หลังจากเคลียร์งานอย่างหนักมาสองวันทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย พรุ่งนี้ธามนิธิก็ต้องบินไปต่างประเทศคืนนี้เขาเลยคลายเครียดโดยการออกมานั่งดื่มที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งนัดเพื่อนสนิทสองคนคือภากรและณัฐวิทย์ให้มานั่งดื่มด้วยกัน
ชายหนุ่มมาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อยเขาเดินขึ้นไปยังบริเวณชั้นสองซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขาและก่อนที่จะมาที่นี่เขาก็โทรจองที่นั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มนั่งจิบเครื่องดื่มรสโปรดในมือสายตาก็มองลงไปด้านล่างซึ่งในคืนวันศุกร์แบบนี้ผู้คนค่อนข้างคึกคัก
แต่ก่อนตอนที่เป็นวัยรุ่นเขาก็มักจะลงไปอยู่ข้างล่างออกสเต็ปไปตามจังหวะดนตรีแต่พออายุมากขึ้นก็เปลี่ยนเป็นผู้นั่งมอง
“มานานแล้วเหรอวะธาม” เสียงทักทายทำให้เขาละสายตาออกจากกลุ่มคนด้านล่างแล้วหันมาตามเสียง
“สักพักแล้วล่ะแล้วไอ้ณัฐล่ะ” ธามนิธิถามภากรที่เดินมาคนเดียวซึ่งปกติแล้วเขากับณัฐวิทย์เพื่อนสนิทอีกคนมักจะมาพร้อมกันอยู่เสมอ
“มันเข้าห้องน้ำอยู่น่ะ ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้จะไปยุโรปเหรอ ครั้งนี้จะไปนานไหม”
“ก็คงเกือบสามอาทิตย์นั่นแหละ มีงานยาวหลายประเทศเลยสนใจจะไปด้วยกันไหมล่ะ”
“ไม่ดีกว่าช่วงนี้งานที่บริษัทก็ยุ่งอยู่” ภากรเปิดบริษัทรับผลิตกล่องและบรรจุภัณฑ์ต่างๆ บอกกับเพื่อน
“ครั้งนี้จะไปคนเดียวหรือพาผู้หญิงไปด้วยล่ะ” ภากรถามธามนิธิอย่างรู้ทันเพราะปกติแล้วเวลาเพื่อนเดินทางไปต่างประเทศก็มักจะพาคู่นอนไปด้วยอยู่เสมอ
“ครั้งนี้ไปคนเดียว”
“อ้าวทำไมล่ะหรือน้องจีน่าเขาไม่ยอมไปด้วย”
“ฉันกับจีน่าจบกันแล้ว”
“ไวเหมือนเดิมเลยนะ ตอนแรกฉันก็นึกว่าคนนี้จะคบนานกว่าคนอื่น”
“ก็เหมือนที่ทุกคนรู้นั่นแหละกำหนดสามเดือนก็คือสามเดือนไม่มีเกินจากนั้นเด็ดขาด”
“นายนี่ก็แปลกนะจีน่าทั้งสวยทั้งหุ่นดีและเอาใจเก่งทำไมไม่ลองคบต่อล่ะ”
“ไม่ล่ะฉันเป็นคนเบื่อง่ายน่ะ อีกอย่างช่วงหลังมาจีน่าอยากจะเปิดตัวว่าเป็นแฟนมากเหลือเกินฉันไม่อยากให้มีปัญหาตามมาทีหลัง”
“แล้วคนใหม่ล่ะได้มาหรือยัง”
“คุณจี๊ดเขาจัดการให้แล้วแต่ยังไม่ได้ให้เริ่มงานหรอก”
“นี่แสดงว่าคุณธามนิธิสุดหล่อจะห่างหายจากผู้หญิงนานถึงสามอาทิตย์แล้วจะทนได้เหรอ”
“ไม่ได้ก็ต้องได้ครั้งนี้ไปติดต่องานจริงๆ คงไม่มีเวลาหรอก”
“ว่าแต่คุณใหม่ชื่ออะไรสวยไหม”
“ชื่อเกรซ”
“ชื่อน่ารักซะด้วยไหนขอดูรูปหน่อยมีไหม”
“มีสิ” ธามนิธิหยิบโทรศัพท์ของตนเองแล้วส่งให้เพื่อนดู
“โอ้โหสวยนะแต่หน้าเด็กมากแน่ใจนะธามว่าจะไม่หาเรื่องเข้าคุก”
“ไม่หรอกคุณจี๊ดตรวจสอบให้แล้วคนนี้อายุยี่สิบสาม”
“ยี่สิบสามแต่หน้าเด็กอย่างกับเด็กม.ปลาย”
“ดูอะไรกันอยู่ว่ะ” อีกเสียงหนึ่งดังมาทำให้ให้สองคนที่นั่งอยู่หันไปตามเสียง
“ก็ดูผู้หญิงคนใหม่ของไอ้ธามน่ะสิ” ภากรตอบคำถามแทนเจ้าของโทรศัพท์
“ไหนขอดูหน่อย” ณัฐวิทย์หยิบโทรศัพท์มาดูแล้วตาเป็นประกาย
“มึงว่าสวยไหมณัฐ”
“สวยสิ ครบสามเดือนแล้วจองต่อเลยนะ”
“คิดอะไรอยู่ไอ้ณัฐ”
“ก็มันจริงนี่คนนี้สวยมากๆ เลย”
“แต่นั่นผู้หญิงของเพื่อนนะ” ภากรเตือน
“ก็รู้ไงว่าเป็นผู้หญิงของเพื่อนก็ไม่ได้จะแย่งเพื่อนนี่แค่บอกว่าจบงานแล้วอาจจะดิวต่อแค่นั้น”
“ปกติฉันไม่เคยเห็นนายสนใจจะรับช่วงต่อผู้หญิงคนไหนของเพื่อนเลยนี่หว่า ไหนบอกว่าไม่อยากทับทางกันไง” ภากรถามเพราะปกติแล้วเพื่อนในกลุ่มจะไม่นอนกับผู้หญิงคนเดียวกันอย่างเด็ดขาด
“ก็แค่พูดเล่นน่ะ” ณัฐวิทย์รีบบอกเพราะกลัวเพื่อนเข้าใจผิด
“พูดเล่นแต่หน้านายจริงจังมากเลยนะ”
“ก็น้องเขาสวยดี น่าเสียดายนะถ้าฉันเจอผู้หญิงคนนี้ก่อนไอ้ธามฉันอาจจะเข้าไปจีบได้คบหาอย่างจริงจังก็ได้”
“ไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของณัฐวิทย์ผู้ชายที่แสนจะเจ้าชู้ได้” ถามนิธิมองหน้าเพื่อนแล้วหัวเราะก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“คนเจ้าชู้มันก็มีวันหยุดเจ้าชู้ถ้าหากเจอคนที่ใช่หรือพวกนายไม่คิดจะหยุดเจ้าชู้ล่ะ” ณัฐวิทย์ถามเพื่อนอีกสองคน
“ฉันคิดว่าการอยู่เป็นโสดแบบนี้มันดีกว่ามีคู่นะ แล้วนายล่ะคิดว่ายังไง” ภากรหันไปถามธามนิธิ
“มันก็ถูกอยู่เป็นโสดแบบพวกเราสบายใจดีจะตาย จะคบผู้หญิงคนไหนจะควงผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีใครตามมาหึงหวง” ธามนิธิชอบชีวิตที่เป็นอิสระมาก
“ทำเป็นพูดดีไปนะธาม นายมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะลืมไปหรือเปล่า”
ณัฐวิทย์พูดขึ้นมาทำให้ธามนิธินึกไปถึงคู่หมั้นของตัวเองที่ตอนนี้ไปเรียนปริญญาโทอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้สองปีแล้วและตอนนี้หญิงสาวก็เรียนจบแต่ยังไม่ยอมกลับมาที่เมืองไทยเพราะอยากจะทำงานหาประสบการณ์ที่นั่นก่อน
เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะการหมั้นหมายของเขากับเธอมันเป็นการจัดการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายซึ่งเขาก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรเพราะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับของทุกอย่างแต่ถ้าถามถึงความผูกพันทางใจระหว่างเธอกับเขามันก็แทบไม่มีเลย
“คู่หมั้นนายไปเรียนนานเกินไปแล้วนะเมื่อไหร่จะกลับ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะกร”
“เป็นคู่เหมือนกันไม่ได้คุยกันเหรอ”
“ก็คุยกันนานๆ ครั้ง พวกนายก็รู้ว่าเรื่องนี้พ่อกับแม่เป็นคนจัดการ”
“แล้วถ้าเธอกลับมาล่ะนายจะเอายังไงต่จะแต่งงานกับเธอไหม” ณัฐวิทย์ถามด้วยความอยากรู้
“ก็คงต้องคุยกันก่อนถ้าผู้ใหญ่อยากให้แต่งก็แต่ง”
“เห้ย! ได้ยังไงล่ะธาม เสียเชิงชายหมดนะ คนไม่ได้รักไม่ได้ชอบจะแต่งงานกันได้ยังไง” ภากรไม่เห็นด้วยเลยกับการถูกบังคับให้แต่งงานแบบนี้
“สำหรับฉันเรื่องความรักมันไม่มีอยู่แล้วครับพ่อกับแม่อยากให้แต่งงานกับใครฉันก็แต่ง”
“ขอถามหน่อยเถอะถ้าแต่งงานแล้วยังจะจ้างผู้หญิงมานอนด้วยอยู่ไหม”
“มันก็ต้องดูก่อนนะวิทย์ว่าแต่งงานแล้วยุ้ยเขาจะทำหน้าที่ภรรยาได้ดีแค่ไหน”
“นี่ตกลงคบกันมาหลายปียังไม่เคยนอนด้วยกันเลยใช่ไหม ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเสือผู้หญิงอย่างนายจะปล่อยให้เธอไปอยู่ต่างประเทศโดยที่ตัวเองยังไม่ได้เป็นเจ้าของ” ภากรถามอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เพราะปกติเวลาคบกับใครพวกเขาก็ไม่เคยปล่อยให้เวลาผ่านไปนานขนาดนี้
“ไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากจะเป็นเจ้าของเธอหรอกนะ แต่มันไม่มีโอกาสที่เราสองคนได้อยู่กันตามลำพังเลย ทุกครั้งที่ไปไหนมาไหนด้วยกันก็จะมีคนคอยจับตาอยู่เสมอ ยุ้ยเขาเกิดมาในครอบครัวผู้ดี ฉันก็ไม่กล้าจะทำเรื่องแบบนั้นก่อนวันแต่งงานหรอก แค่ได้จับมือมากพอแล้ว”
“หาได้ที่ไหนวะผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวแบบนี้” ณัฐวิทย์คิดว่ายากที่จะเจอผู้หญิงรักนวลสงวนตัว
“ก็คู่หมั้นของฉันไงล่ะ” ธามนิธิบอกกับเพื่อนอย่างเซ็งๆ เขากับธมลวรรณหมั้นกันมานานหลายปีแล้วแต่ก็ไม่เคยมีอะไรเกินเลยกัน อย่างมากก็แค่จับมือและกอดกันครั้งเดียวตอนที่หญิงสาวจะเดินทางไปเรียนต่อแค่นั้น
“ธามฉันขอถามอะไรหน่อยนะ อย่าโกรธก็แล้วกัน”
“จะถามอะไรว่ะณัฐ”
“นายคิดว่าเธอไปเรียนต่างประเทศตั้งหลายปีเธอจะยังเหมือนเดิมไหม”
“ให้ตอบตามตรงเลยนะฉันว่ายากว่ะ ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนั้นแหละไม่มีคนคอยจับตามองเหมือนอยู่เมืองไทย”
“แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ จะเอายังไงต่อ ถ้ายุ้ยเธอกลับมาแล้วยังจะแต่งงานกับเธอไหม”
“ฉันไม่เคยรังเกียจหรอกนะกรว่าผู้หญิงที่แต่งงานด้วยจะต้องเป็นสาวบริสุทธิ์ ฉันขอแค่ตอนที่เราแต่งงานกันเธอมีฉันแค่คนเดียวแค่นั้นแหละ”
“เฮ้ย...เห็นมันเป็นเสือผู้หญิงแบบนี้มันก็ใจกว้างว่ะ” ณัฐวิทย์ชมแล้วหัวเราะ
“แล้วถ้าเป็นนายล่ะณัฐถ้ารู้ว่าผู้หญิงที่จะต้องแต่งงานด้วยเคยเป็นแฟนคนอื่น เคยนอนกับคนอื่นจะทำยังไง”
“ฉันก็ไม่สนใจหรอก ขอแค่เขาคบกับเราไม่มีเราคนเดียวซื่อสัตย์ตอนที่คบกันก็น่าจะพอแล้ว แล้วนายล่ะกร” ณัฐวิทย์หันมาทำภากรบ้าง
“ไม่รู้สิเพราะฉันไม่เคยคิดจะแต่งงานอยู่แล้ว” ภากรตอบแล้วกระดกเหล้าเข้าปากเพราะชายหนุ่มไม่เคยคิดจะสร้างครอบครัวหรือมีผู้หญิงเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว เขาสนุกกับการใช้ชีวิตโสดและมีอิสระแบบนี้
ธามนิธินั่งดื่มกับเพื่อนจนตีหนึ่งก็ขอตัวกลับเพราะพรุ่งนี้เขาต้องเดินทางตั้งแต่เช้า
เย็นวันศุกร์กชณิชาก็รีบเก็บของและรอให้ถึงเวลาเลิกงานเพราะวันนี้ธามนิธิบอกว่าเลิกงานแล้วเขาจะมานอนค้างกับเธอที่คอนโด“เกรซทำไมวันนี้ดูรีบจังเลยมีนัดไปไหนหรือเปล่า” วนิดาเห็นเพื่อนทำตัวผิดปกติไปจากทุกวันก็อดสงสัยไม่ได้“มีธุระนิดหน่อยน่ะ”“ธุระแน่นะ แต่หน้าตาของเกรซเหมือนคนกำลังมีนัดกับหนุ่มๆ เลยนะดูสดใสมีชีวิตชีวา”“ไม่มีหนุ่มที่ไหนหรอกเกรซก็แค่ดีใจที่จะได้หยุดน่ะ”“ดาด้าก็ดีใจเหมือนกันแล้ววันหยุดเกรซไปเที่ยวไหนหรือเปล่า”“คงไม่ได้ไปไหนว่าจะนอนดูซีรีส์น่ะแล้วดาด้าล่ะ”“ดาด้านัดเพื่อนไปดูหนังกันน่ะเกรซไปด้วยกันไหมดาด้าจะแนะนำเพื่อนให้รู้จักนะ”“เอาไว้ครั้งหน้านะ”“ถือว่าเรานัดกันแล้วนะ”“อือ ว่าแต่ทำไมต้องทำท่าจริงจังแบบนั้นด้วยล่ะดาด้า”“เพื่อนของดาด้าอยากรู้จักเกรซสิ เพื่อนของดาด้าชอบเกรซ”“อะไรนะแล้วเขารู้จักเกรซได้ยังไง”“เขาเห็นรูปที่เกรซถ่ายคู่กับดาด้าก็เลยบอกว่าอยากรู้จัก”“เกรซว่าคงเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว”“ไม่นะเขาสนใจจริงๆ”“อย่ามาอำกันเลยไม่มีใครชอบผู้หญิงแบบเกรซหรอกนะ”“ทำไมเกรซคิดแบบนั้นล่ะ”“ก็เกรซแต่งตัวเชยเหมือนคนมีอายุ หน้าตาก็ธรรมดามากๆเลย”“ผู้ชายแต่ละคนมีความชอบไม่เหม
กชณิชากลับมาอยู่หอพักของตนเองและมาทำงานที่บริษัทตามปกติ บ่ายวันนี้ขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งทำงานอยู่ที่แผนกของตัวเองเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งก็เดินยิ้มเข้ามา“ยิ้มแบบนี้ไปเจออะไรดีๆ มาใช่ไหมล่ะดาด้า” กชณิชาทักทายวนิดาเพื่อนร่วมงานซึ่งทำงานร่วมกันมาได้ปีกว่าแล้ว ทั้งสองคนอายุไล่เลี่ยกันจึงค่อนข้างจะสนิทกันมากกว่ารุ่นพี่อีกคนคนที่เป็นหัวหน้าแผนก“ดาด้าให้เกรซทายนะว่าดาด้าไปเจอใครมา”“เจอใครเหรอหรือว่ามีดารามาที่ตึกเรา”“ไม่ใช่ดาราหรอกแต่หล่อกว่าดาราบางคนอีกนะ”“หล่อกว่าดาราแล้วทำไมเขาไม่ไปเป็นดาราล่ะ” กชณิชาอดจะแซวเพื่อนไม่ได้“เขาหล่อจริงๆ นะเกรซ ทั้งหล่อ ทั้งหุ่นดีดาด้าได้ยืนใกล้ๆ เขาด้วยเขาตัวหอมมากเลยล่ะ”“บอกมาได้แล้วว่าไปเจอใครมา” ท่าทางของวนิดาทำให้กชณิชาอยากจะรู้ว่าเธอไปเจอกับใครมา“ก็เมื่อกี้ดาด้าเดินเข้าลิฟต์พร้อมกับคุณธามนิธิน่ะสิ คนอะไรก็ไม่รู้หุ่นก็ดีหน้าตาก็ดีแล้วคนในลิฟต์มันเยอะใช่มั้ยล่ะ ก็เลยถูกเบียดไปอยู่ใกล้ๆ กับเขา เกรซรู้มั้ยเขาเป็นผู้ชายที่ตัวหอมมากๆ เลยนะ”“คนรวยอย่างนั้นก็คงใช้น้ำหอมแพงๆ” หญิงสาวแอบยิ้มมุมปากเพราะเธอเองก็รู้สึกว่าธามนิธิเป็นผู้ชายที่ตัวหอมมากจริงๆ ทุกครั
กชณิชาตื่นนอนในเวลาเกือบหกโมงเย็น เมื่อเห็นข้อความของธามนิธิแล้วเธอก็รีบเดินไปเปิดประตูหยิบราดหน้าทะเลที่ เขาสั่งมาให้ เธอนั่งทานราดหน้าพลางใช้ความคิดไปด้วยหญิงสาวไม่รู้หรอกว่ากับผู้หญิงคนอื่นธามนิธิจะปฏิบัติตัวยังไงกับพวกเธอแต่สำหรับเธอแล้วกลับรู้สึกว่าไม่อยากเป็นแค่คู่นอนของเขาเลยความอ่อนโยนและความอบอุ่นของธามนิธิทำให้หัวใจเธอมันอ่อนยวบหญิงสาวรู้สึกหลงรักเขาทั้งที่ได้รู้จักกันเพียงไม่นาน แต่ก็คงบอกความรู้สึกให้เขารู้ไม่ได้เพราะมันคงตลกมากสำหรับเขาเมื่อทานราดหน้าและอาบน้ำเสร็จแล้วกชณิชาก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือด้วยความเบื่อหน่ายเธออยากโทรศัพท์ไปถามธามนิธิว่าคืนนี้เขาจะมาค้างกับเธอที่นี่หรือเปล่าแต่ด้วยสถานะลูกจ้างก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ หญิงสาวนั่งไถโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องรับแขกจนกระทั่งสี่ทุ่มเขาก็ยังไม่ติดต่อกลับมาเธอจึงปิดไฟและเข้าไปนอนในห้องหญิงสาวนอนไปได้ไม่นานก็รู้สึกตัวตื่นเมื่อมีอ้อมแขนแข็งแกร่งเข้ามากอด“คุณธามใช่ไหมคะ” เธอถามออกไปทั้งที่ตายังปิดอยู่แต่กชณิชาก็จำกลิ่นกายของเขาได้ดี“ผมเองขอโทษนะ ที่มาดึกเลยเกรซหลับไปนานหรือยัง”“หลับได้สักพักแล้วค่ะ เกรซนึกว่าคุณธามจะไม่ม
“พอเถอะค่ะคุณธามเกรซไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวพูดด้วยเสียงหอบเหนื่อยเพราะบทรักครั้งล่าสุดเพิ่งจะจบลง“แน่ใจนะว่าตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว” ธามนิธิถามขณะที่ยังคงกอดหญิงสาวไว้แนบอก“เกรซไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะคุณธาม”“จะขอบคุณผมทำไมล่ะ สิ่งที่เราทำมันก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่นี่ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษเกรซที่หยิบช็อกโกแลตผิดกล่องมาให้”“คุณธามคะช็อกโกแลตนั่นคุณธามตั้งใจจะเอาไปให้ผู้หญิงที่ไหนกินเหรอคะ” เมื่อคิดถึงฤทธิ์ของมันแล้วกชณิชาก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะเอาไปใช้กับผู้หญิงคนอื่น“อันที่จริงมันไม่ใช่ของผมหรอก เพื่อนผมฝากซื้อมาอีกทีน่ะ แต่ตอนที่ผมหยิบช็อกโกแลตมาให้เกรซผมน่าจะหยิบกล่องผิด”“ทำไมโทรบอกคะ”“ตอนแรกผมก็จะโทรมาถามเกรซก่อนว่าเกรซกินช็อกโกแลตกล่องนั้นไปหรือยังแต่ก็กลัวว่าเกรซจะตกใจน่ะก็เลยรีบมาดูด้วยตัวเอง”“แน่ใจนะคะคุณธามว่าไม่ได้เอาช็อกโกแลตนั่นไปให้ผู้หญิงคนอื่นกิน”“แน่ใจสิ ตอนนี้ผมไม่มีผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากเกรซคนเดียวนะ เกรซเชื่อใจได้เลยว่าระหว่างที่ยังอยู่ในสัญญาผมจะไม่ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นอย่างเด็ดขาด”“คุณธามสัญญากับเกรซได้ไหมคะว่าจะไม่มีคนอื่น”“เกรซก็ต้องสัญญากับผมเหมือนกัน
เมื่อขับรถมาถึงคอนโดมิเนียมธามนิธิก็รีบขึ้นไปบนห้องทันทีขาเคาะประตูแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจึงถือวิสาสะเปิดเข้ามาบริเวณห้องรับแขกว่างเปล่าบนโต๊ะมีกล่องช็อกโกแลตวางอยู่เขาเดินเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าช็อกโกแลตที่ซื้อมาฝากภากรนั้นหายไปจากกล้องหนึ่งชิ้น“เกรซอยู่ในห้องนอนใช่ไหม ผมขอเข้าไปนะ” ชายหนุ่มตะโกนถามก่อนจะเปิดเข้าไป แต่ในห้องนอนก็ว่างเปล่า เมื่อเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงคนกำลังอาบน้ำ“เกรซอาบน้ำอยู่เหรอ”“ค่ะคุณธามเกรซลังอาบน้ำอยู่ คุณธามมีเรื่องอะไรด่วนไหมคะ”“เปล่าหรอกก็แค่แวะมาหานะ”“เกรซสบายดีใช่ไหม”“ไม่แน่ใจค่ะ ตอนนี้เกรซเป็นอะไรก็ไม่รู้ ค่ะเกรซรู้สึกว่าวันนี้อากาศมันร้อนมากๆ เกรซอาบน้ำมาเกือบสิบนาทีแล้วแต่ทำไมมันยังร้อนอยู่ก็ไม่รู้”“เกรซให้ผมเข้าไปข้างในไหม ผมจะช่วยให้เกรซเอง”“ไม่เป็นไรค่ะคุณธามเกรซคิดว่าจะไปหาหมอดีกว่าค่ะ” หญิงสาวรีบเช็ดตัวให้แห้งสวมชุดคลุมแล้วเดินออกมาก็เจอกับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำพอดี“เป็นยังไงบ้างเกรซ”“มันร้อนมากเลยค่ะคุณธาม เกรซไม่รู้เป็นอะไรเหมือนค่ะ ไม่สบายตัวมันร้อนไปหมดเลย”ชายหนุ่มมองใบหน้าของหญิงสาวที่มันแดงก่ำแล้วก็รู้ท
คืนนี้ธามนิธิก็มานั่งดื่มกับเพื่อนที่ผับประจำของเขาอย่างเคย แต่คืนนี้เขาไม่ได้มาเป็นคนแรกเหมือนอย่างครั้งก่อน“อ้าวธามนึกว่าคืนนี้จะไม่มาซะแล้ว” ภากรทักทายเมื่อเห็นเข้ามา“มาสิคืนวันหยุดแบบนี้จะพลาดได้ยังไง” เขาตอบแล้วหยิบแก้วจากบริกรมาดื่ม“นี่กลับจากต่างประเทศไม่เหนื่อยไม่เจ็ทแล็กบ้างเลยเหรอ”“ก็มีนิดหน่อยน่ะ”“แล้วของฝากที่ฉันฝากซื้อล่ะได้ซื้อมาหรือเปล่า” ภากรทวงถามของฝาก“ซื้อแต่ตอนนี้ลืมเอามาเดี๋ยวค่อยเอาให้ก็แล้วกันนะ ว่าแต่จะเอาของพวกนั้นไปใช้ที่ไหนล่ะ”“เอาเถอะน่านายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”“เอาไอ้นี่ฝากซื้อแต่ไม่บอกว่าจะเอาไปใช้ที่ไหนกับใครเดี๋ยวก็ไม่เอามาให้ซะเลยนี่”“เฮ้ย ไม่ได้นะ” ภากรรีบห้าม“ดูท่าทางจะจริงจังกับของฝากนะ ว่าแต่มันฝากซื้ออะไรเหรอ” ณัฐวิทย์อยากจะรู้“ช็อกโกแลต”“แค่ช็อกโกแลตทำไมมันต้องจริงจังด้วยว่ะธาม”“ถามมันเองสิ” เขาโบ้ยให้ณัฐวิทย์ไปถามภากรเอง“นายอย่ารู้เลย ตอนนี้เรื่องที่ฉันอยากรู้คือเรื่องไอ้ธามกับเด็กของมันมากกว่า ตั้งแต่กลับมาได้เจอเด็กที่ชื่อเกรซหรือยัง” ภากรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย“เจอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”“เป็นไงสวยเหมือนกับในรูปหรือเปล่า” ณัฐวิทย์ถามบ้