ครืนน ครืนน ครืนนน!!
ครืนน ครืนน ครืนนน!!
เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูสั่นดังติดต่อกันอยู่หลายครั้ง ทำให้คนที่นอนหลับใหลด้วยความเหนื่อยล้าบนเตียง เริ่มได้สติลืมตาตื่นขึ้นมาในที่สุด เอริคค่อย ๆ กะพริบตาอย่างช้า ๆ เพื่อปรับสายตารับแสง เขาหันมองซ้ายมองขวาสำรวจภายในห้อง ก็เห็นว่าตัวเองอยู่ในห้องนี้เพียงคนเดียว แปลว่าไอ้จีนหื่นคงจะหนีไปแล้วสินะ พอรู้ว่าเฟยไม่ได้อยู่ในห้องนี่แล้ว เอริคก็กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจและความโกรธจัด คิดว่าทำกับเขาขนาดนี้ แล้วจะหนีไปได้ง่าย ๆ หรือไง ฝันไปเถอะ
เขานอนจ้องเพดานนิ่งอยู่พักใหญ่เพื่อรวบรวมสติ เพราะเขารู้สึกว่าหัวหนักอึ้งและตื้อไปหมด แถมจะยังความเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวพวกนี้อีก เอริคกัดฟันแน่นเพื่อพยายามฝืนร่างกายค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ
“โอ๊ย!...เจ็บชิบ!”
แต่พอเอริคขยับเพียงเล็กน้อย ก็ต้องร้องลั่นออกมาอย่างอดไม่อยู่ เมื่อรู้สึกเจ็บระบมไปทั้งตัว โดยเฉพาะช่องทางด้านหลัง ที่ถูกเฟยกระหน่ำกระแทกใส่ไม่หยุด มันทั้งเจ็บทั้งแสบราวกับว่าตอนนี้มันฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว เอริคไม่เคยรู้สึกเจ็บมากขนาดนี้มาก่อน แถมลำคอของเขาก็แห้งผาก รู้สึกเจ็บจนแทบกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้
เอริคก้มมองดูสภาพของตัวเองก็แทบช็อต เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยดูดรอยกัด ขึ้นสีแดงคล้ำจนแทบไม่เห็นสีผิวเดิม ที่หว่างขาก็มีแต่คาบเมือกสีขาวขุ่น ทั้งใหม่เก่าเหนียวหนืดติดเต็มขาไปหมด
ใบหน้าหล่อคมรู้สึกแดงร้อนขึ้นมาทันที เวลานี้เขาทั้งรู้สึกโกรธทั้งรู้สึกอายปะปนกันไปหมด โดยเพราะตัวเองเอริครู้สึกโกรธตัวเองมาก ที่ขัดขืนอะไรไอ้บ้านั้นไม่ได้เลยสักนิด แถมยังมีบางช่วงที่หลงคารมคล้อยตามมันอีก ถึงเอริคจะพยายามตั้งสติต่อต้านสุดชีวิตสักเท่าไหร่ แต่ร่างกายของเขามันกับทรยศ ไม่ว่าเฟยจะทำอะไรมันก็ตอบสนองดีซะทุกครั้งไป ดีจนเขารู้สึกหงุดหงิด เอริคจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเฟยหยุดทำตอนไหน เพราะหลังจากที่ถูกจับกระแทกห้าหกชั่วโมงติดต่อกัน เขาที่อ่อนเพลียมาก สุดท้ายร่างกายก็ทนรับไม่ไหว จนหมดสติไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
ครืนน ครืนน ครืนนน!!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เอริคว่างเรื่องของเฟยไว้ก่อน แล้วหันมาสนใจโทรศัพท์ที่ดังอยู่ข้าง ๆ แทน
“อืม ว่าไง” เอริคกดรับสายแล้วพูดถามออกไปเสียงเข้ม
(เออ เจ้านายเรือเทียบท่าแล้วนะครับ) แซมพูดขึ้น
เมื่อเห็นว่าเอริคไม่ยอมออกมาจากห้องพักสักที แถมตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องลงจากเรือแล้วด้วย แซมกับเซ็นเลยรู้สึกกังวลมาก เลยตัดสินใจโทรหาเอริคอีกครั้ง
เอริคมองดูเวลาในโทรศัพท์ เห็นว่าตอนนี้เย็นมากแล้ว นี่เขาหลับไปนานเลยสินะ ทุกอย่างที่เป็นแบบนี้ก็เพราะไอ้จีนบ้านั่นคนเดียวเลย พอนึกถึงใบหน้ายิ้มระรื่นของคนหื่น เอริคก็กำโทรศัพท์ในมือแน่นอย่างโกรธเกรี้ยวไม่ได้ โดยเฉพาะรอยยิ้มพวกนั้น เขาเกลียดมันที่สุดเลย!!
“แล้วไอ้เฟยล่ะ” เอริคพูดถามชื่ออีกคนออกไปอย่างสงสัย เพราะเขาหมดสติไป เลยไม่รู้ว่าเฟยออกไปตั้งแต่ตอนไหน
(อ๋อ คุณเฟยลงเรือไปได้พักใหญ่แล้วครับ) แซมตอบกลับเสียงใส เมื่อได้ยินเอริคถามหาคู่นอนของตัวเอง สงสัยเจ้านายของเขาคงจะเป็นห่วงบาร์เทนเดอร์หนุ่มคนนั้นมากเลยสินะเนี่ย ถึงได้ถามหาแบบนี้
“หนีไปแล้วอย่างงั้นเหรอ” เอริคพึงพำออกมาอย่างเจ็บใจ เมื่อรู้ว่าเฟยใช่โอกาสตอนที่ตัวเองหมดสติ หนีออกจากห้องนี้ไปอย่างง่ายดาย
หนีลงเรือไปแล้วอย่างงั้นเหรอ ไอ้เฟย!!
(เออ เจ้านายพูดว่าอะไรนะครับ) แซมได้ยินไม่ชัดว่าเอริคพูดว่าอะไร เลยถามกลับอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไร...สิบห้านาทีเดี๋ยวกูออกไป” เอริคขี้เกียจอธิบาย เลยพูดตัดจบไป
(ครับ) แซมรับคำก่อนวางสายไปอย่างงง ๆ
ในใจมีเรื่องอยากจะพูดถามเต็มไปหมด แต่ก็ไม่กล้าถามออกไป เพราะกลัวเอริคจะหันมาอาละวาดใส่ตัวเอง เจ้านายของเขายิ่งอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ด้วย
เอริคนั่งเงียบทำใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ลากร่างกายที่ปวดร้าวของตัวเอง ก้าวเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก เพราะแต่ละก้าวที่เขาเดิน มันเจ็บสะท้านไปทั้งร่างเลย ฝากไว้ก่อนนะไอ้เฟย! เจอกันกันครั้งหน้ากูจะทำให้มึงเจ็บปวด และทรมานกว่ากูเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลยคอยดู
เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เอริคไม่รู้จะพูดบอกลูกน้องตัวเองว่ายังไง จะให้บอกว่าตัวเองถูกไอ้บาร์เทนเดอร์นั่นข่มขืนแล้วหนีไป มันก็ไม่ใช่ เขาเป็นถึงเจ้าของคาสิโนที่ทุกคนเกรงกลัว เพราะฉะนั้นจะให้รู้เรื่องน่าอัปยศครั้งนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!!
“ไอ้เฟยอย่าคิดว่าจะหนีกูรอด กูจะต้องฆ่ามึงให้ได้เลยคอยดู”
เอริคจะไม่มีวันลืมความอัปยศครั้งนี้อย่างแน่นอน เขาจะต้องลากคอไอ้จีนหื่นหน้ายิ้ม กลับมาทรมานให้สาสมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
ห้องทำงานเอริค
เพล้ง!!
“ไม่ได้เรื่อง แค่คนคนเดียวก็หาไม่เจอ”
เสียงแก้วเหล้าในมือถูกปาลงกับพื้นห้อง เพื่อระบายความเกรี้ยวโกรธที่พลุ่งพล่านออกมา เอริคยืนตะคอกใส่แซมกับเซ็นอย่างหัวเสีย เมื่อเขาใช่ให้ทั้งสองไปตามสืบหาที่อยู่ของเฟย แต่นี่ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว สองคนนี้ก็ยังสืบหาที่อยู่มาให้ไม่ได้สักที
“...” ทั้งสองยืนก้มหน้าเงียบด้วยความกลัว
“เออ...คือว่าเท่าที่เรารู้ คุณเฟยรับงานเป็นบาร์เทนเดอร์ให้กับเรือสำราญหรูหลายที่ และทำแบบชั่วคราวด้วยนะครับ เลยหาที่อยู่แบบแน่ชัดไม่ได้” เซ็นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นพูดอธิบายให้เอริคฟัง อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ การจะหาคนที่เดินทางอยู่ตลอดเวลา มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนี่นา
แซมกับเซ็นไม่เข้าใจความคิดของเอริคตอนนี้เลยจริง ๆ แค่ตามหาคู่นอนไม่เจอ ทำไมถึงได้ดูโมโหมากมายขนาดนี้ ปกติเจ้านายของเขาไม่ใช่คนที่ชอบกินอะไรซ้ำซากนี่ แล้วทำไมครั้งนี้ถึงได้อยากเจอบาร์เทนเดอร์คนนั้นมาก ถึงขั้นให้พวกเขาสืบหาตัวแบบนี้นะ
“ใช่ครับ มันก็เลยทำให้ตามหายากนะครับ อีกอย่างทางบริษัทเรือหลายแห่ง มีการเก็บข้อมูลของลูกจ้างเป็นความลับด้วยนะครับ มันก็เลย...” แซมเงยหน้าพูดเสริมอีกคน
ไม่ใช่ว่าเขาไร้ความสามารถนะ แต่ทางนั้นเล่นเดินทางย้ายที่อยู่แทบทุกอาทิตย์ เรือสำราญที่ทำงานด้วยก็ระดับสูง ๆ ทั้งนั้น แล้วใครมันจะหาตัวเจอกันแหละ
“พวกมึงเลยไม่รู้ ว่าตอนนี้ไอ้เฟยไปทำงานอยู่ที่ไหนว่างั้น” เอริคถามกลับเสียงเรียบ
พอฟังคำแก้ตัวของลูกน้องทั้งสองคนจบ ก็อดหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ ตามหายากอย่างงั้นเหรอ แล้วไง ไม่ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินหา เขาก็จะต้องหาให้เจอ จากนั้นก็ลากคอไอ้บ้านั้นมาทรมานอย่างสาสม กับสิ่งที่มันได้ทำไว้กับเขา!!
“ครับ ครับ” แซมกับเซ็นพยักหน้าตอบพร้อมกัน ก่อนจะกลับไปยืนก้มหน้าเหมือนเดิม
“ตามหาต่อไป จนกว่าจะเจอ” เอริคออกคำสั่งอีกครั้ง ไม่ว่าจะต้องใช้เงินใช้เวลามากเท่าไหร่ เขาก็ไม่สน ขอแค่หาตัวไอ้บ้านั้นให้เจอ เขายอมหมดทุกอย่าง
“ครับ” ทั้งสองพยักหน้ารับคำ แล้วรีบเดินออกจากห้องไป
แซมอดสงสัยไม่ได้ ว่าตอนที่ทั้งสองคนอยู่ในห้องด้วยกัน ทำไมไม่พูดหรือแลกเบอร์กันไว้ก่อนที่จะแยกย้าย มันไม่มีเวลาคุยกันขนาดนั้นเลยหรือไง แล้วตอนนี้เป็นไง มาลำบากพวกเขาให้ตามหาทีหลังอีก แซมไม่เข้าใจนายเจ้าตัวเองเลยจริง ๆ และอีกอย่างทั้งที่รอบตัวของเอริคยังมีผู้ชายนับร้อย ที่สนใจในตัวเขา บางคนดูน่ารักกว่าบาร์เทนเดอร์หนุ่มคนนั้นซะอีก แต่เอริคกลับไม่สนใจใครเลยสักคน แล้วมายึดติดอยู่กับผู้ชายเพียงคนเดียวซะอย่างงั้น
หลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดจบลง เจ้าของคาสิโนหน้านิ่งก็ได้ป่าวประกาศ เรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับอดีตบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ให้เพื่อน ๆ และลูกน้องทุกคนได้รับรู้ทั่วกัน ถึงระยะแรก ๆ เอริคจะรู้สึกประหม่าตอนเจอคนอื่นอยู่บ้าง เพราะไม่รู้ว่าใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มให้ตัวเองอยู่นั้น เป็นรอยยิ้มจริงจากใจหรือรอยยิ้มจอมปลอม แต่พอหลัง ๆ มาเอริคก็เริ่มเลิกสนใจสายตาพวกนั้นในที่สุดแล้วเวลานี้เอริครู้สึกโล่งใจมาก ๆ ที่ไม่ต้องคอยโกหกปิดบังเรื่องตัวเองอีก และที่เขารู้สึกดีมากที่สุดของการป่าวประกาศข่าวในครั้งนี้ คือมันทำให้เด็กหนุ่มที่ชอบมาหยอกล้อพูดเล่นกับเฟย ไม่มีใครกล้าเข้ามาพูดเล่นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เอริครู้สึกชอบเรื่องนี้มาก เพราะเขาจะได้ไม่ต้องคอยระแวง กลัวเฟยอดใจไม่ไหวไปแอบหากินที่อื่นอีกเรือสำราญ-ห้องพัก“นายจำห้องนี้เตียงนี้ได้ไหมเฟย”“จำได้สิครับ ก็ห้อ
หลังจากที่คุณหมอทำแผลให้เฟยเสร็จแล้ว ภายในห้องก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง เอริคนั่งเล่นไอแพดอยู่ข้างเตียงของเฟย ส่วนมังกรไซออนกับแซมเซ็นลูกน้องของเอริค ก็นั่งพูดคุยเล่นกันอยู่ที่โซฟาข้าง แล้วอยู่ ๆ สองหนุ่มเพื่อนสนิทเจ้าของห้อง ก็เปลี่ยนมานั่งจ้องมองเพื่อนกับคนบนเตียง แล้วหันกับมาพูดกระซิบกัน เมื่อทั้งสองก็เกิดความสงสัยอะไรบางอย่างในตัวเพื่อนสนิทขึ้นมาแต่จะให้พวกเขาพูดถามเพื่อนออกไปตรง ๆ ความกล้าในตัวมันก็ยังมีไม่พอ เลยได้แต่นั่งสงสัยกันอยู่เงียบ ๆ สองคน“พวกมึงสองคนมีอะไรจะพูดกับกูก็พูดมา นั่งจ้องพวกกูกันอยู่ได้”เอริคสังเกตท่าทางของเพื่อนสนิททั้งสองมาได้สักพัก สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวพูดถามออกไปด้วยความสงสัย ทำเหมือนพวกเขาเป็นผู้ต้องสงสัยทำความผิดอะไรมาซะอย่างงั้น“แล้วมึงล่ะ มีเรื่องอะไรอยากจะสารภาพกับพวกกูหรือเปล่า” พอมังกรได้ยินเอริคพูดเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน ก็ไม่รอช้ารีบถามเรื่องที่ตัวเองรู้สึกสงสัยออกไปทันที
กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคลุ้งไปทั่วห้องพักฟื้นของผู้ป่วย เมื่อบาดแผลที่ใกล้จะหายดีแล้วของคนไข้ อยู่ ๆ ก็ฉีกมีเลือดไหลออกมาอีกครั้งอย่างไม่มีสาเหตุ เอริคนั่งนิ่งดูคุณหมอกับพยาบาลสาวยืนทำแผลให้เฟยอยู่โซฟาเงียบ ๆ โดยมีสายตาของมังกรกับไซออนแอบมองมาทางเขาเป็นระยะ ๆ แล้วหันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันอยู่สองคนอย่างมีเลศนัย“ทำแผลเสร็จแล้วครับ เออ...ยังไงหมอก็ขอให้ญาติช่วยระมัดระวังเรื่องการขยับร่างกายของคนไข้ด้วยนะครับ”คุณหมอทำแผลให้เฟยเสร็จก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ก็ได้หันมาพูดกับเอริคที่นั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ เพราะถ้าท่านคิดไม่ผิด ที่แผลของคนไข้เปิดมีเลือดออกครั้งนี้ สาเหตุอาจมาจากคนดูแลเป็นต้นเหตุก็ได้นั่นเอง“เออ...ครับ”ใบหน้าของเอริคร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างฉับพลัน เมื่อฟังที่คุณหมอพูดบอกจบประโยค เขานิ่งอึ้งพูดอะไรแทบไม่ออก เพราะรู้ดีว่าท่านกำลังจะสื่อถึงเรื่องอะไรแต่เรื่องนี้จะมาบอกเขาฝ่ายเดียวได้ยังไง ก็ในเมื่อไอ้คนท
“เฟย!! นายเป็นอะไร นี่มัน...เลือด!!”เอริคเห็นเฟยร้องออกมาเสียงดัง ก็รีบเข้าไปประคองด้วยความตกใจ พอได้ยินเสียงร้องของเฟยแล้ว มันทำให้เขารู้สึกกังวลและเป็นห่วงมาก เอริคมองสำรวจร่างกายของเฟยอีกรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าเฟยไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนจริง ๆ แต่แล้วสายตาของเขาก็ต้องหยุดชะงักค้าง อยู่ที่สะโพกข้างหนึ่งที่เฟยใช้มือปิดไว้ มีน้ำสีแดงสดเริ่มไหลอาบไปทั่วมือ“ผมไม่เป็นไรครั...” เฟยพยายามเก็บสีหน้าความรู้สึกเจ็บเอาไว้ แล้วพูดยิ้ม ๆ กับเอริคออกไป เพื่อไม่ให้คนตรงหน้าเป็นกังวลไปมากกว่านี้ แต่เขายังไม่ทันได้พูดจบประโยค ดวงตาทั้งสองข้างก็เริ่มพร่ามัว แล้วมืดดับลงไปอย่างห้ามไม่ได้“เฟย เฟย เฟย!!!” เอริคร้องเรียกชื่อเฟยออกมาซ้ำ ๆ ด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ ๆ เฟยก็หมดสติไปต่อหน้าตัวเองโรงพยาบาล-หน้าห้องฉุกเฉินหน้าห้องฉุกเฉินที่เต็มไปด้วยญาติผู้ป่วย และพวกคุณ
“หยุดนะคุณชุน!! อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ”เสียงร้องโวยวายดังก้องไปทั่วห้องนอน เมื่อบนเตียงกลางห้องเวลานี้ มีชายร่างกายเปลือยเปล่าคนหนึ่ง กำลังพยายามปลุกปล้ำ ก้มหน้าซุกไซร้ซอกคอขาว ของชายหนุ่มที่ถูกมัดนอนอยู่บนเตียงอย่างเร่าร้อน มือทั้งสองข้างของเขาก็ไม่อยู่นิ่ง พยายามถอดดึงเสื้อผ้าของคนนอนอยู่ออกไปด้วยเฟยถูกจู่โจมอย่างหนักโดยที่สามารถปัดป้องอะไรได้เลย เขาพยายามส่ายหน้าไปมาเพื่อหลบริมฝีปากร้าย ที่เข้ามาเล่นงานซอกคอของตัวเอง ปากก็ร้องตะโกนออกมาไม่หยุด หวังว่าจะมีใครสักคนได้ยิน แล้วเข้ามาช่วยเหลือตัวเองจากเหตุการณ์ตอนนี้เฟยพยายามกระชากข้อมือของตัวเองออกจากผ้าหัวเตียงอย่างสุดแรง จนข้อมือทั้งสองข้างเจ็บแสบและเป็นรอยแดง เพื่อจะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการครั้งนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะขยับร่างกายดิ้นหนีสุดแรงยังไง มันก็แทบจะไม่เป็นผลเลยสักนิด ส่วนคนที่นั่งคร่อมอยู่บนตัวของเขา ก็ยังคงพยายามถอดดึงเสื้อผ้าบนตัวของเขาไม่หยุด…หรือว่าครั้งนี้เขาจ
โรงแรมหรูกลางใจเมืองในค่ำคืนที่มืดมิดภายในห้องหรูของโรงแรมห้องหนึ่ง มีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนหลับใหลไร้สติอยู่บนเตียง มือทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยผ้าสีขาวมัดตึงไว้กับหัวเตียง โดยมีดวงตาหวานเยิ้มของชายหนุ่มอีกคน นั่งจ้องมองดูเรือนร่างนั้นอยู่อย่างไม่ละสายตาหลังจากที่จับตัวเฟยขึ้นรถมาได้ ชุนก็ทำให้เฟยสลบแล้วพามาที่ห้องของตัวเอง จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องมัดมือทั้งสองข้างของเฟยผูกติดกับหัวเตียงเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เฟยแผลงฤทธิ์เวลาที่ตื่น ส่วนตัวเองก็นั่งดื่มเหล้ารออยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ อย่างใจเย็นชุนอย่างให้ครั้งแรกของตัวเองกับเฟยเป็นเวลาที่ทั้งสองฝ่ายมีสติครบถ้วน เลยไม่คิดจะรีบร้อนทำอะไรเฟยในตอนนี้ เพราะเขายังมีเวลาดื่มด่ำกับความหอมหวานตรงหน้าอีกนาน โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าใครหน้าไหนจะมาขัดขว้างความสุขครั้งนี้ของเขาได้…และแล้วในที่สุดคนบนเตียงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เฟยหันมองซ้ายมองขวาดูรอบตัวอย่างงง ๆ เมื่อภาพที่เห็นตร