ห้องทำงานเอริค
ห้องทำงานหรูชั้นบนสุดของคาสิโน ที่มีนักเสี่ยงโชควนเวียนเข้าออกทุกคืน ซึ่งเอริคได้ใช่ชั้นบนสุดเป็นห้องพักและที่งานของตัวเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องขับรถไป ๆ มา ๆ ให้เสียเวลา หลังจากเกิดเรื่องบนเรือสำราญ ตอนนี้ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ เอริคก็ยังคงไม่ล้มเลิกเรื่องตามหาตัวเฟย เขาทุ่มทั้งคนทุ่มทั้งเงินแบบไม่อั้น ขอแค่หาตัวเฟยมาให้ได้ก็พอ
ทุกคนรอบตัวเอริคต่างพากันสงสัย กับการกระทำแปลก ๆ ของเขา เพราะเอริคไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดถามอะไรออกไป
“ไงครับคุณเพื่อน ได้ข่าวตามหาคู่นอนแทบพลิกแผ่นดินเลยเหรอวะ” เสียงพูดหยอกล้อดังขึ้น พร้อมร่างสูงที่ก้าวเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างวิสาสะ
“...” เอริคชำเลืองตามองตามต้นเสียงเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาอ่านเอกสารในมือต่ออย่างไม่สนใจ
“บาร์เทนเดอร์คนนั้น ลีลาดีถูกใจมึงถึงขั้นอยากกลับไปซ้ำขนาดนั้นเลยเหรอวะ” มังกรไม่สนใจท่าทางเมินเฉยของเพื่อนสนิท เดินมานั่งเก้าอี้ตรงหน้าเอริค แล้วพูดถามขึ้นด้วยความสงสัย
มังกรรู้เรื่องเอริคกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มมาจากแซม ตอนแรกที่เขาได้ยินก็แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เพราะเพื่อนของเขาคนนี้ไม่ใช่ผู้ชาย ที่จะมาสนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ พวกนั้น ตั้งแต่คบกันมามังกรยังไม่เคยเห็นเอริคสนใจใครมากขนาดนี้มาก่อน แต่ครั้งนี้คืออะไร...
“เรื่องของกู” เอริคพูดขึ้นเสียงแข็ง สายตาก็ยังคงจ้องมองที่เอกสารในมือ เขาจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขาไหม อีกอย่างมันไม่ได้เจอแบบเขามา มันไม่รู้หรอกว่าเวลานี้เขารู้สึกยังไง
“ก็แค่ผู้ชายคนเดียวไหมวะ ไอ้ริค” มังกรพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจ เพราะไม่คิดว่าเอริคจะดื้อรั้นมากขนาดนี้
“...” เอริคเงียบไม่ตอบ
เอริครู้สึกหงุดหงิดในใจมาก ไม่ว่าจะพวกลูกน้องหรือพวกเพื่อน ๆ ก็ไม่มีใครเข้าใจเขาเลยสักคน ทุกคนต่างคิดว่าที่ทำตามหาเฟยไม่หยุดนั้น ก็เพราะติดเขาใจเลยต้องการสานสัมพันธ์ต่ออีกครั้ง ไม่มีใครรู้เลยว่าความจริงแล้ว ที่เอริคต้องการหาตัวเฟยนั้น ก็เพื่ออยากจะแก้แค้น กับสิ่งที่เฟยเคยทำกับตัวเองบนเรือต่างหาก
“เฮ้อ กูว่ามึงหมกมุ่นเรื่องบาร์เทนเดอร์คนนั้นมากเกินไปแล้วนะโว้ย”
มังกรถอยหายใจออกมาแรง ก่อนจะพูดว่าเพื่อนตัวเองออกไปอย่างเหลืออด เมื่อเห็นว่าเอริคไม่มีทีท่าจะฟังที่ตัวเองพูดเลยสักนิด ก็แค่เด็กผู้เชายคนเดียว จะอะไรนักหนานะ
“กูไม่ได้หมกมุ่น” เอริคเงยหน้าพูดปฏิเสธมังกรกลับอย่างหงุดหงิด
เวลานี้เอริคได้แต่ต้องเก็บความแค้นไว้ในใจเพียงคนเดียว เพราะเขาไม่กล้าพูดบอกความจริงให้ใครฟัง เขาไม่อยากตกเป็นตัวตลกในสายตาของพวกลูกน้องและพวกเพื่อน ๆ เอริคคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ถ้าพวกลูกน้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถึงตอนนั้นยังจะมีใครเคารพ และหวาดกลัวเหมือนเดิมอยู่อีกไหม เอริคกลัวเรื่องนี้มากจริง ๆ
“เหรอออ...ถ้าไม่ได้หมกมุ่นจริง คืนนี้มึงจะต้องไปเที่ยวกับกู โอเคไหม” มังกรพูดขึ้นอย่างท้าทาย ถ้าไม่ได้หมกมุ่นตามที่พูดจริง งั้นคืนนี้ก็ต้องพิสูจน์ให้เขาเห็น ไม่ใช่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมทั้งวันทั้งคืนแบบนี้
“เออออ...แค่ไปก็จบใช่ไหม” เอริครับคำเพื่อนกลับไปส่ง ๆ ด้วยความรำคาญ ไม่รู้ว่าพวกมันจะอะไรกับเขากันนักหนา สภาพของเขาตอนนี้มันดูแย่มากเลยหรือไง
“ต้องอย่างนี้สิเพื่อนรัก เดี๋ยวกูจะหาเด็กน่ารัก ๆ มาให้มึง รับรองมึงจะต้องชอบจนลืมบาร์เทนเดอร์คนนั้น ไปเลยอย่างแน่นอน” มังกรยิ้มกว้างออกมาทันที เมื่อได้ยินเพื่อนสนิทรับปากตัวเองแล้ว
หึหึ เดี๋ยวคืนนี้เขาจะจัดเมนูพิเศษให้จุก ๆ ไปเลย รับรองถ้าได้กินแล้ว จะต้องลืมพ่อบาร์เทนเดอร์หน้าหวานจนหมดแน่ ๆ
ผับ The Drunken Dragon
แสงไฟสลัวๆ บวกกับเสียงเพลงที่ดังกึกก้อง ทำให้ในยามค่ำคืนแสนธรรมดาดูมีสีสันขึ้น หนุ่มสาวทั้งหลายนัดกันออกมาปลดปล่อยอารมณ์ และออกมาวาดลวดลายอันยั่วยวนกันอย่างสนุกสนาน ชั้นบนของผับมีสองหนุ่มนั่งดื่มอยู่ คนหนึ่งมีสาวสวยเคียงข้างซ้ายขวา ส่วนอีกคนเอาแต่นั่งเงียบมองดูเหล้าในแก้วอยู่เงียบ ๆ ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
มังกรเห็นท่าทางไร้ชีวิตชีวาของเอริค ก็อดส่ายหน้าไปมาไม่ได้ เขาเริ่มจะเหนื่อยหน่ายกับเพื่อนคนนี้แล้ว ชวนมาเที่ยวหาความสนุก กับเอาแต่นั่งเงียบจ้องเหล้าในแก้วอย่างเดียวแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะลืมบาร์เทนเดอร์คนนั้นได้สักที
มังกรหันไปส่งซิกกับลูกน้องตัวเอง ไม่นานก็มีเด็กหนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งเดินมาหยุดที่โต๊ะของมังกรกับเอริค
“นี่น้องบอนเด็กใหม่ร้านกูเอง น่ารักไหมล่ะ” มังกรพูดแนะนำคนมาใหม่ให้เอริครู้จัก
มังกรเป็นเพื่อนกับเอริคมานาน เขารู้ดีว่าเพื่อนสนิทคนนี้ชอบแบบไหน เลยจงใจจัดหามาให้พิเศษ หวังว่าเอริคคนเดิมของเขาจะกลับได้สักที
“คุณเอริค สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างเอ่ยทักขึ้นเสียงใส่
“...” เอริคมองด้วยห่างตาแวบหนึ่ง แล้วกลับมานั่งนิ่งมองเหล้าในแก้วต่ออย่างไม่สนใจ
บอกเลยว่าตอนนี้เอริคไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น ถึงเด็กหนุ่มคนที่มังกรพามาจะตรงสเปกเขาทุกอย่าง แต่เอริคกลับไม่รู้สึกสนใจเลยสักนิด และไม่ใช่เป็นแค่กับเด็กหนุ่มคนนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องบนเรือขึ้น จนถึงวันนี้เอริคไม่รู้สึกสนใจใครเลย เพราะถ้าเป็นปกติมาเที่ยวกลางคืนแบบนี้ ข้างกายของเขาก็คงไม่ต่างอะไรกับมังกร ที่จะมีคนคอยดูแลเอาใจซ้ายขวา
แต่คืนนี้เอริคกลับอยากนั่งดื่มคนเดียวมากกว่า ส่วนเรื่องบนเตียงหลังจากผ่านนรกคืนนั้นมา เขาก็ไม่เคยนอนกับใครอีกเลย เอริคยังคงรู้สึกขยาดไม่หาย ทั้งใบหน้าตอนยิ้มทั้งสัมผัสและน้ำเสียงของไอ้จีนหื่นนั้น มันยังคงฝั่งลึกอยู่ในหัวของเขา เหมือนกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นพึ่งผ่านมาไม่นานยังไงยังงั้น
มังกรเห็นเอริคยังนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม ก็ส่งซิกให้เด็กของตัวเองนั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสนิทแทน มาถึงขั้นนี้แล้วเขาไม่ยอมให้ปฏิเสธได้ง่าย ๆ หรอก คืนนี้เขาจะต้องเอาเอริคคนเดิมกลับมาให้ได้คอยดูสิ
“บอนช่วยชงเหล้าให้นะครับ” เด็กหนุ่มพยักรับ แล้วค่อย ๆ นั่งลงข้างเอริค พร้อมพูดถามขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เปลี่ยนจากช่วยชงเหล้า เป็นช่วยอย่างอื่นดีกว่าไหมครับ น้องบอน” มังกรพูดเย้าหยอกทั้งสอง พร้อมส่งสายตาไปทางบอน ให้พูดตามที่ตัวเองเคยสอน
“ถ้าคุณเอริคต้องการ บอนยินดีช่วยทุกอย่างครับ” เด็กหนุ่มยื่นแก้วเหล้าที่ชงใหม่ให้เอริค แล้วพูดขึ้นอย่างเขิน ๆ พร้อมส่งสายตาหวานเยิ้มให้คนข้าง ๆ
เอริคเห็นท่าทีของเจ้านายลูกน้องคู่นี้ ที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ดูถ้าคืนนี้เขาคงต้องกลับไปอยู่ร่างเดิมแล้วสินะ ไม่งั้นไอ้มังกรคงจะไม่หยุดก่อกวนเขาแน่ ๆ
“หึหึ สอนกันมาดีจริง ๆ นะ งั้นก็ตามมาทางนี้สิ ฉันจะให้นายได้ช่วยสมใจ” เอริคลุกขึ้นยืนเต็มตัว แล้วเอ่ยพูดออกมาเสียงเรียบ
ถึงตอนนี้เอริคจะไม่ได้มีอารมณ์ทำเรื่องพวกนั้นเลยสักนิด แต่เพื่อตัดความรำคาญ และให้เพื่อนของตัวเองสบายใจ เขาจะยอมทำสักรอบก็ได้ อีกอย่างเผื่อเด็กหนุ่มหน้าตี๋คนนี้ จะทำให้เขาลืมเรื่องร้าย ๆ ที่เจอมาได้บ้าง
“ครับ” บอนตอบรับด้วยความดีใจ จากนั้นก็ลุกเดินตามหลังเอริคไปอย่างว่าง่าย
“ต้องอย่างนี้สิเพื่อน” มังกรยกนิ้วให้เพื่อน แล้วพูดชมออกมาด้วยความดีใจ อย่างน้อยคืนนี้เขาก็ทำให้เพื่อนรัก เลิกคิดถึงบาร์เทนเดอร์คนนั้นได้บ้างละนะ
********************
เอริคเดินนำเด็กหนุ่มขึ้นไปที่ห้องพัก VIP ชั้นบนของผับ ซึ่งเป็นสถานที่ประจำของเขา เอาไว้ลากเด็กหนุ่มที่ถูกใจขึ้นมากิน ...ปัง!! เสียงประตูถูกปิดลงทำให้ภายในห้องเงียบสนิท เอริคยืนกอดอกจ้องร่างเล็กด้วยสายตาดำมืด
“ไอ้มังกรมันบอกแล้วใช่ไหม ว่าฉันชอบแบบไหน” เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
เอริคถามออกไปอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ เพราะคิดว่ามังกรคงจะพูดคุย เรื่องของเขากับเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อนแล้ว ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไรบ้าง
“ครับ” เด็กหนุ่มพยักตอบกลับช้า ๆ ด้วยความประหม่า
เพราะก่อนมานี้มังกรได้พูดบอก เรื่องของเอริคให้ตัวเองฟังมาบ้างแล้ว บอนรู้สึกดีใจมาก เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้มีโอกาสมายืนอยู่ตรงนี่ กับเจ้าของคาสิโนที่ใคร ๆ ต่างใฝ่ฝันขึ้นเตียงด้วยสักครั้ง คืนนี้เขาสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดเลย
“งั้นก็ถอนเสื้อผ้า แล้วขึ้นไปนอนบนเตียง” เอริคพูดสั่งขึ้นเสียงเรียบ เขาไม่อยากมาเสียพูดคุยอะไรกันให้มากความ รีบเข้าเรื่องทำให้มันจบ ๆ ไปน่าจะดีกว่า
“ครับ” บอนพยักรับคำ ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอไปด้วยความยากลำบาก
มือเล็กทั้งสองก็ค่อย ๆ ยกขึ้นมาจัดการเสื้อผ้าของตัวเองทีละชิ้น ทีละชิ้น จนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า ใบหน้าขาวเริ่มแดงระรื่นขึ้นมาด้วยความเขินอาย เมื่อสายตาเผลอไปมอง คนที่กำลังยืนจ้องการกระทำของตัวเองอยู่ เด็กหนุ่มรวบรวมความกล้า ค่อย ๆ คลานขึ้นไปนอนอยู่กลางเตียงตามที่อีกฝ่ายบอก
...เอริคยกยิ้มขึ้นอย่างชอบใจ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้า ทำตามที่ตัวเองบอกอย่างว่าง่าย ไม่เหมือนใครอีกคน...
ร้านอาหารจีนร้านอาหารจีนชื่อดังกลางใจเมือง ที่ถูกตกแต่งเต็มไปด้วยสีแดงอย่างหรูหราสะดุดตา เป็นเสมือนศูนย์รวมผู้คนที่มีเชื้อสายจีน หรือบางคนที่รู้สึกเบื่ออาหารรสชาติจัดจ้าน ก็หันมานั่งกินเปลี่ยนรสชาติและบรรยากาศกัน โต๊ะอาหารมุมหนึ่งของร้านมีหนุ่มจีนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว นั่งอยู่เพียงลำพัง บนโต๊ะมีแก้วน้ำเปล่าวางอยู่ข้าง ๆ นาฬิกาข้อมือเรือนหรูถูกยกขึ้นมาดูหลายครั้งติดต่อกัน ใบหน้าขาวซีดหันมองทางเข้าร้านเป็นระยะราวกับว่าเขากำลังนั่งรอใครบางคนอยู่และแล้วใบหน้าขาวซีดของหนุ่มจีนก็ค่อย ๆ ฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นคนที่ตัวเองรอคอยมานาน กำลังก้าวเดินเข้ามาในร้าน แต่รอยยิ้มก็อยู่บนใบหน้าของหนุ่มจีนได้เพียงครู่เดียว ก็ต้องละลายหายไปในที่สุด เมื่อสายตาของเขามองเห็นว่าคนที่ตัวเองกำลังนั่งรออยู่นั้น ไม่ได้เดินมาเพียงคนเดียวอย่างที่เขาคิดไว้“อ้าวเฟยมาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ” ชุนหนุ่มจีนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันไปเอ่ยทักทายอดีตบอดี้การ์ดหนุ่ม ของตัวเองออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ครับ” เสียงนุ่มทุ้มตอบ
ท้องทะเลสีคราม หาดทรายสีขาวสะอาดตา สายลมทะเลพัดเอื่อย ๆ พาเอาความสดชื่นเข้ามาปะทะใบหน้า บวกกับเสียงคลื่นกระทบเข้าฝั่ง ที่ไพเราะราวกับบทเพลงกล่อมให้ชวนหลับ ช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลังจากจบศึกระลึกความหลังที่ยาวนานติดต่อกันเกือบสามวัน ในที่สุดเฟยก็ยอมปล่อยให้เอริค ได้พักผ่อนแบบจริงจังตามที่หวังเอริคนั่งจ้องมองวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา เบื้องหน้าอย่างเคลิบเคลิ้มและหลงใหล นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขามัวแต่หมกมุ่นทำแต่งาน จนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อนจริง ๆ จัง ๆ แบบนี้ เอริคนั่งคิดย้อนอดีตถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเอง ถ้าคืนนั้นเขาไม่ได้เจอกับเฟย เวลานี้ชีวิตของเขาจะเป็นยังไง มันจะดีขึ้นหรือจะแย่ลงกันนะเอริคที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดอยู่นั้น ก็ต้องถูกเสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องหรูตัวเอง ปลุกให้ตื่นกลับมาสู่โลกแห่งความจริง เอริคหันมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ แล้วขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าชื่อที่ขึ้นโชว์อยู่นั้นเป็นเบอร์ของเซ็นลูกน้องของตัวเองครืน ครืน ครืน!!“อืม มีอะไร&rd
รีสอร์ตติดทะเลสุดหรูรีสอร์ตสุดหรูที่เป็นห้องพักติดทะเล มีดีไซน์สวยงามทุกมุมเหมาะสมกับคู่รักที่พากันมาสวีท เพื่อเพิ่มความหวานให้แก่กันเป็นอย่างมาก ส่วนด้านหลังก็สามารถนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน สุดแสนโรแมนติกได้แบบใกล้ชิดหาดทรายสีขาวท้องทะเลสีคราม กับท้องฟ้าสีสดใสไร้เมฆ มองไปสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่เห็นแล้วชวนให้ผ่อนคลาย รู้สึกมีความสุขและจิตใจสงบอย่างบอกไม่ถูกแต่!!สองหนุ่มในห้องนอนรีสอร์ตสุดหรูห้องหนึ่ง ตอนนี้กับอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบสุด ๆ“คุณเอริคจะอยู่ท่านั่นอีกนานไหมครับ”“หนวกหู ขอทำใจหน่อยไม่ได้หรือไง”เสียงพูดของสองหนุ่มโต้เถียงกันดังอยู่บนที่นอน คนหนึ่งนั่งหลังพิงหัวเตียง ส่วนอีกคนก็กำลังนั่งคร่อมอยู่บนตัก ร่างกายของทั้งคู่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าสวมใส่หลังจากที่พูดเคลียร์เรื่องของเรนจบลงในคืนนั้น เอริคกลัวว่าเด็กหนุ่มยังจะมาวุ่นวายกับคนของตัวเองไม่เลิกอีก เขาเลยลากเฟยหนีออกมาเที่ยวไกลกันสองคน และถือโอกาสมาเปลี่ยนบรรยากาศ มานั่งรับลมทะเล ดื่มด่ำกับธรรมชาติ
“ฮัลโหล”(เฮียเฟย)“เรน!”พอโทรศัพท์เครื่องหรูถูกกดรับ เสียงที่คุ้นเคยจากปลายสาย ก็ร้องเรียกชื่อเจ้าของโทรศัพท์ดังลอดออกมาเฟยที่ได้ยินน้ำเสียงหวานหยดย้อยนั้นเรียกชื่อตัวเอง ก็รู้ได้ทันทีว่าใครกำลังอยู่ในสาย เลยพูดชื่อของอีกฝ่ายออกไปด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าคนในสายจะมีเบอร์ติดต่อของตัวเองด้วยตั้งแต่ที่เฟยเลิกเป็นบอดี้การ์ด เขาก็ได้ตัดสินใจทิ้งอดีตไว้ด้านหลัง รวมถึงได้เปลี่ยนเบอร์ติดต่อทุกอย่างด้วย เพื่อที่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เบอร์โทรที่เฟยใช้อยู่ตอนนี้เลยมีแต่เพื่อนสนิท กับเพื่อนที่เป็นบาร์เทนเดอร์ด้วยกันเท่านั้นที่รู้ พอเฟยได้ยินเสียงของเรนในสายเลยตกใจมาก เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะรู้เบอร์ของตัวเองได้(เรนไม่สบาย เฮียมาหาเรนหน่อยได้ไหม เรนลุกไม่ไหว) เสียงแหบแห้งราวกับคนไร้เรี่ยวแรง ดังลอดออกมาจากปลายสายอีกครั้งเรนที่ยังไม่ยอมตัดใจเรื่องของเฟยง่าย ๆ เลยโทรมาเพื่อเรียกร้องความสงสารจากอีกฝ่าย เพราะเขารู้จักนิสัยของอดีตแฟนหนุ่มดี ว่าเป็นคนขี้สงสารและเอ็นดูตัวเองมาก ถ้าเฟยรู้ว่าเขานอนโทรมไม่สบายอยู่บนเตียงค
“โอ๊ย! มันเจ็บนะ”เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด เมื่อร่างเล็กถูกเหวี่ยงติดผนังอย่างแรง จนล้มพับไปกองอยู่กับพื้น เรนชักสีหน้าไม่พอใจใส่เอริคที่ยืนกอดอกมองตัวเองอยู่อย่างไม่เกร็งกลัว“แค่นี้มันยังน้อยไป ถ้ามึงยังไม่เลิกมาตอแยเมียกูอีก มึงได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่” เอริคยืนกอดอกดูผลงานตัวเองอย่างชอบใจ ก่อนจะพูดขู่ออกไปอีกครั้ง ทำแค่นี้ทำมาเป็นร้องโวยวายสำออยจริง ๆ“อย่ามาโกหกซะให้ยากเลย ผมไม่เชื่อหลอกว่าเฮียเฟยเป็นเมียของคุณจริง ๆ” เรนยันตัวเองลุกขึ้นยืนประจันหน้า แล้วพูดเถียงกลับอย่างไม่ยอมเรนรู้จักนิสัยของเฟยดีว่าเป็นคนยังไง ในอดีตเพราะหน้าตาสวยราวกับผู้หญิง เลยทำให้มีผู้ชายมากมายมาสนใจในตัวของเฟย แต่ไม่ว่าคนพวกนั้นจะเอาเงินหรือของมาให้มากเท่าไหร่ เฟยก็ไม่เคยสนใจและมีความคิดเปลี่ยนมาเป็นรับ เพื่อสนองอารมณ์ของผู้ชายพวกนั้นเลยสักครั้ง แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าเฟยเป็นเมีย ใครมันจะเชื่อลง“แล้วทำไมกูจะต้องโกหกมึงด้วย” เอริคชักสีหน้าใส่คนเถียง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะเชื่อคำพูดของตัวเองเลยสักนิด“คนอย่างเฮียเฟย ให้ตายก็ไม่มีทางจะเปลี่ยนใจมาเป็นรับหลอก” เรนพูดขึ้นอย่างมั่นใจ เขารู้จ
ตุบ!เสียงกำปั้นทุบลงโต๊ะทำงานด้วยความโกรธเกรี้ยว จนคนที่ยืนพูดรายงานอยู่ สะดุ้งตกใจรีบก้าวถอยหนีคนโมโหอย่างงง ๆ แซมไม่เข้าใจว่าเอริคโกรธตัวเองเรื่องอะไร เขาแค่มารายงานตามปกติเองนี่นา“ไอ้เด็กบ้า เดี๋ยวมึงได้เจอดีแน่” เอริคสถบด่าออกอย่างไม่พอใจ กล้ามาหาผู้ชายของเขาถึงที่นี่เลยเหรอ“เออ…” แซมยืนนิ่งค้างทำตัวไม่ถูก เมื่ออยู่ ๆ เจ้านายตัวเองก็แสดงท่าทีฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ“แล้วเฟยล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน” เอริคถามขึ้นเสียงแข็ง เมื่อนึกถึงตัวต้นเหตุของเรื่องขึ้นมาได้“อ๋อ พึ่งเดินลงไปหาเด็กคนนั้นเมื่อกี้เองครับ” แซมตอบกลับไปตรง ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่ได้คิดอะไร“ใครบอกมัน”เอริคถามต่ออย่างสงสัย เพราะตามปกติแล้วเฟยจะอยู่แต่ชั้นบน ไม่ห้องพักก็จะมาช่วยงานเขาที่ห้องนี้เท่านั้น เฟยไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีคนมาหา ถ้าไม่มีใครขึ้นมาบอก“ผมบอกเองครับ”แซมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แล้วพูดบอกเอริคออกไปตรง ๆ พร้อมปั้นหน้ายิ้มแป้นรอรับคำชมจากอีกฝ่าย เมื่อคิดว่าตัวเองพึ่งทำเรื่องดี ๆ ไปแต่…สิ่งที่ได้มากับไม่ใช่คำชมเชย แต่กลับเป็นแฟ้มเอกสารเล่มหนา ปามาทางเขาแทน“ไอ้แซม มึงนี่มัน” เอริคตะคอกว่าลูกน้อ