Главная / รักโบราณ / มารเร้นกายดับแสงดารา / ตอนที่ 48 ตามหาทุกหนแห่ง

Share

ตอนที่ 48 ตามหาทุกหนแห่ง

last update Последнее обновление: 2025-05-23 20:50:31

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา กงจื่อเย่ออกเดินทางตามหาร่องรอยของอู๋เยว่ชิงทุกหนแห่ง ยามคิดถึงหรือเหนื่อยล้าหัวใจมักจะหยิบถุงหอมและปิ่นปักผมที่เคยมอบให้นางมาดู

เขาเริ่มฟื้นฟูตำหนักจันทราให้เป็นเหมือนเดิมแล้วใช้เป็นสถานที่พักผ่อนยามค่ำคืน กลิ่นอายเก่า ๆ หวนกลับมาทุกครั้งจนเขานึกอยากย้อนวันเวลากลับไป

“เจ้าอยู่ที่ใดหรือเยว่ชิง” จอมมารกวาดสายตามองไปรอบตำหนักที่เวลานี้เริ่มมีต้นไม้ดอกไม้ผลิบานตามฤดู “ดอกไม้งดงามปานนี้แล้ว เจ้าไม่อยากเห็นหรือ”

คำถามของเขาไม่มีเสียงตอบกลับมา ความว่างเปล่าเกาะกุมหัวใจจนทรมาน

ในเมื่อตามหาทุกหนทุกแห่งแล้วยังไม่พบเจอ คงจะเหลือเพียงสถานที่สุดท้าย หากเสี้ยววิญญาณของนางยังคงอยู่ บางทีนางอาจจะยังอยู่ที่แห่งนั้น

เขาจึงออกเดินทางไปยังสุสานอันซีซึ่งเป็นสุสานวิญญาณของเหล่าเทพเซียน แม้จะรู้ตัวว่าถ้าเข้าไปยังที่แห่งนั้นจะต้องเจ็บปวดเพราะถูกชำระล้างพลังมารแต่กระนั้นกงจื่อเย่ก็ยังเลือกที่จะทำอย่างที่ตั้งใจ

“ข้าต้องพาเจ้ากลับออกมาให้ได้เยว่ชิง” เขาเอ่ยคำนั้นไปกับสายลมที่พัดผ่านมาหวังว่าใครคนหนึ่งจะรับรู้ความรู้สึกของเขาแล้วก้าวเข้าไปยังดินแดนต้องห้ามสำหรับมารปีศาจ

หากเป็นมารปีศาจตนอื่นแล้วคงจะทนไม่ได้ในเพียงไม่กี่ชั่วยามแต่กงจื่อเย่กลับปักหลักอยู่ในนั้นราวกับเป็นบ้านหลังที่สอง เป้าหมายหนึ่งเดียวคือตามหาเสี้ยววิญญาณของผู้เป็นที่รักโดยไม่สนว่าร่างกายและแก่นวิญญาณของตนจะถูกกัดกินไปมากเท่าใด

ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในเวลานั้นเทียบเท่ากับความรู้สึกโหยหาที่เขามีต่อนางไม่ได้เลย

ไม่ว่าจะถามไถ่ดวงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ข้างในมากเพียงไหน กลับไม่มีใครรู้เลยว่าเทพดาราหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด

กระนั้น กงจื่อเย่ไม่ละความพยายามดั้นด้นค้นหาต่อไปไม่รู้วันไม่รู้คืน บางคราร่างกายอ่อนแอต้องหยุดพักอยู่ครู่หนึ่ง กระอักเลือดออกมากอง หายใจติดขัดจะตายให้ได้แต่เมื่อเข้ามาลึกแล้วจึงไม่อาจย้อนกลับ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ทำมาคงสูญเปล่า

บางที นางอาจรอเขาอยู่ที่ใจกลางสุสานอันซีหรือจุดสิ้นสุดของสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้

จอมมารไม่รู้ว่าสุสานวิญญาณเทพเซียนกว้างใหญ่แค่ไหนเพราะไม่แยแสความจริงนั้น หากร่างกายนี้ของเขาทนรับการชำระล้างไม่ไหวก็แค่แตกสลายไปเท่านั้น

เมื่อวันใดถือกำเนิดจากโคลนตมความชั่วร้ายขึ้นมาใหม่ เขาจะกลับมายังที่แห่งนี้อีกครั้งและตามหานางจนกว่าจะเจอ อุปสรรคใด ๆ มิอาจขวางกั้น สายตาของกงจื่อเย่มุ่งมั่น กัดฟันยืนขึ้นเดินหน้าอีกครั้งพร้อมความหวังว่าจะได้พบหน้านางผู้นั้นโดยเร็ว

อีกทางด้านหนึ่งในยมโลก

วิญญาณที่น่าสงสารของหญิงสาวกำลังตามหาใครบางคนอยู่เพียงลำพัง ทั้งยังเอาแต่หลีกเลี่ยงไม่ยอมให้ผู้ปกครองยมโลกจับตัวนางได้

“เจ้าอยู่ที่ใดหรือ กลับมาหาข้าได้หรือไม่” อู๋เยว่ชิงเอ่ยพึมพำมองไปรอบตัว

นางไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมจึงทำเช่นนี้เพราะความทรงจำถูกลบทิ้งจนไม่มีเหลือ เพียงแต่ว่าความรู้สึกอย่างหนึ่งยังชัดเจนอยู่ในใจว่านางมีบุตรชายหนึ่งคนและไม่อยากปล่อยเขาไว้ในยมโลกเพียงลำพัง อย่างน้อยควรจะได้เดินทางข้ามสะพานไน่เหอไปด้วยกัน

ความรู้สึกที่ว่านางไม่อาจปกป้องเขาได้ยังคงติดตรึงในใจเสมอมา อู๋เยว่ชิงหงุดหงิดตัวเองที่จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อและใบหน้าของบุตรชายได้แต่เดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้จุดหมาย

คราใดได้พบดวงวิญญาณของเด็กน้อย นางจะวิ่งเข้าไปหาในทันทีแต่ความรู้สึกกลับบอกว่าเด็กน้อยเหล่านั้นไม่ใช่ลูกที่จากไปแล้วของนาง

อู๋เยว่ชิงจึงยังคงติดอยู่ในยมโลกนานแสนนานเพราะไม่อาจละทิ้งห่วงที่ผูกมัดนางไม่ให้ไปไหนได้

ถึงอย่างนั้น เทพดาราผู้นี้ไม่สนใจสิ่งอื่นใดดิ้นรนตามหาวิญญาณของลูกชายตัวเองต่อไป

กาลเวลาในสุสานวิญญาณเทพเซียนและยมโลกหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปนานแค่ไหน ทั้งสองไม่อาจรู้ได้เลย ต่างฝ่ายต่างตามหาคนสำคัญของตัวเองไม่ลดละ แม้ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใดแต่ไม่อาจล้มเลิกได้อย่างแน่นอน

จนกระทั่งวันหนึ่ง อู๋เยว่ชิงเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ในใจจึงเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่รอช้า สัมผัสที่นางรับรู้ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก มือข้างหนึ่งเอื้อมออกไปจนสุดแขนคว้าได้เพียงชายผ้าผูกผมที่ปลิวไสวอยู่ข้างหน้า

พลันร่างเล็ก ๆ หันกลับมามองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดวงตามีน้ำใสคลอ “ท่านแม่”

เด็กน้อยโอบกอดหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้ด้วยความคิดถึง ไม่คิดเลยว่าต้องพรากจากกันไปนานถึงขนาดนี้

แม้อู๋เยว่ชิงไม่อาจจำได้ว่าเด็กน้อยเป็นผู้ใดแต่ในใจของนางยังคงรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาคือคนสำคัญในชีวิต ความรู้สึกที่สัมผัสได้ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ที่นางพบเจอในยมโลก ครั้งนี้นางจึงมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าเขาคือคนที่นางกำลังตามหาอยู่

“ท่านแม่อย่างนั้นหรือ” อู๋เยว่ชิงทวนคำพูดของเขาแล้วโอบกอดกลับไปอย่างอ่อนโยน “เหตุใดข้าถึงจำเจ้าไม่ได้”

“ท่านแม่ อย่าได้คิดกังวลไปเลยขอรับ เวลานี้ มีเพียงข้า อีนั่วผู้นี้จำท่านแม่ได้ก็พอแล้วขอรับ” เขาเอ่ยปากบอกนาง ทั้งยังเปลี่ยนคำเรียกหาไม่เหมือนเดิม ก่อนจะพูดต่อ “ท่านแม่ ไปจากที่นี่กันเถิดขอรับ ยังไม่ถึงเวลาข้ามสะพานไน่เหอเสียหน่อย”

“...” อู๋เยว่ชิงไม่เข้าใจ วิญญาณที่อยู่ในยมโลกล้วนแล้วแต่ต้องผ่านสถานที่แห่งนี้เพื่อไปยังโลกหน้า หากแต่เขากลับบอกว่ายังไม่ถึงเวลา

“ท่านแม่ ตามข้ามาเถิด” อีนั่วไม่รอช้ากุมมือนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแล้วหายตัวจากแดนคนตายในพริบตา

หลังจากกงจื่อเย่ใช้พลังมารดึงวิญญาณอีนั่วกลับมา เขาได้รู้ความจริงบางอย่างที่คนเป็นบิดากระทำจึงเอาแต่เงียบไม่แสดงอาการอะไรออกมา

ทว่า อีนั่วมีสายใยหนึ่งที่ก่อเกิดขึ้นตลอดสิบปีที่กงจื่อเย่ร่ายกระแสพลังตามหาวิญญาณของเขา สิ่งนั้นทำให้เขารู้ว่ามารดาที่แตกสลายของตนกำลังทุกข์ทรมานอยู่ที่ใด

เขาจึงไม่รีรอออกตามหาจนได้พบเจอนางอีกครั้งอย่างในวันนี้ ทั้งยังทำใจไว้แล้วว่ามารดาอาจไม่เหลือความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับตนสักนิด และหากอดีตนั้นมันเจ็บปวดจนเกินจะรับไหว เขาจะไม่รื้อฟื้นขึ้นมาแต่จะสร้างความทรงจำใหม่ร่วมกับนาง

“ท่านแม่ บ้านของเราเป็นอย่างไร บ้านหลังเล็ก ๆ ท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีเหลืองอร่ามบานสะพรั่งตลอดปี ด้านหลังตรงโน้นมีลำธารน้ำใสไหลผ่าน แล้วก็ตรงโน้นยังมีพืชผักไก่ไข่ เราสองคนเคยอยู่ที่นี่ด้วยกันขอรับ” เด็กน้อยยิ้มแป้นสดใสชี้ตรงโน้นตรงนี้แนะนำอู๋เยว่ชิงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“อย่างนั้นหรือ” นางขมวดคิ้วครุ่นคิดมองสิ่งรอบตัวที่ดูแปลกใหม่ไปหมด “อีนั่ว”

“ขอรับ” ดวงตาใสแจ๋วไร้เดียงสาทำให้นางไม่นึกสงสัยอะไรมากมาย อย่างน้อยความรู้สึกเจ็บปวดในเวลานี้ค่อย ๆ เจือจางลงเพราะได้พบกันอีกครั้งจึงตัดสินใจว่าจะดำรงชีวิตแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างสงบสุข

“ข้าขอโทษที่จำเจ้าไม่ได้ หากเราสองคนมาเริ่มต้นกันใหม่ เจ้าว่าอย่างนั้นดีหรือไม่”

“ขอรับ” เขาพยักหน้าแล้วบอกอีกว่า “อย่าไปจำอะไรที่ไม่ดีเลยขอรับ เรื่องใดลืมได้ก็ลืมไปให้หมด แค่ได้อยู่กับท่านแม่เหมือนในวันวาน ข้าไม่ขออะไรอีกแล้ว”

รอยยิ้มมารน้อยมีเลศนัยบางอย่าง พลังที่เขาได้สะสมมากระจายจากร่างเล็กน้อย พึมพำออกมาให้นางได้รับรู้ “อย่าได้สงสัยอันใดอีกเลยนะขอรับ”

อู๋เยว่ชิงพยักหน้าอย่างว่าง่ายราวกับโดนมารสะกดพลางลูบศีรษะของลูกชายด้วยความอ่อนโยนก่อนจูงมือกันเดินเข้าบ้านหลังน้อยที่อีนั่วจัดฉากเตรียมเอาไว้และใช้ชีวิตเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาสองคนในที่ห่างไกลผู้คนตลอดระยะเวลาหนึ่งร้อยปี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 87 มารเร้นกายเคียงแสงดารา (ตอนจบ)

    จอมมารพาสวีลู่ชิงกลับมายังดินแดนสุญญตาที่เวลานี้แปรเปลี่ยนกลายเป็นบ้านของเราอย่างที่เขาพูด ที่รกร้างกว้างใหญ่แต่เดิมไม่มีอะไรอยู่ข้างในนั้นเลย กลับมาครั้งนี้สวีลู่ชิงได้เห็นว่าเรือนไม้หลังใหญ่สองชั้นลอยโดดเด่นอยู่ใจกลาง ดอกจื่อเถิงสีม่วงขาวเลื้อยประดับห้อยระย้าสวยงามยิ่งนักพื้นน้ำโดยรอบสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าระยิบระยับ และหากท้องฟ้าสดใสถูกแทนที่ด้วยจันทรา ผืนฟ้าก็จะเต็มไปด้วยละอองดาวกงจื่อเย่เนรมิตสรรพสิ่งขึ้นมาเพื่อรอต้อนรับนางกลับมายังที่ที่เป็นบ้านของเราดินแดนตรงกลางระหว่างภพมารกับภพสวรรค์ บ้านที่พวกเขาจะได้อยู่ร่วมกันชั่วนิรันดร์“อีนั่ว ข้าฝากให้เจ้าดูแลไข่ใบนั้นให้ดี ยังจำได้หรือไม่” จอมมารถามบุตรชายเพราะเห็นเขามักจะพาลี่เซียนเที่ยวเล่นกับเทพ

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 86 สายใยรักประสาน

    นับตั้งแต่การจากไปของบุตรสาวสวีลู่ชิงตกอยู่ในความเศร้าสร้อย ความรู้สึกของนางในเวลานี้เหมือนกระตุ้นความทรงจำบางอย่างที่หลงลืมไปแล้ว สัมผัสได้เพียงว่าครั้งหนึ่งนางคงเคยสูญเสียลูกไปในช่วงเวลานี้กงจื่อเย่คอยอยู่เคียงข้างและดูแลนางไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ทำหน้าที่สามีเป็นอย่างดีเพื่อให้นางข้ามผ่านความเจ็บปวดครั้งนี้ไปให้ได้หญิงสาวเอนศีรษะพิงไหล่กว้างของคนข้างกาย เอ่ยพึมพำว่า “ลูกสาวของเราคงจะสุขสบายดีอยู่ที่ไหนสักแห่งใช่หรือไม่”สามีของนางจึงตอบอย่างมั่นใจ “อืม ลูกสาวของเรากำลังเล่นสนุกสนานกับเพื่อนใหม่ของนาง ไม่มีเรื่องใดให้เจ้าต้องกังวลเลยลู่ชิง”รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว “เจ้าช่างสรรหาคำปลอบใจได้แปลกยิ่งนัก ลี่เซียนกำลังเล่น

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 85 เคราะห์หนัก

    เก้าเดือนต่อมาเด็กครึ่งมารคนที่สองได้ฤกษ์ถือกำเนิด เด็กหญิงตัวน้อยมีดวงตาสีม่วงแดงเหมือนบิดา เรือนผมสีขาวคล้ายมารดา หน้าตาน่ารักน่าชังยิ่งนักสวีลู่ชิงมองหน้าลูกสาวพลางนึกถึงอีนั่วจึงเอ่ยปากบอกสามีที่นั่งอยู่ข้างกัน “เจ้าเคยอยากรู้ว่าลูกสาวของเราจะหน้าตาเหมือนผู้ใดใช่หรือไม่”“อืม” กงจื่อเย่ยิ้มกว้าง“นางหน้าตาเหมือนเจ้าไม่มีผิด” สวีลู่ชิงไล้แก้มเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูทันใดนั้นจึงได้ยินเสียงคุ้นเคยร้องเรียกนางจากหน้าบ้าน สวีลู่ชิงเดินไปดูลาดเลาจึงได้เห็นคนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจออีกครั้ง“ท่านแม่” อีนั่ววิ่งเข้ามากอดนางด้วยความคิดถึงเพราะถูกกักบริเวณจึง

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 84 คำนับฟ้าดิน

    สามเดือนต่อมาระหว่างที่สวีลู่ชิงกำลังเก็บผักกาดอยู่ในสวนข้างบ้าน นางได้ยินเสียงกุบกับดังมาแต่ไกลผิดวิสัยการเดินทางของคนในหมู่บ้านแห่งนี้จึงรีบออกมาดูใบหน้าของใครบางคนทำให้นางดีใจยิ่งนัก รีบตะโกนบอกใต้เท้าสวีและฮูหยินที่พักผ่อนอยู่ข้างในได้รู้ว่า “ท่านพี่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”ทุกคนออกมายืนรอรับคุณชายสวีหน้าบ้าน ส่วนกงจื่อเย่เดินมากอดเอวคุณหนูเอาไว้เหมือนอย่างเคยครั้นได้เห็นบุตรชายคนโตใกล้ ๆ ใต้เท้าสวีและฮูหยินจึงได้เห็นว่าร่างกายของเขามีแต่รอยแผลเต็มไปหมด เลือดสีแดงแห้งติดเกราะและเสื้อผ้าทว่า คุณชายสวีไม่ได้กังวลเรื่องนั้นแม้แต่น้อย “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลู่ชิง” เขาเอ่ยเรียกทั้งสามคนสีหน้าระรื่น “ข้าล้างมลทินให้สกุลสวีได้สำเร็จแล้วขอรับ”

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 83 บิดาเจ้าน่ากลัวยิ่งนัก

    แม้จอมมารจะคิดหลายอย่างอยู่ในหัวแต่เวลานี้ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีนักเพราะเขาต้องใช้โอกาสนี้พาสวีลู่ชิงหนีจากหอเยว่ส่างก่อนที่จะถูกใครจับได้ใครหลายคนคงคิดว่าพวกเขาใช้เวลาอยู่ร่วมกันทั้งคืน กว่าจะรู้ตัวว่านักโทษกบฏแอบหนีออกไปกับแขกที่ไม่เห็นหน้าค่าตาก็คงทิ้งห่างจากพวกเขาไปหลายชั่วยามแล้ว“หนีอย่างนั้นหรือ” นางเอ่ยถามให้แน่ใจ ความกังวลถาโถมเข้ามาไม่หยุดเพราะเกรงว่าทุกคนจะมีอันตรายไปด้วย“เชื่อใจข้าหรือไม่” กงจื่อเย่ถามแต่เพียงเท่านั้น แววตาของเขาจริงจังเสียจนนางไม่นึกสงสัยอันใดอีกจึงกุมมือเขาไว้แน่นแล้วหนีไปด้านหลังด้วยกันทาสหนุ่มฝืนตัวเองเร่งรีบไปให้ถึงจุดที่เขาผูกม้าเอาไว้ ขาข้างที่เคยบาดเจ็บสร้างความทรมานให้เขาอย่างยิ่งแม้จะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 82 ขัดขวางเนื้อคู่

    สองเดือนต่อมาอีนั่วมาหาสวีลู่ชิงอย่างเช่นเคย ก่อนเข้าไปยังห้องรับรองก็นั่งดูหลิวอิงอิงดีดพิณ ขับร้องเพลงเสียงก้องกังวานด้วยความรื่นเริงใจจนกระทั่งมองเห็นบุรุษผู้หนึ่งในคำทำนายโชคชะตาของมารดาเจ้าตัวตะลึงงันไม่คิดว่ามนุษย์อย่างเขาจะดูมีรัศมีเหมือนเทพสวรรค์ พลันกวาดตามองรอบตัวต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้เห็นรอยยิ้มเยือกเย็นจากเทพชั้นสูง ผู้มีดวงตาสีฟ้า ผมขาวเหมือนผู้เป็นมารดาหากแต่อีนั่วยังทำใจดีสู้เสือคิดว่านั่นคือบิดาที่แปลงกายมาจึงยิ้มตอบกลับไปทักทายเทพวายุหายตัววับมาอยู่ข้างเขาในทันทีจนสมุนปีศาจแข็งทื่อเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าคือสวีต้าเฟิงตัวจริง หลิวอิงอิงที่นั่งอยู่ตรงกลางลานแสดงถึงกับดีดเพลงพิณเพี้ยนไปสองจังหวะคิดจะหนีหายเอาตัวรอดก่อนผู้ใดแต่ถูกแส้บ่วงของเทพวายุตวัดรัดตัวนางเอาไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status