Share

บทที่ 6

Author: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ภายในตำหนักคุนหนิง วังหมัวมัวรายงานเรื่องที่พวกเขายังไม่ได้ร่วมหอกันต่อเฉิงฮองเฮา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างนอก ฮองเฮาก็ทราบแล้วเช่นกัน ไม่ว่าเจียงเฟิ่งหัวทำได้อย่างไร สุดท้ายนางก็รักษาเกียรติของตนเองเอาไว้ได้

เฉิงฮองเฮาเลิกคิ้วงามขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าเจียงเฟิ่งหัวเป็นคนมีความสามารถ การร่วมหอย่อมเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว จากที่เห็นวันนี้ นับว่าข้าเลือกชายาที่ดีคนหนึ่งให้ซางเอ๋อร์แล้วสินะ”

“ท่านอ๋องเดี๋ยวประคองขึ้นเดี๋ยวประคองลง คิดว่าคงโปรดพระชายาเป็นแน่เพคะ” สี่หมัวมัวเอ่ยมาอีกว่า “องค์หญิงเก้าช่างไม่รู้ความเกินไปแล้ว มาถึงหน้าประตูตำหนักแล้วแท้ๆ ก็ยังไม่เข้ามาคารวะทักทายฮองเฮา ไม่รู้จริงๆ ว่ากุ้ยเฟยสั่งสอนอย่างไร”

“ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องได้รับบทเรียนแน่” เฉิงฮองเฮารังเกียจเซี่ยหลิงเอ๋อร์ด้วยเช่นกัน

สี่หมัวมัวยินดีในคราเคราะห์ของผู้อื่น “ตั้งแต่กำหนดเรื่องมงคลของท่านอ๋อง กุ้ยเฟยก็ไปร้องไห้ต่อหน้าฝ่าบาทมาแล้วหนหนึ่ง บอกว่าคุณหนูซูกับท่านอ๋องของพวกเราชอบพอกัน ต้องการขอพระเมตตาให้คุณหนูซู สุดท้ายฝ่าบาทปฏิเสธกุ้ยเฟยไปโดยอ้างว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ยามนั้นสีหน้าปั้นยากยิ่งนัก ฝ่าบาทช่วยระบายโทสะแทนฮองเฮาเสียที ยังคงเป็นฮองเฮาที่ปราดเปรื่อง ชิงไปขอราชโองการก่อนก้าวหนึ่ง”

คิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าฮองเฮาก็บึ้งตึงขึ้นมาทันใด “นางยุยงให้หลานสาวมายั่วยวนลูกชายข้า ทำให้ซางเอ๋อร์ลุ่มหลงงมงาย ในเมื่อซางเอ๋อร์ชมชอบ ข้าจะไม่ทำเรื่องอย่างการพรากคู่รักจากกัน รังแต่จะทำให้แม่ลูกหมางใจกันเปล่าๆ ข้าจะให้นางเป็นอนุภรรยา”

“ฮองเฮาปราดเปรื่องนักเพคะ” สี่หมัวมัวประจบ

เฉิงฮองเฮายิ้มเย็นชา “แม้ซางเอ๋อร์เป็นบุตรภรรยาเอก แต่กลับได้รับความรักจากฝ่าบาทน้อยนัก ยามนี้ยังไม่กำหนดตัวรัชทายาท ฝ่าบาทมีโอรสมากมาย ทุกคนแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้งในที่ลับและที่แจ้ง กอปรกับฝ่าบาททรงระแวงมากขึ้นทุกที เขากลัวว่าลูกชายข้าได้รับการสนับสนุนจากตระกูลซู ย่อมไม่มีทางตกลงอยู่แล้ว”

“ยามนี้ซางเอ๋อร์ยังจำเป็นต้องงำประกายเอาไว้ ทั้งยังถึงวัยเจรจาเรื่องมงคลแล้ว การแต่งงานกับบุตรีราชครูที่ไร้อำนาจอิทธิพลคนหนึ่งจะทำให้ฮ่องเต้วางพระทัย ตระกูลเจียงยังเป็นตระกูลบัณฑิตก็พอจะเรียกได้ว่าเหมาะสม”

ฮ่องเต้ยังมีประสงค์จะตักเตือนเหิงอ๋องเพื่อป้องกันสกุลเฉิง

ฮ่องเต้กับฮองเฮาต่างคนต่างความคิด ฮ่องเต้สามารถพระราชทานสมรส เฉิงฮองเฮารู้สึกเพียงว่ามีคนยื่นสิ่งที่กำลังต้องการมาให้อย่างถูกจังหวะ

ยามนั้น นางกำนัลเข้ามารายงานในตำหนัก “ทูลฮองเฮา ท่านอ๋องกับพระชายามาถึงโถงหลักแล้วเพคะ”

เฉิงฮองเฮาสางผมเล็กน้อยแล้ววางมือลงบนแขนสี่หมัวมัวเพื่อลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ไปกันเถอะ ไปดูสะใภ้คนงามผู้นี้ของข้า” นางเลือกบุตรีสกุลเจียงยังมีเหตุผลอีกข้อ นั่นคือราชครูเจียงไม่มีอำนาจอิทธิพล ภายภาคหน้าค่อนข้างควบคุมได้ง่าย

ตำหนักอันวิจิตรตระการตามีการตกแต่งอย่างประณีตงดงามทั้งเคร่งขรึมและหรูหราสง่างาม ทั้งตำหนักสะท้อนบารมีและความสูงศักดิ์ ความยิ่งใหญ่อลังการระดับนี้ นอกจากตำหนักเฉิงเฉียนที่ประทับของฮ่องเต้แล้วก็คือตำหนักของฮองเฮาที่โอ่อ่าหรูหราที่สุด

เจียงเฟิ่งหัวและเซี่ยซางถูกพาเข้าไปรอในตำหนักหลัก นางสายตาไม่วอกแวก สำรวมกิริยาสง่างามทั้งไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อย

นางลอบคิดในใจว่า ซูกุ้ยเฟยและเฉิงฮองเฮาแก่งแย่งชิงดีกันทั้งในทางลับและทางแจ้ง ต่อหน้าฮ่องเต้ซูกุ้ยเฟยเหนือกว่าฮองเฮาไปเสียทุกอย่าง แม้ฮองเฮาจะเป็นเจ้านายของวังหลัง ทว่าความสัมพันธ์กับฝ่าบาทกลับเบาบางดุจกระดาษ นางทุกข์ระทมมาตลอดที่ชีวิตนี้ไม่อาจได้รับความรักจากสามี

คิดถึงตรงนี้ มุมปากเจียงเฟิ่งหัวก็โค้งขึ้นเล็กน้อย ช่างเหมือนตนเองมากจริงๆ แต่ฮองเฮาฉลาดมาก วางแผนชั่วชีวิตก็เพื่อตำแหน่งฮองเฮา ส่วนนางกลับเอาแต่โหยหาความรักของเซี่ยซาง โง่งมจนถึงที่สุด

เวลานั้น ฮองเฮาเปลี่ยนไปมีสีหน้ายิ้มแย้มเดินเข้ามานั่งลงบนตั่งนุ่มอย่างสง่างาม

เซี่ยซางรีบแสดงคารวะ “ลูกคารวะเสด็จแม่”

เจียงเฟิ่งหัวก็รีบคุกเข่าลงอย่างนอบน้อมเช่นกัน “หม่อมฉันคารวะเสด็จแม่เพคะ”

“ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถอะ!” ดวงตาเฉิงฮองเฮาจับจ้องเจียงเฟิ่งหัวพลางยิ้มเอ่ย “ซางเอ๋อร์ ยังไม่รีบประคองภรรยาลูกขึ้นมาอีก”

“พ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยซางประคองเจียงเฟิ่งหัวขึ้นมาอย่างสุภาพมีมารยาท

นางหยัดร่างขึ้นอย่างชดช้อย “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”

ยามนั้น สี่หมัวมัวยกน้ำชามา เจียงเฟิ่งหัวรับมาแล้วเดินมาข้างหน้า “เชิญเสด็จแม่ดื่มชาเพคะ”

ฮองเฮารับมาจิบคำหนึ่งแล้ววางลง สั่งให้นางกำนัลยกถาดเข้ามา บนนั้นมีเครื่องประดับงามประณีตหลายชิ้น ถือว่าเป็นของขวัญแรกพบหน้า

นางรับไปอย่างนอบน้อมแล้วกล่าวขอบคุณ การคารวะน้ำชาแม่สามีจึงผ่านไปอย่างจืดชืดเช่นนี้เอง

ฮองเฮาพลันเอ่ยว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นนอกตำหนักแล้ว ซางเอ๋อร์ต้องการรับนางเป็นชายารอง เจ้ามีความเห็นแย้งหรือไม่”

“ทูลเสด็จแม่ หม่อมฉันไร้ความเห็นแย้งเพคะ หม่อมฉันกลับจวนไปแล้วจะจัดการเรื่องรับชายารองของท่านอ๋องด้วยตนเองเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวสีหน้าสงบนิ่งไร้ระลอก ท่าทีเคารพนบนอบ

ฮองเฮามุ่นคิ้วเล็กน้อย รูปโฉมเหนือกว่าซูหว่านถิงก็จริง นิสัยกลับอ่อนโยนไปสักหน่อย เกรงว่าคงไม่ใช่คู่มือของสตรีเจ้าเล่ห์อย่างซูหว่านถิง

ฮองเฮาให้สี่หมัวมัวบอกให้พวกเขานั่งลง นางดึงมือเจียงเฟิ่งหัวอย่างใกล้ชิดสนิทสนม เอ่ยชมว่า “สะใภ้คนนี้ของข้าทำให้สตรีทั้งเมืองเซิ่งจิงด้อยลงไปถนัดตา ลักษณะมีน้ำมีนวลต้องใจข้านัก”

เจียงเฟิ่งหัวมีท่าทางกระดากอาย “เสด็จแม่ชมเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันหาได้ดีปานนั้น” นางลอบชำเลืองมองเซี่ยซาง

ฮองเฮาเห็นอย่างนั้นก็เอ่ยว่า “ข้าบอกว่าเจ้าดีเจ้าก็ดีสิ เฟิ่งหัวมีชื่อสมัยเด็กว่าหรวนหร่วนกระมัง ต่อไปข้าเรียกเจ้าว่าหรวนหร่วนเหมือนแม่เจ้าดีหรือไม่”

เจียงเฟิ่งหัวรู้สึกตกใจที่ได้รับความโปรดปรานโดยไม่คาดหมาย “เพคะ” ท่าทางอ่อนโยนของนางบริสุทธิ์ไร้พิษภัย เหมือนหมากที่เชื่อฟังใช้งานง่ายเม็ดหนึ่ง

ชาติก่อน เนื่องจากเจียงเฟิ่งหัวไม่ได้รับความโปรดปรานจากเซี่ยซาง นางยังไม่ฟังคำพูดของฮองเฮาจึงกลายเป็นหมากที่ถูกฮองเฮาสละทิ้ง

ภายหลัง ฝีมือของซูถิงหว่านสูงส่งจริงๆ เพื่อนางแล้ว เซี่ยซางแทบจะทะเลาะกับฮองเฮาจนถึงขั้นตัดขาดความเป็นแม่ลูกกัน กระทั่งว่าหลังจากซูถิงหว่านได้นั่งตำแหน่งฮองเฮาแล้ว ซูกุ้ยเฟยยังได้รับตำแหน่งไทเฮาเช่นเดียวกับฮองเฮา โมโหจนนางแทบกระอักเลือดเลยทีเดียว

ชาตินี้ หมากที่เต็มใจเป็นฮองเฮาอย่างนาง ต่อให้ไม่เลือกวิธีการก็ต้องขึ้นไปสู่ตำแหน่งฮองเฮาให้จงได้

หลังรับประทานมื้อเช้า เซี่ยซางอ้างว่าต้องไปห้องทรงพระอักษรปลีกตัวจากไป เจียงเฟิ่งหัวรั้งอยู่เป็นเพื่อนคุยกับฮองเฮา

เจียงเฟิ่งหัวนั่งอยู่บนตั่งนุ่มอย่างเรียบร้อยมีมารยาท ฮองเฮากล่าวตามตรง “เพิ่งแต่งงานได้ไม่ถึงสองวัน เจ้ายินดีให้ซางเอ๋อร์รับชายารองเข้าจวนจริงๆ หรือ”

“หม่อมฉันไม่ยินดีก็เปลี่ยนแปลงอันใดไม่ได้อยู่ดีเพคะ มิสู้สงเคราะห์ให้พวกเขาได้ลงเอยกับคนที่รัก เสด็จแม่ก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือเพคะ?” ยิ่งขัดขวาง เขาก็จะยิ่งดึงดัน มิสู้ปล่อยให้เขาทำตามที่ต้องการ

เครื่องหน้าของนางประณีตงดงาม สีหน้าสงบดุจสายลมเอื่อย ดวงตาเป็นประกายปราศจากระลอกกระเพื่อม ราวกับว่าไม่ถือสาจริงๆ

เฉิงฮองเฮาพินิจนางอย่างละเอียดครู่หนึ่ง มุมปากพลันโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม เป็นสตรีฉลาดคนหนึ่งจริงๆ ด้วย

“มีภรรยาที่มีคุณธรรมอย่างหรวนหร่วนดูแลซางเอ๋อร์ ข้าก็วางใจแล้ว” เฉิงฮองเฮาค่อยดึงหัวข้อสนทนาเข้าเรื่องหลัก “ซูถิงหว่านเติบโตที่ชายแดนมาตั้งแต่เล็ก นิสัยมีชีวิตชีวาอยู่สักหน่อย ซางเอ๋อร์รู้สึกว่าแปลกใหม่จึงลุ่มหลงไปชั่วขณะ ต่อไปเมื่อชายารองซูเข้าจวนมาแล้ว หน้าที่อันหนักหน่วงในการชี้แนะชายารอง ข้าคงต้องมอบให้เจ้าแล้ว จะสอนอย่างไร หรวนหร่วนหาวิธีการด้วยตนเอง ถึงอย่างไรก็เป็นแค่อนุ บุรุษก็แค่ต้องเอาใจสักหน่อย เขาก็จะมาที่ห้องของเจ้าเอง”

“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวใบหูแดงก่ำ ก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตาตกลงบนจอกชาตรงหน้า ฮองเฮาต้องการดึงนางไปเป็นพวก นางจะพูดอย่างไรก็ต้องตอบรับ
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 495

    “ใช่แล้ว อีกหลายปีข้างหน้า ข้าก็อยากยกตำแหน่งนี้ให้เจ้า” ซูเต๋อไห่กล่าว “เซี่ยซางเป็นกษัตริย์องค์ถัดไป แม้แต่จุดนี้เราก็เดาไม่ผิด ก็แค่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาจึงไม่เชื่อใจพวกเราสกุลซูแล้ว อันที่จริงหากเซี่ยซางเป็นคนฉลาด เขาเพิ่งขึ้นครองตำแหน่งองค์รัชทายาท คิดอยากนั่งตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างมั่นคง หรือแม้กระทั่งอนาคตขึ้นครองบัลลังก์อย่างมั่นคง เขาก็ไม่ควรทอดทิ้งพวกเราสกุลซู”“ท่านพ่อ หวานหว่านบอกว่าเจียงเฟิ่งหัวไม่มีทางได้เป็นฮองเฮาของเซี่ยซางเด็ดขาด ตำแหน่งฮองเฮาของเซี่ยซางเป็นของสกุลซู แต่ดูสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ลูกรู้สึกว่าต้องมีจุดไหนที่เกิดปัญหาแน่ สิ่งดี ๆ ถูกคนสกุลเจียงยึดครองไปหมดแล้ว หวานหว่านกลายเป็นคนคนนั้นที่ถูกเซี่ยซางละเลย”“หวานหว่านหมดประโยชน์แล้ว” ซูเต๋อไห่ได้แต่รู้สึกอับโชค “เลือกคนที่สวยที่สุดมา หัวสมองกลับโง่ที่สุด แค่มัดใจผู้ชายคนหนึ่งยังทำไม่ได้ นางยังมีประโยชน์อะไรอีก ข้าบอกหลิ่วเอ๋อร์แล้วว่า ให้รับลูกสาวของนางมา ใช้สถานะของสกุลซูเรา หากรัชทายาทจะเลือกพระชายารอง ก็ส่งลูกสาวสกุลซูเข้าไปให้เขาอีกคน ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสเสมอ”ซูเซวี่ยนกลับไม่มีความหวังนี้แล้ว เซี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 494

    ตกกลางคืน ทั้งถนนเงียบงันปราศจากเสียง มืดมิดไปหมด ที่หน้าประตูจวนสกุลเจียง สิงโตหินสองตัวจ้องมองอย่างองอาจ แสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามและสูงศักดิ์ของจวนแม่ทัพดึกสงัดไร้ผู้คน ทุกคนหลับใหลหมดแล้ว ทันใดนั้นที่หน้าประตูจวนสกุลซูก็มีคนแบกโลงศพโลงหนึ่งมาวางขวางหน้าประตูจากนั้นก็มีเสียงทุบประตูตึง ๆ ดังขึ้นติดต่อกันยามเฝ้าประตูได้ยินเสียงเคาะประตูติด ๆ กันก็เปิดประตู พอเห็นก็ตกใจถอยกรูดจนล้มไปกองที่พื้น “โลงศพ?”เพียงไม่นาน คนสกุลซูก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวแล้ววิ่งออกมาดู ก็เห็นโลงศพโลงหนึ่งขวางอยู่ตรงกลางทางเวลานี้เอง ซูเต๋อไห่กับซูเซวี่ยนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็เร่งรุดมา ทุกคนต่างไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า ซูเต๋อไห่กล่าวเสียงเย็นชา “แค่โลงศพโลงหนึ่งก็กลัวจนเป็นเช่นนี้ รีบไปเปิดสิ”ซูเซวี่ยนก็รู้สึกว่าแปลกเขาก็กลัวว่ามีอะไรน่าตกใจจึงไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า เลยให้ทหารจวนสกุลซูออกไป “เปิดมันเสีย ข้าก็อยากเห็นหน่อยเหมือนกันว่าในนั้นมีอะไรอยู่”ทหารรวบรวมความกล้าเปิดโลงศพออก ก็เห็นว่าข้างในมีชายคนหนึ่งที่ถูกโบยทั้งตัวจนร่างเละไปหมด ชายคนนั้นน่าจะขาดใจแล้วด้วย ทำให้ทหารตกใจจนฉี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 493

    “แม้แต่หรวนหร่วนกับจิ่นเหยียนก็ยังรู้ ท่านยังปิดบังข้าอีก” เฝิงจิ้งย่วนไม่เคยรู้สึกเสียใจขนาดนี้มาก่อน น้ำตาไหลพรากเต็มหน้า อ่อนไหวไปหมดเดิมทีเจียงจิ่นเหยียนอยากอธิบายแทนพ่อ แต่ถูกเจียงเฟิ่งหัวลากออกไปนอกประตู แถมยังปิดประตูให้พวกเขาอีกด้วย“ท่านพ่อแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้วจริงๆ” เจียงจิ่นเหยียนกล่าว“ท่านพ่อก็ไม่ได้มีหญิงอื่นเสียหน่อย มีอะไรให้ต้องแก้ตัวกัน” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว “วางใจเถิด ไม่มีอะไรหรอก เรื่องแค่นี้ท่านพ่อยังจัดการไม่ได้อีกหรือ ท่านก็ดูถูกท่านพ่อเกินไปแล้ว พวกท่านอยู่กันมาจะสามสิบปีแล้ว มีเรื่องโกรธโมโหอะไรกันพวกท่านก็เข้าใจกันได้”“หรวนหร่วน คำพูดเจ้านี่ไม่เหมือนอายุสิบหกเลยนะ กลับเหมือนสามสิบหกเสียอย่างนั้น” เจียงจิ่นเหยียนกล่าวเจียงเฟิ่งหัวตะลึงงัน “ข้าแค่ตั้งครรภ์ก็ดูแก่ขนาดนี้เลยหรือ? พวกท่านผู้ชายเหมือนกันหมดหรืออย่างไร ผู้หญิงพอมีครรภ์ก็ไม่สวยแล้ว จากนั้นก็เริ่มรังเกียจ รอพี่สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์แล้ว ท่านก็จะพูดกับนางเช่นนี้ใช่ไหม?”พูดจบเจียงเฟิ่งหัวก็ยกกระโปรงเดินจากไป นางทำตัวสุขุมเกินวัยขนาดนั้นเลยหรือ?ภรรยาสงสัยว่าสามีมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอกก็คว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 492

    “สกุล…สกุลซูของซูเต๋อไห่นั่นน่ะหรือ?” เจียงหวยเพิ่งรู้ตัวทีหลัง “มิน่าเล่า เขาคอยเล่นงานข้าทุกจุดในท้องพระโรง”เจียงเฟิ่งหัวนึกถึงท่าทางที่พ่อโจมตีซูเต๋อไห่กลับ จงใจกล่าวว่า “เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เชียวนะ ท่านพ่อไม่กลัวเขาเลยหรือเจ้าคะ”“กลัวสิ…กลัวอยู่แล้ว แต่พอข้าคิดว่าถ้าเขายืนยันได้จริงว่าข้ารับสินบน ไม่เพียงแค่การสอบของจิ่นเหยียนจะเป็นโมฆะ ศิษย์เหล่านั้นของข้าก็จะไม่รอดสักคน แล้วก็เจ้า หรวนหร่วน จะพลอยเดือดร้อนไปเพราะพ่อด้วย ต่อให้ตอนนั้นฝ่าบาทจะตัดหัวข้า ข้าก็ต้องพูดออกมา”“หลักแหลมนัก จุดนี้ท่านพ่อทำถูกเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่ตอนนั้นท่านโต้แย้งด้วยเหตุผล จึงทำให้ฝ่าบาททรงเชื่อท่านได้ หากท่านกลัวหัวหด เกิดความเกรงกลัวเขาในใจ พลาดโอกาสไป ถึงเวลาไม่ว่าท่านพูดอะไร คนเขาก็ต่างคิดว่าท่านกำลังแก้ตัว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ท่านก็จะแพ้ นี่ก็คือโอกาสทองในการโจมตีกลับ ท่านทำได้แล้วเจ้าค่ะ”“อีกอย่างก็คือ จริง ๆ แล้วในใจฝ่าบาททรงลำเอียงเข้าข้างท่าน เพราะฉะนั้นพระองค์จะทรงอยากให้โอกาสท่านได้พูดเยอะ ๆ หน่อยโดยไม่รู้ตัว”เจียงหวยถูกลูกสาวชม ในใจเขาก็เกิดความรู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที เขาจ้องเจียงเฟ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 491

    จางอวี่มั่วก็ยังหวาดกลัวอยู่ โชคดีที่นางเตรียมใจไว้นานแล้ว แต่นางก็นึกไม่ถึงว่าคนที่ต้องการทำร้ายพวกนางจะคิดวิธีแบบนี้ได้ ที่เอาเงินสกปรกไปยัดไว้ในคลังของสกุลเจียง ศัตรูจ้องเล่นงานเรา จะป้องกันอย่างไรก็ป้องกันไม่ได้จริง ๆเจียงเฟิ่งหัวถาม “พี่หญิงรองมาแล้วใช่ไหม?”จางอวี่มั่วตอบ “มาแล้ว ที่บ้านยังมีลูกอยู่ นางไม่วางใจก็เลยกลับไปแล้ว แต่น้องหญิงสามไม่ต้องเป็นห่วง พวกเรากำชับเป็นอย่างดีแล้ว พี่หญิงรองบอกว่านางกลับไปแล้วก็จะเสริมการคุ้มกันในจวน”เจียงเฟิ่งหัวคิด ผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ทุกคนต่างก็มีความระแวดระวัง ดีเหมือนกัน ไม่เหมือนชาติที่แล้วที่พวกเขาไม่ได้เตรียมการไว้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่ถูกกระทำฝ่ายเดียว ท้ายที่สุดแล้วทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสกุลเจียงก็ล้วนถูกสกุลซูเล่นงานจนพังพินาศทั้งสิ้นนางยังคิดไว้ว่ารอคลอดลูกก่อนแล้วค่อย ๆ ขุดคุ้ยหาข้อผิดพลาดของสกุลซู ดูแล้วตอนนี้ก็ไม่ต้องรอให้ถึงเวลานั้นแล้ว สกุลซูก็ไม่ได้ย้ายไปชายแดนหมดทั้งบ้าน บ้านเดิมของสกุลซูก็ยังอยู่ที่เมืองเซิ่งจิง ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ไม่ได้มีซูเต๋อไห่เป็นลูกชายคนเดียวเสียหน่อยเวลานี้เจียงหวยก็ไม่กล้ากอดเฝิงจิ้งหยวนไว้เพื่อปล

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 490

    หลินเฟิงนำทหารไปส่งเจียงเฟิ่งหัวถึงหน้าประตูจวนสกุลเจียง จากนั้นก็ดึงเย่อิ่งไปอีกด้าน “องค์รัชทายาทให้ข้ากำชับเจ้า ว่าต้องปกป้องความปลอดภัยของพระชายารัชทายาทให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องลอบสังหารแบบครั้งก่อนเป็นอีกอันขาด หากพระนางเป็นอะไรไป ให้เจ้าหิ้วหัวมาพบ เจ้าเองก็ระวังสักหน่อย ระวังหัวจะไม่ปลอดภัยเข้าล่ะ”ดวงตาของหลินเฟิงมีประกายอำมหิตสายหนึ่งวาบผ่าน มือทำสัญลักษณ์ปาดคอขึ้นมา เย่อิ่งรู้สึกเพียงว่าศีรษะเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน นับตั้งแต่องครักษ์หลินเปลี่ยนจากองครักษ์ของท่านอ๋องกลายเป็นองครักษ์ของรัชทายาท คนก็เปี่ยมไปด้วยพลังเสียเหลือเกิน!สีหน้าของเย่อิ่งไม่เปลี่ยนแปลง และดูเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ในอ้อมอกกอดกระบี่ไว้เล่มหนึ่ง “ได้ยินว่าในวังมีนางกำนัลหลายคนชอบเจ้า พวกนางล้วนอยากแต่งงานกับเจ้า”หลินเฟิงประหลาดใจ “หน้าน้ำแข็งก็ชอบพูดล้อเล่นแล้วหรือนี่ พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมัง”“ข้าไม่ได้ล้อเล่น” สีหน้าของเย่อิ่งดูทื่อๆ ทว่าจริงจังยิ่งหลินเฟิงตะลึงไป รีบหันไปดูที่หน้าประตูใหญ่ของจวนสกุลเจียงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเหลียนเย่กับพระชายารัชทายาทเข้าไปแล้ว ก็กระซิบเสียงเบา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status