ตอนที่ 7 ได้เพียงกาย
หลังงานเลี้ยงแต่งงานเสร็จสิ้น กุลนารีถูกพามายังห้องสวีทสุดหรูชั้นบนสุดของโรงแรม หญิงสาวเดินไปมาอย่างกระวนกระวายใจ อีกเพียงไม่นานคิมหันต์คงกลับมาเป็นแน่ เมื่อหญิงสาวลองแง้มประตูออก เธอพบว่ามีบอร์ดี้การ์ดร่างใหญ่สองนายคอยเฝ้าน่าห้องอยู่
“ต้องการรับอะไรครับ คุณผู้หญิง” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถาม
กุลนารีปิดประตูใส่หน้าเสียงดังปัง นี่ชีวิตของเธอกำลังจะกลายเป็นนักโทษแล้วหรือนี่
ไม่นานนัก ประตูก็เปิดออก คิมหันต์เข้าห้องมาด้วยสภาพกรึ่มเมานิดหน่อย
“ทูนหัวของผัว รอผัวไม่ไหวเลยเหรอ” ชายหนุ่มเดินโซเซเข้ามาหาหญิงสาวอย่างอารมณ์ดี
“ออกไปนะ...ไป...ฉันเกลียดคุณ ได้ยินไหม ฉันเกลียดคุณ ต่อให้คุณทำอะไรฉัน ชาตินี้คุณก็ได้แค่ตัวของฉันเท่านั้นแหละ ฉันรักเข็มทิศ ได้ยินรึยัง ฉันรักเข็มทิศ” กุลนารีตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ความกลัวเข้าครอบงำหญิงสาว ดุจดั่งกวางน้อยที่ต้องเผชิญหน้ากับราชสีห์
คิมหันต์ที่ได้ยินคำพูดบาดใจ อารมณ์เขาแปรเปลี่ยนไปทันที ชายหนุ่มกระโจนเข้ามากระชากตัวหญิงสาวเข้าปะทะอ้อมอกใหญ่
“โอ๊ย..ฉันเจ็บ ปล่อยฉันนะ” กุลนารียังคงอาละวาด หญิงสาวพยายามสะบัดตัวให้พ้นน้ำมือมัจจุราช
“คำก็ชู้ สองคำก็ชู้ ไปเริงรักกันยังไม่พออีกเหรอ....ดี ดีมาก...งั้นฉันคงไม่จำเป็นต้องปรานีกับเธออีก” ชายหนุ่มตะคอกใส่อย่างโกรธเกรี้ยว แรงหึงที่มียิ่งทำให้เขาขาดสติ
ชายหนุ่มผลักหญิงสาวออกไป แม้ว่าจะใช้แรงไม่มากแต่กลับส่งผลให้ร่างบางร่วงลงไปกองบนพื้น
คิมหันต์หาได้สนใจไม่ เขายกมือขึ้นคลายหูกระต่ายออกพร้อมเหวี่ยงลงไปกองที่พื้น ก่อนจะเดินไปนั่งปลายเตียงนอน
“ถอดเสื้อผ้าของเธอออกเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง” เสียงเข้มเน้นหนัก
กุลนารีน้ำตาไหลออกมา หญิงสาวปาดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้า เธอจะไม่ยอมอ่อนแอให้ชายหนุ่มต้องหัวเราะเยาะเธอแน่
หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
“ถอด” คิมหันต์ออกคำสั่งอีกครั้ง ความอดทนเขาเริ่มจะหมดลง
หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เธอค่อย ๆ ยกมือบางขึ้นรูดตะขาบชุดเจ้าสาว มือน้อยสั่นเทาด้วยความประหม่า เกิดมาเธอไม่เคยต้องแก้ผ้าให้ใครเห็นมาก่อน แม้แต่เข็มทิศชายคนรัก เธอกับเขาก็ไม่เคยเกินเลยกันมากไปกว่าการกอดหรือจูบเพียงเท่านั้น
ตะขาบเสื้อที่ถูกรูดลงอย่างช้า ๆ จนสุดชายเอว ส่งผลให้ชุดหนาร่วงลงไปกองกับพื้น หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่คับบราตัวจิ๋ว โผล่ทะลักอวดสายตาชายหนุ่มตรงหน้า
คิมหันต์มองดูหญิงสาวด้วยความพึงพอใจ หน้าอกซ่อนรูปที่เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าจะใหญ่โต ดีดเด้งท้าทายเขาเหลือเกิน สายตาลามเลียไปตามทรวดทรงร่างบาง เนื้อขาวนวลเนียน เอวคอดบางกิ่ว จนไปถึงบิกินี่ตัวจิ๋วที่ปิดกลีบดอกไม้งาม ยิ่งยั่วอารมณ์พิศวาสให้ลุกโชน
“อึก...” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเสียงดัง
“เดินเข้ามาหาฉันเดี๋ยวนี้” คิมหันต์ออกคำสั่งใส่หญิงสาว
ร่างบางที่แทบจะเปลือยเปล่าสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมแอร์เย็นที่กระทบเนื้อนวล หรือเพราะสายตาที่จ้องเขม็ง ลามเลียเธอไปแทบจะทุกส่วนสัดของร่างกาย
หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปากแน่น เธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนจะค่อย ๆ เดินช้า ๆ เข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม
“ถอดเสื้อให้ฉัน” คิมหันต์ยังคงออกคำสั่งต่อเนื่องด้วยความสะใจ
หญิงสาวหันมาจ้องหน้าชายหนุ่มจนลูกตาแทบจะถลนออกจากเบ้า เธอทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยงชายหนุ่มตรงหน้าเสียนี่กระไร
คิมหันต์ยักคิ้วขึ้นท้าทายหญิงสาวอย่างไม่แคร์สายตาดุคู่นั้น
กุลนารีฮึดฮัดก่อนจะโน้มตัวลง ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด ทีละเม็ด
เมื่อร่างบางโค้งตัวลง ยิ่งส่งผลให้หน้าอกใหญ่ทะลักล้นออกมาจากบรา แทบจะแนบชิดเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่ม
คิมหันต์ไม่รอช้า เอื้อมมือข้างหนึ่งเกี่ยวตะขอบราออกอย่างช่ำชอง เสื้อในหลุดออก เลื่อนไหลลงมายังแขนทั้งสองข้างของหญิงสาว หน้าอกอูมดีดเด้งขึ้นเป็นจังหวะ ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าหาก่อนดูดเม้มยอดตูมที่แข็งเป็นไต
“ว๊าย...” หญิงสาวร้องเสียงหลง เธอพยายามใช้แขนดันร่างแกร่งออกไปให้พ้นตัว แต่ชายหนุ่มหาได้สะทกสะท้านไม่ ปากยังคงดูดเม้มความหวานอย่างหลงใหล มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นกอบกุมเต้าเต่ง บีบขยำอย่างเมามัน มืออีกข้างรั้งเอวบางดึงเข้าแนบลำตัวเพื่อให้แนบชิดมากยิ่งขึ้น ปากหนายังคงขบเม้มเลื่อนสลับไปมาอย่างกลัวจะน้อยหน้ากัน
“จ๊วบบบ...จ๊วบบบ...หวานเหลือเกินแอ้...คุณหวานเหลือเกิน” ชายหนุ่มเพ้อออกมา
“อ่าาา....ปล่อ..ย...อ่าาา” หญิงสาวพยายามขัดขืน หากแต่ร่างกายเธอกลับทรยศ สัมผัสที่เธอไม่เคยพบพานมาก่อน ทำให้ร่างบางร้อนลุ่มไปทั้งตัว ร่างบางเริ่มอ่อนระทวย มือน้อยที่เคยผลักไส ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นเกาะไหล่กว้างเพื่อทรงตัวไม่ให้ตนร่วงหล่นลงไปกับพื้นห้อง
เมื่อหญิงสาวเริ่มหมดพยศ ชายหนุ่มจึงเลื่อนมือข้างหนึ่งลงกระตุกบิกินี่ตัวจิ๋วออกให้พ้นทาง ชายหนุ่มดันร่างบางล้มลงนอนบนเตียงทันที ก่อนจะรีบถอดเสื้อผ้าที่พันธนาการเขาอยู่อย่างเร่งรีบ
กุลนารีที่เริ่มได้สติ เมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของคิมหันต์ เธอรีบกระถดตัวหนีทันที
“อย่าทำฉันเลย ฉันขอร้อง ฉันกลัวแล้ว” หญิงสาวยกมือไหว้ อ้อนวอน
“คืนนี้เธอต้องเป็นผู้หญิงของฉัน” คิมหันต์บอกอย่างเยือกเย็น ก่อนจะดึงข้อเท้าหญิงสาวเลื่อนไหลมาหาตน
คิมหันต์กระโจนค่อมร่างบางไว้ ก่อนจะตะบอมจูบไปทั่วหน้าหญิงสาว
ร่างบางดิ้นรนอย่างสุดแรง เธอพยายามเบือนหน้าสะบัดหนีริมฝีปากร้อน มือเล็กรัวทั้งทุบ ทั้งหยิกอย่างไม่ยั้งมือ รอยเล็บกรีดไปตามแผ่นหลัง เลือดซึมออกมาเป็นริ้วแดงยาว
“ฤทธิ์เยอะนักนะ กับชายชู้ดีดดิ้นอย่างนี้หรือเปล่า” คิมหันต์กัดฟันกรอด
เขาจับแก่นกายที่ขยายใหญ่ กดจ่อลงบนร่องกลีบที่ฉ่ำแฉะ ก่อนจะกดเสียบเข้าไปจนมิดด้ามในทีเดียว
“กรี๊ดดด....ไม่...ฉันเจ็บ เอามันออกไป” หญิงสาวดิ้นรนอย่างทรมาน ร่างบางแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง น้ำตาไหลเอ่อออกมาทางปลายหางตา
คิมหันต์ค่อนข้างตกใจพอสมควร แก่นกายที่ทะลวงเยื่อพรหมจรรย์จนฉีกขาด เลือดสีแดงสดไหลซึมผสมปนเปออกมาพร้อมน้ำรัก นี่เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอหรอกหรือนี่ แล้วชายชู้นั่นล่ะ ชายหนุ่มสลัดความคิดออกไป เขายิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจที่ได้เป็นคนแรกที่ครอบครองร่างบาง
ชายหนุ่มเกร็งตัวแน่น ร่องหลืบตอดรัดเขาจนแทบหายใจไม่ออก เขาอยากจะกระแทกกระทั้นเข้าใส่ให้สมรัก แต่ใจหนึ่งก็อยากถนอมร่างบางไม่ให้บอบช้ำไปมากกว่านี้
“เอาออก ฉันเจ็บ” หญิงสาวยังคงโอดครวญ ศีรษะส่ายไปมายังเจ็บปวดยิ่งนัก
“อย่าเกร็งสิทูนหัว เดี๋ยวคุณก็ไม่เจ็บแล้ว” ชายหนุ่มปลอบโยน
คิมหันต์โน้มปากเข้าจูบหญิงสาว ลิ้นหนากวัดเกี่ยว มืออีกข้างกอบกุมเต้าเต่งบีบเค้นไปมา เพื่อให้ร่างบางผ่อนคลาย
“อืมมม....” กุลนารีครางกระเส่าออกมา ความรู้สึกเจ็บเมื่อครู่เริ่มคลายลง ความเสียวซ่านเข้ามาแทนที่ ร่างบางบิดกายเบียดเข้าหาร่างแกร่ง
เมื่อคิมหันต์เห็นว่าหญิงสาวพร้อมแล้ว เขาจึงค่อย ๆ ถอนแก่นกายออกเกือบสุดลำ ก่อนจะกดกระแทกเข้าหาร่างบางอีกครั้ง
“อ๊าาา....” หญิงสาวครางรับ
“โอววว...เสียวชิบ....ตอดรัดดีเหลือเกิน ทูนหัว”
คิมหันต์เริ่มกดกระแทกแก่นกายเข้าออก เข้าออกเป็นจังหวะ หน้าเหยเก จนเส้นเลือดปูดโปนเป็นริ้ว เขาไม่เคยโหยหาร่างกายใครได้มากเท่านี้เลย
“ตั๊บบบ....ตั๊บบบ...”
ร่างบางโยกคลอนตามแรงกระแทก จนหญิงสาวต้องจับยึดลำแขนร่างแกร่งไว้แน่น ร่องหลืบตอดรับชายหนุ่มเป็นจังหวะ
“โอววว....ซี้ดดด...” ชายหนุ่มคำรามออกมา
“อ๊าาา...แอ้ไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวครางกระเส่า สะบัดศีรษะไปมา เธอทั้งรู้สึกทรมาน รู้สึกเสียวซ่าน รู้สึกเนื้อตัวเธอแทบจะแตก
“ตั๊บบบ....ตั๊บบบ...”
“อร๊ายยย....” หญิงสาวร้องครางออกมา ร่างบางเบาหวิว ในหัวขาวโพลนไปหมด ร่องหลืบกระตุกตอดเป็นจังหวะ นี่เรียกว่าถึงสวรรค์ใช่หรือไม่
“โอววว....”
ชายหนุ่มรีบเร่งความเร็วเข้าใส่ร่างบางอีกหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะพ่นน้ำรักขาวขุ่นเข้าไปในร่างบางจนหมด
คิมหันต์ฟุบตัวลงบนอกอุ่น เหงื่อที่ผุดเป็นเม็ด ๆ ผสมปนเปจนไม่รู้ว่าเป็นของใคร แม้ว่าแอร์ในห้องที่เย็นฉ่ำ แต่ก็ไม่ช่วยให้ทั้งสองคลายความเร่าร้อนลงได้เลย
หลังพายุสงบลง กุลนารีรีบผลักไสร่างใหญ่ออกจากร่างตน หญิงสาวหันร่างหนีชายหนุ่มทันที น้ำตาไหลรินออกมา ความสาวที่เคยหวงแหนไว้ หวังให้เป็นของขวัญในวันแต่งงานของเธอและเข็มทิศถูกชายหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ปล้นเอาไปจนหมดสิ้น หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น เสียงสะอื้นดังลอดออกมา จนคิมหันต์สังเกตได้
“เสียใจมากรึไงที่มีฉันเป็นผัว ไม่ต้องห่วงนะ ผัวคนนี้จะปรนเปรอเธอ จนเธอต้องลืมไอ้ชู้นั่นไปเลย” ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยคำพูดบาดหู ก่อนจะลุกออกไปจากเตียงด้วยความหงุดหงิดอย่างแรง
ตอนที่ 36 ดีใจที่มีเธอหลังจากงานแต่งงานของแพรวพราวและเข็มทิศเสร็จสิ้น คิมหันต์และกุลนารีก็กลับมาถึงห้องพักของพวกเขา ห้องพักที่จัดไว้สวยงามและเรียบร้อย มีแสงไฟอ่อน ๆ ที่ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและผ่อนคลาย ผ้าม่านสีครีมปิดลงครึ่งหนึ่ง ทิ้งให้แสงจันทร์ส่องเข้ามาอย่างนุ่มนวลคิมหันต์นั่งลงบนเตียงพร้อมดึงกุลนารีมานั่งข้าง ๆ เขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย "แอ้...แอ้เสียใจไหมที่คนข้าง ๆ แอ้เป็นพี่" เขาถามออกมาอย่างนึกหวั่นใจ น้ำเสียงที่อ่อนโยนปนด้วยความประหม่าที่ยังคงติดอยู่ในใจของเขากุลนารีหันมองหน้าคิมหันต์อย่างอ่อนโยนก่อนจะยิ้มและส่ายหน้าไปมา "แอ้ไม่เสียใจค่ะ" สายตาของหญิงสาวที่ดูจริงจังและหนักแน่น ทำเอาคิมหันต์ถึงกับยิ้มกว้างออกมากับคำตอบที่ได้รับ"งั้นแปลว่าดีใจใช่ไหม" คิมหันต์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของกุลนารี ก่อนจะจ้องมองหน้าของหญิงสาวด้วยสายตากรุ้มกริ่มและความออดอ้อนกุลนารียิ้มอย่างนึกขำ "แน่นอน แอ้ต้องดีใจสิคะ" หญิงสาวพูดพร้อมยกมือบางลูบไล้ไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างหลงใหล สายตาหญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่หวานซึ้ง กุลนารีอยากให้คิมหันต์รับรู้ถึงความรู้สึกที่เธอ
ตอนที่ 35 รักลงตัวบรรยากาศในวันแต่งงานของแพรวพราวและเข็มทิศอบอวลไปด้วยรอยยิ้มและความสุข สวนสวยกลางแจ้งที่จัดงานเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันและไฟประดับระยิบระยับ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างยิ้มแย้มและแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว แพรวพราวในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ เดินเคียงข้างเข็มทิศผู้สวมชุดสูทสีเทาเข้ม ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความรักลึกซึ้ง มือใหญ่ของเข็มทิศกอบกุมมือบางไว้ไม่หยุดเมื่อเข็มทิศและแพรวพราวเดินเข้ามาในพิธีแต่งงาน เข็มทิศกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและมั่นคง "ผมขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเราในวันนี้ ผมเคยทำผิดพลาดจนเกือบจะต้องเสียแพรวไปจากชีวิตของผม วันนี้ผมได้หัวใจของผมคืนมาแล้ว ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลพราวอย่างดีที่สุด จะทำให้เธอมีความสุขในทุกๆ วันครับ"คำพูดของเข็มทิศทำให้แขกทั้งหลายต่างปรบมือและส่งเสียงแสดงความยินดี แพรวพราวยิ้มอย่างเขินอาย รอยยิ้มกว้างใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขฉายออกมาอย่างชัดเจน หญิงสาวกอดแขนของเข็มทิศแน่น ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความรักและความซาบซึ้งคิมหันต์กับกุลนารีที่มาร่วมงานในชุดสูทสีดำที่ตัดเย็บอย่างประณีต ดูหล่อเหล
ตอนที่ 34 ข่าวดี ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง แพรวพราวและเข็มทิศขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านของคิมหันต์ เมื่อมาถึงบ้านของชายหนุ่ม ทั้งสองคนก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในบ้าน บรรยากาศยามบ่ายที่บ้านของคิมหันต์และกุลนารีเต็มไปด้วยความเงียบสงบ เมื่อมาถึงคิมหันต์และกุลนารีนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น คิมหันต์เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคนที่เข้ามาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้เล่า” คิมหันต์ทักทายแพรวพราว พร้อมปรายตามองเข็มทิศที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์แพรวพราวทำเป็นไม่สนใจสีหน้าของคิมหันต์ หญิงสาวจูงมือเข็มทิศมานั่งด้านข้างคนทั้งสอง ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับคิมหันต์และกุลนารี “พี่คิม คุณแอ้ พราวมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ” คิมหันต์เลิกคิ้วมองน้องสาวด้วยความสงสัย “พราวมีเรื่องอะไรเหรอ” แพรวพราวสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง “พี่คิมคะ พราวกับเข็มทิศตัดสินใจจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ค่ะ” คำพูดนี้ทำให้ทุกคนในห้องเงียบลงไปชั่วขณะ กุลนารีมีสีหน้ายิ้มแย้ม เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจกับข่าวที่ได้รับ หญิงสาวรีบแสดงความยินดีกับทั้งสอง
ตอนที่ 33 เรื่องของเราคิมหันต์และกุลนารีกลับออกมาจากห้องของแพรวพราว ความเงียบสงบในคอนโดตัดกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจของคิมหันต์ เมื่อถึงพวกเขาถึงที่รถ คิมหันต์เองที่ยังคงรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่หาย เขายืนอยู่ข้างรถ เอามือเท้าสะเอว พลางมองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจกุลนารีมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง “พี่คิม คิดอะไรอยู่คะ”คิมหันต์หันมามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด “พี่ไม่ชอบหน้าไอ้เข็มทิศเอาเสียเลย เชอะ...จะให้พี่ยอมรับงั้นเหรอ เข็มทิศทำให้พราวเกือบต้องตาย แล้วจะให้พี่วางใจง่ายๆ ได้ยังไง”กุลนารีมองค้อนคิมหันต์ ก่อนจะพูดประชดออกมา “พี่คิม อันที่จริงจะโทษเข็มทิศฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะ เพราะจริง ๆ แล้วเรื่องทั้งหมดก็เริ่มมาจากพี่คิมไม่ใช่เหรอ”คิมหันต์ได้ยินถึงกับสะอึกไปทันที ชายหนุ่มมองหญิงสาวตาละห้อย ก่อนจะรีบโอบร่างบางเข้าหา “แอ้กำลังโทษพี่เหรอ” เสียงออดอ้อนทำเอากุลนารีถึงกับอ่อนใจ หญิงสาวได้แต่เบนหน้าหนี “แล้วแอ้พูดผิดตรงไหนกัน” เสียงหญิงสาวยังคงกล่าวออกมาด้วยความงอน ชายหนุ่มถึงกับไปไม่เป็น รีบแก้ตัว “เพราะพี่รักแอ้หรอกนะ ถ้าพี่ไม่ทำอย่างนั้น วันน
ตอนที่ 32 เผชิญหน้าในเช้าวันต่อมา แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของแพรวพราว บรรยากาศอบอุ่นและสงบ เข็มทิศลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบิกบาน ชายหนุ่มหันมองหน้าหญิงสาวในอ้อมกอด เขาเผลอยิ้มขึ้นมาในทันใด มือหน้าลูบไล้เส้นผมที่ปรกลงบนใบหน้าอย่างรู้สึกเอ็นดู เขาเหม่อมองใบหน้านวลเนิ่นนานอย่างรู้สึกโล่งใจ บัดนี้เขารับรู้ความรู้สึกที่ตนมีต่อหญิงสาวถึงความเสน่หาอย่างแท้จริงทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูดังขึ้นทำให้เข็มทิศชะงักมือลง แพรวพราวยังคงงัวเงียด้วยความอ่อนเพลียอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มได้แต่นึกเอ็นดู เขาค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียงอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนหญิงสาวตรงหน้า เข็มทิศที่ยังสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเดินมาเปิดประตู ทันทีที่เห็นแขกมาเยือนเขาก็ได้แต่ชะงักงันลงไปคิมหันต์ที่ถือข้าวของมาอย่างพะรุงพะรังนิ่งอึ้งไป เขาเกือบโยนข้าวของดังกล่าวแล้วกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มตรงหน้า คิมหันต์มองเข็มทิศด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”เข็มทิศมองคิมหันต์อย่างไม่เกรงกลัว “ผมค้างที่นี่” คำตอบของเขาทำเอาคิมหันต์ถึงกับบันดาลโทสะ ชายหนุ่มโยนของลงกับพื้นพร้อมปรี่เข้าหาเข็มทิศ “
ตอนที่ 31 ตามง้อเข็มทิศยังคงมาหาแพรวพราวที่โรงพยาบาลทุกวัน ชายหนุ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดในใจทุกครั้งที่เห็นแพรวพราวที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอดูสดใสขึ้นแม้จะยังซีดเซียวอยู่ แต่แพรวพราวก็ยังคงปากแข็งไม่ยอมคืนดีด้วย ทุกครั้งที่เข็มทิศเอ่ยปากขอโทษและพยายามอธิบายความรู้สึกของตัวเอง แพรวพราวก็เพียงแค่เบือนหน้าหนีและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เข็มทิศ คุณกลับไปเถอะ ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าคุณอีกแล้ว” แพรวพราวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและแววตาแสดงถึงความงอนง้อคิมหันต์ยืนอยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วย เอาแต่มองเข็มทิศด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้ “คุณควรจะเลิกมาที่นี่ได้แล้ว แพรวพราวต้องการคนที่ดีกว่าคุณ”เข็มทิศถอนหายใจหนัก ความรู้สึกท้อแท้เข้ามาท่วมท้นในใจเขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ “ผมรู้ว่าผมทำผิดพลาดมาก แต่ผมอยากให้พราวให้โอกาสผมอีกครั้ง”คิมหันต์ส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ “โอกาส คุณเคยมีโอกาสแล้วแต่คุณก็ทำมันพัง คุณคิดว่าคุณสมควรได้รับโอกาสอีกครั้งหรือ”ในขณะที่สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้นเลย กุลนารีมองค้อนคิมหันต์อย่างไม่พอใจ หญิงสาวกระทุ้งแขนเข้าที่เอวชายหนุ่มอย่างแรง คิมหันต์ได้แต่มองกุลนารีตาละห้อย พร