บิดาของพลอยลลินณ์หรือมัดหมี่เป็นหนี้บ่อนการพนันอยู่สองล้านบาทถ้วนและเจ้าหนี้ก็ตามมาทวงที่หญิงสาวเมื่อสองเดือนก่อนและบังเอิญว่าวันนั้นภาคินเจ้านายของเธอมาได้ยินเข้าพอดี เขาจึงเสนอว่าจะใช้หนี้ให้ ส่วนพลอยลลินณ์จะใช้เงินคืนเขาเมื่อไหร่นั้นเขาไม่ได้กำหนด หญิงสาวเลยเสนอให้ฝ่ายบัญชีหักเงินเดือนของเธอครึ่งหนึ่งทุกเดือนเพื่อทยอยใช้หนี้
พลอยลลินณ์ไม่รู้ว่ากี่ปีเธอถึงจะใช้หนี้จำนวนนี้หมด แต่ระหว่างนี้หญิงสาวก็พยายามจะหารายได้เพิ่มไม่ว่าจะเป็นการรับรีวิวสินค้า การรับแปลเอกสาร การสอนพิเศษวิชาภาอังกฤษในวันหยุดไม่ว่าอะไรที่ได้เงินเพิ่มพลอยลลินณ์ไม่เคยรังเกียจและเต็มใจเพราะรู้ว่ายิ่งขยันมากเท่าไหร่ระยะเวลาใช้หนี้ก็จะลดลงมากเท่านั้น
หญิงสาวไม่ได้อาศัยอยู่กับบิดาเพราะเขาไปแต่งงานมีครอบครัวใหม่หลังจากที่มารดาของเธอเสียไปเมื่อห้าปีก่อน แต่ทุกครั้งที่มีปัญหาบิดาของเธอก็มักจะมารบกวนอยู่เรื่อยๆ
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วพลอยลลินณ์ก็ตั้งกล้องเพื่อจะอัดคลิปรีวิวสินค้าที่เพิ่งรับมา ใช้เวลารีวิวครึ่งชั่วโมงจากนั้นก็นั่งตัดต่อคลิปอีกครึ่งชั่วโมงและส่งคลิปให้เจ้าของสินค้าดูก่อนจะอัปโหลดลงแพลตฟอร์มต่างๆ เมื่อได้รับอนุญาต
เคลียร์งานทุกอย่างเสร็จก็คิดว่าจะเข้านอนแต่หัวเพิ่งถึงหมอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาคือบิดา หญิงสาวก็ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายเพราะทุกครั้งที่เขาโทรมาหา ก็มักจะไม่พ้นเรื่องเงิน
“สวัสดีค่ะพ่อ”
“อือ สวัสดีมัดหมี่แกนอนหรือยัง”
“กำลังจะนอนค่ะพ่อ”
“อย่าเพิ่งรีบนอนสิพ่อมีอะไรจะบอก”
“พ่อคะ ถ้าพ่อจะขอเงินมัดหมี่อีกมัดหมี่ไม่มีให้แล้วนะคะแต่ละเดือนมัดหมี่ก็ใช้เงินเดือนชนเดือนเพราะต้องหักเงินเดือนครึ่งหนึ่งไปจ่ายหนี้ให้กับคุณภาคิน”
“พ่อไม่ได้จะโทรมาขอเงินแกหรอกนะมัดหมี่” สุพจน์รีบปฏิเสธ
“แล้วพ่อโทรมาดึกแบบนี้มีอะไรจะคุยกับมัดหมี่เหรอคะ”
“พ่อมีข่าวมาบอกแกน่ะสิ”
“ข่าวอะไรคะพ่อ”
“เพื่อนพ่อเล่าให้ฟังว่าลูกสาวของเขาไปทำงานเป็นหมอนวดบนเรือสำราญรายได้เดือนหนึ่งเป็นแสนเลยนะ พ่อเลยอยากจะถามแกว่าสนใจไปทำงานไหม”
“พ่อค่ะการจะไปทำงานแบบนั้นเราต้องมีฝีมือเราต้องเรียนนวดค่ะ มัดหมี่ไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะคะพ่อ"
“แต่เงินมันดีจริงๆ นะยิ่งแกได้ภาษาด้วยพ่อว่าลูกค้าเขาต้องชอบแน่ๆ ส่วนเรื่องนวดเขาก็มีเปิดสอนคอร์สสั้นๆ” เขาอธิบายตามที่สอบถามจากเพื่อนมา
“แต่การไปทำงานบนเรือแบบนั้นมันลำบากนะคะ มัดหมี่เคยได้ยินมาว่ากว่าจะได้พัก กว่าจะได้ขึ้นฝั่งแต่ละครั้งก็นานอยู่”
“มันลำบากก็จริงแต่เงินมันก็ดี”
“ถ้าเงินมันดีพ่อก็ไปทำเองสิคะ”
“ถ้าเขารับผู้ชายฉันก็ไปทำเองแล้ว มัดหมี่แกฟังพ่อดีๆ นะ แกไปทำงานไม่กี่เดือนก็ใช้หนี้เจ้านายแกได้แล้ว ไม่ต้องมาหักจากเงินเดือนเดือนละสองหมื่นแบบนี้”
“แต่มัดหมี่คิดว่างานที่ทำอยู่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร เงินเดือนก็พออยู่ได้ถ้าหากว่าพ่อไม่สร้างหนี้เพิ่ม”
“ฉันโทรมาบอกแกดีๆ นะ อยากให้แกมีงานดีๆ เงินดีๆ ทำ ไม่ได้ให้แกมาว่าฉัน"
“แล้วงานที่มัดหมี่ทำอยู่มันไม่ดีตรงไหนคะ”
“แต่เงินมันน้อย แล้วเป็นขี้ข้าเขาแบบนั้นเมื่อไหร่จะรวย”
“ไปทำงานบนเรือก็ขี้ข้าเขาเหมือนกันค่ะพ่อ”
“แต่แกจะไม่เจอผู้ชายรวยๆ” สุพจน์เห็นว่าคนที่ไปทำงานมักจะได้สามีรวยๆ ชาวต่างชาติกันทั้งนั้น
“ที่พ่ออยากให้มัดหมี่ไปทำงานบนเรือเพราะอยากให้เจอผู้ชายรวยๆ เหรอคะ”
“ก็ใช่สิพ่ออยากให้แกแต่งงานกับผู้ชายรวยๆ”
“ใครว่ามัดหมี่จะแต่งงานกันล่ะ”
“แกอย่าบอกนะว่าจะอยู่เป็นโสดไปจนตาย”
“มัดหมี่ไม่ได้บอกว่าจะอยู่เป็นโสดแต่ตอนนี้มัดหมี่ยังไม่คิดเรื่องมีครอบครัว”
“เพราะอะไร แล้วไอ้ต้นแฟนแกล่ะไปไหนเสียล่ะ”
“พอจะถามถึงพี่ต้นอีกทำไมคะ”
“นี่เลิกกันแล้วเหรอวะ ดีเหมือนกันพ่อว่าหน้าตาสวยๆ อย่างแกหาผัวได้ดีกว่าไอ้ต้น”
“มัดหมี่กับเขาเป็นแค่แฟนค่ะ เราไม่เคยมีอะไรกัน”
“จะมีอะไรหรือไม่มีอะไรกันมีแต่แกสองคนเท่านั้นแหละรู้แต่ก็ดีเหมือนกันนะ”
“ดียังไงคะ”
“ก็ถ้าแกกลับมาโสดอีกครั้งแบบนี้พ่อจะหาผู้ชายดีๆ ให้”
“พ่อคะอย่ายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของมัดหมี่”
“แกพูดอย่างนี้ได้ยังไงแกเป็นลูกฉันนะ ฉันก็ต้องคอยดูสิว่าผู้ชายที่จะเข้ามาในชีวิตแกมันเป็นยังไงสาวๆ สวยๆ อย่างแกจะเอาคนธรรมดามาเป็นผัวไม่ได้หรอก”
“สาวๆ สวยๆ อย่างมัดหมี่ต้องมีผัวแบบไหนถึงจะถูกใจพ่อล่ะคะ” หญิงสาวถามประชด
“มันก็ต้องมหาเศรษฐีรวยๆ”
“พ่อคะ มัดหมี่ขอร้องเรื่องนี้มัดหมี่ขอตัดสินใจเอง ตอนนี้มัดหมี่อยากทำงานหาเงินมาใช้หนี้ให้พ่อ เรื่องอื่นยังไม่อยากคิดค่ะ”
“ทำงานเป็นขี้ข้าเขาแบบนี้เมื่อไหร่จะใช้หนี้หมดกันล่ะ หาผัวรวยๆ ดีกว่า” บิดาของเธอยังยืนยันความคิดเดิม
“ถึงเงินเดือนมัดหมี่จะไม่มากแต่มันก็ดูแลมัดหมี่และใช้หนี้ให้พ่อได้ก็แล้วกันค่ะ ถ้าพ่อจะโทรมาคุยกับมัดหมี่แค่นี้มัดหมี่ขอตัวนอนก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิมัดหมี่”
พอวางสายจากบิดาแล้วพลอยลลิลณ์ก็ร้องไห้ ไม่รู้ว่าเธอไปทำกรรมอะไรมาถึงได้เจอเรื่องแบบนี้ แต่ก่อนตอนที่บิดาของเธอแต่งงานไปมีครอบครัวใหม่ก็เห็นมีความสุขดี แต่จู่ๆ ก็กลับมาหาเธอและบอกว่าเป็นหนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยสนใจเธอกับมารดา แม้กระทั่งตอนที่มารดาเสียชีวิตเขาก็โผล่หน้ามางานศพแค่คืนเดียว แต่พอต้องการใช้เงินก็กลับมาหาและให้เธอคอยตามใช้ หนี้ก้อนสุดท้ายมันก็มากถึงสองล้าน หญิงสาวเคยยื่นคำขาดไปแล้วว่าถ้าหลังจากนี้ยังจะมาขอเงินเธออีกเธอจะไม่สนใจและจะไม่ติดต่อเขาอีกเลย
งานแต่งงานของพลอยลลินณ์และภาคินผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้หญิงสาวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของภาคินเนื่องจากเรือนหอยังสร้างไม่เสร็จ แต่พลอยลลินณ์ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลยเพราะบิดามารดาของเขาก็ดีกับเธอทุกอย่างเธอคิดเคยว่าการแต่งงานกับเขามันคือการแต่งงานเพื่อขัดดอกแต่พอถึงเวลาจริงๆ แล้วมันกลับเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนภาคินบอกให้หญิงสาวอย่าคิดมากเรื่องที่เธอเป็นหนี้เขาเพราะชายหนุ่มตั้งใจแล้วว่าจะให้พลอยลลินณ์ขัดดอกไปจนกว่าจะไม่มีลมหายใจ“ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้มัดหมี่ขัดดอกหมดเลยเหรอคะพี่คิน” สรรพนามที่หญิงสาวใช้เรียกชายหนุ่มเปลี่ยนไปหลังจากแต่งงานเพราะขอร้องแหละเธอก็รู้สึกว่าการเรียกแบบนี้มันดูเป็นครอบครัวมากกว่าเรียกว่าบอสอย่างเคย“ไม่มีทางหรอกยังไงมัดหมี่ก็ต้องอยู่กับพี่แบบนี้ไปตลอด”“แล้วถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งมัดหมี่ถูกล็อตเตอร์รี่แล้วเอาเงินมาใช้หนี้พี่คินได้หมดล่ะคะ”“เงินที่เอามาใช้กับเงินที่เอาไปมันคนละส่วนกัน”“พี่คินขี้โกงแบบนี้มัดหมี่ฟ้องเอาได้นะคะ”“จะไปฟ้องที่ไหนล่ะ เราเป็นสามีภรรยากันแบบนี้พี่ว่าศาลก็ต้องยกฟ้อง”“แบบนี้มัดหมี่คงต้องขัดดอกไ
เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วภาคินและพลอยลลินณ์ก็ไปหาซื้อของใช้ที่จำเป็นและเสื้อผ้าอีกคนละนิดหน่อยจากนั้นก็เข้าพักที่วิลลาที่แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะพากันออกไปไหว้พระและนั่งชมวิวทะเลระหว่างทานอาหารที่ร้านริมทะเล “มัดหมี่เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงเงียบไป” “เปล่าค่ะ มัดหมี่แค่คิดอะไรเพลินๆ” “ยังคิดมากเรื่องเมื่อวานอีกเหรอ” “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ มัดหมี่แค่กำลังคิดว่าเรามากินข้าวร้านนี้หลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยได้นั่งมองทะเลแบบนี้เลย” “นั่นสินะ แต่ก่อนเราสองคนแต่ทำงานจนลืมมองสิ่งรอบตัวว่ามันสวยงามมากแค่ไหน แล้วมัดหมี่ชอบที่นี่ไหม” “ชอบค่ะ” พลอยลลินณ์ชอบทะเลมากแต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้นั่งมองแบบนี้บ่อยนัก “เราไปเที่ยวมัลดีฟส์กันดีไหม” “มัดหมี่ก็อยากไปนะคะ แต่ตอนนี้ตารางงานของบอสแน่นมากจนถึงวันแต่งงานเลยค่ะ” “เราไปฮันนีมูนที่มัลดีฟส์กันไหมส่วนญี่ปุ่นก็ค่อยไปช่วงที่หิมะตก” เดิมทีทั้งสองคนวางแผนกันเอาไว้แล้วว่าจะไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแต่พอเขารู้ว่าพลอยลลินณ์ชอบทะเลก็เลยลองถามเธอดูเผื่อว่าหญิงสาวจะเปลี
ภาคินขับรถไปส่งเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งจากนั้นเขารีบมาที่โรงพยาบาลซึ่งตอนนี้พลอยลลินณ์ยังนอนหลับอยู่บนเตียง “ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล” ภาคินกล่าวขอบคุณพยาบาลที่อยู่เป็นเพื่อนพลอยลลินณ์ขณะที่เขาออกไปจัดการกับคนที่ทำร้ายเธอ “ไม่เป็นไรค่ะเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปรอข้างนอกถ้าคนไข้ตื่นหรือคุณต้องการความช่วยเหลือก็กดปุ่มฉุกเฉินตรงนี้นะคะ”“ได้ครับขอบคุณครับ”เมื่อพยาบาลเดินออกจากห้องไปแล้วภาคินก็ขยับเก้าอี้มานั่งข้างๆ พลอยลลินณ์“มัดหมี่ผมขอโทษนะ ถ้าวันนี้ผมอยู่กับคุณเรื่องก็คงไม่เกิด”เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณสุวิจักขณ์ร่วมมือกับวาริสาแล้ววางแผนทำร้ายพลอยลลินณ์แบบนี้ แต่ก็นับว่าโชคดีที่ที่เขาตามมาช่วยได้ทันภาคินรู้ดีว่าสาเหตุมันน่าจะมาจากที่เขาและพลอยลลินณ์จับได้ว่าคุณสุวิจักขณ์ลักลอบเปลี่ยนสเปกสินค้าและต้องหาเงินมาชดใช้บริษัทหลายล้าน แต่ภาคินไม่คิดเลยว่าวาริสาจะร่วมมือกับเขาด้วยชายหนุ่มจับมือหญิงสาวแน่นและสัญญากับตัวเองว่าจากนี้จะไม่ยอมปล่อยให้พลอยลลินณ์คลาดสายตาอีกเป็นอันขาด เขารู้แล้วว่าตัวเองรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน รักจนยอมแลกได้ทุกอย่า
ขับรถมาได้สักระยะภาคินก็ได้รับสายจากตำรวจท้องที่ซึ่งแจ้งว่าตอนนี้พวกเขามารออยู่บ้านพักของคุณสุวิจักขณ์แล้วแต่รถตู้สีดำที่ชายหนุ่มแจ้งยังมาไม่ถึงเมื่อได้ยินแบบนั้นภาคินก็อุ่นใจขึ้นแต่เขาก็ยังรีบร้อนที่จะไปที่นั่นอยู่ดี ระยะเวลาชั่วโมงกว่าบนรถเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดและทรมานใจเป็นอย่างมากภาคินไม่รู้เลยว่าพลอยลลินณ์จะเป็นยังไงบ้างและคนร้ายจะพาเธอไปยังบ้านพักที่ตามตนเองคิดไว้หรือเปล่าแต่เท่าที่เคยรู้มาคุณสุวิจักขณ์มีบ้านพักอยู่ที่หัวหินเพียงแค่หลังเดียวเท่านั้นเมื่อไปถึงบ้านพักของคุณสุวิจักขณ์ภาคินก็ต้องแปลกใจเพราะรถของคนร้ายน่าจะมาถึงที่นี่แล้วแต่ทั้งบ้านกับว่างเปล่ามีเพียงรถของตำรวจที่จอดซุ่มอยู่ไกลๆ เท่านั้น“คุณภาคินใช่ไหมครับ” ตำรวจรายหนึ่งเดินมาถามเมื่อเห็นเขาจอดรถลงที่หน้าบ้าน“ใช่ครับคุณตำรวจ นี่พวกมันยังมาไม่ถึงอีกเหรอ”“ผมว่าไม่น่าจะใช่ที่นี่แล้วนะ คุณลองดูพิกัดในมือถืออีกทีสิ”ภาคินรีบร้อนและคิดว่าจะต้องเป็นบ้านหลังนี้เขาจึงลืมเรื่องพิกัดมือถือไปจนสนิท และตอนนี้พิกัดหายไปแล้วแต่จุดสุดท้ายที่จับสัญญาณได้ก็ไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่“สัญญาณหายไปแล้วหรือพวกมันจะรู้แล้วว่าพ
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดีล่ะปราง” น้ำฝนถามหลังจากที่ได้ฟังมะปรางเล่าเรื่องของพลอยลลินณ์“นั่นสิฝน นิวว่าเราไปขอดูกล้องจากร้านดีไหม”“หรือเราจะแจ้งตำรวจ” เพื่อนอีกคนก็เสนอขึ้น“ปรางสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงก่อนดี”“แต่เราว่าต้องบอกแฟนของมัดหมี่ก่อนดีไหม มีใครในนี้ติดต่อแฟนของมันมีบ้างได้ไหมเราต้องบอกเขาให้รู้เรื่อง”“เดี๋ยวปรางจะไปขอดูกล้องวงจรปิดนะ คนที่เหลือลองหาทางติดต่อคุณภาคินดูนะ เขาเป็นคนมีชื่อเสียงแบบนั้นน่าจะติดต่อได้ไม่ยาก”“เดี๋ยวนิวจะลองถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานเป็นเลขาผู้บริหารดูเผื่อเขาจะมีคอนแทคของคุณภาคินบ้างมะปรางรีบไปดูกล้องวงจรปิดเถอะ” นิวรีบบอกจากนั้นตัวเองก็พยายามติดต่อกับเพื่อนอีกคนที่ทำงานเป็นเลขาเหมือนกับพลอยลลินณ์มะปรางกับน้ำฝนไปขอทางร้านดูกล้องวงจรแต่โดยให้เหตุผลที่ว่าเพื่อนของเธอถูกจับตัวไป ทางร้านก็รีบอำนวยความสะดวกเพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้วทางร้านจะมีความผิดไปด้วยภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่าพลอยลลินณ์เดินไปกับวาริสาและเธอก็ขึ้นไปบนรถตู้จากนั้นวาริสาก็ปิดประตูรถก่อนที่รถจะถูกขับออกไปจากบริเวณลานจอดรถ มะปรางถ่ายรูปทะเบียนรถพร้อมทั้งข
ภาคินและพลอยลลินณ์กลับมาถึงเมืองไทยได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ทั้งสองคนยังทำตัวเป็นเจ้านายและลูกน้องที่ดีเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นแต่พอได้อยู่กันตามลำพังแล้วภาคินก็จะกลายร่างเป็นผู้ชายอบอุ่นขณะที่พลอยลลินณ์ก็จะกลายเป็นคนช่างอ้อน “อีกตั้งสองเดือนเลยนะมัดหมี่ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมว่าเราไม่ต้องรอฤกษ์ดีไหม” ภาคินบ่นหลังจากที่มารดาของเขาเป็นคนไปหาฤกษ์แต่งงานมาให้ “มัดหมี่ว่าเร็วไปด้วยซ้ำนะคะ เรายังไม่รู้จักกันดีเลย” “เรารู้จักกันมาสามปีกว่าแล้วนะมัดหมี่ ผมว่าเวลามันนานมาก” “บอสจะนับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันไม่ได้นะคะ เราต้องนับวันที่เราตกลงคบกันสิคะถึงจะถูก” “ก็ผมจะนับแบบนี้” “เฮ้อ...มัดหมี่อยากให้ลูกน้องในบริษัทเห็นบอสเวลาที่งอแงเป็นเด็กแบบนี้จัง” “อยู่ต่อหน้าลูกน้องผมต้องวางมาดกันหน่อยสิ แต่เวลาอยู่กับมัดหมี่ผมเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด” ภาคินพูดขณะที่กอดเธอไว้อย่างหลวมๆ แล้วเกยปลายคงบนไหล่มน “แล้วจะกอดแบบนี้อีกนานไหมคะ” “ก็กอดจนกว่าจะหมดเวลาพัก” ตั้งแต่ประกาศเรื่องแต่งงานออกไปเวลาทานอาหารกลางวันพล