ต่อ......
''ห้ะ!!!''
พวกเราตะโกนออกมาพร้อมกันส่วนพวกเขาเเค่หันมองเฉยๆพร้อมใบหน้าเรียบนิ่งทำไมถึงอยู่ชั้นเดียวกับพวกเราอ่ะ
''ละ..เเล้วพี่วายุอยู่กับใครเหรอ หรือว่าพวกพี่อยู่ด้วยกันสามคน''
เอวายหันไปถามพี่วายุ ท่าทางของมันดูเหมือนจะกลัวพี่วายุนะ จะไม่ได้ยังไงล่ะเเต่ละคนดุๆทั้งนั้น
''คนละห้องมีไรถามมากวะ เธออยู่ชั้นไหน ถามมากรำคาญ!!''
เเรงอ่ะพี่วายุหันไปตะโกนใส่หน้ายัยเอวา มันเเค่ถามเฉยๆพูดเเบบนั้นได้ไงกัน
''ขอโทษคะพวกหนู อยู่ชั้น10ค่ะ''
ยัยเอวายพูดพร้อมก้มหน้ามองพื้น
''หึ!! งั้นก็กดดิ''
พี่วายุบอกเเล้ว มันก็กดขึ้นชั้น10ทันที
ติ่ง!!!
ไม่นาน ลิฟต์ก็เปิดออกพวกฉันก็รีบเดินออกมาอย่างพร้อมเพรียง เเล้วตรงไปยังห้องของเราทันที
''คอนโดหรูเเบบนี้พวกเธอมีปัญญาจ่ายเหรอ''
นั้นมันเสียงพี่นิโครนิ เห็นหน้านิ่งเเต่ชอบดูถูกเนี้ยนะ
''ทำไมจะไม่มีปัญญาจ่ายล่ะคะ ถ้าพี่จะพูดอะไร ใช่สมองคิดก่อนก็ดีนะ^^''
พวกเรากำลังจะเข้าห้องได้ยินเสียงของพี่นิโครพูดเเบบนั้น ถึงมันจะเเพงก็เถอะ ฉันเห็นยัยเทพายกำมือเเน่นเเล้วก็ตะโกนด่าออกไปเเต่มันปั้นหน้ายิ้มด้วย!!!พี่นิโครหน้าเสียเลย
''พูดเเบบนี้อยากตายหรอครับ สมองฉันดีกว่าเธอก็เเล้วกัน!!''
พี่นิโครกดเสียงต่ำ สงสัยจะโกรธยัยเทพายน่าดู พี่วายุพี่เเวมไพร์ทำไมไม่ห้ามเพื่อนเขามั่ง อันที่จริงนิสัยของยัยเทพายมันไม่ใช่เป็นคนเเบบนี้หรอกก็เเค่นิสัยการเเสดงนิสัยเเท้ๆของมันคือ อ่อนเเอ ขี้งอเเง ดื้อมาก ส่วนปากมันนะเหรอ มันก็ไม่กล้าสู้คนหรอก ที่มันทำไปก็เเค่ขู่ศัตรูเท่านั้นเเหละ
''ถ้าพี่สมองดีกว่าที่คิด ทำไมต้องดูถูกกันด้วยวะ!!!''
ยัยบ้าพูดเเบบนั้นทำไม พวกเราเเค่เจอพี่เขาวันเดียวไม่รู้จักนิสัยใจคออะไรเลย เดี๋ยวพี่เขาก็ฆ่าตายหมู่หรอก
''ยัยเทพาย พูดดีๆหน่อยสิ นั้นรุ่นพี่เรานะเเถมเขาเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้''
ยัยเอวาเขย่าเเขนเหมือนจะร้องไห้ โอเค!!!!สรุปพวกเราสามคนนิสัยเหมือนกันหมด น่าตายเพราะปากเนี้ยเเหละ
''เเล้วไงอ่ะ ก็พี่เขามาว่าเราก่อนทำไมล่ะ พ่อเเม่ไม่สั่งสอนหรือไง''
''ปากดีว่างั้น เธอรู้ไหมปากเเบบเธอเนี้ยเเหละตายมาเยอะ''
หยุดเถอะเเกอย่าต่อปากต่อคำกับพี่เขาเลยนะยัยเทพายตอนนี้ขาฉันเเข็งไปหมดเเล้ว ปากก็เปิดไม่ออกอยู่เเล้วนั้นมันผู้ชายนะมีกำลังมากกว่าผู้หญิง
''มึงพอเหอะ เข้าห้องกันดีกว่าวะน้องเขากลัวกันหมดเเล้ว''
พี่เเวมไพร์ที่ยืนดูเหตุการณ์ ก็ยกมือตบไหล่เเล้วชวนพี่นิโครเข้าห้อง
''มึงก็รู้ว่าคนอย่างกูจะทำอะไรก็ได้ ผู้หญิงกูก็ไม่เว้น!!''
''เเล้วไง ใครกลัวกันล่ะ!!!''
''ยัยเทพาย!!!''
ฉันเเละก็ยัยเอวาตะโกนพร้อมๆกัน เเกอยากตายเหรอ ถ้าอยากตาย ตายคนเดียวเลยฉันไม่เอาฉันไม่เกี่ยว
''กูไม่ไหวเเล้ววะยัยนี้มันวอนหากูเองนะ''
พูดจบพี่นิโครก็เดินมาหายัยเทพายหน้าพี่เขาตอนนี้น่ากลัวมากๆ ส่วนยัยเทพายเห็นพี่นิโครโมโหจัดตัวมันเริ่มสั่น เเละถอยหลังช้าๆ ยัยบ้าตอนเเรกทำไมเเกไม่เป็นเเบบนี้ห้ะ!!
''พะพี่ค่ะหนู ต้องขอโทษเเทนเพื่อนหนูด้วยนะคะมันเป็นเเบบนี้เเหละค่ะอย่าไปถือสามันเลยนะคะ''
ยัยเอวาพูดเเล้วคว้าตัวยัยเทพายให้อยู่ด้านหลังของมันเเละฉัน
''ชะ..ใช่ค่ะปล่อยเพื่อนหนูไปเถอะนะคะ ขอร้องล่ะ''
ฉันพูดอย่าออนวอน
''ไอ้นิโครเข้าห้องเถอะ''
คราวนี้เป็นพี่วายุที่ห้าม
''ก็ได้กูจะปล่อยครั้งนี้ ฉันให้โอกาสเธอ ครั้งต่อไปไม่เเน่เธออาจไม่มีชีวิตอยู่ก็ได้หรือไม่อาจจะจมอยู่ใต้ร่างฉัน''
พี่นิโครพูดจบก็เดินไปรูดคีย์การ์ดประตูห้องที่2 เเล้วเดินเข้าห้องพร้อมปิดประตู
ปัง!!!!!
โห้ยย!!!หัวรุนเเรงอะ เสียงดังสนั่นเลยต่อมาพี่วายุก็เดินไปห้องที่3ที่อยู่ติดกับห้องพี่นิโครเเล้วเข้าห้องไป มันไม่มีเสียงหรอกเพราะประตูที่นี้เขาทำเเบบไร้เสียงเเต่พี่นิโครตั้งใจปิดให้เสียงดังมากกว่าเเถมห้องทุกห้องเป็นห้องที่เก็บเสียงอย่างดีเพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่น
''นี่ไม่เข้าห้องหรือไงยืนบื้ออยู่ได้''
พี่เเวมไพร์เอ่ยทักฉัน ฉันหันไปมองด้านหลังเห็นห้องของฉันประตูมันปิด ยัยพวกบ้าไม่สะกิดกันสักนิดเลยว่าจะเข้าห้องปล่อยให้ฉันยืนคนเดียวอยู่ได้
''ด่าหนูทำไมอ่ะ หนูไปเผาบ้านพี่หรือไง''
ด่าฉันเฉยเลยอยู่นิ่งๆไม่ได้หรือไงปากอ่ะ
''รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ปากเก่งขึ้นเยอะเลยนะน่ารัก''
''พี่ว่าหนูทำไมล่ะค่ะ''
ฉันไม่อยากให้เหมือนยัยเทพาย นิสัยพี่เเวมไพร์ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนเเบบไหน รู้เเค่ คร่าวๆ
''หึ!!ทำไมไม่พูดเเบบเมื่อกี้อีกล่ะ เก่งไม่ใช่เหรอ''
''ปะเปล่านะ''
ฉันพูดพร้อมสะบัดหัวไปมาจนผมที่มัดไว้หลวมๆสายยางรัดหลุดลง ทำให้ผมกระจายทั่วเเผ่นหลัง
''งั้นมากับฉันสิ ฉันจะเล่าเรื่องว่าพวกฉันสามคนเป็นใครเธอเองก็อยากรู้ไม่ใช่เหรอน่ารัก ดูจากเเววตาอะนะ''
ไปดีไหมนะฉันอยากรู้จริงๆเหมือนที่เขาพูดจริงๆนั้นเเหละถ้าฉันรู้ว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหนจะได้ไปเตือนยัยเอวากับยัยเทพายถูก เอาวะ...
''ก็ได้ เเต่พี่อย่าทำไรอะไรหนูนะคะ''
เขาเเค่มองเเล้วเดินไปประตูห้องที่4รูดคีย์การ์ดเเล้วเปิดประตูออก พร้อมเดินเข้าไปฉันก็เดินตามเขามาติดๆโอ้โห้ห้องสวยมากเเต่เขาชอบโทนสีดำหมดเลย เช่นสีฝาผนัง ฝ้า พื้นกระเบื้อง ดำหมดเเต่ก็สวยเหมือนกันนะ ใจก็คงจะดำเหมือนกันนั้นเเหละ
''มานั่งสิ ปิดประตูด้วย''
ฉันดึงสติกลับมาไปปิดประตู
เเกระ!!
หื้อล็อกเเบบอัตโนมัติเหรอทำไมห้องฉันไม่ล็อกเเบบนี้นะ ชั่งเหอะเเล้วฉันก็เดินไปหาเขาที่นั่งอยู่โซฟาหรูตรงห้องนั่งเล่น
''ขยับมาใกล้ๆหน่อย''
''คะ ทีนี้พี่เล่ามาได้หรือยังค่ะ''
เเล้วฉันก็ขยับเข้าไปเว้นระยะห่างนิดหน่อยเขานั้งยกเท้าไปตั้งที่โต๊ะทรงเตี้ยไม่สูงมาก อื้มมารยาทดีจริงๆ ส่วนฉันก็เริ่มฟังเขาพูดอย่างเงียบ
''พวกฉันทั้งสามคนเป็นมาเฟียที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนี้ น้อยคนที่จะรู้ เเต่นั้นมันก็เเค่เบื้องหลังของพวกเราเท่านั้น พวกฉันไม่อยากให้ใครรู้ ส่วนพวกที่ชอบหาเรื่องในมหาลัยฉันสั่งเก็บหมดทุกราย เพราะมหาลัยนั้นมันเป็นของฉัน สถานที่ดังๆอีกหลายเเห่งเเละคอนโดนี้ก็ด้วยรวมถึงไอ้วายุเเละไอ้นิโครที่เป็นหุ้นส่วนสถานที่ดังๆอีกหลายเเห่ง เเละเธอรู้ไหมว่าไอ้นิโครเเท้จริงเเล้วเป็นคนยังไง มันเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆพูดน้อย ปากจัดเหมือนฉันเนี่ยเเหละ พวกเราเลวกว่าที่คิดไว้เยอะ ไอ้วายุก็เช่นกัน ในมหาลัยใครๆก็ว่าพวกฉันนิสัยดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็นสุภาพบุรุษเเต่เธอรู้ไหมทั้งหมดนั้นก็เเค่สร้างภาพ!!!''
พวกเขามันต้วอันตราย ถ้าฉันขืนอยู่ต่อพี่เขาต้องฆ่าฉันยัดส้วมเเน่ๆเลยยยย
''เเละฉันฝากบอกเพื่อนของเธอด้วยนะ อย่ากวนประสาทเพื่อนฉัน ครั้งนี้มันใจดีนะถ้ามีครั้งต่อไป เธอก็รู้ว่ามันพูดยังไง''
''ค่ะๆ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ''
ฉันลุกขึ้น โดยไม่รอให้พี่เเวมไพร์ตอบกลับมา
พรึ่บ!!!
''จะไปไหน หืม''
ร่างของฉันลอยไปตามเเรงกระชากของเขา นั้งตรงตักของพี่เเวมไพร์อย่างไม่เเรงมากนัก
''อ๊ะ!!!! ปล่อยนะอย่าทำอะไรหนูเลย หนูร้องจริงๆด้วยน้า....''
ฉันดิ้นไปมาอยู่บนตักของพี่เเวมไพร์ เขาก็รวบมือกอดตัวฉันเเน่นเข้าไปใหญ่
ใครก็ได้ช่วยด้วยยย......
หนึ่งเดือนผ่านไป….ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึงสักที เป็นงานแต่งงานของฉันกับพี่แวมไพร์ที่จัดขึ้นในโรงแรมหรูซึ่งเป็นโรงแรมของพี่แวมไพร์นั้นเอง แขกที่ได้รับเชิญก็มาร่วมแสดงความยินดีให้กับคู่บ่าวสาวกันเยอะมาก แต่ส่วนมากจะเป็นแขกทางฝั่งพี่แวมไพร์เสียมากกว่า ฉันไม่มีใครนอกจากยัยเพทายกับยัยเอวาที่มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับฉัน แค่นี้ฉันก็สุขใจมากๆแล้ว ขณะนี้ฉันสวมชุดเจ้าเป็นชุดราตรีสีขาวงามสะอาดตา ออกแบบจากดีไซเนอร์ชื่อดังราคาแพงจนแทบจะไม่กล้าใส่เลยอะ พี่แวมไพร์เป็นคนจ้างให้เขามาตัดชุดแต่งงานให้ฉันเลยนะ เป็นชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าซาตินประดับด้วยไข่มุกพันกว่าเม็ด เพรชห้ากะรัต และเพรชสีเขียวอีกห้ากะรัต เป็นชุดที่สวยงามมากเลยจริงๆ พี่แวมไพร์บอกว่างานแต่งงานครั้งนี้เป็นงานที่ฉันและเขาจัดขึ้นมาและอยากให้มีความสุขมากที่สุดไม่ว่าอะไรจะแพงมากมายขนาดไหนเขายินดีจะพร้อมจ่ายทุกอย่าง พี่แวมไพร์บอกฉันว่า ‘แค่นี้ขนหน้าแค่งพี่ไม่ร่วงหรอกนะ เพื่อคนที่พี่รักพี่ยอมหมดทุกอย่างครับ ขอแค่ให้น่ารักมีความสุขมากๆก็พอแล้ว’ ประโยคของพี่แวมไพร์มันทำให้ฉันยิ้มออกมาทุกครั้งที่ฉันนึกถึง “แขกผู้มีเกียรติทุกท่านครับ ถึ
สองปีผ่านไปไวเหมือนโกหก…กรี๊ด!!!!อร๊าย!!!!เสียงเหล่านักศึกษาส่งเสียงกรี๊ดร้องกันดังลั่นตอนนี้ฉันได้เรียนจบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดีใจมากเลย!!!ขณะนี้ฉันที่ใส่ชุดครุย กำลังถ่ายรูปกับเพื่อนๆเก็บไว้เป็นที่ละลึกอยู่นั้น ก็มีนักศึกษาผู้หญิงร้องเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมมองไปยังด้านหลังของฉันที่ยืนอยู่ฉันก็เลยเอะใจว่าพวกเธอกรี๊ดอะไรกัน เลยตัดสินใจหันกลับไปมองตามนักศึกษาเหล่านั้น เมื่อฉันหันไปมองก็เห็นพี่แวมไพร์เดินเข้ามาหาฉันโดยไม่รู้เลยว่าพี่แวมไพร์เดินเข้ามาหาฉันตั้งแต่เมื่อไร"เเต่งงานกับพี่นะครับน่ารัก"ก็พบว่าพี่แวมไพร์นั่งคุกเข่าในมือถือกล่องกำมะหยี่สีขาวมีเเหวนเพรชประมาณสี่กะรัตยื่นส่งมาให้ฉันม่านตาฉันเบิกกว้างอย่างตกใจค่อยๆเม้มปากแน่นเเต่งเลยๆๆๆๆ!!!!เสียงเชียร์จากเหล่านักศึกษาก็ดังขึ้นฉันที่ยืนตัวเเข็งทื่อ ไม่คิดว่าเขาจะขอแต่งงานกับฉันจริงๆ น้ำตาของฉันเอ่อล้นออกมาด้วยความดีใจสุดชีวิต จากนั้นฉันค่อยๆยื่นมือด้านซ้ายเข้าไปตรงหน้าพี่แวมไพร์"หนูเเต่งค่ะอึก !"เปะๆๆๆๆอร๊ายยยยย หู้ยยยย วู้ๆๆๆๆเสียงตบมือแสดงความยินดีให้แก่เราทั้งสองคน อย่างปลื้มปริ่มฉันยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากไว้เพ
ณ มหาลัยKกว่าฉันจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายนี้มาได้พี่แวมไพร์ต้องพาฉันไปทำบุญเข้าวัดถวายสังฆทาน เพราะดวงฉันมีเเต่คนคิดจะจ้องรุมทำร้ายฉันไงหรืออาจเป็นเพราะดวงอาเพศกันนะเห้อ!ชั่งมันเถอะ ขอเเค่อย่าให้เกิดกับชีวิตของฉันอีกเลยนี่ก็ผ่านมาหลายวันด้วยฉันไม่คิดว่าพี่เคที่กับพี่ฟ้าจะคิดทำเรื่องแบบนั้นกับฉันจริงๆดูคนแค่ภายนอกไม่ได้หรอกนะสมัยนี้ ถ้าฉันไม่ได้พวกพี่แวมไพร์มาช่วยฉันไว้ ไม่อยากจะคิดว่าชีวิตนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป… "น่ารัก~""ยัยน่ารัก!!!""โอ๊ย~ยัยเอวาตะโกนใส่หูฉันอีกแล้วนะ หึ้ย!!"ฉันต้องหัวใจวายเข้าสักวันถ้ายัยเอวายังตะโกนใส่ฉันอยู่แบบนี้ "แล้วทำไมแกไม่ตอบฉันห้ะ!""มีอะไรว่ามา"ฉันถามมันอย่างหน้าบึ่งนี่ยังไม่หายตกใจเลยนะคิดดูสิ"พี่วายุบอกฉันว่าพี่นิโครจะถอนหมั้นกับยัยเพทายอ่ะ""ห้ะ!!!ถอนหมั้นเหรอ!!!"เพี๊ยะ!"ยัยบ้าจะเเหกปากทำไม เงียบหน่อยสิ!!!"ยัยเอวายกมือฟาดตรงต้นเเขนฉันเบาๆแต่มันก็เจ็บจี๊ดๆเหมือนกันนะยัยเอวาเห็นว่ายัยเพทายเดินไปเข้าห้องน้ำ จึงรีบกระซิบบอกฉันแต่ฉันตกใจไงก็เห็นตอนที่ยัยเพทายเกิดเรื่องพี่นิโครยังไปเฝ้าอาการที่โรงพยาบาลเลยนะถ้าคนมันไม่รักกันจริงๆจะยอมดูแลให้เห
ผมเดินไปแกะมัดน่ารักและน้องเพทายออกจากการมัดกุม ด้วยเชือกเส้นหนาใหญ่ โดยที่พวกมันยืนชิดติดกับกำแพงอย่างไม่กล้ากระดิกแม้แต่เสี้ยวเดียว เพราะมีไอ้วายุและไอ้นิโครเล็งปืนใส่พวกมันอยู่ด้านหลังของผม“ถ้าพวกมึงขยับแม้แต่นิดเดียวกูยิงสวนแน่”น้ำเสียงนิ่งเรียบของไอ้นิโครพูดออกมาอย่างสะกัดอารมณ์ ทำให้พวกมันแทบหายใจติดขัด“ไอ้วายุมึงพาน่ารักและก็น้องเพทายไปรอที่รถก่อน แล้วก็โทรหาลูกน้องมึงให้มาสมทบด้วย”ผมพูดแล้วช่วยพยุงร่างทั้งสองคนส่งให้ไอ้วายุที่ยืนอยู่ มันรีบพยักหน้ารับแล้วก็พาเธอสองคนออกไปในทันที เพราะผมไม่อยากให้น่ารักเห็นมุมของผมในด้านนี้“พวกมึงกล้ามากที่ทำร้ายเมียกู”ผมพูดเสียงเยือกเย็น พลางจ้องมองไปที่พวกมันอย่างไม่วางตา“เรื่องนี้เป็นแผนของยัยฟ้าทั้งหมด! ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันไม่เกี่ยว ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะแวมไพร์”“นี่พี่เคที่พูดแบบนี้ไม่ได้นะ!!! พี่ก็ร่วมกันวางแผนกับฉันเหมือนกันนิ!!!”ผมที่ฟังอีพวกสองคนนี้เถียงกันไปมาอย่างรำคาญลูกกะตา ผมบอกแล้วไงผู้หญิงกูก็ไม่เว้น!“พวกมึงอยากรอดกลับไปไหม?”ผมพูดปลายตามองไปยังพวกผู้ชายทั้งสี่คนที่พวกเธอจ้างมา หน้าตามีรอยแผลเป็นเต็มใบหน้าเนื้อตัวสกปร
ฉันดีใจมากที่มีคนมาช่วยพวกเรา ทั้งที่ฝนตกลงมาอย่างโหมกระหน่ำใจฉันอยากโทรหาพี่แวมไพร์แทบขาดใจพลึบ!!!เสียงประตูเปิดออกจากด้านนอกออกอย่างสำเร็จ“ขอบคุณนะคะที่ช่วยพวกหนู”ฉันพูดน้ำเสียงอิดโรยอย่างน้อยก็มีคนที่ช่วยเราไว้ ทันทีที่เจอหน้าคนที่มาช่วยนั้นเป็นผู้ชายใส่ชุดดำสามคน ที่ช่วยฉันและยัยเพทายให้ออกมาจากตัวรถอย่างแรง ทำไมต้องดึงตัวฉันออกจากรถแรงๆด้วยนะคนยิ่งเจ็บอยู่ ตาก็พล่ามั่วไปหมดอาการปวดศีรษะเริ่มเกิดขึ้น อ่า…โคตรเจ็บชะมัด ฉันพยามมองไปยังพี่คนขับเหมือนเขาจะรู้สึกตัวแล้วนะ “รีบลากตัวพวกมันเขารถเร็วๆสิวะ!!! รอพ่อมึงมารึไง!!!” เสียงคนที่ขับรถตู้คันสีดำจอดอยู่เปิดกระจกรถลงพร้อมสาดคำรุนแรงใส่คนที่ช่วยฉันและยัยเพทายออกจากรถ จับตัวอะไรกัน?หูฉันฟาดไปหรือเปล่านะ“เห้ย!รีบเอาอีสองตัวนี่ขึ้นเร็วๆสิวะ!!!”ผู้ชายคนนั้นเรียกผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างฉันและยัยเพทายให้รีบจับตัวฉันขึ้นรถตู้คันนั้น นี่ฉันไม่หูฟาดไปจริงๆใช่ไหม“นี่พวกนายจะทำไร ปล่อยพวกฉันนะ!!!!”ฉันแหกปากร้องลั่นทันที ที่มีมือหยาบคายผู้ชายมาจับตัวฉันยัดใส่รถตู้เป็นคนแรก“ปล่อยพวกฉันนะกรี๊ด!!!!”“อีนี่ฤทธิ์เยอะนักนะมึง!!”ตั๊บ!!!“อึก!
ณ คอนโด“น่ารักมาทานข้าวกัน พี่ทำอาหารใกล้จะเสร็จแล้ว”ฉันที่เดินออกจากห้องนอน อาบน้ำใส่ชุดนอนตั้งแต่ฟ้าไม่ทันมืด ก็ได้กลิ่นหอมโชยติดจมูกจากในห้องครัวมาเเต่ไกล ทำให้ฉันเดินออกไปพร้อมสวมกอดร่างสูงจากด้านหลังที่ยืนทำอาหารอยู่ ฉันก็ทำอาหารเป็นนะแต่พี่แวมไพร์ทำอาหารอร่อยกว่าฉันเยอะเลยอ่ะ พี่แวมไพร์ที่เห็นฉันชอบก็เลยเป็นเชฟส่วนตัวให้กับฉันตลอดจนกว่าจะเบื่อ ไม่มีทางเบื่อฝีมือในการทำอาหารพี่แวมไพร์หรอกนะจะบอกให้ ไม่ใช่ว่าฉันขี้เกียจทำอาหารนะแต่ฝีมือการทำอาหารพี่แวมไพร์อร่อยมากจริงๆไม่ได้โม้“ไปนั่งที่โต๊ะเถอะพี่ตักอาหารให้”และแล้วฉันก็เดินไปตักข้าวสองจานเพื่อเขาด้วย ส่วนพี่แวมไพร์ก็ตักอาหารที่เขาปรุงเสร็จเมื่อครู่นี้ฉันและเขาก็ลงมือทานข้าว พลางพูดถามในสิ่งที่อยากถามกัน ชีวิตคู่ในตอนนี้มันเรียบง่ายมาก เราทั้งสองคนแทบจะไม่ทะเลาะอะไรกันเลย เราต่างคนต่างปรับเข้าหากันจนมีรักในครั้งนี้ ตลอดที่ผ่านมาพี่แวมไพร์เป็นคนจ่ายค่าเลี้ยงดูฉันทุกอย่างในบัญชีของฉันมีเงินเป็นล้านอ่ะ ฉันขอหนึ่งพันให้สองหมื่นอะคิดดู แล้วก็จะโอนให้ฉันเรื่อยๆ แต่ฉันไม่ค่อยจะใช่จ่ายอะไรพี่แวมไพร์ก็โอนให้ฉันทุกเดือนทั้งๆ ที่ฉันไม