กู๋กุ่ย (คุณลุงผี)
ภายในห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ มีชั้นหนังสือสูง ๆ อยู่มุมหนึ่ง กลางห้องเป็นโต๊ะพับลายตัวอักษรและตัวเลข พร้อมสมุดวาดรูป ดินสอสี และของเล่นอีกหลายอย่างที่ถูกเด็กทั้งสองคนรื้อออกมาเล่น และไม่ทันได้เก็บ
นานแล้วที่แม่บอกให้รออยู่ที่นี่ ซึ่งผิงกั่วได้แต่ยืนแข็งเป็นหุ่นยนต์ขวางอยู่หน้าประตู เพราะน้องชายกำลังจะก่อเรื่อง เซียงเจียวหน้าหงิกหน้างอเมื่อเห็นพี่ชายเฝ้าประตูอยู่อย่างนั้น
“น้องเป็นผีดูดเลือด จะกัดแล้วนะ แฮร่ ๆ ถอยไปเฮียผิง”
ผิงกั่วยืนนิ่ง คำสั่งแม่บอกไว้ชัดเจนว่าไม่ให้ใครออกจากห้องนี้ หากแม่ไม่มาเรียก เขาเชื่ออย่างนั้น และจะทำตามโดยไม่บิดพลิ้ว ด้วยก่อนหน้านี้ยังจำได้ว่าเวลาแม่โมโหทำให้เขากลัว อีกอย่างตอนที่แม่โมโหมาก ๆ แล้วสลบไปนั้น ใจเขาแทบจะแหลกสลาย เขาเสียใจ เป็นทุกข์ ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก!
“เฮียผิง ถอย!” เซียงเจียวว่าเสียงสูง ๆ ซึ่งอีกไม่นานหากยังถูกขัดใจอยู่แบบนี้เขาจะร้องให้ลั่นบ้านเลย
“นั่ง” ผิงกั่วออกคำสั่ง
“ไม่... น้องจะออกไปข้างนอก เฮียผิงเห็นเค้กนั่นไหม มัมมี้ทำสวย มันน่ากิน หอมด้วย เราไปกินกันเถอะ รับรองไม่มีใครรู้ อิ ๆ ๆ”
น้องชายบอกพร้อมกับทำตาเล็กตาน้อย คำเชิญชวนนั้นทำให้ผิงกั่วแอบกลืนน้ำลาย เขาหิวจนไม่อยากทำอะไรแล้ว เมื่อเช้ากินขนมปังไปนิดหน่อย เพราะเซียงเจียวกินยังไงก็ไม่อิ่มเขาเลยต้องแบ่งให้มากหน่อย ส่วนเขาอยากกินนมในตู้เย็น แต่เยว่จือบอกว่าแม่ไม่อนุญาต อีกทั้งก่อนหน้านี้เขาต้องอยู่เฝ้าแม่หลายชั่วโมง เพราะกลัวแม่จะหลับยาวไม่ลุกขึ้นมาอีก กระทั่งแม่ลืมตาตื่นขึ้นมาและกอดเขาไว้แน่น ๆ ผิงกั่วก็รู้ว่าแม่รักเขา และฟังคำอธิษฐานของเขาที่อยากให้แม่ตื่นขึ้นอีกครั้ง และกลับมาอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวแสนอบอุ่นอย่างที่ป้าลี่เคยสอนไว้
“มัม ๆ ให้เจียวเกอรออยู่ที่นี่”
“แต่น้องหิวนี่นา อยากกินไข่เหลืองนุ่ม มันบด แล้วก็เค้กกล้วย เฮียผิงไม่หิวก็อยู่ที่นี่คนเดียวสิ น้องจะไปฟาดให้เกลี้ยงเลย” เอ่ยจบเขาก็ไม่คิดจะออกไปทางประตู ด้วยเขาเคยใช้เก้าอี้ปีนขึ้นไปเปิดหน้าต่างในห้องนั่งเล่นได้ เรื่องกล้วย ๆ แค่นี้ เขาถนัดที่สุด
“ทำไร”
“น้องเป็นนินจา!”
เซียงเจียวเอ่ย เขาว่องไว เลื่อนเก้าอี้ได้ก็ปีนขึ้นไปเกาะขอบวงกบหน้าต่าง จากนั้นจึงคลายกลอนออกด้วยมือเล็ก ๆ เขาออกแรงอยู่หลายหน กระทั่งบานหน้าต่างแง้มเปิด เขาก็เตรียมจะกระโดดลงไปยังพื้นข้างนอกบ้าน แต่เด็กน้อยกลับต้องหวีดร้องลั่นด้วยความตกใจ
“แว้ก ผะ ผะ ผี!”
เงาของบางสิ่งโผล่มาขวางเขา มันเป็นเงาร่างสูงใหญ่ ผิงกั่วที่อยู่ข้างหลังน้องชายเองก็ตกใจอยู่เหมือนกัน แต่เขาเป็นคนกล้าหาญอย่างที่สุด จึงคว้าดาบไม้ของเล่น ตั้งใจช่วยน้องชายจากผีร้าย
ทว่าไม่ทันได้ทำสิ่งใด เซียงเจียวกลับหัวเราะร่วน
“ผะ ผี... กู๋กุ่ยมาแล้ว!”
เซียงเจียวหัวเราะเอิ้กอ้าก เขาคิดถึงลุงผีมาหลายวัน ในที่สุดอีกฝ่ายก็โผล่มา และเล่นผีหลอกด้วย
“ให้น้องจุ๊บไหมลุงผี”
เด็กชายว่าแล้วก็อ้อนเขาอย่างหนัก
“ลุงตัวเหม็น...”
“ฮิ ๆ ๆ น้องยังไม่อาบน้ำ แต่หอมมาก” เซียงเจียวว่าแล้วเกาะคออีกฝ่ายแน่นราวกับเป็นลูกแมวน้อย ในขณะนั้นชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าลุงผีก็ปีนหน้าต่างพาเด็กชายกลับเข้ามาในห้อง ก่อนพบว่ามีอีกร่างที่เจ้าเนื้อกว่าเซียงเจียว เขากำดาบจีนของเล่นไว้มั่น พอลุงผียืนบนพื้นได้เท่านั้น ดาบในมือก็พุ่งเข้าไปฟันขาชายหนุ่มสามสี่ทีแบบรวดเร็ว
“ย่าห์ ๆ ๆ ตายซะเถอะ ผะ ผีร้าย”
คนตัวโตหัวเราะชอบใจ เด็กคนนี้โหดพอตัว และรู้จักระวังตัว ทั้งไม่ชอบหน้าเขาสักเท่าไร
ผิงกั่วไม่ยอมให้ลุงผีเข้าใกล้ ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขายังพยายามจะเข้ามาทำร้ายชายหนุ่มด้วยดาบของเล่นในมืออีกรอบ
คนตัวโตนี้ เขาไม่ชอบใจเลย เพราะแค่เซียงเจียวหน้าเหมือนเขาก็น่ารำคาญที่สุดแล้ว ด้วยมีคนทักผิดบ่อย ๆ แต่ผู้ชายคนนี้กลับมีดวงตา ปาก กับคิ้วหนา ๆ คล้ายเขาและน้องชาย หากอยู่ใกล้กัน แม่กับเยว่จือต้องเรียกผิดคนแน่ๆ
“กู๋กุ่ย ปะ ไป!”
ผิงกั่วยกดาบขู่และทำท่าไล่คนตัวโตอย่างจริงจัง
“เฮียผิง วางดาบลง นี่เห็นไหม ลุงผีมีขนมมาฝากน้องด้วย”
ผิงกั่วส่ายหน้า จากนั้นจึงแยกเขี้ยวขู่ลุงผี ไม่เพียงแค่แยกเขี้ยว แต่เขายังส่งเสียงขู่คำรามด้วย มองดูแล้วคล้ายลูกเสือที่ดุเอาเรื่อง
ชายหนุ่มเห็นท่าทางของเด็กชาย เขาก็คิดหาทางผูกมิตรจึงล้วงเข้าไปในเสื้อ ก่อนจะได้โกโก้แบบแท่งมาหนึ่งอัน มันคือขนมแบบใหม่ล่าสุดที่กำลังโด่งดังและได้รับความนิยม ราคาเกือบสองดอลลาร์ต่อแท่งทีเดียว ซึ่งแน่นอนวาสสองแฝดไม่เคยกินมาก่อน
ผิงกั่วทำหน้าฉงน ทว่าพอเห็นมือใหญ่ ๆ แกะเปลือกขนมออก จมูกเขาก็เริ่มขยุกขยิก มันหอม มีกลิ่นหวาน ๆ ด้วย เขาไม่แน่ใจว่ามันคือสิ่งใด แต่คุ้นว่าคล้าย ๆ ผงโกโก้ที่แม่เคยชงอุ่น ๆ ให้ดื่มตอนเช้า ที่มันทั้งหวานหอมและทำให้อิ่มท้อง แต่รสชาติดังกล่าวหายไปนานแล้ว ยามนี้ที่บ้านมีก็แค่ไข่ต้ม น้ำเต้าหู้ที่เยว่จือไปขอมาจากโรงทาน แล้วก็พวกขนมไข่แข็ง ๆ ที่กินแล้วถ่ายแทบไม่ออก!
“อะไร!” เด็กชายถามเสียงห้วนอยู่สักหน่อย ตอนนี้น้ำลายมันเอ่อท่วมปาก
“โกโก้แบบแท่ง ผิงเกอ... อยากลองชิมไหม”
“มัมมี้ มะ ไม่ให้ กะ กิน” เขาตอบอย่างนั้น เพราะแม่บอกว่าห้ามรับของคนแปลกหน้า พร้อมกำชับให้ระวังให้มาก เพราะอาจถูกหลอกแล้วอุ้มขึ้นรถตู้ ซึ่งเขาจะไม่ได้กลับมาที่บ้านอีก
“แต่ตอนนี้แม่ไม่อยู่ มีแค่ลุงกับเจียวเกอเท่านั้น”
ผิงกั่วเกือบจะเข้าไปแย่งของในมือคนตัวโตที่หน้าเหมือนเขาแล้ว แต่ยั้งใจเอาไว้ทัน แม้จะหิวมาก ทว่าอีกฝ่ายคือคนแปลกหน้า เป็นกู๋กุ่ยที่แม่พยายามไล่อยู่หลายหน แต่สุดท้ายก็ปีนเข้ามานอนในบ้าน ทำตัวเหมือนแมวตัวผู้ที่รักสนุกให้แม่ต้องบ่น ต้องหาที่นอนให้เขา เพื่อซ่อนสายตาคนอื่นอยู่หลายวัน
“ไม่ต้องกลัว เอ้านี่... เจียวเกอคนเก่งจะกินให้ดู” ลุงผียื่นโกโก้แท่งหนึบอีกอันส่งให้เซียงเจียว และเด็กชายแกะอย่างรีบร้อน ก่อนกัดคำโต ๆ โดยแทบไม่ได้เคี้ยว เพราะอยากจะรีบกลืนลงคอ
“ช้า ๆ เจียวเกอ เดี๋ยวติดคอครับ” ลุงผีเตือน ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ไม่กี่วินาทีของในมือเซียงเจียวก็หายแวบไปราวกับเล่นมายากล
ยามนั้นผิงกั่วถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ท่าทางเขาคิดไม่ตกและกำลังพ่ายแพ้ต่อความหิว
“ผะ ผมกิน ดะ ได้... ไหม”
ความสุภาพและดวงตากลมโตยามแสดงความขอร้องของเขาทำให้ลุงผีใจอ่อนยวบ อันที่จริงหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ว่างจะมาที่นี่ ทว่าสุดท้ายเมื่อแวะมาก็ทราบว่าครอบครัวเล็ก ๆ กำลังประสบปัญหาหนัก แก๊งมังกรซิ่งขู่เรียกเก็บดอกเบี้ย และถึงขั้นทำร้ายเยว่จือ เด็กสาวที่ทั้งซื่อและบริสุทธิ์
และถึงจะรู้เห็นเช่นนั้น แต่อันที่จริงเขาไม่ควรยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะผู้หญิงอย่างม่านอวี้อันอวดดี แถมยังรวมหัวกับลุงและป้าของเธอ ร่วมกันหลอกลวงเขา จนทำให้เขาต้องนอนเป็นผักเกือบครึ่งปีในเหตุการณ์ก่อการณ์ร้ายครั้งใหญ่
พอเขาฟื้นตัวก็พบว่าตนมีแผลเป็นที่ข้างแก้มขวา แม้จะรักษาอย่างดี แต่มันก็ยังปรากฏชัดคล้ายหลุมลึกของลักยิ้ม ซึ่งชายหนุ่มไม่ชอบมันเอาเสียเลย เพราะมันทำให้เขาดูเหมือนผู้ชายที่มีความสุขอยู่ตลอด ด้วยการมีลักยิ้มแปะบนใบหน้า! ทั้งที่ความจริงมันคือสิ่งย้ำเตือนให้เขารู้ว่าตนถูกคนในครอบครัวหักหลังผ่านการจัดฉากแต่งงานแสนกระจอกที่ส่งตัวเจ้าสาวที่เขาไม่ต้องการมาให้ ทว่าสุดท้ายเขาที่ถูกมอมทั้งเหล้าและยาก็ขึ้นเตียงกับหญิงสาวแสนนุ่มนิ่มโดยที่เธอไม่ได้ขัดขืน แต่กลับยอมฝืนแสดงบทรักครั้งนั้นแบบโอนอ่อนผ่อนตาม และสุดท้ายทั้งเขาและเธอก็โหยหากันและกันราวกับตกหลุมรักแบบไม่ทันตั้งตัว
เขาสลัดสิ่งที่อยู่ในหัวทิ้ง มองเด็กชายผิงกั่วที่ยื่นมือมารับขนม มือเล็ก ๆ สั่นอยู่สักหน่อย เขาจึงอาสาช่วยแกะเปลือกขนมให้
“อร่อย!”
ผิงกั่วกัดคำเล็ก ๆ พอเขายิงฟันก็เห็นว่าโกโก้แท่งหนึบหนับติดฟันเป็นสีน้ำตาลเข้มจนดูเหมือนว่าเขาฟันหลอ
เซียงเจียวมองมาที่พี่ชาย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังกินไม่หมดก็จ้องเขม็ง อยากขอแบ่งบ้าง
“น้องหิว... เฮียผิง...”
เสียงอ้อนนั้นมาพร้อมการทำตาเป็นประกายวิบวับ ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เขารอให้ผิงกั่วเป็นฝ่ายตัดสินใจ ซึ่งแน่นอนคนเป็นพี่ชาย ผิงกั่วหักโกโก้แท่งออกเป็นสองส่วนแล้วยื่นให้เซียงเจียว
“กินด้วยกัน”
ภาพตรงหน้าทำให้คนที่มองอยู่ อดคิดไม่ได้ว่า จะดีเพียงใดหากเด็กชายทั้งสองคนเป็นลูกของเขาจริง ๆ และเขาจะทำให้ฝาแฝด กินอิ่ม นอนหลับสบาย พร้อมวางแผนอนาคตที่ดีให้
“อันเอ๋อร์ที่ผ่านมา แม่ไม่น่าเป็นตัวอย่างไม่ดีแก่หนูเลย ต่อไปไม่เอานะ อย่าเท้าสะเอว ตีหน้ายักษ์ และแยกเขี้ยวขู่คนอื่นอีก ดูสิพวกเขาเหมือนหมาจนตรอกแค่ไหน ไม่มีทางสู้ลูกได้เลย” ม่านอวี้อันหันมาทางลี่ฮุ่ย และตอบว่า “สบายใจได้ค่ะ ฉันแค่ทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขารู้ว่า คุณแม่ลูกแฝด ที่ชื่ออวี้อันไม่ได้อ่อนแอ ใครจะมารังแกไม่ได้เด็ดขาด ที่สำคัญเมื่อกี้ฉันไม่ได้จำมาจากที่แม่เคยโวยวายใส่ ทั้งหมดมันออกมาจากความรู้สึกข้างในต่างหากค่ะ” “ยังไงก็เถอะ ห้ามเลยนะ ถ้าต้องจัดการคนพวกนี้อีก ให้แม่กับเพื่อนๆ ไล่ดีกว่า อันเอ๋อร์จะได้ไม่ต้องเก็บเรื่องไร้สาระมาหนักหัวเปล่าๆ ลูกสมควรทำอาหาร และดูแลหลานให้แม่ดีที่สุด” ลี่ฮุ่ยว่าอย่างเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ เอาเป็นว่าลูกสาวคนนี้ จะพยายามเชื่อฟังให้มากที่สุด” ลี่ฮุ่ยส่ายหน้า และเอ่ยว่า “ไม่ใช่พยายามเชื่อฟัง อันเอ๋อร์ต้องทำตามที่แม่ขอร้องรู้ไหม” หญิงวัยกลางคนเอ่ยจบ หล่อนก็พาลูกสาวบุญธรรมกลับเข้าไปในงาน เป็นตอนนั้นที่ประทัดถูกจุดขึ้นนับพันดอกเพื่อแสดงความยินดี ในงานมงคล ผิงกั่ววิ่งมาหาม่านอวี้อัน และยิ้มกว
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ คุณนี่เอง ลูกชายนายท่านหยวน มีข่าวว่าตายในกองเพลิงหาศพไม่เจอ นั่นคงเป็นการกุเรื่องสินะ คงกลัวคนจะรู้ว่าคุณเป็นต้นเหตุทำให้พี่ชายตาย!” แจ็คสันไม่ได้หลงกลสิ่งที่ม่านหงกล่าว ซึ่งเขาไม่ได้ทำให้ปีเตอร์เสียชีวิต ทุกอย่างเป็นอุบัติ มันเกิดขึ้นจากการก่อการร้ายครั้งใหญ่ และหลังจากเขาบาดเจ็บหนัก ก็นอนสลบไปหลายเดือน เมื่อฟื้นขึ้นก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนสกุลหยวนอีก นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่า ครอบครัวทำธุรกิจมืด และเงินที่ได้มาไม่บริสุทธิ์ “ดูเหมือน คุณจะรู้หลายสิ่ง เลยคิดเอาเรื่องนี้มาบีบบังคับผมกับภรรยา แผนตื้นเขินแบบนี้ ใช้ไม่ได้หรอก อีกอย่างผมนามสกุลหยวนก็จริง และเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถึงอย่างนั้นผมได้เลือกใช้ชีวิตเรียบง่ายกับภรรยา และลูกๆ เรื่องไหนที่เป็นอดีต ไม่ขอรื้อฟื้น” ม่านหงยิ้มเยาะ แจ็คสันช่างเป็นคนขี้ขลาด เขาเป็นถึงลูกชายคนกลางหยวนเฉาคัง ทว่ามักน้อย ไม่กล้ากลับตระกูลใหญ่ นั่นเพราะแต่เดิมก็อยู่หลังพี่ชายคนโต คอยหลบเลี่ยงปัญหา ทว่าลูกชายแจ็คสัน มีประโยชน์ต่อม่านหงในยามนี้ เด็กฝาแฝดสองคนนั้นต้องหาเงินให้เขาเป็นกอบเป็นกำ “ถึงอย่างไร ทายาทของนา
ฝ่ายลี่ฮุ่ยชิมโดนัทไปสองชิ้นเล็ก และหล่อนทึ่งทีเดียว “ของแบบนี้ จะมาทำกินกันแค่ในบ้านไม่ได้ แม่ว่าใช้เป็นเมนูพิเศษ เลยดีไหม ทำป้ายขายตามไฟแดง หรือทำเพิงเล็กๆ ติดถนนให้คนจอดซื้อได้สะดวกๆ เราเอากำไรน้อยๆ ขายจำนวนมาก เพื่อสร้างอาชีพให้คนอื่น” ม่านอวี้อันพยักหน้าเห็นด้วย ซึ่งความตั้งใจเธอเป็นเช่นนี้ อาหารที่ทำราคาต้องจับต้องได้ เหมาะกับคนหลากหลายวัย พอหญิงสาวหันไปมองแจ็คสันที่อมยิ้มในสีหน้า เธอก็เอ่ยถาม “บอกได้หรือยังคะว่า ทำไมถึงให้ฉันเป็นเหมือนขนมโดนัท” “อ่อ เพราะเมียจ๋าของผัว น่ารักแสนดีและหอมหวาน อีกอย่าง...ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุข เหมือนโดนัทไง ตัวกลมๆ มีรูปตรงกลาง ดูแล้วยิ้มได้ตลอด” ม่านอวี้อันฟังสิ่งที่เขาพูดแล้วนึกแปลกใจ “ถึงจะพิลึกอยู่สักหน่อย แต่ฉันถือว่าเหล่ากงชมนะคะ แล้วนี่สองแฝดอยู่ไหน” เธอถาม และมองหาลูกชาย ก่อนต้องนิ่งค้าง เมื่อเห็นเซียงเจียววิ่งร้องไห้จ้าเข้ามาเธอ ส่วนผิงกั่วยืนขวางแขกที่ไม่ได้รับเชิญเอาไว้ ม่านหงไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นความสำเร็จของหลานสาว ส่วนถานเซียะในวันนี้นั่งรถเข็น มีพยาบาลช่วยดูแล พร้อมเ
เรื่องชวนขายหน้าของเหล่ากง เนื่องจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่เหลืออีกสามทีมจะจัดแข่งขันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ลี่ฮุ่ยจึงตั้งใจจัดการเลี้ยง ต้อนรับม่านอวี้อัน และยังเปิดโอกาสให้แจ็คสันแสดงตัวว่า เขาคือสามีของหญิงสาวด้วย “เหล่ากงไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้” ม่านอวี้อันบอกคนรัก “ตอนนี้พี่เหลือคนในครอบครัวคือยายหวัง อยากให้แกมีความสุขอีกสักครั้ง และเราก็จดทะเบียนกันให้ถูกต้อง เป็นผัวเมียตามกฎหมาย” “ถ้าอย่างั้นตามใจเลยค่ะ แล้วเหล่ากงจะบอกยายหวังหรือไม่คะ ว่าไม่ใช่ลูกชายของแก” แจ็คสันไม่เสียเวลาคิด ในอดีตที่ผ่านมา เขาเคยบอกยายหวังแล้วว่า ตนไม่ใช่ลูกชาย รวมถึงพยาบาลและคุณหมอหลายคนที่ใช้เหตุผลกับแก ทว่ายายหวังกลับไม่ได้สนใจสิ่งนั้น ดูเหมือนว่าลึกๆ หญิงชรารับรู้ความจริงเรื่องนี้ แต่แสร้งว่า แจ็คสันเป็นลูกชายของตนที่จากไปในเหตุการณ์ร้ายแรง อีกทั้งแจ็คสันอยากตอบแทนน้ำใจเหรินซือห่าว ที่ช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตาย “อาหมวยที่รัก...” ชายหนุ่มทอดเสียงหวานทุ้ม ดวงตาคมของเขาก็ทอแสงอ่อนถึงเธอ จึงช่วยไม่ได้ที่ม่านอวี้อันจะเก้อเขินอย่างหนัก “เอ มันใช่เวล
จานอาหารสุดท้ายดูเหมือนทุกทีมจะมีการเสิร์ฟอาหารที่ใช้ลูกเล่นต่างกันไป ทั้งสาวสวยใส่รองเท้าสเก็ตซ์ บริกรหนุ่มๆ ถีบรถจักรยานล้อเดียว ลี่ฮุ่ยมองม่านอวี้อันอยู่อย่างนั้น แน่นอนหล่อนเชื่อมั่นว่าเค้กต้องอร่อย แต่อดไม่ได้ที่อยากให้โต๊ะสีน้ำเงินมีสีสันกว่าที่เป็นอยู่ “เอาอย่างไรดีล่ะ แม่หมั่นไส้พวกนั้นเหลือเกิน” ม่านอวี้อันแต่เดิมเธอชอบทำอาหารเพียงอย่างเดียว ทว่าในโลกเก่า ต้องต่อสู้กับคู่แข่งมากมาย การไลฟ์ขายของที่เธอเคยทำนั้น นับว่าสร้างความสนุกให้ผู้คนเสมอ ระหว่างขายของจึงมีทีมนักเต้น นักดนตรีคอยเรียกลูกค้าตลอด “แม่ไม่ต้องห่วง เหล่ากงกับสองแฝด คงไม่ปล่อยให้เรายืนเหงาๆ แน่นอน” “แจ็คสันกับผิงเกอ เจียวเกอนั่นหรือ...ให้หลานฉันมาช่วยยกของ เสิร์ฟของอะไรหนักๆ ไม่ดีแน่” ม่านอวี้อันหัวเราะน้อยๆ และตอบลี่ฮุ่ย “สองแฝด แค่ยิ้ม โบกมือ เต้นนิดๆ หน่อยๆ คนก็เทคะแนนให้เราแล้วล่ะค่ะ อย่าลืมว่าพวกเราคือคนในถนนเนี่ยอิน ฉะนั้น ขายความเป็นตัวตนของเราดีที่สุด” ลี่ฮุ่ยยังไม่เข้าใจ แต่เยว่จือกับเจ้าอิงเตรียมตบมือรอแล้ว เพราะเห็นสองแฝดถูกจับใส่น่ารักเป็นหมีกั
เมื่อทุกทีมส่งอาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อย ก็ยังไม่ได้มีการประกาศผลคะแนน เนื่องจากจะรวมคะแนนทั้งหมดกับของหวาน จากนั้นคัดเพียงสามทีมเข้าไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ลี่ฮุ่ยได้ข้อมูลจากคนของเธอที่เป็นหนึ่งในกรรมการทั่วไป มาแจ้งผลว่า รสชาติอาหารแต่ละทีมล้วนมีข้อดีกับข้อด้อยต่างกันไป “ทีมสีเขียวหมึกช็อตนั้นอร่อย และเนื้อหมึกหวาน แต่คนเกือบครึ่งเลือกที่จะไม่รับประทาน ส่วนที่โดดเด่นตีคู่มากับหมูสะเต๊ของเราก็คือ ทีมสีแดงจากเชฟสองดาว ฝ่ายนั้นทำซาโมซ่าซอสผักชี” “พวกเขาทำการบ้านมาดี ผักชีมีกลิ่นเฉพาะตัว แล้วนำมาทำคล้ายซอสเพลสโต้ แบบนี้คงได้คะแนนไม่น้อย” ม่านอวี้อันไม่ได้ชิม จานดังกล่าว แต่เธอเห็นตอนทีมสีแดงเตรียมจัดเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ “จริงอย่างที่อันเอ๋อร์บอก ซอสผักชีทำง่าย เครื่องปรุงไม่ยุ่งยาก แต่กลับเสริมให้ซาโมซ่าอร่อยเข้าไปอีก” เยว่จือกับเจ้าอิง ไม่รู้จักซาโม่ซา ฝ่ายโรสที่เคยกินจึงบอกว่า “มันเป็นแป้งทอดไส้หมูสับ หรือไก่สับปรุงให้รสจัดจ้านนิดหน่อย ปกติจิ้มกับซอสมะขาม หรือซอสมะเขือเทศ แต่บางครั้งฉันเห็นซาโมซ่าเป็นไส้ผลไม้ เช่นกล้วยหอม หรือไส้ฝักทอง”