ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด

ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด

بواسطة:  วิถีมารไร้ขอบเขตمستمر
لغة: Thai
goodnovel4goodnovel
10
2 تقييمات. 2 المراجعات
35فصول
1.2Kوجهات النظر
قراءة
أضف إلى المكتبة

مشاركة:  

تقرير
ملخص
كتالوج
امسح الكود للقراءة على التطبيق

มือสไนเปอร์แห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเกิดใหม่ในปี 1958 กลายเป็นชาวเขาธรรมดา ที่ตายจากความหนาวเหน็บในแถบเทือกเขาต้าซิ่งอันหลิ่งแห่งตงเป่ย ในครอบครัวประกอบไปด้วยมารดาที่ถูกขับไล่ออกจากครอบครัว กับน้องสาวตัวน้อยวัยสี่ห้าขวบ บ้านคุ้มหัวทรุดโทรม ขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหาร แต่ผังเป่ยกลับไม่หวั่นเลยสักนิด เขามองเทือกเขาต้าซิ่งอันหลิ่ง บนผืนดินแถบเขาฉางไป๋และแม่น้ำเฮยหลงเจียงนี้ มีทั้งหมีดำ หมูป่า เสือโคร่งไซบีเรีย ไก่ฟ้าเฮเซล กวางโร ไก่ป่า และสัตว์ป่าให้ล่ามากมายทั่วทุกพื้นที่! ต้นอ่อนโสม เห็ดน้ำผึ้ง วอลนัทป่า... มีของล้ำค่าแห่งขุนเขาเต็มไปหมด! มีทรัพยากรอยู่มากมายขนาดนี้ ยังจะต้องกลัวไม่มีอะไรกิน? ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อีกหรือ? แบกปืนล่าสัตว์ เสียบมีดเข้ากับตัว จูงสุนัขล่าเนื้อ ผังเป่ยเริ่มใช้ชีวิตอันแสนสบายอุราด้วยการออกล่าสัตว์ในป่าเขาหาเลี้ยงครอบครัว!

عرض المزيد

الفصل الأول

บทที่ 1

“หนาวชะมัด!”

ผังเป่ยยืนอยู่ในป่าเขาที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ ทัศนียภาพเบื้องหน้าทำให้เขาอดสั่นสะท้านไม่ได้

รอบข้างขาวโพลนไปทั้งผืน น้ำแข็งและหิมะปกคลุมเหนือแผ่นดินทุกหนึ่งตารางนิ้ว ราวกับอยู่ในโลกน้ำแข็งที่แต่งแต้มไปด้วยสีเงินและสีขาว

ทันทีที่เขาพ่นลมหายใจออกไปก็จะกลายเป็นควันสีขาวกลางอากาศ ลอยขึ้นช้า ๆ แล้วสลายหายไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าบางเบา เกล็ดน้ำแข็งเกาะเต็มคิ้ว น้ำมูกจับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็งใต้จมูก

มองไปรอบ ๆ ทิศทาง นอกจากหิมะและลมหนาวแล้ว ก็ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีก

ป่าเขาแห่งนี้ราวกับเป็นซอกหลืบที่ถูกลืม มันทั้งร้างผู้คน ทั้งไร้ความอบอุ่น มีเพียงความหนาวเหน็บและความโดดเดี่ยวไร้ที่สิ้นสุด

ถ้านี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จริง ๆ เขาต้องคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝันเป็นแน่

เพราะเมื่อวานนี้ เขายังเป็นสไนเปอร์มือพระกาฬของหน่วยรบพิเศษพยัคฆ์ตงเป่ยแห่งปี 2024 อยู่เลย ตอนที่ได้รับคำสั่งให้โรยตัวลงกลางอากาศเพื่อตามจับอาชญากรคนหนึ่ง ดันเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียก่อน

พอฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง ตัวเขาก็หลุดจากปี 2024 มาโผล่อยู่ที่แถบตงเป่ยในปี 1958 เสียแล้ว!

ไม่เพียงแค่ที่ชื่อแซ่เปลี่ยนจากหลินเป่ยเป็นผังเป่ยเท่านั้น ฐานะก็เปลี่ยนจากทหารหน่วยรบพิเศษมาเป็นชาวเขาที่แม้แต่ข้าวสักมื้อก็ยังไม่มีกิน!

แต่ความหนาวเหน็บและความหิวโหยไม่มีเวลาทำให้เขาตื่นตกใจ เจ้าของร่างเดิมก็หนาวตายอยู่ในแผ่นดินที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งผืนนี้แล้ว

สิ่งที่ผังเป่ยทำได้ในตอนนี้ก็คือใช้ชีวิตแทนเจ้าของร่างเดิมต่อไป

......

จะว่าไปแล้วเจ้าของร่างเดิมก็นับว่าเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง แม้จะมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี แต่ก็ยอมเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายโดยไม่ลังเลเพื่อมารดากับน้องสาว

เจ้าของร่างเดิมเป็นลูกชายคนที่สามของครอบครัว เขามีพี่ชายหนึ่งคน และพี่สาวอีกหนึ่งคน ว่ากันว่ามารดานั้นเป็นภรรยาคนที่สองที่ผู้เป็นบิดาใช้ข้าวโพดห้าสิบกิโลกรัมไปแลกมา

ส่วนภรรยาคนแรกนั้นก็ถูกบิดาทุบตีจนหนีไปแล้ว โดยทิ้งลูกชายกับลูกสาวเอาไว้

เจ้าของร่างเดิมกับผังซีผู้เป็นน้องสาว เป็นลูกแท้ ๆ ที่มารดาให้กำเนิด

ทว่าหลังจากที่ตบแต่งตัวมารดามาแล้ว บิดาของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่ได้กลับตัวกลับใจแต่อย่างใด กลับดุร้ายกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

มารดาเป็นคนทำงานบ้านทุกอย่างในบ้าน รวมถึงงานบ้านในส่วนของปู่กับย่าด้วยเช่นกัน ช่วงที่หนาวเหน็บที่สุดของปี มือทั้งสองข้างของมารดานั้นเต็มไปด้วยบาดแผลจากความเย็น ทุกครั้งที่หันไปเห็นล้วนมีแต่เลือดไหลซิบอยู่เสมอ

แต่ถึงเป็นแบบนั้น บิดาก็ยังคว้าเก้าอี้ขึ้นมาฟาดศีรษะมารดาจนหัวแตกเลือดอาบ เพียงเพราะมารดาทำอาหารให้ย่าช้าไป ด้วยเหตุนี้เจ้าของร่างเดิมจึงทะเลาะมีปากเสียงกับที่บ้าน เขาต้องการแยกครอบครัวออกมา ต้องการพามารดากับน้องสาวแยกตัวออกไปใช้ชีวิตเอง

เพราะถ้ายังไม่ออกไปจากที่นี่ ก็ไม่รู้ว่ามารดาจะถูกทุบตีจนตายขึ้นมาเมื่อไร และไม่ช้าก็เร็วน้องสาวที่กินไม่อิ่มก็ต้องหิวตายแน่

......

อันที่จริงแล้วมารดาของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่เห็นด้วยกับเรื่องแยกครอบครัว เพราะบิดาของมารดานั้นป่วยไข้ และกลัวว่าจะทำให้มารดาต้องมาเหน็ดเหนื่อยเพราะเขา บ้านมารดาจึงให้มารดาแต่งงานออกมา ถ้าเขารู้ว่ามารดาจะต้องมาใช้ชีวิตแบบนี้ เขาจะเจ็บปวดใจขนาดไหน? กลัวก็แต่ว่าอาการป่วยของเขาจะกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

ถ้าเขารู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้เข้า จะต้องทุ่มสุดชีวิตเพื่อมาที่นี่ให้ได้แน่ แต่สุขภาพร่างกายของคนเฒ่าคนแก่นั้นจะให้เกิดโทสะขึ้นมาอีกไม่ได้ ถ้าเกิดมีโทสะขึ้นมาอีกครั้ง เกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ไม่พ้นฤดูหนาวนี้แน่!

แต่สามีของตนคิดจะลงมือทุบตีผังเป่ยที่เพิ่งฟื้นตัว มารดาถึงตระหนักได้ว่าหากยังไม่ไปจากที่นี่ ลูกสาวลูกชายของตัวเองจะต้องตายทั้งคู่แน่!

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลองทุ่มเทกำลังทั้งหมดดูสักตั้ง ต่อให้ต้องตาย พวกเขาสามคนแม่ลูกก็ต้องตายพร้อมกัน!

ความจริงแล้ว ตอนที่มารดาออกมาจากที่นั่นได้แอบขโมยยาเบื่อหนูมาด้วยหนึ่งห่อ

เจ้าของร่างเดิมเห็นแล้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้ว่าในใจของมารดาคิดอะไรอยู่ และเขาเองก็ไม่ต่อว่ามารดาด้วย

......

“ต้องรีบหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นจะล่าสัตว์ไม่ได้สักตัว แถมยังต้องมาหนาวตายอีกต่างหาก!”

ผังเป่ยคิดอยู่ในใจ

พูดกันตามตรงแล้ว หลินเป่ยเกรงใจเจ้าของร่างเดิมมาก เพราะหากไม่ได้เจ้าของร่างเดิม ตอนนี้เขาก็ยังเป็นได้แค่ดวงวิญญาณไร้ญาติขาดมิตร ล่องไปลอยมาอยู่กลางแถบเขาฉางไป๋กับแม่น้ำเฮยหลงเจียงเท่านั้น

ดังนั้น ความคิดที่เจ้าของร่างเดิมต้องการดูแลคนในครอบครัวนั้น เขาจะต้องทำมันให้สำเร็จ

ถึงอย่างไรก็ยึดร่างกายของคนอื่นเขามาแล้วนี่! ก็ถือว่าตอบแทนที่เจ้าของร่างเดิมได้ช่วยเหลือเขาไว้แล้วกัน

ทว่าความคิดของเด็กอย่างเจ้าของร่างเดิมนั้นถือว่าเป็นความคิดที่ดี แต่ความสามารถกลับไม่เอื้ออำนวย วิธีล่าสัตว์ของเขานี่นับเป็นการเฝ้าตอรอกระต่าย ไม่รู้จักพลิกแพลงเอาเสียเลย

แล้วลองดู กับดักนี้ที่เขาวางไว้ก็ไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย อีกทั้งกลไกที่วางไว้ก็ชัดเจนเกินไป ตำแหน่งก็ไม่ถูกต้อง กระต่ายที่ไหนจะติดกับเล่า?

ในมือของผังเป่ยตอนนี้มีแค่เชือกป่านเส้นหนึ่งที่เอว มีดพกหนึ่งเล่ม แล้วก็กับดักตรงหน้านี้

ถ้าคนทั่วไปคิดจะใช้ของพวกนี้มาล่าสัตว์ แบบนั้นก็เหมือนกับคนบ้าที่กำลังละเมอเพ้อพกนั่นละ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะนั่งรอให้กระต่ายมาติดกับได้หรือเปล่าเลย

มีเครื่องไม้เครื่องมือเพียงเท่านี้ก็กล้าบุกป่าขึ้นเขาแล้ว นี่เขาจะเห็นเรื่องป่าเขาเป็นเรื่องเล่น ๆ เกินไปแล้ว

บนเขาลูกนี้ไม่ได้มีแค่กระต่าย ยังมีสัตว์ร้ายนานาพันธุ์อยู่ด้วย

อีกอย่าง ไอ้วิธีการรอกระต่ายแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการเอาชีวิตมาเดิมพัน เห็นชัด ๆ ว่าชะตาชีวิตของเขาไม่ดี ไม่มีทางชนะเดิมพันแน่

ผังเป่ยแกะรื้อกับดักหยาบ ๆ ที่เจ้าของร่างเดิมทำไว้ออก จากนั้นเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย เตรียมย้ายสถานที่

เมื่อรื้อกับดัก ผังเป่ยถึงได้รู้ว่าอันที่จริงกับดักชิ้นนี้พังแล้ว เพราะเจ้าของร่างเดิมไม่ได้มีฝีมืออย่างพวกมืออาชีพมากนัก ของแบบนี้ต่อให้มีกระต่ายทะเล่อทะล่าเข้ามาจริงก็ไม่มีทางจับได้สำเร็จ ระดับความสูงวางไว้ไม่ถูกต้อง กระต่ายก็กระโดดออกไปได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้นเขาจึงเดินวนเวียนอยู่ในป่าอีกสักพัก จากนั้นก็เจอเข้ากับกิ่งไม้พอใช้ได้กิ่งหนึ่ง แล้วจึงวางกับดักใหม่อีกครั้ง

กับดักนี้ หลัก ๆ ก็คืออาศัยหลักการผูกเชือกแบบเงื่อนกระตุกทั่วไป ใช้แรงดีดของกิ่งไม้ รับรองเลยว่าแค่กระต่ายสัมผัสถูกกับดัก เชือกก็จะรัดคอแน่น ทำให้กระต่ายขาดอากาศหายใจ ยิ่งกระต่ายดีดดิ้น เชือกก็จะยิ่งรัดแน่น

โครงสร้างสำคัญของกับดักนี้ก็คือท่อกลวง จากนั้นก็ใช้มีกรีดด้านล่างของรากไม้สดที่มีความยืดหยุ่นให้เป็นช่อง

สุดท้ายก็ค่อยใช้กิ่งไม้อีกกิ่งสอดแหวกเข้าไปตรงกลางให้แยกออกส่วนหนึ่ง แล้วสอดกิ่งไม้บาง ๆ เข้าไปในรูเล็ก ๆ ของท่อกลวง อีกด้านหนึ่งก็ใช้ท่อนไม้เล็ก ๆ ที่ผ่าครึ่งออกมาหนีบไว้

ความสูงก็สำคัญ ต้องตั้งไว้ให้สูงพอที่กระต่ายจะพุ่งไปได้ แต่ในความจริงแล้วหลังของกระต่ายจะต้องชนเข้ากับกับราวไม้

ทันทีที่ราวไม้ถูกชนล้ม กิ่งไม้ก็จะดีดตัวทันที ถึงตอนนั้นกับดักล่ากระต่ายจะยกตัวขึ้น รัดคอกระต่ายไว้

กระต่ายที่ขวัญหนีดีฝ่อจะดิ้นรนสุดชีวิต แต่ทำแบบนั้นแล้ว ก็จะทำให้ตัวเองถูกรัดตายทั้งเป็น

แผนการนี้เรียบง่ายมาก แต่การจะทำให้สำเร็จนั้นกลับไม่ง่าย จะหากระต่ายสักตัวในฤดูหนาวนั้นยาก เพราะอาหารน้อย ถ้ากระต่ายคิดจะออกมาหาอาหาร ก็ยังต้องเจอเข้ากับการล่าของสัตว์ป่าดุร้ายที่หิวโหยพวกนั้น

ดังนั้นพวกมันจึงเจ้าเล่ห์มาก จะต้องปกปิดการเคลื่อนไหวให้ได้มิดชิดมากที่สุด

ทว่าเรื่องพวกนี้ล้วนไม่ยากเกินมือของเขาที่เคยเป็นถึงทหารหน่วยรบพิเศษมือพระกาฬหรอก ในป่าเขา จมูกของเขาใช้การได้ดีเสียยิ่งกว่าสุนัขล่าเนื้อ นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของกระต่ายก็เป็นรูปแบบที่คาดเดาได้

หลังจากที่ผังเป่ยคลายกับดักออก ก็เตรียมเสาะหาสถานที่ใหม่

ทว่าในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงอ่อนระโหยโรยแรงดังขึ้นในป่าเขา “พี่! พี่?!”

ผังเป่ยชะงักงัน พอหันไปมองตามเสียงก็เห็นเงาร่างเล็ก ๆ เงาหนึ่งวิ่งมาทางเขา ใบหน้ารูปไข่ดวงเล็ก ๆ นั่นแดงเรื่อเพราะความหนาว ศีรษะเล็ก ๆ นั่นคลุมไว้ด้วยผ้าพันคอผืนใหญ่ แม้ว่ากองหิมะจะท่วมถึงเอวเธอ แต่ร่างเล็ก ๆ นั่นก็ยังคงชูห่อผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ ไว้ใบหนึ่ง แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความยากลำบาก

คนคนนั้นก็คือผังซี น้องสาวของเขา!

เธอที่มีอายุได้เพียงสี่ขวบ จะหนาวตายอยู่กลางป่าเขาแห่งนี้เอาได้ง่าย ๆ

พอผังเป่ยเห็นเข้าก็รีบวิ่งไปหาทันที จนเกล็ดหิมะบนพื้นลอยกระจุยกระจาย เพราะหิมะทับถมกันหนาเกินไป ผังเป่ยจึงเดินลำบาก ตอนที่พุ่งออกไป เขาถึงขั้นล้มลุกคลุกคลานไปถึงเบื้องหน้าของน้องสาว

พอเห็นผังซี ผังเป่ยก็อดต่อว่าไม่ได้ “เธอออกมาได้ยังไง? แม่ล่ะ? แม่ปล่อยให้เธอออกมาเหรอ?”

ผังซีกะพริบดวงตาดำขลับคู่โต เธอยกกล่องไว้เหนือศีรษะ “พี่ เอาข้าวมาให้”

ผังเป่ยชะงัก เขามองไปที่กล่อง

จากนั้นก็รวบตัวผังซีขึ้นมากอด ผังซียัดกล่องใส่อ้อมแขนของผังเป่ย “ลุงใหญ่ให้มา แม่เสียดายไม่กล้ากิน หนูนึกได้ว่าพี่ออกมาแต่เช้าทั้งที่ยังไม่ได้กินอะไร ก็เลยเอามาให้พี่กิน”

ได้ยินเสียงเล็ก ๆ นี้แล้ว ในใจของผังเป่ยพลันอบอุ่นขึ้นมาทันที

แม้ว่าจะยากจน แม้ว่าอยู่ที่นี่แล้วจะทุกข์ยาก แต่เขาที่เป็นลูกคนเดียวมาตลอด ไม่เคยได้สัมผัสถึงความอบอุ่นที่มาจากพี่น้องมาก่อนเลยสักครั้ง

ทว่าครั้งนี้ เขาได้สัมผัสความรู้สึกนั้นแล้วจริง ๆ

และก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผังเป่ยถึงยอมเสี่ยงตายออกมาล่าสัตว์ พอคิดถึงตรงนี้ ผังเป่ยก็แย้มยิ้มออกมา แม้ว่าตอนที่ยิ้มจะรู้สึกเจ็บเพราะแผลที่เกิดจากความหนาวเย็นบนหน้าก็ตาม

แต่เขาก็ยังอดทนต่อความเจ็บ ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวเก็บเอาไว้ก่อน ไว้พี่จับกระต่ายมาได้ พวกเราเอาไปตุ๋นทำแกงเนื้อ ถึงตอนนั้นค่อยเอามากินด้วยกัน!”

เด็กน้อยปรบมือเปาะแปะ ดวงตาเป็นประกาย “จริงเหรอ? สุดยอดไปเลย! ได้กินเนื้อด้วย! หนูยังไม่เคยลองเลยว่าเนื้อมันรสชาติเป็นแบบไหน!”
توسيع
الفصل التالي
تحميل

أحدث فصل

فصول أخرى

تعليقات

user avatar
Hou Jiao
รอนานแล้วน้าาา ทำไมยังไม่มาอีก อิฉันจะส่งสารไปทูลฟ้องต่อเง็กเซียนฮ่องเต้ให้ส่งเทพสวรรค์นำทีมโดยเทพสามตาและเห่าฟ้ามาลงทัณฑ์ที่ไม่มาอัป กรี๊ดดดดด!!!
2025-07-01 16:01:44
0
default avatar
Panadda Ngiewngam
เรื่องนี้นานแล้วไม่ต่อเหรอคะ ???
2025-07-01 15:57:24
0
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status