื่อนขบวนตามคำสั่งเจ้านายไปทางเทพปฐพีซึ่งเป็นผู้นำกองทัพสวรรค์คนใหม่

ฝ่ายนั้นเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวและบรรยากาศดุเดือดของกงจื่อเย่แล้วยิ้มมุมปาก พลางหันไปมองเทพสายฟ้าหมิงเซียน “ระวังตัวด้วยเล่า มารน้อยนั่นฝีมือไม่เบา”

“ข้ารู้แล้วน่า” หมิงเซียนกำกระบี่สายฟ้าไว้ในมือ สั่งกองทัพสวรรค์แปรขบวนต้านทานขุนพลมืดล่อพวกมันไปอีกทางหนึ่งให้ไกลเพื่อที่จอมมารจะไม่สามารถควบคุมได้ดังใจ

เสียงตะโกนของห่าวอู๋ดังขึ้นท่ามกลางความโกลาหล “เทียนจวิน ผู้อาวุโส พวกท่านอย่าเพิ่งหมดแรงไปเสียก่อนเล่า” 

อาวุธเทพบรรพกาลอยู่ในมือของเขา ห่าวอู๋ชูหอกสามง่ามขึ้นเหนือหัวแล้วฟาดลงมาเป็นทางยาว เสียงดังเปรี๊ยะลั่นเลื่อนจากตรงที่เขาอยู่ระเบิดตามทางจนมาถึงแท่นเสาศักดิ์สิทธิ์ที่ผนึกจอมมารเอาไว้อย่างจัง

ร่างมารของกงจื่อเย่กระเด็นห่างไปสิบจั้ง แรงโจมตีเฉือนแขนข้างซ้ายจนหลุดห้อย 

“เฮอะ” จอมมารไม่คาดคิดว่าอาวุธเทพเล่มนี้จะทะลวงเกราะกำบังของเขาได้ 

ทว่า ผู้อาวุโสกลับโวยวายห่าวอู๋ทันทีที่เห็นแท่นเสาศักดิ์สิทธิ์แตกละเอียด “เจ้าทำอันใดลงไป!!!”

“กำจัดจอมมารอย่างไรเล่า” เจ้าตัวเลิกคิ้วตอบ ไม่แยแสสิ่งใด นิสัยกวนประสาทยียวนผู้อาวุโสยังคงเหมือนเดิม ถ้าไม่ติดที่พี่ชายเป็นเทียนจวินคงถูกเตะลงมาจากสวรรค์นานแล้ว

หากไม่ใช่เพราะว่าภพสวรรค์ถูกรุกราน ป่านนี้แล้วเทพเลือดร้อนชวนหาเรื่องจะยังคงถูกกักบริเวณอยู่ในเกาะเซียนอีกนับพันปี

“นี่ พวกท่านคงไม่ได้คิดว่าเสาเปราะบางนี่จะผนึกเจ้านั่นได้ใช่หรือไม่” ห่าวอู๋ทำสีหน้าไม่เชื่อตาตัวเองล้อเลียนผู้อาวุโสที่ส่งเขาไปลงเกาะ

“ห่าวอู๋!!!” เสียงเข้มเตือนให้น้องชายเพลา ๆ นิสัยเช่นนั้น อย่างไรเสียภพสวรรค์ก็อยู่ในสงคราม แม้ห่าวอู๋จะไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด ทั้งยังบ้าระห่ำคิดสะบั้นศัตรูแหลกหลาญ แต่จอมมารผู้นี้ก็ไม่ธรรมดา

แม้เทพปฐพีจะเป็นหนึ่งในสิบเทพสวรรค์ที่มีพละกำลังเหนือชั้นแต่ก็ไม่อาจประมาทได้

กงจื่อเย่มองศัตรูผู้มาใหม่ตาขวางเพราะประเมินกำลังพลาดไป ก่อนจะร่ายพลังมารรักษาร่างที่ฉีกขาดของตนเองแล้วเรียกดาบเขี้ยวอสูรกลับมา 

“เทียนจวิน อย่าเพิ่งดุข้านักเลย ดูสิ มารเด็กน้อยนั่นฟื้นแล้ว” ห่าวอู๋อายุมากกว่าจอมมารหลายพันปี ย่อมมองว่าคนตรงหน้าเหมือนเด็กแรกเกิด ไม่เก็บมาใส่ใจด้วยซ้ำ

“เฮอะ มารเด็กน้อยอย่างนั้นหรือ” จอมมารเบื่อหน่ายเต็มทนที่มีใครมาเรียกเขาเช่นนั้นจึงกัดฟันกรอด เลือดขึ้นหน้าเล็งปลายดาบเขี้ยวอสูรไปทางห่าวอู๋ “ชังน้ำหน้ายิ่งนัก”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 87 มารเร้นกายเคียงแสงดารา (ตอนจบ)

    จอมมารพาสวีลู่ชิงกลับมายังดินแดนสุญญตาที่เวลานี้แปรเปลี่ยนกลายเป็นบ้านของเราอย่างที่เขาพูด ที่รกร้างกว้างใหญ่แต่เดิมไม่มีอะไรอยู่ข้างในนั้นเลย กลับมาครั้งนี้สวีลู่ชิงได้เห็นว่าเรือนไม้หลังใหญ่สองชั้นลอยโดดเด่นอยู่ใจกลาง ดอกจื่อเถิงสีม่วงขาวเลื้อยประดับห้อยระย้าสวยงามยิ่งนักพื้นน้ำโดยรอบสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าระยิบระยับ และหากท้องฟ้าสดใสถูกแทนที่ด้วยจันทรา ผืนฟ้าก็จะเต็มไปด้วยละอองดาวกงจื่อเย่เนรมิตสรรพสิ่งขึ้นมาเพื่อรอต้อนรับนางกลับมายังที่ที่เป็นบ้านของเราดินแดนตรงกลางระหว่างภพมารกับภพสวรรค์ บ้านที่พวกเขาจะได้อยู่ร่วมกันชั่วนิรันดร์“อีนั่ว ข้าฝากให้เจ้าดูแลไข่ใบนั้นให้ดี ยังจำได้หรือไม่” จอมมารถามบุตรชายเพราะเห็นเขามักจะพาลี่เซียนเที่ยวเล่นกับเทพ

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 86 สายใยรักประสาน

    นับตั้งแต่การจากไปของบุตรสาวสวีลู่ชิงตกอยู่ในความเศร้าสร้อย ความรู้สึกของนางในเวลานี้เหมือนกระตุ้นความทรงจำบางอย่างที่หลงลืมไปแล้ว สัมผัสได้เพียงว่าครั้งหนึ่งนางคงเคยสูญเสียลูกไปในช่วงเวลานี้กงจื่อเย่คอยอยู่เคียงข้างและดูแลนางไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ทำหน้าที่สามีเป็นอย่างดีเพื่อให้นางข้ามผ่านความเจ็บปวดครั้งนี้ไปให้ได้หญิงสาวเอนศีรษะพิงไหล่กว้างของคนข้างกาย เอ่ยพึมพำว่า “ลูกสาวของเราคงจะสุขสบายดีอยู่ที่ไหนสักแห่งใช่หรือไม่”สามีของนางจึงตอบอย่างมั่นใจ “อืม ลูกสาวของเรากำลังเล่นสนุกสนานกับเพื่อนใหม่ของนาง ไม่มีเรื่องใดให้เจ้าต้องกังวลเลยลู่ชิง”รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว “เจ้าช่างสรรหาคำปลอบใจได้แปลกยิ่งนัก ลี่เซียนกำลังเล่น

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 85 เคราะห์หนัก

    เก้าเดือนต่อมาเด็กครึ่งมารคนที่สองได้ฤกษ์ถือกำเนิด เด็กหญิงตัวน้อยมีดวงตาสีม่วงแดงเหมือนบิดา เรือนผมสีขาวคล้ายมารดา หน้าตาน่ารักน่าชังยิ่งนักสวีลู่ชิงมองหน้าลูกสาวพลางนึกถึงอีนั่วจึงเอ่ยปากบอกสามีที่นั่งอยู่ข้างกัน “เจ้าเคยอยากรู้ว่าลูกสาวของเราจะหน้าตาเหมือนผู้ใดใช่หรือไม่”“อืม” กงจื่อเย่ยิ้มกว้าง“นางหน้าตาเหมือนเจ้าไม่มีผิด” สวีลู่ชิงไล้แก้มเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูทันใดนั้นจึงได้ยินเสียงคุ้นเคยร้องเรียกนางจากหน้าบ้าน สวีลู่ชิงเดินไปดูลาดเลาจึงได้เห็นคนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจออีกครั้ง“ท่านแม่” อีนั่ววิ่งเข้ามากอดนางด้วยความคิดถึงเพราะถูกกักบริเวณจึง

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 84 คำนับฟ้าดิน

    สามเดือนต่อมาระหว่างที่สวีลู่ชิงกำลังเก็บผักกาดอยู่ในสวนข้างบ้าน นางได้ยินเสียงกุบกับดังมาแต่ไกลผิดวิสัยการเดินทางของคนในหมู่บ้านแห่งนี้จึงรีบออกมาดูใบหน้าของใครบางคนทำให้นางดีใจยิ่งนัก รีบตะโกนบอกใต้เท้าสวีและฮูหยินที่พักผ่อนอยู่ข้างในได้รู้ว่า “ท่านพี่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”ทุกคนออกมายืนรอรับคุณชายสวีหน้าบ้าน ส่วนกงจื่อเย่เดินมากอดเอวคุณหนูเอาไว้เหมือนอย่างเคยครั้นได้เห็นบุตรชายคนโตใกล้ ๆ ใต้เท้าสวีและฮูหยินจึงได้เห็นว่าร่างกายของเขามีแต่รอยแผลเต็มไปหมด เลือดสีแดงแห้งติดเกราะและเสื้อผ้าทว่า คุณชายสวีไม่ได้กังวลเรื่องนั้นแม้แต่น้อย “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลู่ชิง” เขาเอ่ยเรียกทั้งสามคนสีหน้าระรื่น “ข้าล้างมลทินให้สกุลสวีได้สำเร็จแล้วขอรับ”

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 83 บิดาเจ้าน่ากลัวยิ่งนัก

    แม้จอมมารจะคิดหลายอย่างอยู่ในหัวแต่เวลานี้ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีนักเพราะเขาต้องใช้โอกาสนี้พาสวีลู่ชิงหนีจากหอเยว่ส่างก่อนที่จะถูกใครจับได้ใครหลายคนคงคิดว่าพวกเขาใช้เวลาอยู่ร่วมกันทั้งคืน กว่าจะรู้ตัวว่านักโทษกบฏแอบหนีออกไปกับแขกที่ไม่เห็นหน้าค่าตาก็คงทิ้งห่างจากพวกเขาไปหลายชั่วยามแล้ว“หนีอย่างนั้นหรือ” นางเอ่ยถามให้แน่ใจ ความกังวลถาโถมเข้ามาไม่หยุดเพราะเกรงว่าทุกคนจะมีอันตรายไปด้วย“เชื่อใจข้าหรือไม่” กงจื่อเย่ถามแต่เพียงเท่านั้น แววตาของเขาจริงจังเสียจนนางไม่นึกสงสัยอันใดอีกจึงกุมมือเขาไว้แน่นแล้วหนีไปด้านหลังด้วยกันทาสหนุ่มฝืนตัวเองเร่งรีบไปให้ถึงจุดที่เขาผูกม้าเอาไว้ ขาข้างที่เคยบาดเจ็บสร้างความทรมานให้เขาอย่างยิ่งแม้จะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 82 ขัดขวางเนื้อคู่

    สองเดือนต่อมาอีนั่วมาหาสวีลู่ชิงอย่างเช่นเคย ก่อนเข้าไปยังห้องรับรองก็นั่งดูหลิวอิงอิงดีดพิณ ขับร้องเพลงเสียงก้องกังวานด้วยความรื่นเริงใจจนกระทั่งมองเห็นบุรุษผู้หนึ่งในคำทำนายโชคชะตาของมารดาเจ้าตัวตะลึงงันไม่คิดว่ามนุษย์อย่างเขาจะดูมีรัศมีเหมือนเทพสวรรค์ พลันกวาดตามองรอบตัวต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้เห็นรอยยิ้มเยือกเย็นจากเทพชั้นสูง ผู้มีดวงตาสีฟ้า ผมขาวเหมือนผู้เป็นมารดาหากแต่อีนั่วยังทำใจดีสู้เสือคิดว่านั่นคือบิดาที่แปลงกายมาจึงยิ้มตอบกลับไปทักทายเทพวายุหายตัววับมาอยู่ข้างเขาในทันทีจนสมุนปีศาจแข็งทื่อเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าคือสวีต้าเฟิงตัวจริง หลิวอิงอิงที่นั่งอยู่ตรงกลางลานแสดงถึงกับดีดเพลงพิณเพี้ยนไปสองจังหวะคิดจะหนีหายเอาตัวรอดก่อนผู้ใดแต่ถูกแส้บ่วงของเทพวายุตวัดรัดตัวนางเอาไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status