พลอยดาวถึงกับพูดอะไรไม่ออก เธอเห็นแค่แผ่นหลังกว้างที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ตู้แสดงหนังสือหายาก เธอพูดประโยคนั้นด้วยความเคยชิน ไม่คิดว่าพอเขาหันกลับมาจะกลายเป็น ‘กวิวัชร์’ เจ้านายหน้านิ่งของพราวมุก
“พราวมุก?ไม่ใช่สิ คุณไม่ใช่...” เป็นพราวมุกไม่ได้อย่างแน่นอน เวลานี้เลขาของเขาอยู่ที่บริษัทแน่ๆ กวิวัชร์ขมวดคิ้วอย่างงุนงง มีคนหน้าตาคล้าย เอ่อ ไม่สิต้องเรียกว่าเหมือน...เหมือนกันมาก
ด้วยสัญชาตญาณทำให้พลอยดาวถอยหลังหนี แต่แผ่นหลังไปชิดกับชั้นหนังสือ เธอตกใจหลุดอุทานออกมา หนังสือเล่มบนเหนือศีรษะทำท่าจะตกใจใส่ เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะทันทีแต่หนังสือเล่มหนาอยู่ในมือของชายหนุ่มแล้ว
มีแต่คนทำผิดที่ร้อนรนขนาดนี้
กวิวัชร์บอกตัวเองในใจ แต่เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน ไม่มีเหตุผลให้เธอต้องหวาดกลัวเขาขนาดนี้ เพราะไม่ชอบทำอะไรค้างคาใจ เขาคิดจะอ้าปากถาม แต่หางตารับรู้การเคลื่อนไหว เห็นเงาร่างของปภาวดีเดินเข้ามาในห้องสมุด ด้วยต้องการหลบไม่ให้ปภาวดีเห็นตัวเขาจึงดันร่างเล็กไปในซอกระหว่างตู้หนังสือ หญิงสาวอ้าปากเหมือนจะส่งเสียงร้องแต่เขายกมือปิดปากเธอไว้ก่อน
“ชู่ว์” เขาทำเสียงบอกให้เธอเงียบก่อน พลอยดาวแทบกลั้นหายใจเมื่อร่างกายใหญ่โตของเขาแนบชิดกับร่างของเธอ เธอไม่เคยเข้าใกล้ชิดผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อน ดวงตากลมเบิกกว้างและเห็นว่าเขาเหลือบมองด้านข้างตลอดเวลา จนกระทั่งเหมือนใครบางคนก้าวไปพ้นสายตาแล้ว เขาจึงยอมยกมือออกแล้วถอยห่างออกมา
“ขอโทษ ผมแค่จะหลบคน” เขาถอยออกมาเล็กน้อยแต่ไม่ยอมให้เธอเดินหนีไปได้
“ค่ะ” เธอพูดได้แค่นั้น แต่เห็นเขายืนนิ่งเป็นตุ๊กตาหินก็ทำหน้าตึงใส่ “ช่วยหลบด้วยค่ะ”
“เดี๋ยวสิครับ” เห็นเธอเบี่ยงตัวไปทางซ้าย เขาก็ใช้ตัวเองบังไม่ให้เธอเดินออกมาได้ พอเธอขยับไปทางขวาเขาก็ทำเหมือนเดิม คราวนี้เธอคงโกรธแล้วแพราะเห็นแววตาที่จ้องเขม็งแบบจะเอาเรื่อง ทั้งที่ตัวเธอเล็กนิดเดียว และดูยังไงก็สู้แรงเขาไม่ได้
แต่เขากลับชอบท่าทีเหมือนแมวน้อยขู่จนขนพองแบบนี้
“นี่คุณจะเอายังไง”
“แค่อยากคุยด้วย”
“ฉันไม่รู้จักคุณ เราไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกัน” เธอเชิดหน้าพูดทั้งที่ใจสั่น กลัวว่าเขาจะจับได้ว่าเธอไปทำงานแทนพราวมุก น้องหวังใจจะได้ทำงานที่นี่มาก เธอไม่อยากเป็นต้นเหตุให้น้องต้องหางานใหม่ทั้งที่ทำงานไม่ถึงสามเดือน
“แต่เมื่อกี้คุณมาคุยกับผมก่อน”
พลอยดาวอ้าปากค้าง ทำไมตอนเขาอยู่บริษัทไม่ใช่คนเซ้าซี้ขนาดนี้นะ “นั้นเพราะว่าฉันคิดว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ”
“คุณเป็นเจ้าหน้าที่ห้องสมุดเหรอ” เขาถามแล้วดูหนังสือเล่มหนาในมือที่หยิบไว้ได้ทันก่อนมันจะหล่นใส่ศีรษะของเธอ
“เปล่าค่ะ ฉันแค่มาทำงานที่นี่บ่อยๆ” เธอฉวยหนังสือในมือเขา ออกแรงผลักเขาให้พ้นทาง เขายอมเบี่ยงตัวให้เธอเดินออกมาได้ แต่หญิงสาวแค่จะเอาหนังสือไปเสียบใส่ชั้นหนังสือตามเดิม พลอยดาวลองเขย่งปลายเท้าขึ้นแต่ความสูงก็ยังไม่พอจะเก็บหนังสือเข้าชั้นตามเดิม เธอเหลียวมองหาบันไดสำหรับปีนขึ้นไปหยิบหนังสือชั้นบน แต่มือใหญ่ข้างนั้นหยิบหนังสือเล่มเดิมไปเสียบในชั้นหนังสือตามเดิม
“ตรงนี้ใช่ไหม”
“ค่ะ” ผู้ชายคนนี้สูงเท่าไรกันนะ คราวก่อนเธอไม่ได้ยืนใกล้เขาขนาดนี้
“เรียบร้อย” กวิวัชร์พูดแล้วก้มมองคนตัวเล็ก “คำขอบคุณล่ะ”
“ขอบคุณอะไรคะ เป็นฉันที่ควรได้ยินคำขอบคุณจากปากคุณมากกว่า”
คราวนี้กวิวัชร์เลิกคิ้ว “เรื่องอะไรครับ”
“ก็เมื่อกี้คุณหลบคนไม่ใช่เหรอ” เธอขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นกอดอก “และคุณควรขอโทษที่ทำให้ฉันตกใจด้วยค่ะ”
ท่าทางเรียบร้อยแต่ต่อปากต่อคำเก่ง ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา
“ได้”
พลอยดาวเห็นเขาตอบรับง่ายๆ ก็แปลกใจ แต่จู่ๆ เขาก็คว้าข้อมือเธอไว้ราวกับกลัวว่าเธอจะหนีหายไป
“คุณจะทำอะไร”
“จะพาคุณไปกินข้าว เลี้ยงข้าวไถ่โทษที่ทำให้คุณตกใจและขอบคุณที่คุณช่วยผม”
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้” เธอขืนตัวดึงมือตัวเองกลับแต่เขากลับกระตุกเบาๆ ร่างเล็กก็เซถลาเข้าไปในอ้อมอกของเขาอย่างง่ายดาย
“ไม่ได้ ผมเป็นพวกบุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นต้องชำระ”
ทำไมเขาต้องเน้นคำว่าแค้นด้วยล่ะ เธอไม่ได้มีความแค้นอะไรเสียหน่อย
ทว่าปลายนิ้วของเขาไล้ใบหูขวาของเธอเบาๆ แต่ทำให้เธอตกใจยกมือขึ้นแตะใบหูตัวเอง
“ใช่จริงๆด้วย”
“คุณจะเอาอะไรกันแน่ นี่ห้องสมุดนะ” พลอยดาวเสียงสั่นอย่างไม่รู้ตัว
“ก็คุณคือคนที่อยู่ห้องทำงานผมวันเสาร์ไงล่ะ”
“คุณ...คุณรู้ได้ยังไง” พลอยดาวอ้าปากค้าง น้อยคนที่จะแยกเธอกับพราวมุกได้ในเวลาเพียงแวบเดียว
“คุณมีไฝเม็ดเล็กๆ ที่หูขวา แต่เลขาของผมไม่มี” เขายิ้มแบบคนที่เหนือกว่า และกลายเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว “พวกคุณคิดจะทำอะไรกันแน่ มาขโมยความลับของบริษัทผมหรือไง”
“ไม่ใช่!” พลอยดาวส่ายหน้าไปมาเร็วๆ
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ หนูพลอยดาว” บรรณารักษ์สาวเดินผ่านมาเห็นเข้าจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรคะคุณแอนนา” พลอยดาวรีบตอบ “พอดีพลอยเจอคนรู้จักค่ะ”
“อ่อ...”
“พลอยกำลังจะกลับแล้วค่ะ สัปดาห์หน้าพลอยจะมาใหม่นะคะ”
“ยินดีต้อนรับเสมอจ๊ะหนูพลอย”
พลอยดาวฉีกยิ้มกว้าง รอจนบรรณารักษ์เดินออกไปแล้วจึงหุบยิ้มแล้วหันมาขึงตาใส่ผู้ชายตัวโต
“พลอยดาว?” กวิวัชร์เลิกคิ้ว “พราวมุก?”
“ใช่ ฉันชื่อพลอยดาวเป็นพี่สาวฝาแฝดของพราวมุกเลขาของคุณ” พลอยดาวดันแว่นตาขึ้นชิดใบหน้าด้วยความเคยชิน “วันเสาร์ฉันไปทำงานแทนพราวมุก เพราะน้องสาวติดธุระจำเป็น”
“แค่ติดธุระก็ลางานได้” เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดนัก
“ก็พราวมุกทำงานยังไม่ครบสามเดือน ถ้าลาหยุดงานก็กลัวจะไม่ผ่านช่วงทดลองงาน คุณไม่เคยได้ยินสินะ เก้าสิบวันอันตรายทำงานยังไงให้ผ่านโปร”
คราวนี้เป็นกวิวัชร์ที่อึ้งไป เรื่องพวกนี้เป็นหน้าที่ของ HR หรือฝ่ายคัดเลือกบุคลากร แต่เท่าที่ทำงานร่วมกับพราวมุกมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เว้นแต่ว่าเธอเพิ่งมาทำงานใหม่ ถ้าลาหยุดไม่มีเหตุผลก็ส่งผลต่อการประเมินเข้าทำงาน
“คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมคะ” คราวนี้เสียงพลอยดาวอ่อนลง “ยัยมุกมีความจำเป็นจริงๆค่ะ เราไม่ได้เป็นสายลับให้บริษัทไหนเลย คุณดูสิ ฉันทำงานแปลเอกสารเขียนบทความ วันๆ ก็คลุกอยู่กับหนังสือพวกนี้ ไม่มีทางขโมยข้อมูลของบริษัทคุณแน่นอน”
“ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง”
พลอยดาวสูดลมหายใจลึก “ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงให้คุณเชื่อนี่คะ”
กวิวัชร์กวาดตามองหญิงสาวอีกครั้ง มุมปากยกยิ้มร้ายๆ ทำให้พลอยดาวใจสั่นไหว
“ดินเนอร์”
“คะ?”
“ดินเนอร์กับผม ให้ผมพิจารณาก่อนว่าคุณพูดจริงแค่ไหน” เขายิ้มกริ่มแบบคนเอาแต่ใจ ไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานแล้ว
“อะไรนะคะ”
“แค่กินข้าวเย็น” เขาไหวไหล่ “เดี๋ยวผมให้เลขาผมนัดคุณก็แล้วกัน”
เลขาคุณก็น้องสาวฉันนี่!
พลอยดาวโมโหจนอยากกระทืบเท้าเร่าๆเป็นเด็ก แต่ทำได้แต่กัดริมฝีปากแน่นด้วยความโกรธ ผู้ชายตัวสูงยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้เธอยืนโมโหอยู่คนเดียว.
น้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานทำเอาหัวใจของชายหนุ่มอ่อนยวบ เขาถอนหายใจแล้วหมุนตัวไปถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก ปกติเขานอนไม่สวมเสื้อแล้วก้าวขึ้นไปนอนเคียงข้าง คนตัวเล็กพลิกตัวเข้ามากอด ซุกใบหน้าหาตำแหน่งที่พอเหมาะแล้วหลับตาพริ้ม เขาก้มมองแล้วยิ้มอย่างเป็นสุข การได้กอด ได้รักและปกป้องใครสักคน มันทำให้หัวใจอิ่มเอมได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ? ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ “รักนะคะ” “อะ..อ.ไรนะครับ” เขานึกว่าเธอหลับ แม้ได้ยินชัดแต่อยากได้ความมั่นใจอีกครั้ง “รักค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ “ขอบคุณที่มาให้รักนะคะ” “ครับ” เขาจูบหน้าผากเธอเบาๆ “พี่รักน้องมุก ขอบคุณที่ให้โอกาสผู้ชายธรรมดาคนนี้ได้รู้จักความรักนะครับ” “ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง มุกจะถนอมความรักของพี่คิมไว้นานๆ” “พี่ก็จะถนอมความรักที่น้องมุกให้พี่เก็บไว้ให้นานที่สุด” “อื้ม พี่คิมไม่กลัวพ่อของมุกจริงๆเหรอคะ เราคบกันแล้ว ไม่ต้องหลบๆมาเจอกัน เพราะฉะนั้นให้พ่อแม่รู้คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” พราวมุกถาม ดวงตาเริ่มปิดลง คราวนี้เธอง่วงแล้วจริงๆ
“เหมือนเรื่องของเรานะเหรอ” “แค่กๆ ก็...ประมาณนั้น” “ทำไมพูดแค่นี้ก็ต้องเขิน” เธอมองเขาแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ “แล้วนายไม่เข้าใจประโยคไหนของฉัน” “ก็...เอ่อ...ที่น้องมุกบอกว่าไม่ชอบผู้ชายเหมือนพ่อ ...พี่ก็พยายามวิเคราะห์มาตลอดแต่ก็ยังไม่เข้าใจ” “ถึงขั้นต้องวิเคราะห์เลยเหรอ” เธอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ฉลาดอย่างนายไม่เข้าใจจริงๆเหรอ” เขาพยักหน้าแทนคำตอบ ท่าทางเหมือนลูกศิษย์ที่รอรับคำสอนของคุณครูทำให้พราวมุกยันกายขึ้นนั่ง เขาหยิบหมอนให้เธอเอนหลังพิงหัวเตียง “ตั้งแต่เด็ก ฉันจะเห็นพ่อยุ่งกับงานตลอด แม่เล่าว่าพ่อกับแม่คบกันตั้งแต่เรียนมหา’ลัย พอจบก็แต่งงานกันทันที และเพื่อให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้น พ่อก็เรียนต่อปริญญาโทและทำงานไปด้วย รับงานวิจัยอีกสารพัด หลายครั้งที่แม่รู้สึกเหมือนเป็นคนนอก ไม่เข้าใจในงานของพ่อ จนสุดท้ายมันเกิดเป็นความเหินห่างและทำให้แม่เป็นฝ่ายขอเดินออกจากชีวิตของพ่อ ฉันเอง...เวลาอยู่กับพ่อก็ไม่ค่อยเข้าใจงานของพ่อ เวลาอยู่กันสามคน ฟังพ่อกับพลอยคุยกันก็ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน ยิ่งเวลาที
“อยู่ที่นี่แหละ” แฟรงค์ยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ“ทะ...ทำไมทำแบบนี้”“เพราะเธอทำให้ฉันต้องทำแบบนี้”“แฟรงค์...ฉันไม่เข้าใจ ...นายปล่อยฉันก่อนได้ไหม เรา...เรามาคุยกันดีๆ ก่อนดีไหม”“มุก” น้ำเสียงเขาพร่าลง สายตาจับจ้องริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นจนเรียบตึง “ฉันทำดีกับเธอตั้งมากมาย เธอยังไม่สนใจฉัน ฉันเบื่อเล่นเป็นบทคนดีแล้ว ถึงเวลาที่เธอจะได้รู้ว่าตัวจริงของฉันเป็นยังไง บางที เธออาจจะชอบมันก็ได้”พราวมุกเบี่ยงหน้าหลบทันทีที่เห็นแฟรงค์โน้มหน้าลงมา เธอพยายามยกเท้าขึ้นเตะไปมาแต่กลับถูกเขาใช้ร่างตัวเองกดทับเธอไว้ ยิ่งดิ้นรนร่างกายก็ยิ่งแนบชิด เสียงลมหายใจของเขาแรงขึ้น สีหน้าก็ตื่นเต้นจนแก่นกายแข็งขันดุนดันจนเขาปวดหนึบไปหมด เขาครางอย่างพอใจที่เห็นเหยื่อตัวน้อยแสดงการขัดขืนชัดเจนถึงเพียงนี้ พราวมุกเข้าใจในทันทีว่าการขัดขืนของเธอกระตุ้นความต้องการทางเพศของเขา แต่เธอฝืนทำอยู่นิ่งไม่ได้ สีหน้าหื่นกระหายมันน่ารังเกียจ เธอขยะแขยงจนต้องพยายามบิดตัวหนี“ที่รัก! บอกแล้วคุณต้องชอบมัน”“แฟรงค์! ปล่อย!”เธอตวาดเขาเสียงสั่นแล้วถ่มน้ำลายใส่หน้าเขา แฟรงค์ผงะไปทันที ปล่อยมือจาก
“อ้าว…แม่ก็นึกว่าลูกกับหนูพลอยดาว...” “ไม่ใช่ครับแม่ คิมกับน้องพลอยเป็นแค่พี่น้องกันครับ ไม่ได้คิดอย่างอื่นกันเลย แล้วตอนนี้น้องพลอยก็มีคนรักแล้วด้วย “แม่ก็นึกว่า...” แม่ยิ้มแหย คุณกานดาก็เห็นลูกชายเที่ยวรับส่งดูแลพลอยดาวมาตลอด หญิงสาวเองก็นิสัยดี น่ารัก ถ้าได้เป็นลูกสะใภ้ นางก็ไม่ขัดอะไร “เอ่อ...แม่ครับ แม่ว่า..ปกติผู้หญิงเขาจะชอบผู้ชายเหมือนพ่อใช่ไหม แบบมีพ่อเป็นต้นแบบอะไรอย่างนั้น” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้ารับ “ก็ทำนองนั้นแหละ” “แล้วถ้าผู้หญิงที่บอกว่าไม่ชอบผู้ชายเหมือนพ่อนี่...แม่คิดยังไงครับ” “แม่เคยเจอเคสเด็กผู้หญิงถูกพ่อทำร้ายร่างกายมาโรงพยาบาล ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่มีใครอยากได้แฟนแบบพ่อหรอก” คิมหันต์ขมวดคิ้วยุ่ง เป็นไปไม่ได้หรอก อาจารย์วิทยาไม่ใช่คนชอบใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว เป็นคนใจเย็นและประนีประนอม ขนาดเจอนักศึกษาหัวเสียขึ้นเสียงใส่ อาจารย์ยังนิ่งเฉยไม่ตอบโต้ได้เลย “...หรือไม่ก็...” คุณกานดาพูดอย่างเพิ่งนึกออก “อาจจะเปรียบเปรยว่าทำตัวเหมือนพ่อ คอยคุมไปเสียทุกอย่างก็ได้”
“หา! นี่เราเห็นอะไรแบบนี้บ่อยๆเหรอ” “พี่คิม! มุกไม่ใช่คนชอบแอบดูคนอื่นนะ แค่สงสัยนิดๆหน่อยๆแต่ไม่มีหลักฐานเท่านั้นเอง” ได้ยินเธอเรียก ‘พี่คิม’ หัวใจก็ปลื้มปริ่มยินดี มันไม่เหมือนเวลาพลอยดาวเรียกเขาว่า ‘พี่’ เพราะนั้นคือความรู้สึกแบบพี่ชายน้องสาว แต่เมื่อได้ยินจากปากของพราวมุก เขารู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น ไม่ใช่ ‘นายนั้น นายนี่ หรืออาจารย์คิม’ เขาห็นใบหน้าเล็กๆ มีเหงื่อออกก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้“ให้พี่สตาร์ทรถให้ไหม” “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวพวกเขารู้” โชคยังเข้าข้างที่ไม่กี่นาทีต่อมารถคันนั้นสงบลง อวัชลงจากรถเสื้อผ้ายับยู่เล็กน้อย เขาถอยห่างออกมาและไม่กี่นาทีต่อมารถคันนั้นก็เคลื่อนออกไป พราวมุกสะดุ้งโหยงเมื่ออวัชกวาดตามองมาทางเธอ หญิงสาวรีบก้มหัวลงต่ำแต่กลายเป็นว่าเธอซุกเข้าไปในอกแกร่งของคิมหันต์กลิ่นหอมจากตัวเขาทำให้เธอดิ้นขลุกขลักแต่ชายหนุ่มกอดรัดแน่นขึ้น “ชู่ว์...อย่าเพิ่งขยับ ให้เขาไปก่อน” คราวนี้พราวมุกจึงหยุดดิ้นแทบกลั้นหายใจเมื่อตกอยู่ในวงแขนที่โอบกอด อากาศน้อยเกินไปหรือเธอกำลังเ
พราวมุกสะบัดหน้าไปมา บอกตัวเองให้ทุ่มเทกับงานและลืมผู้ชายที่คิมหันต์นั้นเสียที ทว่าอีกด้านหนึ่งที่พราวมุกไม่รู้ ฝ่ายอาจารย์หนุ่มก็หน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา แต่ทุกคนเข้าใจไปว่าเขาเครียดกับเรื่องวิทยานิพนธ์ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพราวมุกทำเหมือนไม่อยากติดต่อพูดคุย ทั้งที่เขาอยากเดินหน้า ‘จีบ’ อย่างเป็นทางการ แต่เธอกลับหลบหน้าเขาเสียอย่างนั้น มันเกิดอะไรขึ้น(วะ)เนี้ย! เขายกมือขึ้นนวดขมับเป็นจังหวะเดียวกับโทรศัพท์มือถือดังขึ้น รีบร้อนรับสายโดยไม่ดูว่าใครโทรเข้ามา เพราะใจหวังให้เป็นเสียงหวานใจ แต่กลายเป็นว่า “อาจารย์พี่คิม...” “ครับ” คิมหันต์ตอบรับแล้วยกมือถือดูหน้าจอแล้วค่อยพูดต่อ “อ้อ..นายนนท์มีอะไรเหรอ” “พอดีมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ รูปที่ขายได้ในงานนิทรรศการต้องเอาไปส่งที่บริษัท...แต่รถของพวกเราขนไปไม่หมด เลยอยากจะรบกวนอาจารย์คิม...” เพียงแค่ได้ยินชื่อบริษัทนั้น เขาก็ดีดตัวนั่งหลังตรงทันที เพราะมันคือบริษัทที่พราวมุกทำงานอยู่ “ได้ครับ เดี๋ยวพี่เอาไปส่งเอง” “ต้องรบกว