Home / รักโบราณ / มารเร้นกายดับแสงดารา / ตอนที่ 49 มารน้อยหวนกลับ

Share

ตอนที่ 49 มารน้อยหวนกลับ

last update Last Updated: 2025-05-23 20:58:30

วันหนึ่งในฤดูฝน

เสียงฟ้าร้องคำรามก้องไปทั่วบริเวณเป็นเวลาเกือบสองชั่วยาม พื้นดินรอบบ้านเปียกแฉะกลายเป็นโคลนและมีแอ่งน้ำเล็ก ๆ เกิดขึ้นหลายแห่ง

ทุ่งดอกไม้สีเหลืองพัดไหวตามสายฝนลมพัดในเวลานั้นราวกับเริงระบำ

แม้อู๋เยว่ชิงจะถูกพลังของอีนั่วปกปิดเรื่องบางอย่างเอาไว้ แต่นางที่เป็นถึงเทพดาราย่อมเฉลียวใจได้ในบางครั้งว่าทุกสิ่งมันแปลกเกินไป อายุที่เพิ่มมากขึ้นในทุกวัน ไม่มีมนุษย์ผู้ใดหรอกจะอายุยืนร้อยปีแต่เนื้อหนังร่างกายและใบหน้ายังคงเหมือนวันวานไม่เปลี่ยนแปลง

โดยเฉพาะอีนั่ว ร้อยปีผ่านมาแล้วเขายังคงเหมือนเด็กอายุเจ็ดขวบไม่มีผิด

สายตาที่ล่องลอยราวกับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทำให้บุตรชายสังเกตได้ในพริบตา เขาเอียงคอเล็กน้อยก่อนที่พลังมารจาง ๆ ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไปหาอู๋เยว่ชิง

เสียงพึมพำกังวลแต่คิดว่ายังพอรับมือได้บ้าง “ท่านแม่ อย่าสงสัยเรื่องพวกนั้นเลย อยู่กับข้า ท่านแม่ไม่มีความสุขหรือ”

อู๋เยว่ชิงส่ายหน้าเอ่ยออกมาโดยไม่รู้ตัว “อีนั่ว วันครบรอบอายุเจ็ดขวบของเจ้า อยากกินอะไรหรือ ข้าจะเตรียมเอาไว้ให้”

“ข้าอยากกินซุปซี่โครงตุ๋นน้ำแกงขอรับ” เด็กชายรีบบอกทันทีขณะวิ่งฝ่าสายฝนกลับมาหานาง “ท่านแม่ เล่นน้ำฝนกับข้าได้หรือไม่”

ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าคลี่ยิ้มบางเอ็นดูความซุกซนเป็นเด็กของเขาแต่สุดท้ายก็ยอมตากฝนวิ่งเล่นกันสองคนด้วยความสนุกสนาน

เวลานี้ชีวิตของทั้งคู่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีผู้ใดเข้ามาฉกฉวยความสุขนั้นได้

เมื่อถึงวันครบรอบวันเกิดของเขา อู๋เยว่ชิงตื่นตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น เตรียมของทำอาหารอย่างที่เขาชอบแล้วจัดการทำงานบ้านเหมือนอย่างเคยก่อนจะนั่งรับลมอยู่นอกชานบ้านรอเด็กน้อยตื่นจากหลับฝัน

“ท่านแม่ขอรับ” น้ำเสียงสดใสเอ่ยเรียกนางจากในห้อง “ทำไมถึงได้ตื่นตั้งแต่เช้าขนาดนี้เล่า”

นางกางแขนออกแล้วบอกเขาว่า “วันนี้วันเกิดเจ้าไม่ใช่หรือ มาให้ข้ากอดหน่อยได้หรือไม่”

เด็กน้อยขยี้ตาพยายามเรียกสติของตนเองเพราะยังไม่ตื่นดีก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้สำคัญอย่างไร จมูกน้อย ๆ สูดกลิ่นหอมที่โชยมาจากข้างบ้านพลันยิ้มกว้างถามนางว่า “ท่านแม่ ข้ากินได้เลยหรือไม่”

เขาไม่พูดเปล่า เสียงท้องร้องโครกครากยังดังอย่างรู้งาน อีนั่วชื่นชอบฝีมือทำอาหารของนางมากนัก ถึงอย่างไรก็ดีกว่ากินอย่างอื่นเป็นไหน ๆ

แม้ตัวจะเป็นครึ่งมารปีศาจกับมนุษย์ แต่เขากลับไม่อยากยอมรับตัวเองเพราะมันคือสิ่งที่ทำให้ครอบครัวของตนต้องแตกแยกเหมือนอย่างทุกวันนี้

อู๋เยว่ชิงนั่งมองดูลูกชายทานอาหารเช้าอยู่เงียบ ๆ แล้วถามเขาว่า “เมื่อวานฝนตกไปแล้ว วันนี้อากาศคงจะดีตลอดทั้งวัน เจ้าอยากไปเที่ยวในหมู่บ้านหรือไม่”

“ข้าไม่อยากไปขอรับ” เขาส่ายหน้าแล้วหยิบซี่โครงขึ้นมาแทะด้วยความเอร็ดอร่อย “ท่านแม่อยากไปหรือ”

เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดมากนักถ้าไม่จำเป็นเพราะยิ่งรู้จักผู้คนก็จะยิ่งผูกพันกันไปเปล่า ๆ

มนุษย์อายุขัยสั้นปานนั้น อีนั่วไม่ชอบการสูญเสียเลยแม้แต่น้อย เมื่อก่อนเขารู้จักแทบทุกคนในหมู่บ้านแห่งนั้นแต่พอตัวเองอายุยืนกว่าใครก็ทำได้แค่เพียงมองคนเหล่านั้นค่อย ๆ จากไปตามกาลเวลา

“ไม่หรอก ข้าถามเพราะคิดว่าเจ้าอาจจะอยากกินลูกกวาด ขนมหวาน และเที่ยวเล่นกับเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน” อู๋เยว่ชิงแค่เป็นห่วงที่ลูกชายอยู่ติดบ้านเกรงว่าโตขึ้นมาแล้วจะไม่มีสหาย

“ข้ามีท่านแม่แล้ว ไม่ต้องการผู้ใดขอรับ” อีนั่วยังคงยืนยันคำเดิมและอู๋เยว่ชิงก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยิ้มให้เขา

หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่เดินเล่นไปเรื่อย ๆ แวะดูดอกไม้ตรงโน้นทีตรงนี้ทีกว่าจะถึงลำธารที่มีน้ำไหลมาจากภูเขา สีน้ำยังคงขุ่นมัวเป็นดินแดงเพราะฝนตกหนักเมื่อวันก่อนแต่อีนั่วกลับเลิกคิ้วมองสิ่งที่ไหลมากับน้ำเชี่ยว

ก้อนหินหลากสีกลิ้งอยู่ข้างล่างนั้นตามแรงกระแสน้ำ เขาพุ่งตัวลงไปทันทีเพราะอยากเก็บมันขึ้นมา

“อีนั่ว น้ำเชี่ยวขนาดนั้น อย่าลงไปนะ” อู๋เยว่ชิงร้องห้ามเอาไว้แต่ไม่ทันการ นางรู้ว่าลูกชายของตนซุกซนมากแค่ไหน ทั้งยังดื้อดึงบอกเท่าไหร่ก็ไม่เคยฟังกันสักที

“ข้าไม่เป็นอะไรหรอกขอรับ” เสียงเจื้อยแจ้วตอบกลับมาเช่นนี้ทุกครั้งจนนางได้แต่ยืนมองดูเพราะรู้ว่าเขาแข็งแกร่งเกินกว่าเด็กทั่วไป

แม้รู้ว่ากระแสน้ำเท่านี้ไม่อาจทำอันใดแต่ยังสงสัยว่าเขากระโจนลงไปทำไมทั้ง ๆ ที่น้ำในตอนนี้ขุ่นมัวจนมองไม่เห็นอะไร

ราวกับรู้ว่ามารดาคิดสิ่งใดอยู่ อีนั่วจึงยกแขนขวาขึ้น ในมือมีก้อนหินสีฟ้า ม่วง แดง ประกายของมันแวววาวแม้ว่าจะมีโคลนเปรอะเปื้อนบางส่วน

“ตาดีถึงเพียงนี้เลยหรือ” อู๋เยว่ชิงเผลอพูดตามที่คิดเรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้เป็นอย่างดี

ครั้นเล่นสนุกจนพอใจแล้ว อีนั่วขึ้นฝั่งด้วยสีหน้าภาคภูมิใจทำทีปกปิดไม่ให้มารดารู้ว่าเขามีแผนอะไรก่อนจะใช้เวลาว่างขัดถูแกะสลักก้อนหินเหล่านั้นเป็นก้อนกลมเหมือนลูกปัด ค่อย ๆ ร้อยทีละเม็ดแล้วผูกปมเอาไว้สองเส้น

กว่าจะทำได้สวยงามดั่งใจคิด อีนั่วใช้เวลาเกือบสิบวัน แอบทำเครื่องประดับอยู่เงียบ ๆ จนดึกดื่น คอยหลบไม่ให้มารดาเห็น หากนางถามมักบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่องเพราะอยากให้นางดีใจตอนที่ได้เห็นของสิ่งนี้

เขายื่นสร้อยข้อมือให้นางด้วยสีหน้าคาดหวัง รอดูท่าทีของอู๋เยว่ชิงไม่วางตา แม้จะเกลียดที่มีพลังมารแต่กลับจำใจฝังพลังนั้นเอาไว้ในสร้อยข้อมือเพื่อใช้ปกป้องนางจากสิ่งเลวร้ายทั้งปวง

นอกจากนั้นแล้วยังใช้เป็นเครื่องมือกักเก็บความทรงจำทั้งหมดในหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ครั้งนี้นางจะไม่มีทางลืมว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนางอย่างเด็ดขาด

“สวยยิ่งนัก” หญิงสาวเอ่ยปากชมสิ่งล้ำค่าที่ได้มาเป็นของขวัญ “ลูกแม่คงจะมีฝีมือด้านนี้มาตั้งแต่เกิดสินะ ขอบใจเจ้ามาก ข้าจะเก็บไว้เป็นอย่างดีเลย”

“ท่านแม่ สัญญากับข้าได้หรือไม่ว่าจะไม่ลืมข้าอีก” เด็กน้อยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าครั้งนี้จะไม่มีอะไรมาพรากมารดาไปจากเขาได้อีก ไม่เว้นแม้แต่บิดาของเขา

“ข้าจะลืมเจ้าได้อย่างไร” นางเม้มปากไม่รู้ว่าทำไมลูกชายถึงพูดเรื่องนี้ “มาให้ข้ากอดเจ้าหน่อยเถิด”

อีนั่วไม่รู้เลยว่าเวลาที่พวกเขาต้องแยกจากกันจะมาถึงในวันหนึ่ง เทพดาราที่ยังคงทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ถูกกระแสพลังเทพบรรพกาลเรียกสติให้กลับมา

พลังเทพที่ถูกซ่อนไว้ค่อย ๆ เผยออกมาทีละนิดรวมถึงความทรงจำตอนเป็นสวีลู่ชิง

นางเก็บงำสิ่งที่เกิดขึ้นเอาไว้ไม่ให้อีนั่วรู้เพราะกำลังสับสนว่าตัวเองเป็นผู้ใดกันแน่ ยิ่งสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายมีพลังมารปีศาจเหลือล้น นางจึงเริ่มระวังตัวมากกว่าเดิมความรู้สึกค่อย ๆ แปลกไปจนในที่สุดจึงแยกแยะได้ว่าอู๋เยว่ชิงคงจะเป็นด่านเคราะห์ในชาติที่นางต้องเผชิญ

เทพดาราคงจะใช้ชีวิตร่วมกับมารปีศาจสักตนแล้วให้กำเนิดอีนั่ว เมื่อพลังตื่นขึ้น นางจึงรู้สึกหนักใจยิ่งนักว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้

ทว่า ไม่ทันจะได้คำตอบ จู่ ๆ พลังเทพบรรพกาลดึงนางกลับสวรรค์โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่แม้จะให้นางได้ร่ำลาลูกชายเป็นครั้งสุดท้ายหรืออธิบายความจริงกับเขา

ไม่เพียงเท่านั้น ในเวลาที่ความทรงจำเทพดารากลับมาสมบูรณ์ เรื่องราวที่อยู่กับอีนั่วค่อย ๆ เลือนหายไปโดยปริยายเหลือเพียงความรู้สึกที่อยู่ลึก ๆ ในใจว่านางกำลังหลงลืมใครบางคน

อีนั่วงัวเงียตื่นขึ้นมาไม่เห็นใคร กระวนกระวายทำตัวไม่ถูก แม้นั่งรอนางตั้งแต่เช้าจนมืดค่ำ ผ่านไปสองสามวันไม่เห็นนางกลับมา ในใจห่อเหี่ยวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

ใบหน้าเหม่อมองท้องฟ้าไม่อยากให้สิ่งที่รู้สึกในเวลานี้เป็นเรื่องจริง พึมพำอยู่คนเดียว “ท่านแม่ทิ้งข้าไปอีกแล้วหรือ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 77 ไม่ต้องกลัว

    ร่างของคนสกุลสวีถูกทหารนำใส่รถเข็นไม้ลากเลื่อนมาทิ้งไว้ในป่าลึกเพื่อให้สัตว์ที่อาศัยอยู่มากินถือเป็นการทำประโยชน์อย่างหนึ่งครั้งสุดท้ายในชีวิตทหารนายหนึ่งเหงื่อผุดเต็มใบหน้ารู้สึกว่ามีลางสังหรณ์แปลก ๆ จึงรีบบอกให้เพื่อนที่มาด้วยกันรีบขนศพพวกเขาลงไปกองไว้ที่พื้น“จะเร่งข้าทำไมนักเล่า” เขาบ่นหงุดหงิดที่ถูกรบเร้าให้รีบทำรีบเสร็จ“ไอ้นี่ เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าป่าลึกข้างหน้าชอบมีพวกปีศาจมาเพ่นพ่าน” ทหารคนเดิมพูดพร่ำเพ้อถึงข่าวลือที่ได้ยินมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ส่วนคนที่เหลือต่างพยักหน้าเห็นด้วย หากไม่จำเป็นจะไม่มาเหยียบพื้นที่ตรงนี้เด็ดขาด“กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ข้าบอกแล้วว่าอย่าไปฟังเรื่องเล่าจากปากคนขี้เมานัก” เขาส่ายหน้าแล้วหันรถเข็นกลับไปที่ทางออกพลันได้ยินเสียงส

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 76 หญิงคณิกา

    คุณหนูสกุลสวีตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงร้องของพวกเขาภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ตะลึงงันจนทำอะไรไม่ถูก หันไปดูบิดาทางซ้าย กวาดตามองไล่เลี่ยมาทางขวา มารดาและพี่ชายกลับอยู่ในอาการไม่ต่างกัน“ท่านพ่อ ท่านแม่” นางตะโกนเสียงดังเรียกสติพวกเขา พยายามประคองใครคนหนึ่งขึ้นมา ร้องเรียกทหารนอกคุกที่ยืนเฝ้าเวรยามด้วยความกลัวสุดขีดทุกคนที่มาถึงต่างมองหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักโทษชั้นสูง หากแต่ประเมินแล้วว่าอาการที่แสดงออกมาเหมือนโดนพิษอะไรสักอย่างจึงทำท่าครุ่นคิดขึ้นมาทันใด“ข้าขอร้อง ตามหมอมารักษาครอบครัวข้าได้หรือไม่” นางอ้อนวอนคนตรงหน้า น้ำตาเอ่อคลอเบ้า“แต่ว่า...” หนึ่งในนั้นลังเลเพราะไม่รู้ว่าคนสกุลสวีถูกใบสั่งจากผู

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 75 สอบเค้น

    หลังจากถูกจับตัวไปครบเจ็ดวันทางการยังคงไม่ได้ข้อมูลใดเพิ่มเติมจากคนสกุลสวี พวกเขายืนยันอย่างเดิมเหมือนทุกครั้งว่าตนเองบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยคิดร่วมมือกับผู้ใดก่อกบฏอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่คำพูดของพวกเขาเป็นเพียงลมปากไร้หลักฐานใด ๆ จึงไม่มีใครเชื่อ อีกทั้งคนเหล่านั้นยังทำหูทวนลมเพราะเป็นพวกเดียวกันกับขุนนางชั่วคืนนั้น“ท่านพ่อ ท่านพี่” สวีลู่ชิงกระซิบเรียกคนทั้งสองที่นิ่งงันสลบไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าและลำตัวมีแต่รอยเขียวช้ำเต็มไปหมด เลือดสีแดงแห้งติดเสื้อผ้าเป็นทางคุณชายสวีลืมตามองผู้เป็นน้องสาว นึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่เป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวต้องมาผจญความลำบากเช่นนี้ เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะตกหลุมพรางง่ายดายเพียงนั้น“พวกเขาทำอันใดเจ้าหรือไม่

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 74 ถูกใส่ร้าย

    จากนั้นไม่นานใต้เท้าสวี ฮูหยินและสวีลู่ชิงถูกนำตัวออกมาจากจวน นางหันมองบ้านที่เคยอยู่ เวลานี้ผู้คนในนั้น บ่าวรับใช้ เสี่ยวมู่กำลังดิ้นรนบอกว่าตนเองไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นระหว่างถูกควบคุมตัวไปสอบสวน พวกเขาต้องเดินผ่านตลาดและหมู่บ้าน แม้จะเป็นสถานที่คุ้นเคยแต่ครั้งนี้ความรู้สึกนั้นกลับไม่เหมือนเดิมเพราะแววตาที่ชาวบ้านมองมากำลังกล่าวโทษว่าพวกเขาเป็นคนทรยศต่อบ้านเมืองสวีลู่ชิงเดินรั้งท้ายขบวนจึงตกเป็นเป้าโจมตีได้ง่ายเมื่อชาวบ้านคนหนึ่งขว้างสิ่งของเพื่อจะลงโทษนางให้สมกับความผิดที่ได้ทำทว่า ใครบางคนกลับพุ่งตัวเข้ามาโอบกอดนางไว้ไม่ยอมให้ของเหล่านั้นเฉียดร่างกายแม้เพียงเสี้ยว“คุณหนู” น้ำเสียงห่วงใยทำให้สวีรู้ชิงรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่ในความฝัน &ldquo

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 73 เอ่ยคำรัก

    ปิ่นหยกลายดอกโบตั๋นจึงปรากฏบนเรือนผมของคุณหนูสกุลสวีนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเจ้าของดวงตาสีม่วงแดงมองคนตรงหน้าไม่วาง ยิ้มกว้างปลื้มใจที่นางรับของขวัญจากเขาไปราวกับรับความรักที่เขามีให้ไปด้วยสวีลู่ชิงรู้สึกได้ว่าคนผู้นั้นจริงใจกับนางมากแค่ไหน แม้จะให้สถานะเป็นเพียงสหายแต่ก็ยอมปักปิ่นให้เขาได้ชื่นใจเวลานี้นางไม่เคยได้ออกไปเยี่ยมเขาที่นอกหมู่บ้านอีกเลย เพราะกงจื่อเย่มักแอบมาหานางในยามซวีทุก ๆ สองหรือสามวันเพื่อนำดอกซือเมิ่งสีฟ้าที่นางโปรดปรานมาให้“ทำงานทั้งวันไม่เหนื่อยหรืออย่างไรจึงมาหาข้าถึงจวน” สวีลู่ชิงเอ่ยถามคนข้างกาย รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำงานมากแค่ไหนและพยายามมาหานางถึงที่นี่ทั้ง ๆ ที่เดินทางมายากลำบากนัก“ไม่เหนื่อยเลยขอรับ” เ

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 72 ยกเลิกหมั้นหมาย

    สวีต้าเฟิงไม่ได้ลงมาตามจับหลานชายของตัวเองเพียงเท่านั้นแต่ยังมาเตือนกงจื่อเย่ผู้เป็นบิดาของมารน้อยด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนทุกครั้งจอมมารนิ่งเฉยเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการพูดเรื่องอะไร แต่มักทำหูทวนลมอยู่ร่ำไป คิดอยากทำตามใจตัวเองตามประสาเป็นทุนเดิม“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าอย่ายุ่งเกี่ยวกับโชคชะตาของนาง เหตุใดเจ้าถึงไม่ฟังข้าบ้างเล่า” เทพวายุพยายามข่มใจลดน้ำเสียงลงราวกับวอนขอให้อีกฝ่ายทำตามที่เขาบอก“เจ้ามาโทษข้าเรื่องอันใด ไม่เห็นหรือว่าข้าอยู่ในสภาพแทบพิการ ต่ำต้อย ไม่มีชื่อเสียงเงินทอง มิหนำซ้ำสุขภาพยังย่ำแย่ทรุดโทรมจะมีเวลาไปสร้างเรื่องอันใดให้เจ้าหนักใจอีก” กงจื่อเย่นิ่วหน้าพูดตามความจริง“ดาบเขี้ยวอสูรของเจ้าบินว่อนภพสวรรค์สร้างความแตกตื่นให้ผู้คนบนนั้นคิดว่าเจ้าจะยึดคร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status