"แต๊งกิ้วนะจ๊ะลลิลเพื่อนเลิฟ"
"อุตส่าห์ขับรถวนมาส่งฉัน" "สบายมากแก ฉันไปก่อนนะ" "บ๊ายบาย ขับรถดีดีแก" ฉันเดินฮัมเพลงเข้ามาคอนโดด้วยความสบายใจ หวังว่าหลังจากนี้ตัวฉันจะหมดเคราะห์หมดโศกหรือถ้ายังไม่หมดก็ขอให้เบาลงก็ยังดี ชีวิตหนูมายจะได้กลับไปสงบสุขเหมือนเดิม แต่จะว่าไปโทรศัพท์ของฉันก็เงียบไปนานหลายชั่วโมงแล้วนะ สงสัยพรที่ฉันขอไหว้จะเห็นผลทันตาเลย รู้งี้ชวนสองสาวไปตั้งนานแล้วดีกว่า เฮ้อ... สบายใจจัง ระหว่างที่ฉันกำลังกดรหัสประตูอยู่หน้าห้อง ก็สัมผัสได้ถึงอากาศเย็นๆ ที่ลอดผ่านออกมาจากช่องใต้ประตู เมื่อเช้าฉันว่าฉันปิดไฟปิดแอร์เดินดูดีแล้วนี่นา หรือว่าฉันลืมปิดแอร์หรอ หรือคุณพ่อคุณแม่จะแอบมาเซอร์ไพร์สลูกสาวคนสวยกันนะ ไหวเท่าความคิด ฉันจึงรีบเปิดประตูเข้าไปทันที แต่สองขาเรียวเล็กของฉันต้องหยุดชะงัก รอยยิ้มสวยๆ ของฉันต้องหุบลงทันที เพราะมีมารผจญนั่งหน้าบึ้งตึงกอดอกไขว่ห้างแถมยังขมวดคิ้วเข้มมองฉันด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาอีก หรือว่าฉันต้องบินไปมูที่ไต้หวันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยดีนะ "ฉันนั่งอยู่ไม่เห็นหรอ" "เห็น แต่ไม่อยากทัก" "ไปไหนมา" "เรื่องของฉัน" "ทำไมไม่อ่านข้อความ ไม่รับสาย" "ไม่ได้ยินเสียง" "มาย" ฉันอุตส่าห์มองเขาเป็นอากาศไปแล้วนะ อยากทำจิตใจให้สงบสุขบ้าง แต่เขากลับถามฉันไม่หยุดแถมยังทำเสียงเย็นยะเยือกใส่ฉันอีก พอฉันไม่ว่านี่เอาแต่ใจตัวเองใหญ่เลยนะ ชิ! ฉันไม่กลัวหรอก รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า เสร็จแล้วจะได้เอาน้ำมนต์ที่ขอมามาพรมให้ทั่วห้องเลยน่าจะดี น่าเสียดายที่ฉันลืมขอสายสิญจน์มาด้วย เอาไว้รอบหน้าแล้วกัน ผมกำลังพยายามควบคุมสติอารมณ์นับหนึ่งถึงพันเพื่อให้ใจเย็นที่สุด ไม่โมโหใส่ยัยลูกหมูจนทำให้ต้องทะเลาะ เพราะวันนี้ทั้งวันผมส่งข้อความหาเธอเป็นร้อย โทรหาเธออีกเป็นสิบสาย จนได้ยินเสียงปลายทางพูดว่าไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก ผมถึงหยุดโทรแล้วหยิบกุญแจรถขับตรงมาที่คอนโดเธอทันที ถ้าไม่ติดที่ผมรับปากผู้ใหญ่ไว้ว่าจะดูแลเธอ ผมไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่ แล้วดูเธอร่าเริงกลับมา ทำเป็นมองไม่เห็นผม แถมยังเดินหนีผมอีก อยากล้อเล่นกับระบบของผม...ผมก็จะจัดให้ เจอกันแน่ยัยหมูอ้วน "นี่ เข้ามาทำไม ออกไปเลยนะ" "เข้ามาสั่งสอนเธอไง ยัยหมูอ้วน" "อย่ามาล้อเล่นกับระบบของฉัน" "ฉันไม่ได้ล้อเล่น นายนั่นแหละจุ้นจ้าน" "ฉันจุ้นจ้าน?" "วุ่นวายด้วย" "ฉันวุ่นวาย?" "อื้อ" "อ๊ะ อย่ามาจับนะ ไอ้บ้า" "จะจับ" "นี่ ปล่อยเลยนะ" "ไม่ปล่อย" "อ๊ะ" จุ๊บ ผมตามเธอเข้ามาในห้องน้ำโดยไม่สนว่าเธอจะทำอะไรอยู่ พอเปิดประตูเข้ามา ภาพที่เห็นคือเธอกำลังยืนยกสองแขนขึ้นรวบผมโดยที่บนตัวเธอมีแค่บราสีขาวกับแพนตี้ลูกไม้สีเดียวกันตัวจิ๋วปกปิดอยู่ แต่สติผมกลับมาเมื่อได้ยินเสียงแหลมๆ ของเธอโวยวายที่เห็นผม และปากแจ๋วใส่ผมไม่หยุด ผมเลยเปิดสวิตช์ระบบของผม จัดการปากเล็กเล็กเสียงแจ๋วแจ๋วด้วยปากของผม จนอารมณ์ผมพลุ่งพล่านพาสองมือหนาของผมให้ซุกซนไปตามผิวลื่นๆ ของลูกหมู และมาหยุดที่ก้อนกลมนุ่มนิ่มมันนุ่มมือมากแล้วก็ใหญ่ล้นมือหนาของผม จนผมอดบีบแรงแรงด้วยความหมันเขี้ยวไม่ได้ ค่อยๆ ผลักเธอให้เดินถอยหลังจนสะโพกมนกลมชนเข้ากลับขอบอ่างล้างหน้า ผมจึงใช้มือประคองแล้วยกตัวเธอขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ก่อนจะซบหน้าลงที่ก้อนกลมนุ่มนิ่มสองข้างอยู่นานหลายนาที จนเป็นรอยแดงเต็มไปหมด ส่วนเธอก็เอาคืนผมโดยการใช้กำปั้นเล็กทุบตีลงบนหลังแกร่งของผม แรงเท่าลูกหมูจะทำอะไรผมได้ และค่อยๆ เลื่อนหน้าไปกระซิบออกคำสั่งข้างหูขาวอมชมพูของเธอ "เธอต้องอ่านข้อความที่ฉันส่ง" "มะ ไม่" "อ๊ะ เจ็บนะ" "ต้องรับสายฉันทุกครั้ง" "..." "จะไปไหน ก็ต้องบอก" "นายยังไม่บอกฉันเลย" "ต่อไปจะบอก" "รับปากมา" "อืม" "หึ จุ๊บ" ผมมองสบตากลมโตมีขนตางอนยาวของเธออยู่นาน ยัยลูกหมูนี่ดื้อชะมัด ทั้งสีหน้า แววตาของเธอที่มองผมตอนนี้เหมือนกำลังรัวคำด่าผมอยู่ในใจ ซึ่งกว่าเธอจะยอมอ่อนให้ผมลงบ้าง ไม่รู้ว่าจะทำตามจริงรึเปล่า เล่นทำผมที่พยายามระงับอารมณ์ให้ได้มากที่สุด เกือบห้ามใจกับตัวนุ่มนุ่มมีกลิ่นหอมหอมไม่ได้ ก่อนจะปล่อยให้เธอไปอาบน้ำแต่งตัว และพาตัวเองออกมาทำอาหารเย็นรอเธอที่ห้องครัว เป็นเมนูง่ายๆ ตามวัตถุดิบที่มีในตู้เย็น อย่างกุ้งทอดกระเทียมพริกไทย กับไข่น้ำใส่หมูสับ ซึ่งก็เสร็จทันพอดีที่เธอเดินหน้างอออกมาจากห้องนอนในชุดนอนที่เป็นเสื้อแขนยาวตัวโคร่งกับกางเกงนอนขาวยาวเข้าชุดกันดูเรียบร้อยเป็นพิเศษ ระหว่างที่เธอกำลังจะหย่อนสะโพกกลมนั่งที่เก้าอี้ ผมก็แทรกตัวลงไปนั่งแทนแล้วดึงเธอลงมานั่งบนตักแกร่ง ใช้แขนข้างหนึ่งโอบเอวเธอไว้ไม่ให้ลุกหนี ส่วนอีกข้างก็ตักกับข้าวที่ผมทำเข้าปากเล็กเล็กสลับกับปากของผมจนหมดจาน #จากคู่กัด ขอแวะไปเป็นคู่แซ่บก่อนแปปนึง #อ่านเพลินๆ เน้นฟิลกู้ด ขำๆเหมือนเดิมเนอะ🤭ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่ได้ไปเดินเล่นในสวนดอกไม้สีขาวสวยมากและกว้างมากด้วยมีหิ่งห้อยบินเต็มไปหมดจนรู้สึกอยากจะอยู่ที่นี่ไม่อยากไปไหน จนได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยเรียกชื่อฉันอยู่ไกลๆ พร้อมกับเสียงร้องโยเยจากเด็กน้อยเหมือนร้องเรียกหา ฉันเลยค่อยๆ เดินไปตามเสียงทีละนิดทีละนิดฉันนอนมองใบหน้าที่ดูอิดโรยคิ้วเข้มขมวดเป็นปมแน่นมีมือหนาของเขาจับมือบางของฉันไปแนบแก้มสากไว้ราวกับกลัวหายจนผ่านไปนานหลายนาทีก็ไม่มีวี่แววตื่นขึ้นมา ฉันเลยใช้นิ้วเรียวเล็กที่อยู่ตรงแก้มนั้นลูบสัมผัสปลุกเขาเบาเบาแต่กลับไม่ได้ผล เลยต้องเปลี่ยนเป็นหยิกลงไปแทนทำเขาสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นมามองหน้าฉันด้วยแววตาเป็นประกายฟอด ฟอด ฟอด"ตื่นแล้วหรอ อ้วน""นายกับลูกลูกรอตั้งนาน""เจ็บมั้ย""เจ็บ""ขอโทษคับ จุ๊บ" "ลูกละ" "เดี๋ยวพยาบาลพามา""รอแป๊บนะนายไปตามหมอก่อน"เขาโผเข้ากอดและหอมฉันอยู่นานราวกับว่าคิดถึงฉันมาก ฉันก็รู้สึกคิดถึงเขามากเหมือนกันเลยปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้นทั้งๆ ที่ก็แอบเจ็บแผลอยู่หน่อยๆ จนกระทั่งคุณหมอมาตรวจอาการฉันอย่างละเอียดและบอกให้ฉันกับลูกลูกนอนพักที่นี่อีกสี่ห้าวันให้แข็งแรงขึ้นอีกหน่อยแล้วค่อยก
"สวัสดีคับลูกหมู""ได้ยินเสียงปะป๊ามั้ย""หึ" "อยากออกมาเตะบอลกับป๊าใช่มั้ย""ปะป๊าอย่าพึ่งชวนลูกเตะบอลได้มั้ย""ลูกพากันเตะท้องมามี๊จนจุกไปหมดแล้วเนี่ย""จุ๊บ ขอโทษคับ"ตอนนี้เจ้าลูกชายของผมสองคนที่นอนอยู่ในพุงกลมกลมของเธออายุเกือบหกเดือนแล้ว ท่าทางจะแสบซนกันใช่ย่อย เพราะกว่าที่ผมจะสามารถเข้าใกล้เธอได้ก็ต้องรอเข้าเดือนที่สี่อาการเหม็นผมของเธอถึงจะเบาลงไป ผมถึงสามารถเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกันนอนบนเตียงเดียวกันกับเธอได้ แถมยังพากันดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาทำเอามามี๊ตัวกลมเจ็บและจุกอยู่บ่อยๆ จนบางทีผมก็ต้องแกล้งเอ็ดดุไปนิดหน่อยถึงพากันหยุดนอนนิ่งราวกับเป็นเด็กดีเชื่อฟังปะป๊าไม่กล้าดื้อไม่กล้าซน แต่บางทีด้วยความใจร้อนของผมก็อยากให้ลูกหมูออกมาวิ่งเล่นเตะฟุตบอลกับผมซะวันนี้พรุ่งนี้ไปเลย ชานมลูกสาวคนโตก็จะได้ไม่เหงามีเพื่อนเล่นเพิ่มด้วย"นาย ตั้งชื่อลูกกันมั้ย""อืมมม มายมีที่ชอบยัง""มายเลือกไม่ถูกชอบหลายชื่อมาก""หึ มีชื่ออะไรมั่ง""มี เลนส์ ฟิล์ม กล้อง แกรม โฟกัส""เพราะมายชอบถ่ายรูป มีนายเป็นตากล้องให้""งั้น...ชื่อนี้ดีมั้ย เลนส์กับฟิล์ม""นายมองมายผ่านเลนส์ ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นภาพฟิล์ม"
และแล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง วันแต่งงานของฉันกับเขา ฉันเฝ้าคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดยืนเคียงข้างเขาได้อย่างมั่นใจที่สุดในวันนี้ เราใช้เวลาถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และแขกที่มาร่วมงานนานเกือบสองชั่วโมง ดีที่เจ้าบ่าวของฉันคอยยืนกอดคอฉันบ้าง นวดให้บ้าง โอบเอวประคองฉันไว้บ้างทำให้ฉันไม่เมื่อยเท่าไหร่ แถมยังมีเพื่อนน่ารักๆ อย่างสองสาวมินนี่และลลิล ที่คอยมาซับเหงื่อช่วยดูแลหน้าผมและป้อนน้ำให้ฉันอยู่ตลอด ฉันมีหน้าที่แค่ยืนแจกรอยยิ้มหวานหวานเท่านั้นหลังจากพิธีการเสร็จ เราสองคนก็ต้องรีบขึ้นมาเปลี่ยนเป็นชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้บนห้องที่เปิดไว้ให้ทันภายในยี่สิบนาที เพราะต้องลงไปสนุกกับเพื่อนๆ ต่อที่งาน อยากขอบคุณตัวฉันเองและเขาด้วยที่เลือกชุดที่ใส่ง่ายใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีฉันก็อยู่ในชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว มีเวลาได้นั่งพักหายใจอีกสักหน่อย แต่แล้วดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิด"นาย รูดซิปให้มายหน่อยสิ""เดี๋ยวค่อยรูด""อ๊ะ อย่าแกล้งนะ""ไม่แกล้ง เอาจริง""กระโปรงสั้นสั้นมันดีแบบนี้นี่เอง""นายใส่เลยนะ เวลาน้อย""อ๊ะ อื้อ""ซี้ด" "เดี๋ยวได้ทาลิปใหม่หรอก"เพี๊ยะจากที่ผมตั้งใจจะอ
และเราสองคนก็ได้ฤกษ์วันแต่งงานหลังจากฝึกงานเสร็จหนึ่งเดือนทำให้เธอถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับทั้งตื่นเต้นและเป็นกังวลกลัวจะเตรียมงานไม่ทัน ซึ่งผมก็ทำได้แค่ปลอบใจและหาออแกไนซ์มืออาชีพมาช่วยให้เธอเบาใจขึ้นให้เธอมีหน้าที่บอกธีมงานในฝันของเธอกับทีมงานแค่นั้น โดยไม่ได้กำหนดธีมสีว่าจะต้องเป็นสีไหน เพื่อเพื่อนๆ และแขกที่มาร่วมงานจะได้ใส่ชุดและสีที่ตัวเองมั่นใจที่สุดจะได้มีความสุขและสนุกไปกับงานของเราทั้งคู่ แล้ววันนี้เราสองคนมีนัดลองชุดแต่งงานซึ่งก็เป็นร้านเดียวกันกับชุดวันหมั้นนั่นแหละเพราะเธอชอบการตัดเย็บและดีเทลของแบรนด์นี้เลยไม่เปลี่ยนใจไปมองร้านอื่น"นายว่ามายใส่แบบไหนดี""ไม่เอาเกาะอก""เอาสิ มายว่ามายใส่เกาะอกสวย""ไม่สวย""...""แต่มายอยากลอง""...""พี่ขา หนูมายขอลองสองชุดนี้ก่อนค่ะ"ผมได้แต่นั่งไขว่ห้างกอดอกตกอยู่ในพะวังความคิดเฝ้าถามตัวเองด้วยความสงสัยว่าเมื่อครู่นี้เธอจะหันมาถามความเห็นของผมทำไมเพราะสุดท้ายแล้วเธอก็เลือกลองชุดแบบที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แถมเป็นแบบเกาะอกไม่มีแขนทั้งสองชุดต่างกันแค่กระโปรงทรงสุ่มกับทรงเมอร์เมดก็เท่านั้น ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีพนักงานในร้านก็เดินมาค่อยๆ เ
เราสองคนยืนกอดกันอยู่พักหนึ่ง ผมก็พาเธอเดินเข้าไปดูห้องน้ำที่มีอ่างกุชชี่ขนาดใหญ่ไว้สำหรับแช่น้ำกันสองคนและอาจจะพาลูกหมูตัวน้อยน้อยลงมาเล่นน้ำด้วย ถัดไปอีกหน่อยเป็นวอคอินโครเซทสำหรับเธอที่ชอบแต่งตัวสวยสวยซึ่งผมแบ่งที่แขวนเสื้อผ้าส่วนของเธอไว้ให้ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์อีกสามสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเสื้อผ้าของผม โดยตรงกลางห้องมีตู้กระจกไว้แชร์กันสำหรับใส่เครื่องประดับอย่างสร้อยต่างหูและนาฬิกาข้อมือของเราสองคน ก่อนจะพาไปดูห้องนอนลูกลูกที่ผมทำเตรียมไว้สามห้องสำหรับสามคนเพื่อสานต่อธุรกิจของครอบครัวเราสองคนในอนาคต และที่ขาดไม่ได้ก็คือห้องสุดท้ายที่มีประตูเชื่อมกับห้องนอนใหญ่ของผมกับเธอเป็นห้องของลูกสาวคนโตของเราคือห้องของชานมนั่นเอง ซึ่งภายในห้องก็มีทั้งเบาะที่นอนนุ่มนุ่ม คอนโดหลายระดับหลายชั้นไว้ให้เจ้าตัวเล็กได้เลือกนอนตามใจชอบ รวมถึงห้องน้ำแมวอัตโนมัติด้วย ทำเธอกระโดดกอดผมอย่างดีใจและทำท่าทางตื่นเต้นไม่หยุดเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ดูว่าขาดเหลืออะไรตรงไหนเธอจะได้ไปเดินเลือกซื้อมาเพิ่ม"มายอยากแก้ตรงไหนมั้ย""ยังมีเวลา จะได้เสร็จทันก่อนย้ายเข้ามา""มายไม่อยากแก้ เพราะนายตั้งใจเลือกและทำให้มาย""ม
"ไอ้เตอร์ ฝึกงานเสร็จมึงจะแต่งเลยป่าววะ""อืม กูอยากมีลูกเลย มึงอะ""กูก็อยากแต่งเลย แต่ไม่รู้มายจะอยากแต่งมั้ย""มีแพลนกับเค้าบ้างมั้ยมึงอะ ไอ้กาย""...""อย่าไปถามมัน ไอ้นี่มันเสือซุ่มเงียบ""..."วันนี้ผมกับเธอขับรถพาชานมลูกสาวของเรามาพบสื่อมวลชนที่คาเฟ่มินิมินนี่ ทันทีที่สองสาวเห็นเจ้าตัวกลมก็พากันเอ็นดูผลัดกันอุ้มผลัดกันเล่นอยู่ไม่ห่าง ไม่นับรวมกับลูกค้าในร้านที่ต่างมาขอถ่ายรูปลูกผมจนต้องต่อแถวคิวยาวไปถึงหน้าร้าน เรียกว่าเวลานี้ชานมกลายเป็นซุปตาร์หน้าใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ลูกสาวของผมน่ารักจริงๆ นี่นาตัวกลมกลมขนนุ่มๆ ตาโตโต แถมขี้อ้อนมากมากด้วยจะว่าไปก็เหมือนมามี๊ของเธอนั่นแหละ ไม่รู้ว่าถ้าเกิดว่ามีลูกหมูตัวเล็กเล็กที่เกิดจากผมเอง จะขี้อ้อนแบบนี้มั้ยถ้าใช่ผมก็คงหลงลูกมากไม่อยากห่างไปไหนแน่เราสองคนอยู่นั่งคุยนั่งเล่นกับเพื่อนๆ จนเย็นก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน และวันนี้เป็นอีกวันที่ผมมาค้างที่บ้านของเธอเป็นปกติไปแล้วเพราะตั้งแต่มีชานมเธอก็จะชวนผมมาที่นี่ทุกอาทิตย์จนคุณอาทั้งสองยกห้องนอนส่วนตัวให้ผมหนึ่งห้องเป็นที่เรียบร้อย และที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ของผมก็มีห้องนอนส่วนตัวขอ