หลังจากใช้เวลาหลายวันพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และการผ่อนคลายทางกาย หวังหยู่รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกสดชื่นและมีพลังมากขึ้น ความอ่อนเพลียจากอาการป่วยหายไปจนหมดสิ้น และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรักและความสุขจากการได้ใช้เวลาร่วมกับหลี่หยาง ส่วนองค์รัชทายาทหลี่หยางไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้สุขยิ่งกว่าไหนๆ เพราะชวนพระชายาทำเรื่องผ่อนคลายทุกคืน การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้หวังหยู่ฟื้นตัว แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความรักและความผูกพันระหว่างพวกเขาทั้งสองได้แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม ในช่วงเย็นขณะที่องค์รัชทายาทและพระชายากำลังพากันเดินเล่นอยู่รอบตำหนักเพื่อชมความงามของธรรมชาติท่ามกลางเสียงน้ำไหลและสายลมที่พัดผ่าน อย่างเป็นส่วนตัวเพียงสองคน แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้ทั้งสองหยุดชะงัก ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ ด้วยความระแวง ทันใดนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำหลายคนปรากฏตัวออกมาจากพุ่มไม้ พวกเขาถือดาบในมือและพุ่งเข้ามาใกล้ทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมืดที่เริ่มคืบคลานเข้ามา กลุ่มคนร้ายเข้าโจมตี
หลังจากใช้เวลาหลายวันพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และการผ่อนคลายทางกาย หวังหยู่รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกสดชื่นและมีพลังมากขึ้น ความอ่อนเพลียจากอาการป่วยหายไปจนหมดสิ้น และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรักและความสุขจากการได้ใช้เวลาร่วมกับหลี่หยาง ส่วนองค์รัชทายาทหลี่หยางไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้สุขยิ่งกว่าไหนๆ เพราะชวนพระชายาทำเรื่องผ่อนคลายทุกคืน การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้หวังหยู่ฟื้นตัว แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความรักและความผูกพันระหว่างพวกเขาทั้งสองได้แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม ในช่วงเย็นขณะที่องค์รัชทายาทและพระชายากำลังพากันเดินเล่นอยู่รอบตำหนักเพื่อชมความงามของธรรมชาติท่ามกลางเสียงน้ำไหลและสายลมที่พัดผ่าน อย่างเป็นส่วนตัวเพียงสองคน แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้ทั้งสองหยุดชะงัก ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ ด้วยความระแวง ทันใดนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำหลายคนปรากฏตัวออกมาจากพุ่มไม้ พวกเขาถือดาบในมือและพุ่งเข้ามาใกล้ทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมืดที่เริ่มคืบคลานเข้ามา กลุ่มคนร้ายเข้าโจมตี
หลังจากที่หวังหยู่ ฟื้นตัวจากอาการป่วยตามลำดับด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดจากหลี่หยาง แต่ทว่าพระสวามีอย่างหลี่หยางยังคงเป็นห่วงสุขภาพของพระชายาอยู่ แม้อาการไข้จะทุเลาลง แต่ร่างกายของหวังหยู่ยังคงดูอ่อนเพลียและต้องการการฟื้นฟูมากกว่านี้ เพื่อให้พระชายาของเขาฟื้นตัวขึ้น หลี่หยางจึงตัดสินใจพาหวังหยู่ออกไปพักผ่อนในสถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงามและบริสุทธิ์ เพื่อให้หวังหยู่ได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจตามคำเเนะนำของฮองเฮา เมื่อเห็นว่าหวังหยู่ดีขึ้นน่าจะสามารถเดินทางไหว องค์รัชทายาทก็มอบหมายให้เหล่าข้ารับใช้เตรียมการออกเดินทางไปยังตำหนักนอกเมืองซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม บริเวณรอบ ๆ มีภูเขาและลำธารไหลผ่าน เป็นสถานที่ที่เงียบสงบและเหมาะแก่การพักผ่อน หลี่หยางตั้งใจจะพาหวังหยู่ไปที่นั่นเพื่อให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น “ข้าคิดว่าเจ้าต้องการพักผ่อนในที่ ที่มีอากาศบริสุทธิ์” หลี่หยางกล่าวขณะกำลังเตรียมการเดินทาง “ที่ตำหนักนอกเมืองแห่งนี้จะช่วยให้เจ้าผ่อนคลาย และข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ เราสองคนจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันที่นั่น” หวังหยู่มองหลี่หยางด้วยสายตาอ่อนโยน “ขอบคุณที่ท่านใส่ใ
หลังจากที่องค์รัชทายาทหลี่หยางได้ป้อนอาหารและยาบำรุงให้ พระชายาด้วยความใส่ใจ พระชายาของเขาก็เริ่มมีอาการดีขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ถึงกระนั้น หลี่หยางยังคงกังวลในสุขภาพของหวังหยู่ เขาตัดสินใจจะไม่ละสายตาจากพระชายาของเขาแม้เพียงสักวินาทีเดียว และตัดสินใจที่จะเฝ้าไข้หวังหยู่ด้วยตนเอง ค่ำคืนนั้น หลังจากที่หวังหยู่ทานยาและอาหารบำรุงเรียบร้อยแล้ว ร่างกายของเขายังอ่อนแรงอยู่มาก หลี่หยางจึงจัดเตรียมที่นอนข้างเตียงของพระชายาเพื่อคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะสามารถช่วยเหลือได้ทันที หวังหยู่ที่นอนอยู่บนเตียงมองดูการกระทำของพระสวามีด้วยความรู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นใจ เขารู้ดีว่าหลี่หยางมีภาระหน้าที่มากมายในฐานะองค์รัชทายาท แต่การที่หลี่หยางเลือกจะอยู่ข้างกายเขาในเวลานี้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความรักที่เขาไม่เคยคาดหวังมาก่อน “ท่านไม่ต้องอยู่ที่นี่ก็ได้ ข้าจะพักผ่อนและคงดีขึ้นในไม่ช้า” หวังหยู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงแต่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เขาไม่อยากให้หลี่หยางต้องเหนื่อยล้าจากการเฝ้าดูแลเขาทั้งวัน “ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวแน่” หลี่หยางตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อเป็นการ
เมื่อพระชายาเริ่มฟื้นตัวจากไข้ที่ทำให้เขาอ่อนแรง หลี่หยางยังคงไม่หยุดที่จะใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้พระชายาของตนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วที่สุด หลังจากดูแลหวังหยู่ทั้งคืน หลี่หยางตัดสินใจลงไปที่ห้องเครื่องด้วยตนเอง เพื่อดูแลเรื่องอาหารบำรุงสำหรับหวังหยู่ องค์รัชทายาทหลี่หยางไม่เคยทำสิ่งเช่นนี้มาก่อน การที่องค์รัชทายาทผู้สง่างามและทรงอำนาจจะเดินลงมาถึงห้องเครื่องเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้องครัว เหล่าแม่ครัวพ่อครัวและนางกำนัลต่างตกใจและรีบก้มศีรษะคำนับด้วยความเคารพ “องค์รัชทายาท ท่านมีสิ่งใดให้พวกข้ารับใช้” พ่อครัวใหญ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย หลี่หยางมองไปยังพ่อครัวด้วยสายตาเฉียบคม น้ำเสียงทุ้มก็แจ้งกับแม่ครัว “เจ้าเป็นซั่งซู ใช่หรือไม่ ข้าต้องการให้พวกเจ้าทำอาหารบำรุงร่างกายที่ดีที่สุดสำหรับพระชายา เขาเพิ่งฟื้นตัวจากไข้และต้องการสารอาหารที่เหมาะสม ข้าต้องการให้ทุกจานที่ออกไปมีคุณค่าทางอาหารและช่วยให้พระชายาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว” ซั่งซูหรือพ่อครัวใหญ่พยักหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับตอบกลับอย่างสุภาพ “พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ข้าจะจัดเตรียมอาหารบำรุ
เมื่อรุ่งเช้ามาถึง องค์รัชทายาทหลี่หยาง ตื่นขึ้นมาก่อน ดวงตาคมของเขาหันมองไปที่ร่างของหวังหยู่ที่นอนอยู่ข้าง ๆ ภายใต้แสงแดดยามเช้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความอ่อนโยน เขายังไม่เชื่อว่าค่ำคืนที่ผ่านมาจะเกิดขึ้นจริง ทุกสิ่งดูเหมือนเป็นความฝัน พระชายาของเขาบอบบางแต่ก็ร้อนแรงและอดทนมากไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านบทรักอันร้อนแรงกับเขามาได้ทั้งคืนหวังหยู่ ที่ตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นก็มองเห็นหลี่หยางที่นอนอยู่ข้างเตียง ทั้งสองสบตากันอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกระหว่างพวกเขาเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ทั้งคู่จะไม่พูดอะไรมาก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ชัดเจนขึ้นอย่างมากหลี่หยางเอื้อมมือไปจับมือของหวังหยู่เบา ๆ แล้วกล่าวเสียงนุ่ม “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนไหม เมื่อคืน ข้ารุนแรงกับเจ้า แต่ข้าก็ไม่เสียใจที่ทุกอย่างเกิดขึ้น ข้าคิดว่าคืนนี้เราได้เข้าใจกันมากขึ้น”หวังหยู่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ใบหน้าสวยเขินอาย ก่อนจะก้มหน้าหลบเล็กน้อย “ข้าเองก็ ก็ไม่เสียใจ ท่าน ท่านสำคัญกับข้ามากกว่าที่ข้าเคยคิด ข้าเจ็บเล็กน้อยแค่นั้น”“เจ็บตรงไหน ขอข้าดูหน่อย” หลี่หยางถามอย่างร้อนรนด้วยความห่วงใย“ไ