Share

ตอนที่ 47 โกรธ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-23 20:50:04

นับตั้งแต่นั้นมา กงจื่อเย่จึงไม่ออกไปที่ไหนอีกติดอยู่ในภพมารเพื่อกระทำบางอย่างด้วยความตั้งใจจนไม่รู้ตัวว่าเวลาล่วงเลยไปมากเท่าใดแล้ว

เมื่อผู้ปกครองละเว้นหน้าที่ ความวุ่นวายในภพมารจึงเริ่มบังเกิดทีละส่วน หากแต่ลูกน้องทั้งสามยังคงใช้อำนาจของเขาคอยจัดการได้อยู่แม้จะแลกมาด้วยความเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวก็ตาม

ครั้งนี้เช่นเดียวกัน ไอมารปีศาจชั่วร้ายก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง เดิมทีกงจื่อเย่จะคอยดูดซับพลังพวกนั้นมาเป็นอาหารของตนเองแต่เวลานี้สิ่งที่เขาให้ความสนใจอยู่เหนือสิ่งอื่นใด พวกปีศาจและสัตว์อสูรจึงได้ทีฉกฉวยมันมาเป็นของตัวเองจึงทำให้มีพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้น

แต่บางขณะ ไอมารปีศาจที่แข็งแกร่งย่อมปกป้องตัวเองให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกเดียวกันและเป็นฝ่ายกัดกินมารปีศาจพวกนั้นแทนที่จนสามารถหล่อหลอมรูปลักษณ์สร้างตัวตนขึ้นมาได้

เฉินซือหยางถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองหน้าสหายราวกับต้องการที่ระบาย “นายท่านจะปล่อยให้พวกเกิดใหม่ย่ามใจไปจนถึงเมื่อใด หากพวกมันคิดยึดอำนาจผู้ปกครองภพมารไปเล่า”

หลิวอิงอิงเลิกคิ้วทำสีหน้าเย็นชาเหมือนอย่างเคย “ถึงอย่างไรนายท่านก็มีพลังมากกว่าพวกนั้น ไม่มีใครคิดทำอันใดได้หรอก”

พวกเขามองเข้าไปยังตำหนักอันแสนมืดมัวอึมครึมของจอมมารผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้

“นายท่านมีคำสั่งว่าห้ามรบกวน เจ้าอยากเข้าไปรายงานหรือไม่เล่าเฉินซือหยาง” โจวเหวินหลงเอ่ยปากเพราะทนเขาพร่ำบ่นมานานมากแล้ว

“แล้วพวกเราจะต้องรอไปจนถึงเมื่อใด นี่มันผ่านไปสิบปีแล้วนะ” เฉินซือหยางทำหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์ “แอบหนีไปตอนนี้ดีหรือไม่ ถ้าพวกมารเกิดใหม่ตั้งตนเป็นใหญ่ขึ้นมา ปีศาจอย่างข้าคงโดนจับกินก่อนใคร”

หลิวอิงอิงหัวเราะร่ากับความคิดของสหายพลางย้ำเตือนให้เขาได้รู้ว่า “ลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเจ้าเป็นของผู้ใด หากนายท่านไม่ถอนตราประทับในตัวเจ้า ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่ เจ้าก็ยังต้องตามมารับใช้นายท่านอยู่วันยังค่ำ”

กุกกัก กุกกัก

เสียงบางอย่างดังมาจากข้างในตำหนักทำให้ลูกน้องจอมมารหูผึ่งขึ้นมาทันใดหลังจากข้างในนั้นสงบนิ่งมานับสิบปี

ใบหูข้างขวาของพวกเขาแนบชิดประตูอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นพลางมองหน้ากันคาดเดาต่าง ๆ นานา

กุกกัก กุกกัก

“เจ้าว่ามันคืออันใด” เฉินซือหยางกระซิบถามสหายทั้งสอง

“ข้าก็อยู่กับเจ้าตรงนี้ จะไปรู้ได้อย่างไร” หลิวอิงอิงขมวดคิ้วชนกันกรอกตาด้วยความเบื่อหน่ายนิสัยของเขาแล้วหันไปตั้งใจฟังเสียงอีกครั้ง ในขณะที่มังกรดำอย่างโจวเหวินหลงสัมผัสถึงพลังมารที่ไม่เคยรู้สึกถึงมาก่อนได้แต่ยังคงนิ่งเงียบเอาไว้

ข้างในนั้น กงจื่อเย่มองร่างที่อยู่ตรงหน้าพลางจับมือน้อย ๆ เอ่ยพึมพำ “อีนั่ว ตื่นได้แล้ว”

เด็กน้อยในวันวานยังคงนิ่งเฉยราวกับปฏิเสธไม่ฟังคำของจอมมารผู้ยิ่งใหญ่

“ข้าขอโทษที่ทำร้ายเจ้าในวันนั้น แต่เจ้าเป็นครึ่งมาร ความเจ็บนั้นเทียบเท่ามดกัดยังไม่ได้เลย” จอมมารกำลังทำบางอย่างเพื่อปลุกให้บุตรชายตื่นจากภวังค์

คำพูดเปรียบเทียบทำให้ร่างตรงหน้าตงิดใจ ทั้งโกรธ เสียใจและน้อยใจที่บิดาทำกับเขาแบบนั้นจนไม่อยากฟื้นขึ้นมา

อันที่จริงแล้ว หลังจากที่กงจื่อเย่ฆ่าเขาด้วยมือของตัวเอง อีนั่วตกใจสุดขีดจนวิญญาณกระเด็นหายไปชั่วคราว

ทว่า ร่างกายครึ่งมารปีศาจของเขาแข็งแกร่งเหนือผู้ใด นั่นก็เพราะคนเป็นบิดาตั้งใจสร้างเขาขึ้นมาอย่างประณีต ทั้งร่างกายและวิญญาณจึงไม่สูญสลาย

อีกทั้งหลิวอิงอิงยังคอยร่ายกระแสพลังมารให้ตลอดเวลาร่างมารจึงยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

ยิ่งเมื่อได้รับพลังจากจอมมารโดยตรงแล้ว ร่างของอีนั่วยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม วิญญาณที่หลุดลอยไปหลายปีจึงถูกดึงกลับมายังร่างว่างเปล่าโดยปริยาย

เด็กตัวน้อยจดจำทุกอย่างในวันนั้นได้ เขาอุตส่าห์ดีใจที่บิดากลับมาหา แต่เวลานั้นจอมมารบ้าคลั่งกระหายเลือดอยากเอาชนะจึงคิดทำลายสิ่งที่มีค่าของอู๋เยว่ชิง

อีนั่วจึงถูกกระทำเหมือนเหยื่อคนอื่น ๆ สายตาของเขาที่มองกงจื่อเย่ตอนนั้นเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจว่าเหตุใดบิดาจึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้

“เสด็จพ่อ ข้าเจ็บ...” เขาพยายามดิ้นรนหนีไปแต่สู้แรงไม่ได้ น้ำตาคลอเบ้าเพราะหวาดกลัวคนตรงหน้าที่กำลังแสยะยิ้ม

ความเจ็บในครั้งนั้นแม้จะน้อยกว่ามดกัดอย่างที่พูดแต่ก็อดทำให้เขาทรมานใจไม่ได้จึงไม่ยอมกลับร่างตนเองมานานนับสิบปี

ใครต่อใครต่างคิดว่ามารน้อยตายจากไปแล้ว มีเพียงแค่กงจื่อเย่ที่รู้ว่าบุตรชายเพียงแค่หลบหน้าหนีหายจากเขาเท่านั้น

“แม่ของเจ้าคงรู้สึกเช่นเดียวกับเจ้ากระมังจึงไม่ยอมมาพบข้าบ้างเลย” จอมมารกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับสำนึกผิด

เขาร่ายพลังทั้งหมดตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อเรียกวิญญาณของลูกชายกลับคืนร่างเดิมแต่ไม่อาจบังคับให้เด็กน้อยฟื้นได้หากเจ้าตัวไม่เต็มใจ

เวลานี้ทำได้แค่โน้มน้าวเพราะรู้ว่าอีนั่วเป็นคนเดียวที่จะสามารถช่วยเขาตามหาคนรักได้

“เจ้าไม่คิดถึงมารดาหรือ” น้ำเสียงกงจื่อเย่เศร้าสร้อย “คงไม่ใช่เช่นนั้นสินะ เจ้าคงโกรธข้ามากกว่า”

อีนั่วยังคงนิ่งเฉยไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นและเวลานี้ยังไม่รู้เลยว่าบิดาของเขากำลังพร่ำพูดอะไรที่เขาไม่เข้าใจ

เสด็จแม่ไม่อยู่ด้วยหรือ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเสด็จพ่อตรัสเช่นนั้น นี่มันเรื่องอันใดกัน

ความคิดเหล่านั้นวนเวียนในใจของอีนั่วจนนึกอยากกลับเข้าร่างแล้วถามไถ่ให้รู้แล้วรู้รอด หากแต่ความรู้สึกปวดร้าวกับเหตุการณ์ในอดีตยังอยู่จึงอดทนเอาไว้แล้วหาคำตอบด้วยตัวเอง

“ช่างเถอะ” กงจื่อเย่ถอนหายใจรู้ความผิดของตัวเองดีจึงบีบมือน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน “หากข้าพานางมาหา เจ้าจะยกโทษให้ได้หรือไม่”

จอมมารไม่รู้ตัวเลยว่าทำไมผู้ยิ่งใหญ่อย่างตนต้องเอาใจครึ่งมารที่อยู่ตรงหน้าขนาดนี้ แต่รับรู้บางสิ่งอย่างแน่ชัดว่าอีนั่วคือสัญญาของความรักระหว่างเขากับอู๋เยว่ชิง

หากอีนั่วยังมีชีวิตอยู่ บางทีนางอาจจะยอมให้อภัยเขา ยกโทษให้แล้วกลับมาหากัน อยู่ด้วยกันเหมือนเช่นในวันวาน

ท้ายที่สุดแล้ว กงจื่อเย่จึงตัดสินใจปล่อยให้อีนั่วได้พักผ่อนเพียงลำพัง คิดในใจว่าคนผู้เดียวที่จะปลุกบุตรชายได้คงจะเป็นมารดาที่เขารัก จอมมารลูบศีรษะอย่างแผ่วเบาบอกกับเขาว่า “ข้าจะพามารดาของเจ้ามาที่แห่งนี้ อดทนรอหน่อยเถิด เมื่อถึงวันนั้นแล้วหวังว่าเจ้าจะยกโทษให้ข้าได้หรือไม่”

“...” อีนั่วนิ่งเฉย ไม่รับรู้สิ่งใดจนกระทั่งกงจื่อเย่หายตัวไปจากที่แห่งนั้นแล้วลูกน้องทั้งสามเข้ามาข้างในแทนที่

เฉินซือหยางยังคงไม่เข้าใจคำสั่งของเจ้านายจึงเอ่ยถามคนที่เหลือ “นายท่านออกมาข้างนอกครานี้เพื่อไปตามหาวิญญาณของนางหรือ ทำไมกันเล่าหรือว่าหลงรักศัตรูที่จะฆ่าตัวเองอย่างนั้นหรือ”

“เหตุใดเจ้าจึงสงสัยนักหนา ไม่รู้สักเรื่องจะได้หรือไม่” หลิวอิงอิงที่เป็นคู่ปรับถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ร่างของอีนั่วที่ถูกผนึกเอาไว้ เอ่ยพึมพำ “หน้าที่เดิมของข้ากลับมาแล้วสินะ”

โจวเหวินหลงเอื้อมมือสัมผัสร่างเด็กน้อยด้วยความอยากรู้เพราะพลังมารที่รู้สึกได้มีต้นกำเนิดมาจากตัวเขา “ยังไม่ตายหรอกหรือ”

คำพูดของเขาทำให้สหายทั้งสองมองหน้ากัน “หมายความอย่างไร เป็นไปไม่ได้หรอก”

โจวเหวินหลงยังคงยืนยันคำเดิม “ยังมีชีวิตอยู่อีกทั้งยังแข็งแกร่งมากด้วยเพียงแต่ไร้วิญญาณ”

“ร่างไร้วิญญาณก็หมายความว่าตายไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้าจึงพูดอะไรให้ซับซ้อน” เฉินซือหยางขมวดคิ้วนิ่วหน้าแล้วเดินเข้าไปใกล้ร่างนั้นลองสัมผัสเหมือนอย่างที่โจวเหวินหลงทำพลันเบิกตาโตตกใจ “ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ด้วย”

หลิวอิงอิงนึกถึงคำพูดของเจ้านายเมื่อครั้งก่อนจึงยิ้มมุมปาก “เห็นทีคงจะไม่ต้องกังวลเรื่องมารปีศาจที่เกิดใหม่นั่นแล้วล่ะ ในเมื่อตัวแทนของนายท่านอยู่ตรงนี้แล้ว อีกทั้งยังเป็นครึ่งมารปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าพวกเรา สงสัยนายท่านจะตั้งใจสร้างเขาขึ้นมาจริง ๆ”

“เสียดายก็แต่มีครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์ แม้ร่างมารดาที่ให้กำเนิดจะเป็นเทพจุติมาแต่ก็ไม่มีพลังนั้นด้วย มิอย่างนั้นแล้วคงมีเรื่องสนุกน่าดู” เฉินซือหยางเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “หากคนในภพสวรรค์รู้เข้าจะทำอย่างไรกัน จะมาฆ่าเจ้าเด็กน้อยหรือว่าฆ่านางที่ให้กำเนิดมารปีศาจหรือไม่”

โจวเหวินหลงส่ายหน้าพลางเดาใจจอมมารผู้เป็นเจ้านาย “ในเมื่อตั้งใจเรียกวิญญาณเขากลับมาถึงเพียงนี้ นายท่านคงไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องเขาหรอก เจ้าเองระวังความคิดเอาไว้หน่อยเถิด คิดก่อนพูดเสียบ้าง มิเช่นนั้นอาจตายเพราะปากได้”

“ยังไม่ทันได้เห็นพลังครึ่งมารปีศาจ พวกเจ้าก็ตีตนกลัวไปก่อนไข้แล้วหรือ อ่อนหัดเสียจริง ๆ” เฉินซือหยางยิ้มร่า “เจ้าเด็กน้อยอาจจะกลัวนายท่านจนไม่กล้ากลับเข้าร่างแล้วก็ได้”

ทั้งสามผลัดกันแสดงความเห็นไปมาโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามารน้อยกำลังฟังคำพูดอย่างจริงจังจนจับใจความได้ว่าหลังจากที่จอมมารทำร้ายเขา มารดาก็เสียใจที่ถูกทรยศหักหลังจนแตกสลาย

วิญญาณอีนั่วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟนิ่วหน้าเอ่ยเสียงดัง “ทำกับเสด็จแม่ถึงขนาดนั้นแล้วคิดจะให้ข้ายกโทษให้อย่างนั้นหรือ ไม่มีทางเด็ดขาด!”

วันนั้น ลูกน้องจอมมารทั้งสามได้เห็นพลังที่ระเบิดออกมาจากร่างของมารน้อยในพริบตาพลันได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวดังลั่นจนนิ่งงันโดยไม่รู้ตัว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 77 ไม่ต้องกลัว

    ร่างของคนสกุลสวีถูกทหารนำใส่รถเข็นไม้ลากเลื่อนมาทิ้งไว้ในป่าลึกเพื่อให้สัตว์ที่อาศัยอยู่มากินถือเป็นการทำประโยชน์อย่างหนึ่งครั้งสุดท้ายในชีวิตทหารนายหนึ่งเหงื่อผุดเต็มใบหน้ารู้สึกว่ามีลางสังหรณ์แปลก ๆ จึงรีบบอกให้เพื่อนที่มาด้วยกันรีบขนศพพวกเขาลงไปกองไว้ที่พื้น“จะเร่งข้าทำไมนักเล่า” เขาบ่นหงุดหงิดที่ถูกรบเร้าให้รีบทำรีบเสร็จ“ไอ้นี่ เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าป่าลึกข้างหน้าชอบมีพวกปีศาจมาเพ่นพ่าน” ทหารคนเดิมพูดพร่ำเพ้อถึงข่าวลือที่ได้ยินมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ส่วนคนที่เหลือต่างพยักหน้าเห็นด้วย หากไม่จำเป็นจะไม่มาเหยียบพื้นที่ตรงนี้เด็ดขาด“กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ข้าบอกแล้วว่าอย่าไปฟังเรื่องเล่าจากปากคนขี้เมานัก” เขาส่ายหน้าแล้วหันรถเข็นกลับไปที่ทางออกพลันได้ยินเสียงส

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 76 หญิงคณิกา

    คุณหนูสกุลสวีตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงร้องของพวกเขาภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ตะลึงงันจนทำอะไรไม่ถูก หันไปดูบิดาทางซ้าย กวาดตามองไล่เลี่ยมาทางขวา มารดาและพี่ชายกลับอยู่ในอาการไม่ต่างกัน“ท่านพ่อ ท่านแม่” นางตะโกนเสียงดังเรียกสติพวกเขา พยายามประคองใครคนหนึ่งขึ้นมา ร้องเรียกทหารนอกคุกที่ยืนเฝ้าเวรยามด้วยความกลัวสุดขีดทุกคนที่มาถึงต่างมองหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักโทษชั้นสูง หากแต่ประเมินแล้วว่าอาการที่แสดงออกมาเหมือนโดนพิษอะไรสักอย่างจึงทำท่าครุ่นคิดขึ้นมาทันใด“ข้าขอร้อง ตามหมอมารักษาครอบครัวข้าได้หรือไม่” นางอ้อนวอนคนตรงหน้า น้ำตาเอ่อคลอเบ้า“แต่ว่า...” หนึ่งในนั้นลังเลเพราะไม่รู้ว่าคนสกุลสวีถูกใบสั่งจากผู

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 75 สอบเค้น

    หลังจากถูกจับตัวไปครบเจ็ดวันทางการยังคงไม่ได้ข้อมูลใดเพิ่มเติมจากคนสกุลสวี พวกเขายืนยันอย่างเดิมเหมือนทุกครั้งว่าตนเองบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยคิดร่วมมือกับผู้ใดก่อกบฏอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่คำพูดของพวกเขาเป็นเพียงลมปากไร้หลักฐานใด ๆ จึงไม่มีใครเชื่อ อีกทั้งคนเหล่านั้นยังทำหูทวนลมเพราะเป็นพวกเดียวกันกับขุนนางชั่วคืนนั้น“ท่านพ่อ ท่านพี่” สวีลู่ชิงกระซิบเรียกคนทั้งสองที่นิ่งงันสลบไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าและลำตัวมีแต่รอยเขียวช้ำเต็มไปหมด เลือดสีแดงแห้งติดเสื้อผ้าเป็นทางคุณชายสวีลืมตามองผู้เป็นน้องสาว นึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่เป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวต้องมาผจญความลำบากเช่นนี้ เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะตกหลุมพรางง่ายดายเพียงนั้น“พวกเขาทำอันใดเจ้าหรือไม่

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 74 ถูกใส่ร้าย

    จากนั้นไม่นานใต้เท้าสวี ฮูหยินและสวีลู่ชิงถูกนำตัวออกมาจากจวน นางหันมองบ้านที่เคยอยู่ เวลานี้ผู้คนในนั้น บ่าวรับใช้ เสี่ยวมู่กำลังดิ้นรนบอกว่าตนเองไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นระหว่างถูกควบคุมตัวไปสอบสวน พวกเขาต้องเดินผ่านตลาดและหมู่บ้าน แม้จะเป็นสถานที่คุ้นเคยแต่ครั้งนี้ความรู้สึกนั้นกลับไม่เหมือนเดิมเพราะแววตาที่ชาวบ้านมองมากำลังกล่าวโทษว่าพวกเขาเป็นคนทรยศต่อบ้านเมืองสวีลู่ชิงเดินรั้งท้ายขบวนจึงตกเป็นเป้าโจมตีได้ง่ายเมื่อชาวบ้านคนหนึ่งขว้างสิ่งของเพื่อจะลงโทษนางให้สมกับความผิดที่ได้ทำทว่า ใครบางคนกลับพุ่งตัวเข้ามาโอบกอดนางไว้ไม่ยอมให้ของเหล่านั้นเฉียดร่างกายแม้เพียงเสี้ยว“คุณหนู” น้ำเสียงห่วงใยทำให้สวีรู้ชิงรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่ในความฝัน &ldquo

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 73 เอ่ยคำรัก

    ปิ่นหยกลายดอกโบตั๋นจึงปรากฏบนเรือนผมของคุณหนูสกุลสวีนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเจ้าของดวงตาสีม่วงแดงมองคนตรงหน้าไม่วาง ยิ้มกว้างปลื้มใจที่นางรับของขวัญจากเขาไปราวกับรับความรักที่เขามีให้ไปด้วยสวีลู่ชิงรู้สึกได้ว่าคนผู้นั้นจริงใจกับนางมากแค่ไหน แม้จะให้สถานะเป็นเพียงสหายแต่ก็ยอมปักปิ่นให้เขาได้ชื่นใจเวลานี้นางไม่เคยได้ออกไปเยี่ยมเขาที่นอกหมู่บ้านอีกเลย เพราะกงจื่อเย่มักแอบมาหานางในยามซวีทุก ๆ สองหรือสามวันเพื่อนำดอกซือเมิ่งสีฟ้าที่นางโปรดปรานมาให้“ทำงานทั้งวันไม่เหนื่อยหรืออย่างไรจึงมาหาข้าถึงจวน” สวีลู่ชิงเอ่ยถามคนข้างกาย รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำงานมากแค่ไหนและพยายามมาหานางถึงที่นี่ทั้ง ๆ ที่เดินทางมายากลำบากนัก“ไม่เหนื่อยเลยขอรับ” เ

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 72 ยกเลิกหมั้นหมาย

    สวีต้าเฟิงไม่ได้ลงมาตามจับหลานชายของตัวเองเพียงเท่านั้นแต่ยังมาเตือนกงจื่อเย่ผู้เป็นบิดาของมารน้อยด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนทุกครั้งจอมมารนิ่งเฉยเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการพูดเรื่องอะไร แต่มักทำหูทวนลมอยู่ร่ำไป คิดอยากทำตามใจตัวเองตามประสาเป็นทุนเดิม“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าอย่ายุ่งเกี่ยวกับโชคชะตาของนาง เหตุใดเจ้าถึงไม่ฟังข้าบ้างเล่า” เทพวายุพยายามข่มใจลดน้ำเสียงลงราวกับวอนขอให้อีกฝ่ายทำตามที่เขาบอก“เจ้ามาโทษข้าเรื่องอันใด ไม่เห็นหรือว่าข้าอยู่ในสภาพแทบพิการ ต่ำต้อย ไม่มีชื่อเสียงเงินทอง มิหนำซ้ำสุขภาพยังย่ำแย่ทรุดโทรมจะมีเวลาไปสร้างเรื่องอันใดให้เจ้าหนักใจอีก” กงจื่อเย่นิ่วหน้าพูดตามความจริง“ดาบเขี้ยวอสูรของเจ้าบินว่อนภพสวรรค์สร้างความแตกตื่นให้ผู้คนบนนั้นคิดว่าเจ้าจะยึดคร

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status