“ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ มุกถามว่าเมื่อไหร่” หญิงสาวแผดเสียงดังลั่น
“ก็ตั้งแต่หนูยังอยู่ที่ร้านนั่นแหละค่ะ” สาวน้อยบนเตียงเห็นว่าผู้ชายคนเดียวในห้องยังยืนนิ่งไม่ยอมพูดจึงตอบออกมาเสียเองแถมยังขยายความแก้โง่เพิ่มอีก
“คุณไข่มุกคงไม่รู้ว่าพี่เขาเต๊าะหนูตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรกแล้ว วันไหนที่คุณไม่อยู่ พวกเราก็โบ๊ะบ๊ะกันในร้านทุกครั้ง” อดีตลูกจ้างของไข่มุกลอยหน้าลอยตาบอก
“น้องมุก ยัยนี่ก็แค่ของกินเล่นชั่วครั้งชั่วคราว อย่าคิดมากไปเลยนะ ยังไงพี่ก็รักน้องมุกคนเดียว” แฟนหนุ่มของเธอรีบแก้ตัวหน้าด้านด้าน
“จะของเล่นของชั่วคราวยังไง มุกก็ไม่สน แค่พี่กินลูกจ้างในร้านมุกก็ไม่ยอมแล้ว นี่ยังแอบกินกันในร้านของมุกอีก เห็นร้านมุกเป็นอะไร ร้านนั่งดริ๊งก์เหรอ” หญิงสาวตะโกนต่อว่าทั้งน้ำตา
“พี่คงติดนิสัยกินไม่เลือก ทำไมคะ แค่มีรูให้เสียบ จะรูไหนก็เสียบได้ใช่ไหมคะ” ไข่มุกหันไปตะโกนถามแฟนหนุ่มด้วยความเจ็บใจ
“พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะมุก ก็มุกไม่ยอมพี่สักที มัวแต่เล่นตัวอยู่ได้ สมัยนี้คนเป็นแฟนกันคู่ไหนจะไม่เคยมีอะไรกันบ้าง พวกเราเป็นแฟนกันมาจะครบปีอยู่แล้ว มัวแต่หอมแก้มจูบปากนิดหน่อยแค่นั้น มันจะพอได้ยังไง”
“อ้อ...สรุปว่าพี่แม็กอยากได้แฟนเพื่อมาเอากันใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่แค่นั้น แต่เรื่องแบบนี้ก็ต้องมีอยู่แล้วทุกคู่ พี่ชวนมุกมานอนค้างด้วยกัน มุกก็ไม่ยอม”
“พี่แม็กก็เลยพาคนอื่นมานอนค้างแทน งั้นสิ” ไข่มุกย้อนถามด้วยความเจ็บใจที่ฝ่ายชายโทษว่าเป็นความผิดของเธอซะงั้น
“พวกเราเลิกกันค่ะ ส่วนพี่แม็กกับยัยเด็กนี่จะคบกันต่อ หรือจะเอากันต่อก็ตามสบาย” ร่างบางหมุนตัวออกมาจากที่ตรงนั้นอย่างตัดใจ
จากนั้นเธอก็พยายามตั้งสติขับรถจนมาถึงอาคารสำนักงานอันเป็นที่ตั้งของร้านชาแล้วทรุดตัวลงกับพื้นเปล่งเสียงร้องไห้อย่างไม่อาย
“ฮือ ฮือ โฮ โฮ”
“ไอ้ชั่ว มาหาว่าฉันไม่ยอมมันก็เลยต้องไปมั่วกับเด็กนั่น ข้ออ้างทุเรศๆแบบนี้พูดออกมาได้ โคตรเห็นแก่ตัวเลย ไอ้เลวเอ๊ย พวกมันคงอยากตั้งแต่อยู่ที่นี่แล้ว อี๋...ไม่รู้พวกมันเอากันตรงไหนบ้าง คงต้องไปขอน้ำมนต์มารดทั้งร้านเพื่อล้างซวย” หญิงสาวตะโกนด่าไปก็เช็ดน้ำตาไป
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเห็นรูก็เสียบ ทีตอนมาจีบบอกรักจริงหวังแต่ง แล้วนี่อะไรยังไม่ครบปีเลย ลายออกเสียแล้ว” ไข่มุกนั่งคิดถึงวันที่ชายหนุ่มวนเวียนเข้ามาจีบตั้งแต่เธอเพิ่งเปิดร้านชาได้ไม่นาน
ตอนนั้นเขายังทำงานอยู่ในตึกนี้จึงแวะเวียนมาทั้งเช้า กลางวัน เย็น จนเธอใจอ่อนยอมตกลงเป็นแฟน แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือนเขาก็ย้ายที่ทำงานไปไกลจนพวกเขาทั้งสองเจอกันไม่บ่อยเท่าเดิม
ชายหนุ่มมักกล่าวหาว่าไข่มุกเอาแต่ทำงานไม่สนใจเขา นั่นเป็นเหตุให้เธอตัดสินใจไปง้องอนจนได้รู้ความจริงที่ปกปิดไว้
“ชิ กินใครไม่กิน มากินเด็กในร้าน เจ็บใจจริงๆ” หากเป็นคนอื่นไข่มุกคงไม่เจ็บใจมากเท่านี้ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนโดนหยาม ยิ่งนึกภาพยัยเด็กบนเตียงหัวเราะเยาะแล้วยิ่งเดือด
ไข่มุกซึ่งยังคงนอนคิดเรื่องที่ทำให้เสียใจ ปากบางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยยังคงคุกรุ่นไปด้วยอารมณ์โกรธที่ตกค้างอยู่
แต่เมื่อมองร่างของตัวเองบนเตียงแล้วก็จึงเริ่มเอะใจ
เอ๊ะ...เดี๋ยวก่อน เมื่อคืนเธอจำได้ว่าปิดประตูร้านชาล็อคกุญแจเรียบร้อยอย่างแน่นหนา
แล้วคุณยายคนนี้เข้าไปถึงตัวเธอได้อย่างไร
นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า
ตอนพิเศษห้า เชื่อมสัมพันธ์กัวจื่อหานออกเดินทางไปเมืองหลวงด้วยความอาลัยห่วงหาภรรยาสาว แต่ความก้าวหน้าของหน้าที่การงานย่อมสำคัญเช่นกัน เมื่อถึงเมืองหลวงเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาลงชื่อเข้าสอบและก้มหน้าก้มตาทบทวนตำราอย่างคร่ำเคร่งเขาจะทำให้ซีซีน้อยของเขาได้เชิดหน้าชูตาให้ได้ ไม่ให้ผู้ใดมาดูหมิ่นนางอีกต่อไป ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจประกอบกับพื้นฐานเดิมที่มี ส่งให้กัวจื่อหานสอบผ่านจนติดหนึ่งในสามสิบคนสุดท้ายข้อสอบชุดสำคัญถูกส่งออกมาให้ผู้เข้าสอบได้ทำอย่างคร่ำเคร่ง กว่าจะเสร็จก็เกือบค่ำแล้วกัวจื่อหานไม่รั้งรออยู่ที่เมืองหลวงอีกแต่รีบสั่งให้ออกเดินทางกลับโดยทันทีหากเขามีตาด้านหลังคงได้เห็นสายตาแห่งความห่วงใยถูกส่งออกมาจากเสนาบดีกัวผู้เป็นบิดาซึ่งเฝ้าแอบดูอยู่ตั้งแต่เขาย่างเท้ามาถึง“หานหาน เจ้ากลับมาแล้ว” หลี่หยู่ซีกระโดดกอดสามีหนุ่มโดยไม่แยแสสายตาผู้อื่นด้วยความคิดถึงนางเกรงว่าเขาจะโดนจับตัวกักขังไว้อีกจนไม่ได้กลับมา ทุกคืนจึงได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาไม่อาจหลับตาลง
เจ้าเมืองหยางยื่นมือมารับหลักฐานจากกัวจื่อหานพลางส่ายหน้าให้กับความโง่เง่าไม่รู้ความของคนสกุลจวง ขณะจวงเห่ยกังทิ้งตัวลงก้มหน้าด้วยความละอายใจหยางหมิงเจ๋อเอื้อมมือมาหยิบหลักฐานในมือบิดาขึ้นดูจากนั้นจึงสาดสายตาดุดันใส่สองแม่ลูกสกุลจวงตอนพิเศษสี่ อยู่ดีไม่ว่าดี“นางไม่เคยระรานพวกเจ้า แทบไม่เคยพบหน้ากันด้วยซ้ำ เหตุใดร้ายกาจถึงเพียงนี้ ท่านแม่ ข้าคงไม่อาจแต่งงานกับสตรีซึ่งมีนิสัยชั่วร้ายเช่นนี้ได้” หยางหมิงเจ๋อหันไปกล่าวแก่มารดาคุณหนูจวงได้ยินว่าความฝันที่วาดไว้พังลงมาเพียงชั่วพริบตาถึงกับกรีดร้อง“ไม่นะ...พี่หมิงเจ๋อ พวกเราต้องแต่งงานกัน ข้ารอพี่มานานมาก เฝ้ารักเฝ้ารอทุกคืนวัน แต่พี่กลับมัววุ่นวายอยู่กับนังจิ้งจอกนี่ นางมีดีอันใด งามหรือก็ไม่เท่าข้า ฐานะก็ต่ำต้อย ถูกบิดาขับออกจากสกุล แถมยังเคยถูกโจรย่ำยีมาแล้ว พี่เห่ยกังก็อีกคน แทนที่จะมาช่วยข้า กลับมาวุ่นวายกับนางเช่นกัน ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอม กรี๊ดดดดดด” คุณหนูจวงกรีดร้องราวบ้าคลั่ง ตะโกนโหวกเหวกโวยวายคล้ายเสียสติจนจวงเห่ยกังต้องทุบนางจนสลบแล้วแบ
ตอนพิเศษสี่อยู่ดีไม่ว่าดีหลี่หยู่ซีมองเห็นจวงเห่ยกังซึ่งนั่งอยู่ติดกันดึงแขนเสื้อคล้ายห้ามปราม“ท่านแม่ เหตุใดกล่าวเช่นนั้น ข้าแวะมาด้วยอาหารที่นี่รสชาติดีเลิศ หรือท่านแม่ไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น”“ดีเลิศหรือ ก็งั้นงั้น หากมิใช่หยางฮูหยินและหยางกงจื่อเชื้อเชิญ ข้าหรือจะยอมเหยียบเข้ามาในร้านที่มีแต่กลิ่นเหม็นเพียงนี้ ดูสิ เสื้อผ้าหน้าผมของข้าเหม็นจนต้องกลับไปชำระล้างเสียยกใหญ่” หญิงซึ่งคาดว่าเป็นมารดาของจวงเห่ยกังแสดงท่าทีรังเกียจ“หากไม่ชื่นชอบ ข้าคงต้องขอโทษ ด้วยร้านนี้ข้ามีหุ้นด้วยส่วนหนึ่ง” หยางหมิงเจ๋อลุกขึ้นมากล่าวหน้านิ่ง“มิใช่ท่านแม่ไม่ชอบหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่กลิ่นออกจะแรงไปสักหน่อย ความจริงอาหารต่างๆก็รสชาติดี จริงไหมเจ้าคะ ท่านแม่” หญิงสาวซึ่งนั่งถัดมารีบเอ่ยแก้ต่างให้มารดาอ้อ...คนนี้น่าจะเป็นคุณหนูจวง ว่าที่คู่หมั้นหมายของหยางหมิงเจ๋อ หน้าตางดงามชวนมองอย่างที่พี่ชายโอ้อวดเอาไว้ 
ตอนพิเศษสามผู้ใดกันแน่ที่หาเรื่องผ่านเหตุการณ์ที่มีผู้ว่าจ้างให้นักเลงมาหาเรื่องทำลายชื่อเสียงยังร้านห่าวซือหมาล่าหม้อไฟมานานนับเดือน แต่จวงเห่ยกังยังคงไม่มีความคืบหน้าใดมาบอกกล่าวแก่หลี่หยู่ซีเขาอ้างว่าสอบสวนลูกกระจอกที่จับมาได้อย่างหนักแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้เห็นเกี่ยวกับผู้บงการแต่อย่างใดนั่นย่อมทำให้กัวฮูหยินน้อยหรือหลี่หยู่ซีซึ่งแม้จะมีความสุขกับการแต่งงานและร้านค้าซึ่งกำลังทำเงินไม่อาจหยุดครุ่นคิดด้วยเกรงจะมีผู้มาก่อเรื่องอีก“ซีซี เจ้าไม่ต้องกังวล หากมีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องพวกเราอีก ข้าจะสั่งสอนมันให้เข็ดหลาบ” กัวจื่อหานซึ่งไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์คราวที่แล้ว จึงรู้สึกละอายใจที่ไม่ได้ช่วยเหลือภรรยา แต่กลับเปิดโอกาสให้ชายอื่นได้แสดงฝีมือ“ข้าเพียงอยากรู้ว่าผู้ใดกันที่แค้นเคืองถึงกับว่าจ้างคนมาทำร้ายทั้งร้านและตัวข้าเช่นนี้ หากยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของผู้บงการ ชาตินี้ข้าคงไม่อาจนอนหลับตาได้อย่างสนิทใจ” หลี่หยู่ซีเอ่ยเสียงเข้มแม้นางจะหายโกรธนักเลงพวกนั้นแล้ว แต
ตอนพิเศษสอง ปั้นก้อนแป้งน้อย ด้วยช่องทางรักของนางยังคับแคบอยู่มาก เขาจึงไม่กล้าตอกย้ำซ้ำๆหลายครา ที่ผ่านมาเพียงหลั่งได้น้ำเดียวเขาก็จำต้องปล่อยให้นางได้พักผ่อนแล้วแต่คืนนี้ เขาจะทำให้นางได้พบความสุขจนลืมไม่ลงทีเดียวชายหนุ่มเลื่อนกายขึ้นจุมพิตร้อนแลกลิ้นจนน้ำใสไหลย้อยลงข้างปาก จากนั้นจึงจับแท่งกายแข็งเข้าจ่อยังปากทางฉ่ำน้ำใส“วันนี้น้ำของเจ้าออกมามากทีเดียว คงไม่เจ็บแล้ว” เสียงปลอบประโลมเอ่ยบอกก่อนของแข็งจะค่อยๆมุดแทรกเข้ามาจนเต็มโพรงอุ่นอย่างเชื่องช้า“อืม...ไม่เจ็บแล้วจริงด้วย” หญิงสาวร้องบอกสามี“เช่นนั้นข้าจะเร่งแรงขึ้นดีหรือไม่”“ดี” หญิงสาวคล้อยตามคำเชิญชวนท่อนเอ็นหนาผลุบเข้าผลุบออกในช่องทางสีชมพูหวานเป็นจังหวะเชื่องช้า ก่อนจะเร่งแรงจนกลายเป็นตอกกระแทกถี่รัวเมื่อความเสียวซ่านเริ่มกำซาบมากขึ้น“อื้อ...ดี...หานหาน...อ้า...ซี๊ดดด ดี...”“เสียวหรือไม่ ซีซี”“เสียว ยิ่งแรงยิ่งเสียว”เสียงเนื้อกระท
ตอนพิเศษหนึ่ง คืนเข้าหอ “อย่าได้ดูถูกข้าเช่นนั้น ข้าจะจับเจ้ากินไม่ให้ได้นอนทีเดียว” “อย่าคุยโม้คุยโตไป ดื่มสุรามงคลแล้วถอดเสื้อผ้าเข้านอนเถอะ ทั้งตัวมีแต่กลิ่นสุราเช่นนี้ ข้าคงนอนไม่หลับ” หลี่หยู่ซียกจอกสุรามงคลเพื่อดื่มร่วมกันตามธรรมเนียม จากนั้นจึงช่วยถอดเสื้อผ้าให้สามี “ซีซี ข้าถอดให้เจ้าเอง” กัวจื่อหานพยายามวุ่นวายกับชุดรุ่มร่ามของภรรยาสาว แต่มะงุมมะงาหราอยู่นานก็ยังถอดไม่ออกสักชิ้น “เฮ้อ...หานหาน ข้าถอดเองดีกว่า ไม่งั้นคงได้นอนทั้งชุดนี้แน่” หญิงสาวผลักร่างสามีให้นอนลงรอ ส่วนตนเองยืนขึ้นถอดชุดเจ้าสาวออกทีละชิ้นจนหมด หญิงสาวเดินทั้งร่างเปลือยเปล่าขึ้นเตียงไปนอนประกบเคียงข้างร