เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกไล่ออกจากบริษัทกชณิชาจึงเล่าถึงความจำเป็นที่ตนเองจะต้องรีบใช้เงินให้กับสุจิตราฟังอย่างละเอียดเพื่อหวังว่าเธอจะเห็นใจและไม่บอกเรื่องนี้กับคนอื่น
“เท่าที่ฟังดูแล้วก็น่าเห็นใจอยู่นะ แล้วเกรชไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยเหรอ”
“ไม่มีเลยค่ะ”
“ที่พี่เรียกมาคุยวันนี้ก็เพราะอยากจะถามว่าเกรซมั่นใจใช่ไหมว่าจะรับงานนี้จริงๆ”
“ค่ะ” กชณิชาไม่กล้าถามว่าคุณสุจิตราไปรู้เรื่องนี้มาจากไหนเพราะกลัวจะทำให้เธอไม่พอใจ
“พี่เข้าใจถึงความจำเป็นดีเพราะพี่เองก็เคยผ่านจุดที่ไม่มีมาก่อน แต่ที่พี่เลือกเกรซมาคุยวันนี้ไม่ใช่เพราะจะห้ามไม่ให้ทำงานนี้หรอกนะแต่พี่อยากจะถามเกรซก่อนว่ามั่นใจจริงๆ แล้วใช่ไหมที่จะรับงานนี้” สุจิตราถามย้ำอีกครั้งเพราะอยากมั่นใจว่าหญิงสาวเต็มใจทำงานนี้จริงๆ
“ค่ะเกรซมั่นใจแล้ว ว่าแต่ขอถามได้ไหมว่าพี่จี๊ดรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เรื่องนี้มีแค่เกรซกันเพื่อนสนิทของเกรซและพี่พลอยใสเท่านั้นที่รู้”
“เพราะพี่คือคนที่ไปติดต่องานยังไงล่ะ”
“อะไรนะคะพี่จี๊ดพี่จะติดต่อเกรซไปทำไม”
“ก็เรื่องนี้แหละที่พี่เรียกเกรซคุย พี่อยากให้เกรซเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอย่าให้คนในบริษัทรู้เด็ดขาดว่าเกรซรับงานและพี่เป็นคนติดต่อให้เกรซมาทำงานทำงานแบบนั้นเพราะคนที่เกรซจะต้องนอนด้วยก็คือคุณธามนิธิรองประธาน”
“อะไรนะคะคุณธามนิธิเหรอคะ แต่เกรซรู้มาว่าคุณธามนิธิมีแฟนแล้วแฟนของเขาสวยมากๆ เลยค่ะ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังเห็นเธอมาที่นี่อยู่เลย”
“ผู้หญิงคนนั้นก็รับงานเหมือนกัน”
คำตอบของสุจิตราทำให้กชณิชาตกใจเป็นรอบที่สอง
“รู้เรื่องนี้แล้วก็เก็บไว้เป็นความลับเพราะถ้าหากเจ้านายรู้ว่าเกรซเป็นพนักงานที่นี่พี่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะจ้างหรือเปล่าเพราะเขามีกฎว่าจะไม่นอนกับคนในบริษัท”
“พี่จี๊ดคะเขาไม่รู้ว่าก่อนใช่ไหมว่าเกรซทำงานที่นี่”
“ไม่จ้ะ”
“แล้วพี่จี๊ดล่ะรู้มั้ย”
“พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันพี่เห็นรูปที่โมเดลลิ่งของคุณพลอยใสจากนั้นก็ส่งให้เจ้านายแล้ว เจ้านายก็เป็นคนเลือกเกรซเอง”
“แล้วพี่รู้ว่าเกรซทำงานที่นี่ตอนไหนคะ”
“ก็ตอนที่เกรซบัตรประชาชนมา พี่รู้สึกคุ้นชื่อมากก็เลยเป็นคนข้อมูลที่ฝ่ายบุคคลจึงรู้ว่าเกรซเป็นพนักงานที่นี่ พี่เลยส่งรูปผู้หญิงคนอื่นให้กับเจ้านายดูว่าเขาจะเปลี่ยนใจแต่ ในเมื่อคุณธามนิธิตัดสินใจเลือกเกรซไปแล้วมันก็ยากที่จะเปลี่ยนใจเขา เกรซคิดว่าตัวเองจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ไหมล่ะ”
“คิดว่าน่าจะได้ค่ะ การแต่งตัวของเกรซเวลามาทำงานกับเวลาอยู่ข้างนอกมันก็ค่อนข้างต่างกันแต่ถ้าเขาถามล่ะคะว่าคิดทำงานที่ไหนล่ะคะ”
“เกรซก็บอกไปสิว่ามันเป็นความลับเพราะหลังจากครบระยะเวลาสามเดือนแล้วเกรซกับเขาก็จะตัดขาดจากกัน สามเดือนนี้พี่หวังว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องที่เราทำกันนะ”
“ค่ะ เกรซก็ไม่อยากให้ใครรู้หรอกค่ะ ตอนนี้เกรซสับสนไปหมดเลยคิดอยากจะเปลี่ยนใจแต่จำนวนเงินมันก็มากเหลือเกินเมื่อวานเกรซเพิ่งคุยโทรศัพท์กับแม่ แม่เล่าว่าถูกพ่อเลี้ยงซ้อมอีกแล้วเกรซไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลยถ้าเกรซได้เงินไปจ่ายหนี้ให้พ่อเลี้ยงพ่อเลี้ยงครั้งนี้ พ่อเลี้ยงจะยอมหย่ากับแม่ เกรซไม่อยากเห็นแม่ต้องทรมานอีกแล้วค่ะ”
“หนูเป็นเด็กดีพี่เชื่อว่าสักวันโชคจะเข้าข้าง”
“เกรซไม่หวังโชคชะตาอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ ตอนนี้ห่วงแค่เงินไปใช้หนี้ให้พ่อเลี้ยงแค่นั้นก็พอ”
“เสาร์นี้เราจะไปทำสัญญากันที่โมเดลลิ่งนะ พี่อยากให้เกรซทำเป็นไม่รู้จักพี่นะ”
“ทำไมเหรอคะ”
“เพราะการติดต่อผู้หญิงของพี่มันเป็นความลับแม้แต่คุณพลอยใสเองก็ไม่รู้หรอกติดต่อให้ใคร”
“พี่จี๊ดคะ เกรซขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“จะถามอะไรล่ะ”
“เกรซอยากถามว่าเจ้านายเป็นคนใจดีหรือเปล่า”
“เท่าที่พี่ได้ทำงานกับคุณธามนิธิมานานหลายปีเขาเป็นคนที่ค่อนข้างใจดี มีเหตุผลสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ชอบก็คือการโกหกเพราะฉะนั้นเราจะให้เขารู้ไม่ได้ว่าเรากำลังโกหกเขาอยู่ พี่เองก็รู้สึกว่าเสียงเหมือนกันแต่ในเมื่อเจ้านายไม่ยอมเปลี่ยนใจพี่เลยต้องเรียกเกรซมาคุยเป็นการส่วนตัว ตอนนี้เกรซพักอยู่ที่ไหนกับใคร”
“เกรซอยู่ที่หอพักค่ะคนเดียวค่ะ ไม่ไกลจากบริษัทเท่าไหร่คะ”
“ที่หอพักมีคนที่ทำงานบริษัทเดียวกับเกรซใหม่”
“มีอยู่หลายคนเหมือนกันค่ะ” คำตอบของกชณิชาทำให้สุจิตราคิดหนักเพราะการคบหาของเจ้านายกับกชณิชาอาจจะต้องมีการไปมาหาสู่กันบ้างแต่ถ้าพนักงานคนอื่นรู้คงไม่ดีแน่
“เอาอย่างนี้แล้วกันนะ ช่วงที่ทำงานให้คุณธามพี่คิดว่าเกรซไปอยู่คอนโดของเขาก่อน เขามีคอนโดอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ประจำ” สุจิตราไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ ว่าคอนโดที่จะให้กชณิชาแต่อยู่นั้นเป็นคอนโดที่เจ้านายของเธอจะใช้นอนกับผู้หญิง แต่ธามนิธิยังมีคอนโดส่วนที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเข้าถึง
“แล้วพี่จะให้เกรซไปตอนไหนคะ”
“อีกสองวันเจ้านายจะไปต่างประเทศและทำธุระนาน เกรซเข้าไปอยู่ที่นั่นก่อนคุณธามกลับสักหนึ่งอาทิตย์ก็ได้นะ จะได้คุ้นเคยกับสถนาที่และการเดินทางมาทำงาน พี่จะให้คนจัดการทำความสะอาดและซื้อเสื้อผ้าไว้รอ เกรซจะต้องไม่เอาชุดทำงานของตัวเองไปที่นั่น”
“พี่คะแต่เกรซก็ต้องมาทำงาน”
“เกรซเตรียมชุดทำงานไว้ที่นี่สักสองสามชุดวันไหนคุณธามที่เขาไปค้างที่คอนโดด้วยก็ใส่ชุดธรรมดาแล้วมาเปลี่ยนที่ทำงานได้ไหม”
“ไม่ได้ก็ต้องได้ค่ะพี่จี๊ดในเมื่อเกรซเลยตัดสินใจจะทำงานแล้วก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”
“พี่ก็หวังว่าเกรซจำหน้าที่ของตนเองได้ดีจนครบสามเดือนน่ะ จำนวนเงินนี้ค่อนข้างเยอะแต่ถ้าเกรซทำให้เจ้านายเขาพอใจเขาก็จะมีเงินโบนัสมีของขวัญให้ตามโอกาสต่างๆ พี่รู้ว่าเกรซลำบากและต้องการใช้เงินเพราะฉะนั้นอะไรที่เกรซตักตวงจากเจ้านายได้ก็อย่ารีรอพี่คิดว่าเจ้านายของมีเงินมากมายแค่แบ่งมาให้เกรซใช้จ่ายมากกว่าคนอื่นหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก เกรซอาจจะคิดว่าพี่พูดแปลกเพราะแทนที่พี่จะรักษาผลประโยชน์ของเจ้านายแต่พี่กลับบอกให้เกรซตักตวงเอาเงินทองมาจากเขาแต่เพราะพี่รู้ว่าเกรซจำเป็นต้องใช้เงินและในเมื่อได้ขายศักดิ์ศรีขายความบริสุทธิ์ให้เขาแล้วก็เรียกร้องให้สมกับสิ่งที่ตัวเองเสียไป”
“มันจะดีเหรอคะพี่จี๊ด เกรซได้เงินเดือนจากเขามาแล้วนะคะ”
“มุมมองของพี่จะคงจะแปลกไปหน่อยนะแต่พี่รู้ว่าชีวิตคนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าเรามาถึงจุดหนึ่งของชีวิตเราก็จะรู้เองว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับเรามันไม่ใช่ศักดิ์ศรีหรือพรหมจรรย์เลยสิ่งพวกนั้นมันไม่ทำให้เรามีชีวิตอยู่รอดได้หรอกนะ เงินต่างหากที่จะทำให้เรามีชีวิตอยู่รอดและใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไม่ลำบาก คนอื่นอาจจะมองเป็นการขายศักดิ์ศรีขายความเป็นคนแต่โอกาสและพื้นฐานของคนเรามันต่างกันเพราะฉะนั้นถ้าเกรซคิดว่าจะทำงานนี้แค่ครั้งเดียวพี่ก็อยากให้เกรซตักตวงทุกอย่างมาจากเจ้านายให้มากที่สุด คุณธามเขาเป็นผู้ชายใจดี ขอแค่ทำให้เขาพอใจแล้วเขาจะให้ทุกอย่าง”
“พี่จี๊ดคะแล้วถ้าเกิดเจ้านายเขารู้ทีหลังว่าเกรซเป็นพนักงานที่บริษัทของเขาล่ะคะเขาจะโกรธและไล่เกรซออกไหม”
“พี่คิดว่าคงไม่หรอกเพราะถ้าเขาไล่เกรซออกคนอื่นก็ต้องสงสัยว่ามีเหตุผลอะไร พี่พูดแบบนี้กับเกรซเป็นเด็กดีขยันทำงานและมองเกรซเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เอาล่ะวันนี้เราคุยกันรู้เรื่องแล้วเกรซก็กลับบ้านได้ มีเวลาตัดสินใจอีกครั้งจนถึงสิบโมงวันเสาร์นะ”
“ขอบคุณมากค่ะพี่จี๊ด”
เกือบสองเดือนแล้วที่ธามนิธิไม่ได้ข่าวคราวของกชณิชาเลย เขาไม่รู้จะไปตามหาเธอที่ไหนเพราะไม่รู้จักเพื่อนหรือครอบครัวของหญิงสาวเลย ในทุกวันจึงได้แต่หวังว่าจะบังเอิญเจอกับเธอที่ไหนสักแห่งชายหนุ่มไปยังร้านอาหารที่เคยพาหญิงสาวไปทาน บางครั้งก็ไปเดินที่ห้างสรรพสินค้าที่เคยพาเธอไปเดินซื้อของแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาธามนิธิไม่รู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับตัวหญิงสาวเลยสักนิดชายหนุ่มให้คุณสุจิตราติดต่อไปที่โมเดลลิ่งแต่ก็ทางโมเดลลิ่งก็บอกว่าหญิงสาวไม่ได้ติดต่อมาที่นี่นานแล้วชายหนุ่มได้เบอร์โทรศัพท์ของกัญญาวีร์มาจากโมเดลลิ่งเขาโทรไปถามเธอแต่กัญญาวีร์ก็บอกว่าเธอเองก็ไม่ได้เจอกับกชณิชานานแล้วเหมือนกันเขาไม่รู้เลยว่าป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างเธอจะทำงานที่ไหน มีชีวิตที่สุขสบายดีหรือเปล่าและจะคิดถึงเขาบ้างไหม ส่วนตัวเขาเองนั้นไม่มีวันไหนเลยที่ไม่คิดถึงเธอวันนี้เขารู้สึกเซ็งสุดขีดเนื่องจากเพื่อนสนิทอย่างภากรและณัฐวิทย์ไม่ว่างทำให้เขาต้องออกมานั่งดื่มที่ผับแห่งนี้ตามลำพังธามนิธิเลือกที่จะนั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์แทนการขึ้นไปนั่งบริเวณโซนวีไอพีชั้นสองอย่างเคยเพราะขึ้นไปนั่งบนนั้นคนเดียวก็รู้สึกเหงา ชายหนุ่มนั่งดื
ธามนิธิรู้เรื่องลาออกของกชณิชาก็ตกใจเป็นอย่างมากเขารีบโทรศัพท์มาคุยกับเธอทันทีเมื่อทราบเรื่อง“ผมว่าเราต้องคุยกันนะเกรซว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมเกรซต้องลาออกด้วย”“คุณธามยังจะต้องถามเกรซอีกเหรอคะ คุณก็น่าจะรู้ว่าทำไมเกรซถึงต้องลาออก”“แล้วมันเพราะอะไรล่ะ”“คุณอย่าทำเหมือนไม่รู้เรื่องเลยนะคะ เกรซรู้หมดแล้วว่าคุณมีคู่หมั้นและกำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้า”“ผมขอโทษที่ไม่บอก ผมไม่คิดว่ายุ้ยจะกลับมาเร็วแบบนี้”“คุณรู้มาตลอดว่าคุณมีคู่หมั้นแต่คุณก็มาขอคบกับเกรซ เกรซคงเป็นแค่ผู้หญิงคั่นเวลาสำหรับคุณใช่มั้ยคะ”“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะเกรซ”“คุณธามไม่คิดแล้วทำไมถึงมาขอคบกับเกรซทั้งที่ตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้วล่ะคะ”“มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะเกรซ”“แล้วมันเป็นแบบไหนคะ”“ที่ผมบอกคุณว่าจะบอกทุกคนเรื่องของเราในงานปีใหม่ผมพูดจริงนะเกรซจากนั้นผมก็จะบอกคุณพ่อคุณแม่ให้ยกเลิกการหมั้นระหว่างผมกับยุ้ย”“แต่มันก็สายเกินไปแล้วค่ะคุณธาม ตอนนี้คุณสองคนกำลังจะแต่งงานกันแล้วจะให้เกรซทนทำงานอยู่ในบริษัทได้ยังไงคะ”“แล้วคุณจะไปทำงานที่ไหนล่ะเกรซ เอาอย่างนี้ดีมั๊ยคุณไม่ต้องทำงานเลยผมจะให้เงินเดือนคุณเอง ผมจะให้คุณอยู่ที่คอนโ
บ่ายนี้กชณิชาไม่มีสมาธิทำงานเลยสักนิดแต่เธอก็พยายามเคลียร์งานตรงหน้าให้เสร็จทันตามเวลาหญิงสาวอยากจะโทรศัพท์ไปถามธามนิธิว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมเขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังเลยสักครั้ง เมื่อวานชายหนุ่มเพิ่งพูดว่าจะบอกคนอื่นเรื่องที่คบกับเธอในงานปีใหม่ แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็มีเรื่องคู่หมั้นของเขามาให้เธอได้ยินกชณิชาอยากโทรศัพท์ไปถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่คิดว่าคงไม่ได้รับคำตอบอย่างแน่นอนหญิงสาวเลยคิดจะไปดักรอเขาที่ลานจอดรถเมื่อถึงเวลาเลิกงานหญิงสาวก็ไปยืนแอบอยู่ที่เสาต้นใหญ่ใกล้รถของธามนิธิและคิดว่าเมื่อเขามาถึงเธอจะเข้าไปถามเขาให้รู้เรื่อง หญิงสาวรอด้วยหัวใจที่เต้นแรงและหวังว่าเรื่องที่วนิดาได้ยินมามันจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดเธอยืนแอบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ประมาณสิบนาทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาทางลานจอดรถ ตอนนี้เหลือเพียงแค่รถของธามนิธิเพียงคันเดียวเท่านั้นเธอกำลังจะก้าวขาออกมาแต่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดเขามาเสียก่อน“พี่ธามคะคุณแม่บอกว่าวันเสาร์นี้เราต้องไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งด้วยกันนะคะพี่ธามว่างไหมคะ”“ไม่ว่างก็ต้องว่างนั่นแหละ แล้วยุ้ยล่ะโอเคไหมสำหรับงานแต่งงาน”“โอเคค่ะ สำหรับ
เพราะตนเองก็มีใจให้กับธามนิธิอยู่แล้วกชณิชาจึงใช้เวลาในการตัดสินใจไม่นาน เพียงหนึ่งสัปดาห์ที่เธอเห็นถึงความพยายามของเขาที่ทั้งโทรศัพท์มาหาและตามรับส่ง หญิงสาวก็ยอมตกลงคบกับเขาการคบกันครั้งนี้ไม่มีเรื่องเงินหรือสัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ทั้งสองก็ยังไม่บอกให้ใครรู้แม้กระทั่งคุณสุจิตราเลขาของชายหนุ่มเองก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับกชณิชาเลยเพราะเธอเองก็ชอบที่จะอยู่เงียบๆ แบบนี้หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าสถานะของตนเองกับธามนิธินั้นจะคบกันได้นานแค่ไหนเธอรู้แค่ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากธามนิธิเอาใจเธอทุกอย่างและเธอเองก็ตามใจเขาในทุกๆเรื่องรวมถึงเรื่องบนเตียงซึ่งทั้งสองก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี เธอกับเขาใช้เวลาในทุกๆ วันด้วยกันอย่างมีความสุขตอนนี้กชณิชาย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมแห่งเดิมแล้วโดยที่ธามนิธิก็ย้ายของใช้ของตนเองเข้ามาอยู่กับเธอด้วยหญิงสาวรู้ว่าเขาเองก็มีคอนโดมิเนียมอีกแห่งหนึ่งแต่เธอก็ไม่เคยถามหรืออยากจะไปที่นั่นเพราะเข้าใจดีว่าเขาก็อาจจะอยากมีโลกส่วนตัวเหมือนกับเธอที่ถึงแม้จะย้ายมาอยู่กับเขาได้เดือนกว่าแล้วแต่ก็ยังคงเช่าหอพักไว้อย่างเดิมและมักจะแวะไปทำความสะอาดอยู่บ่อยๆใ
ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ธามนิธิไม่ได้เจอกชณิชา เขาเว้นระยะเพราะคิดว่าถ้าห่างจากเธอแล้วความรู้สึกของตนเองจะชัดเจนขึ้นและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆตอนนี้เขารู้ใจตัวเองแล้วว่าความรู้สึกที่มีให้กับกชณิชานั้นมันมากกว่าคู่นอนและอาจจะเรียกว่ารักเลยก็ได้ ธามนิธิไม่อยากชักช้าอีกต่อไปเขาคิดว่าจากนี้จะจัดการทุกอย่างไปตามที่หัวใจตนเองต้องการชายหนุ่มโทรศัพท์ไปหากชณิชาแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับสายเขาจึงใช้โทรศัพท์ภายในโทรไปที่โต๊ะทำงานของเธอ“สวัสดีค่ะแผนกธุรการค่ะ” กชณิชารับสาย“เกรซผมเองอย่าเพิ่งวางสายนะ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”“เกรซไม่มีเรื่องจะคุยอะไรกับคุณหรอกนะคะ”“แต่ผมมี”“คุณธามคะนี่มันเป็นเวลางานเกรซขอทำงานก่อนนะคะ” หญิงสาวกระซิบเพราะกลัวว่าเพื่อนร่วมงานจะได้ยินว่าเธอคุยกับใคร“เกรซถ้าคุณไม่ยอมคุยกับผม ผมจะไปหาคุณที่แผนกนะ” ธามนิธิขู่เสียงเข้ม“อย่านะคะ” หญิงสาวตกใจเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะมาหาที่แผนกตามที่พูดจริงๆ“ถ้าไม่อยากให้ผมไปหาคุณที่แผนกเย็นนี้เจอกันหน่อยได้ไหม”“แต่.....”“ไม่มีแต่นะเกรซครั้งนี้ผมขอสั่งคุณในฐานะเจ้าของบริษัทก็แล้วกัน คุณไปเจอผมร้านอาหารญี่ปุ่นร้านเดิมที่เราเคยไปด้วยกัน
ธามนิธิรู้สึกโกรธและโมโหมากที่กชณิชาไม่ยอมทำตามข้อเสนอของเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เธอยอมทำสัญญากับตนเองอีกครั้ง ครั้นจะไปบังคับเธอก็ไม่ใช่นิสัยของเขาหรือจะไปขอร้องเธอก็กลัวเสียศักดิ์ศรีวันนี้เขารู้สึกเบื่อๆ จริงออกมานั่งดื่มกับเพื่อนที่ผับประจำของพวกเขา“ว่าไงวะหายไปนานเลยวันนี้ไม่พาน้องเกรซมาด้วยเหรอ” ภากรทักทายเพื่อนเป็นคนแรก“จะพามาได้ยังไงล่ะตอนนี้หมดสัญญาแล้ว”“สามเดือนนี่ไวเหมือนกันนะ แล้วผู้หญิงคนต่อไปล่ะเป็นใครพามาให้เพื่อนรู้จักนะจะได้ไม่ทับทางกัน” ณัฐวิทย์พูดอย่างอารมณ์ดี เขารู้ว่าเพื่อนมักจะขาดผู้หญิงไม่ได้เมื่อคนเก่าครบสัญญาเขาก็จะหาคนใหม่มาทำสัญญาทันที“ตอนนี้เบื่อว่ะฉันยังไม่อยากได้ผู้หญิงคนใหม่”“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้ยินคำว่าเบื่อออกมาจากปากนายนะธาม”“ก็มันเบื่อจริงนี่กร”“แต่ท่าทางนายเหมือนคนอกหักเลยนะ มีอะไรหรือเปล่า” ภากรสังเกตว่าวันนี้เพื่อนของตนไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเดิม“นิดหน่อยน่ะ”“มันเรื่องอะไรเหรอธาม ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้เลย”“นายว่าเกรซเป็นยังไงล่ะณัฐ”“เท่าที่ได้เจอกันสองสามครั้งฉันก็ว่าเธอเป็นคนน่ารักดีนะหรือที่ยังไม่ยอมมีคนใหม่เพราะเกิดต