Share

บทที่ 5

Author: ทองประกาย
สองคนเดินผ่านระเบียงคดเคี้ยว มาถึงสวนหลังของจวนอ๋อง ที่มุมทั้งสี่ของศาลาริมน้ำมีโต๊ะยาวตั้งอยู่ บนโต๊ะเต็มไปด้วยของว่างและชาอย่างประณีต ภรรยาขุนนางและธิดาของพวกนางนั่งรอบโต๊ะสนทนากันอย่างสนุกสนาน

เมื่อเห็นฮูหยินพาเจียงซุ่ยฮวนเดินมา คุณหนูหลายคนยกมือปิดปากหัวเราะ ในดวงตาเต็มไปด้วยแววดูถูก

คุณหนูคนหนึ่งเอ่ยปากเยาะเย้ย: “เอ๊ะ? นี่ไม่ใช่ชายาองค์ชายหนานหมิงหรอกหรือ? ได้ยินว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนปรากฏตัวกลางถนนด้วยร่างเปื้อนเลือด ดูน่าอนาถยิ่งนัก วันนี้ยังมีอารมณ์มาร่วมงานเลี้ยงของพวกเราอีกหรือ?”

เจียงซุ่ยฮวนเงยหน้ามองคุณหนูที่เอ่ยปาก คนผู้นี้คือเมิ่งเซียว ธิดาอนุภรรยาของบุตรชายคนที่สองแห่งแม่ทัพเจิ้นหยวน นางชอบติดตามเจียงเม่ยเอ๋อร์มาตั้งแต่เด็ก เพราะเจียงเม่ยเอ๋อร์เกลียดร่างเดิม นางจึงมักจะกลั่นแกล้งร่างเดิมทั้งลับหลังและต่อหน้า

ธิดาอนุภรรยาไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ แต่เมิ่งเซียวเพิ่งแต่งงานกับเฉินยู่หุย บุตรชายคนเล็กของอัครเสนาบดี จึงได้มีสิทธิ์มาร่วมงานวันนี้

ข้างๆ เมิ่งเซียวคือเมิ่งชิง พี่สาวต่างมารดา ก็เป็นสหายของเจียงเม่ยเอ๋อร์เช่นกัน แต่ก่อนมักจะร่วมกับเมิ่งเซียวเยาะเย้ยร่างเดิม ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน

เมิ่งเซียวเพิ่งพูดจบ เมิ่งชิงก็ผลักนางเบาๆ หัวเราะพลางกล่าว: “น้องพูดไม่ถูกแล้ว เจ้าไม่ได้ยินหรือ? เจียงซุ่ยฮวนไม่ใช่ชายาองค์ชายหนานหมิงแล้ว องค์ชายกำลังจะแต่งตั้งเม่ยเอ๋อร์เป็นชายาเอกเสียด้วย”

“อ๋อ? จริงหรือ?” น้ำเสียงของเมิ่งเซียวแฝงความเห็นอกเห็นใจ แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย “มิน่าล่ะน้องซุ่ยฮวนมาปรากฏตัวที่จวนอ๋องวันนี้ ที่แท้ก็ไร้ที่พึ่งพิง ต้องกลับมาพึ่งบ้านเดิมนี่เอง”

มารดาของเมิ่งชิงนั่งอยู่ข้างๆ ยอมรับพฤติกรรมของทั้งสอง เพราะเจียงซุ่ยฮวนโง่เขลาเกินไป แม้แต่นางก็ไม่ชอบหน้า บัดนี้ยังถูกองค์ชายหนานหมิงหย่า ยิ่งไม่มีอะไรให้พึ่งพาอีก

เจียงซุ่ยฮวนเดินไปนั่งท่ามกลางพวกนางอย่างสง่างาม ยกถ้วยชาขึ้นจิบ กล่าวอย่างเรียบเฉย: “ถูกแล้ว ข้าไม่ใช่ชายาเอกขององค์ชายหนานหมิงอีกต่อไป แต่มิใช่ถูกหย่า แต่เป็นการหย่าร้างโดยสมัครใจทั้งสองฝ่าย”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนตะลึง แต่โบราณมา ไม่เคยได้ยินว่ามีชายาองค์ชายคนใดกล้าหย่าร้างกับองค์ชาย

เมิ่งเซียวคิดว่าเจียงซุ่ยฮวนโกหก จึงแค่นเสียงดูถูก: “เป็นไปได้อย่างไร? พวกเราได้ยินข่าวจากในวังองค์ชายหนานหมิงมา อีกอย่าง เจ้ากล้าหย่าร้างกับองค์ชายหนานหมิงหรือ? ช่างน่าขัน!”

“องค์ชายหนานหมิงแยกแยะผิดถูกไม่ออก เข้าใจผิดคิดว่าปลาตาแก้วเป็นไข่มุก ข้าย่อมต้องหย่าร้างกับเขา หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปถามองค์ชายหนานหมิงเองก็ได้” เจียงซุ่ยฮวนจิบชาอย่างไม่เร่งร้อน บุคลิกดูสูงส่งเหนือกว่าคุณหนูที่เติบโตในเมืองหลวงทั้งหมด

เมิ่งเซียวแน่นอนว่าไม่กล้าไปถามองค์ชายหนานหมิง จึงเบ้ปากแล้วเงียบไป

สตรีผู้หนึ่งกระซิบกับฮูหยิน: “ธิดาเอกของท่านดูเหมือนเปลี่ยนคนไปแล้ว บุคลิกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง”

ฮูหยินก็รู้สึกดีใจอยู่บ้าง แต่ก่อนเจียงซุ่ยฮวนมีนิสัยอ่อนแอ ดูขี้กลัวไม่สง่างาม แต่เจียงซุ่ยฮวนวันนี้กลับดูสง่าผ่าเผย ราวกับคุณหญิงในวังหลวง

พวกคุณหนูเสียหน้าให้กับเจียงซุ่ยฮวน จึงแกล้งไม่สนใจนาง หันไปคุยเรื่องอื่น

มีคนผู้หนึ่งที่พวกนางพูดถึงดึงดูดความสนใจของเจียงซุ่ยฮวน

“แปลกจริง องค์ชายเป่ยโม่มีนิสัยเย็นชาไร้ความรู้สึก ว่ากันว่ากลวิธีของเขาโหดเหี้ยมที่สุด ไม่รู้ว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงไว้วางพระทัยเขานัก”

มีคนตอบ: “องค์ชายเป่ยโม่เป็นพระอนุชาแท้ๆ เพียงพระองค์เดียวของฮ่องเต้ หลังจากไทชิงฮองเฮาสวรรคต และไท่ซังหวงตี้ทรงวิกลจริต ฮ่องเต้ก็เหลือแต่องค์ชายเป่ยโม่เป็นพระอนุชาเพียงพระองค์เดียว จึงทรงห่วงใยเป็นธรรมดา”

“ได้ยินว่าองค์ชายเป่ยโม่ถูกลอบสังหารที่ป่าช้าร้างเมื่อไม่กี่วันก่อน พระองค์เดียวฆ่าองครักษ์ลับยี่สิบสามสิบนาย น่ากลัวจริงๆ การฝึกองครักษ์ลับคนหนึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อยยี่สิบปี แต่พระองค์เดียวกลับฆ่าได้ถึงยี่สิบสามสิบคน!”

เมื่อได้ยินคำว่าป่าช้าร้าง เจียงซุ่ยฮวนก็เงี่ยหูฟังอย่างไม่ให้ใครสังเกตเห็น

“น่ากลัวจริงๆ ว่ากันว่าเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์ชายเป่ยโม่พบพระองค์ พระวรกายมีบาดแผลกว่ายี่สิบแห่ง น่าประหลาดที่บาดแผลเหล่านั้นถูกเย็บไว้อย่างดี และประณีตมาก ต้องเป็นฝีมือของผู้มีความสามารถแน่”

“ว่ากันว่าเมื่อฮ่องเต้ทรงทราบก็ทรงพระพิโรธมาก ถึงกับส่งต้าหลี่ซื่อชิงไปสืบสวนเรื่องนี้”

......

ฟังถึงตรงนี้ เจียงซุ่ยฮวนก็แน่ใจแล้วว่า องค์ชายเป่ยโม่ผู้นี้คือบุรุษที่นางช่วยชีวิตไว้ที่ป่าช้าร้าง

ตอนนั้นนางทิ้งปิ่นไว้ หากเขาต้องการตอบแทนบุญคุณก็สามารถใช้ปิ่นตามหานางได้ แต่ผ่านมาหลายวันแล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา โชคดีที่วันนี้นางมาร่วมงานเลี้ยงน้ำชา จึงได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา

ดูท่านางคงต้องหาเวลาไปเยี่ยมองค์ชายเป่ยโม่ด้วยตนเอง

ขณะที่เจียงซุ่ยฮวนก้มหน้าครุ่นคิด เมิ่งเซียวก็จงใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาที่นาง: “พูดถึง นานแล้วที่ไม่ได้ฟังเจ้าดีดพิณ วันนี้พวกเราอยู่พร้อมหน้า ไฉนเจ้าไม่ดีดพิณสักเพลง ให้พวกเราได้ชื่นชมว่าฝีมือเจ้าพัฒนาขึ้นหรือไม่”

เจียงซุ่ยฮวนยักไหล่: “ได้สิ แต่คนเดียวดีดพิณคงน่าเบื่อ ไฉนเราสองคนไม่แข่งกัน ส่วนรางวัล ก็เอากำไลบนมือเจ้านั่นแหละ”

บนมือของเมิ่งเซียวสวมกำไลหยกขาว ดูมีค่าไม่น้อย

เจียงซุ่ยฮวนต้องการสมุนไพรเพื่อปรุงยา และการซื้อสมุนไพรต้องใช้เงินมาก

ตอนที่ร่างเดิมแต่งงานกับฉู่เจวี๋ย ฮูหยินเตรียมสินเดิมให้ไม่มากนัก ภายหลังยังถูกเจียงเม่ยเอ๋อร์หลอกเอาไปด้วยเหตุผลต่างๆ จึงไม่มีเงินติดตัวมากนัก

เมิ่งเซียวไม่พอใจ: “เหตุใดต้องเป็นกำไลของข้า? ข้าจะแพ้เจ้าได้อย่างไร?”

เจียงซุ่ยฮวนหยิบยาบำรุงโลหิตที่เหลือสองเม็ดวางบนโต๊ะ: “นี่จะเป็นรางวัลของข้าเอง”

“นี่มันอะไร? ดูไม่มีค่าเลย” เมิ่งเซียวกลอกตาอย่างดูแคลน

“เจ้าอย่าดูถูกมัน นี่คือยาบำรุงโลหิตที่หมอเทวดามอบให้ข้า ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสหรือตกเลือดหลังคลอด เพียงเม็ดเดียวก็ช่วยชีวิตเจ้าได้ เป็นของล้ำค่า”

สายตาของทุกคนจับจ้องที่ขวดเล็กๆ ตรงหน้าเจียงซุ่ยฮวน หากนางพูดความจริง ของสิ่งนี้ย่อมมีค่ามากกว่ากำไลข้อมือหลายเท่า

เมิ่งเซียวตกลงอย่างลังเลใจ: “ก็ได้ ถ้าเวลานั้นข้ากินแล้วไม่ได้ผล ดูข้าจะเอาเรื่องกับเจ้าอย่างไร”

“อย่าเพิ่งพูดเร็วนัก ใครจะชนะใครแพ้ยังไม่รู้เลย” เจียงซุ่ยฮวนเก็บยา หันไปพูดกับหยิ่งเถาที่อยู่ด้านหลัง “ไปเอาพิณมา”

หลังจากหยิ่งเถานำพิณมา เมิ่งเซียวก็คว้าพิณไปไว้ในอ้อมอก: “ข้าจะดีดก่อน”

เมิ่งเซียวคิดว่า หลังจากนางดีดแล้ว ทุกคนจะรู้สึกว่าเสียงพิณของเจียงซุ่ยฮวนยิ่งน่ารำคาญ ดูซิว่าต่อไปเจียงซุ่ยฮวนจะกล้าทะนงตนต่อหน้านางอีกหรือไม่

เมิ่งเซียวดีดพิณอย่างมั่นใจ เสียงพิณใสกังวาน ทำให้ทุกคนพากันพยักหน้าชื่นชม

มีเพียงฮูหยินที่ทั้งกังวลทั้งตำหนิในใจ บอกให้เจียงซุ่ยฮวนพูดให้น้อย แต่ทำไมถึงไม่ยอมฟังเลย!

เมื่อดีดจบ เจียงซุ่ยฮวนลุกขึ้นรับพิณจากมือเมิ่งเซียวอย่างไม่รีบร้อน นางถนัดเปียโน ไม่เชี่ยวชาญพิณโบราณ แต่ไม่เป็นไร นางมีความรู้จากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเป็นตัวช่วย

“ขอบรรเลงเพลง 'ชิงฮวาฉื่อ' ถวายทุกท่าน”

เจียงซุ่ยฮวนยื่นนิ้วเรียวงามดีดสายพิณ เสียงอันไพเราะเคลื้อนคลอทำให้ทุกคนเปลี่ยนสีหน้า เสียงพิณนี้ ไม่เพียงเมิ่งเซียวสู้ไม่ได้ แม้แต่อาจารย์สอนพิณในวังหลวงมา ก็คงต้องยอมแพ้

สีหน้าของเมิ่งเซียวค่อย ๆ ซีดลง เป็นไปได้อย่างไร! เจียงซุ่ยฮวนจะดีดเพลงไพเราะถึงเพียงนี้ได้อย่างไร!

ทุกคนฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม แม้แต่บ่าวไพร่และสาวใช้ที่ไม่เข้าใจดนตรีก็ถูกดึงดูด แอบยืนฟังอยู่ที่มุมกำแพง

เมื่อเจียงซุ่ยฮวนดีดจบและเก็บพิณ ทุกคนยังรู้สึกไม่จุใจ ฮูหยินทั้งตกใจทั้งดีใจ “ซุ่ยฮวน นี่ใครสอนเพลงนี้ให้เจ้า? ไพเราะเหลือเกิน แต่ก่อนไม่เคยได้ยินเจ้าดีดเลย?”

เจียงซุ่ยฮวนกระแอมเบาๆ: “เป็นอาจารย์ผู้ทรงภูมิสอนให้ แต่ก่อนข้ายังไม่เข้าใจแก่นแท้ของเพลง จึงไม่กล้าดีดให้ผู้อื่นฟัง”

เมิ่งเซียวลุกขึ้นอย่างโกรธแค้น ชี้หน้าเจียงซุ่ยฮวนตวาด: “เจ้าโกงนี่!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 772

    หยิ่งเถาชะงักงัน ความเขินอายที่เคยมีเปลี่ยนเป็นความสงสัยไม่กระจ่างชัดในดวงใจหงหลัวอ้าปากเล็กน้อย จ้องมองหยิ่งเถาหนึ่งที แล้วหันไปมองเจียงซุ่ยฮวนด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดยวี่เจี่ยกวงจึงไม่เหมาะหรือ”เจียงซุ่ยฮวนเช็ดคราบน้ำบนปกหนังสือให้แห้ง ดึงหนังสือวางราบบนโต๊ะนิ่งงันอยู่นาน จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “เพราะเขาเคยเป็นนักพนันมาก่อน”“แต่ว่าในบัดนี้เขาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว คุณหนูก็ได้เห็นด้วยตา บัดนี้เขากลายเป็นบัณฑิตผู้มีความรู้ มีวาจาอ่อนหวาน”หงหลัวใช้สองมือประคองโต๊ะ ยืนปลายเท้ากล่าวว่า “คราแรกที่คุณหนูเดินกลับเรือนมาแล้ว เขายังกล่าวว่าจะรอสอบราชการให้ได้ชื่อเสียง แล้วจะพาลุงยวี่จี๋กับป้าจางอวิ๋นกลับไปพักผ่อน แสดงถึงความกตัญญูอย่างงดงามนัก”นี่เป็นสิ่งที่ทำให้หยิ่งเถาเริ่มรู้สึกหวั่นไหว หงหลัวไม่ประสงค์ให้ผิดหวัง จึงใช้ปัญญาสรรเสริญยวี่เจี่ยกวง “มีคำกล่าวหนึ่ง ทำนองว่า ‘ผู้หลงผิดกลับตัว สิบปีก็ไม่สาย’ ใช่หรือไม่”“……”เจียงซุ่ยฮวนแก้ไขว่า “คำกล่าวที่ถูกต้องคือ ‘ผู้หลงผิดกลับตัว นั้นมีค่ามากกว่าทองคำ’”หงหลัวพยักหน้าแน่น “ใช่ ๆ เจ้าค่ะ! ยวี่เจี่ยกวงเคยเป็นนักพนัน แต่บัดนี้

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 771

    เจียงซุ่ยฮวนปรายตามองยวี่เจี่ยกวงขึ้นๆ ลงๆ คราหนึ่ง ไม่เอ่ยสิ่งใด จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าห้องไปยวี่เจี่ยกวงจ้องมองแผ่นหลังของเจียงซุ่ยฮวน แววตาพลันฉายประกายเฉียบคมวูบหนึ่งยามที่ยวี่จี๋ต้อนม้าเข้าโรงม้า จางอวิ๋นก็เดินเข้าห้อง ควักตั๋วเงินยื่นให้ยวี่เจี่ยกวง “การสอบราชการนั้นเหน็ดเหนื่อย เจ้าจงเก็บเงินนี้ไว้ซื้อของกินบำรุงร่างกายบ้างเถิด”ยวี่เจี่ยกวงเบิกตาถามอย่างตกใจ “มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ท่านแม่ ท่านไปนำเงินมากมายถึงเพียงนี้มาจากที่ใด”“คุณหนูเป็นผู้มอบให้ พวกเรามิได้มีเหตุจะใช้ พอดีเจ้ากลับมา ก็จงเก็บไว้เถิด”ยวี่เจี่ยกวงจ้องตั๋วเงินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านแม่ เงินนี้เป็นเงินเลี้ยงชีพยามชราของท่านกับท่านพ่อ ข้ารับไว้ไม่ได้”จางอวิ๋นรู้สึกทั้งตกใจทั้งตื้นตัน แต่แรกนั้น หากเป็นยวี่เจี่ยกวงคนก่อน ป่านนี้คงแย่งตั๋วเงินไปแล้วนางยัดตั๋วเงินใส่มือลูกชาย “ลูกเอ๋ย รับไว้เถิด แม่กับพ่อของเจ้าใช้ไม่หมดดอก”ทั้งสองเกี่ยงกันอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยวี่เจี่ยกวงยังคงปฏิเสธหัวชนฝา “ท่านแม่ ข้ามิอาจรับไว้ได้จริงๆ”“ตลอดสองสามเดือนมานี้ ข้าได้ตระหนักถึงหลายสิ่ง ท่านทั้งส

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 770

    เสี่ยวถังหยวนมิอาจเข้าใจถ้อยคำ เหลือบตาไปยังมือที่ยื่นออกมาของเจียงซุ่ยฮวน หน้าผากขมวดเล็กน้อย ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ ยื่นซองแดงออกไปเบาๆเจียงซุ่ยฮวนหัวเราะร่า รับซองแดงไว้ในกำมือกล่าวว่า “วางใจได้เถิด แม่จะเก็บรักษาให้เจ้าก่อน จะไม่ให้ใครเอาไปเล่นได้”………ประชาชนในเมืองหลวงฉลองปีใหม่กันอย่างปรีดิ์เปรม เหตุการณ์วุ่นวายราวคลื่นลมเรื่องการสิ้นพระชนม์ของฮองเฮาและองค์หญิงจิ่นเซวียนก็พลันซาลงฝ่าบาทและจีกุ้ยเฟยคิดว่าเรื่องจะสงบได้ กลับไม่ทันข้ามวัน กลับกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ที่โหมกระหน่ำดุเดือดยิ่งขึ้นไปอีกเหล่าประชาราษฎร์มีความไม่พอใจยิ่งนัก ฮองเฮาคือมารดาของแผ่นดิน ถูกจีกุ้ยเฟยทำร้ายถึงแก่ชีวิต เป็นเหตุการณ์มิอาจให้อภัย พระเจ้าแผ่นดินยังช่วยปกปิดอีก นี่มันเป็นเหตุการณ์ใดเล่าเมืองหลวงนี้มีผู้ชายจำนวนมากที่มีภรรยาสามสี่คน บัดนี้พระเจ้าแผ่นดินเปรียบเสมือนเป็นผู้เปิดทาง ในอนาคตคงมีผู้ชายมากขึ้นเรื่อยๆ ที่รักอนุภรรยามากกว่าภรรยาที่แท้จริงเวลาผ่านไปนาน ความปั่นป่วนใหญ่หลวงคงบังเกิดในแผ่นดินบางส่วนน้อยกลับเห็นด้วย เห็นว่าฮองเฮาทำผิดพลาด จึงสมควรถูกประหารชีวิตทว่าคนเหล่านั้นส่วนใ

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 769

    บุรุษในภาพเขียนนั้น ดั้งโด่ง ปากบาง คิ้วคมดวงตางดงาม งามล้ำเกินสามัญชน เมื่อแรกเห็น เจียงซุ่ยฮวนก็ดูออกในทันที นั่นคือกู้จิ่นนั่นเองส่วนเหตุที่นางถึงกับนิ่งงันดั่งกลายเป็นรูปปั้น ก็ด้วยเหตุว่ากู้จิ่นในภาพนั้น มิได้สวมอาภรณ์หากจะกล่าวให้ถี่ถ้วน ภาพนั้นแสดงเพียงช่วงร่างเบื้องบนของกู้จิ่น ไหล่กว้าง เอวคอด ผิวซีดขาว มัดกล้ามกระจ่างเป็นระเบียบเจียงซุ่ยฮวนกลืนน้ำลายอย่างเงียบงัน ยอมรับด้วยใจจริงว่า ภาพนี้เขียนได้อย่างยอดเยี่ยม เส้นสายพริ้วไหว รายละเอียดประณีต ชัดเจนว่าผู้วาดย่อมเป็นผู้มีฝีมือสูงส่งฉู่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าภูมิใจยิ่งนัก “ข้าให้ช่างวาดเช่นนี้โดยเฉพาะ อาจเกินจริงอยู่บ้าง แต่ภาพวาดย่อมต้องขับเน้นให้ดูเลิศเลอกว่าความเป็นจริงอยู่แล้ว”เจียงซุ่ยฮวนเม้มริมฝีปาก เอ่ยเบา ๆ ว่า “ไม่เกินจริงเลย”เรือนร่างของกู้จิ่นนั้น แท้จริงดียิ่งกว่าภาพวาดเสียอีกฉู่เฉินได้ยินไม่ถนัด จึงย้อนถาม “เจ้าว่าอย่างไรนะ”เจียงซุ่ยฮวนกระแอมเบา ๆ ก่อนกล่าวว่า “ภาพนี้ ข้าชอบนัก”นางนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม “อาจารย์ ช่างวาดผู้นั้นชื่ออะไรหรือ”“เป็นช่างวาดชื่อเลื่องลือแห่งเมืองหลวง นามว่าหลินยวน เ

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 768

    เจียงซุ่ยฮวนยกจอกสุราขึ้นพลางแย้มยิ้มบางเบา กล่าวว่า “ตลอดปีนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ทุกท่านล้วนตรากตรำลำบากกันมามากนัก”“ขอให้ปีใหม่นี้ ทุกสิ่งสมปรารถนา มีความสุขและสุขภาพแข็งแรง! ดื่มหมดจอก!”ผู้คนรอบข้างต่างก็ยกจอกสุราขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เอ่ยอย่างเบิกบานว่า “หมดจอก!”เสี่ยวถังหยวนที่นอนอยู่ในเปล เมื่อเห็นท่าทางของทุกคน ก็เลียนแบบด้วยความน่ารัก คว้ากระดิ่งยกขึ้นมาทุกคนหัวเราะชอบใจ เจียงซุ่ยฮวนยื่นจอกสุราไปแตะเบา ๆ กับกระดิ่งในมือเสี่ยวถังหยวน“เสี่ยวถังหยวนต้องเติบโตอย่างราบรื่น กลายเป็นบุรุษผู้ประเสริฐในภายหน้า”นางเอ่ยคำอวยพรอย่างแผ่วเบา เสี่ยวถังหยวนหัวเราะคิกคัก สั่นกระดิ่งในมือเบา ๆจากนั้น เจียงซุ่ยฮวนแจกซองแดงให้ทุกผู้คน “วันนี้เป็นคืนสิ้นปี หากกินข้าวเสร็จแล้ว ผู้ใดอยากอยู่เฝ้าปีใหม่ก็อยู่เฝ้าเถิด ผู้ใดอยากพักผ่อนก็ไปนอน”“พรุ่งนี้ข้าจะให้วันหยุดหนึ่งวัน ใครจะไปที่ใดหรือทำสิ่งใดก็แล้วแต่ใจ”หยิ่งเถาและหงหลัวกล่าวทันทีว่า “พวกเราจะไม่ไปที่ใด ขออยู่เคียงข้างคุณหนู”ส่วนผู้ติดตามทั้งสี่ไม่จำเป็นต้องเอ่ย เพราะหน้าที่คือคุ้มครองความปลอดภัยให้เจียงซุ่ยฮวน แม้มีวันหย

  • วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี   บทที่ 767

    “ไม่ได้! อาจารย์ตัดใจจากมันไม่ได้เลย!” ฉู่เฉินโอบขาเตียงไว้แน่น “ข้ากับเตียงนี้ ชะรอยมีบุพเพสันนิวาสแต่ปางก่อน ยามแรกเห็นก็รู้สึกลุ่มหลงโดยมิต้องใช้เหตุผล”“……” เจียงซุ่ยฮวนคลายมือลง กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ในเมื่ออาจารย์ชอบมันถึงเพียงนี้ ข้าก็มิขัดข้องหากจะจัดพิธีวิวาห์ให้เจ้าทั้งคู่”“เตียงนั้นยกให้ท่าน ส่วนเงินของขวัญวิวาห์ ข้าขอเก็บไว้เป็นของขวัญดีหรือไม่”ฉู่เฉินส่ายหน้า “มิได้ๆ ความชอบเป็นเรื่องหนึ่ง การแต่งงานเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมยังไม่รีบปล่อยมืออีก” เจียงซุ่ยฮวนเลิกคิ้วถามฉู่เฉินละมือทันใด “ก็ได้ ขนมันเข้าไปในห้องเถิด”เจียงซุ่ยฮวนส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ “อาจารย์ ห้องที่ถูกเพลิงผลาญก่อนหน้านั้น เดิมทีก็เป็นของท่าน”“บัดนี้ ข้ายกห้องนี้คืนให้ท่าน จนกว่าท่านจะออกจากเมืองหลวง”ฉู่เฉินเบิกตากว้าง “ห้องนี้เป็นห้องใหม่ เจ้าไม่อยู่เองหรือ”“เรื่องนั้นค่อยว่ากันภายหลัง ข้าพอใจห้องเดิม”“ขอบใจมาก เจ้าเก้า!” ฉู่เฉินดีใจยิ่งนัก กระโดดโลดเต้น กลับไปเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วราวสายลม แล้วขนเข้าห้องใหม่ในพริบตายวี่จี๋ก้าวออกมาอย่างลนลาน “คุณหนู ห้องยังมิท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status