Share

บทที่ 5 หน้าตาเจ้าอัปลักษณ์ยิ่งนัก

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-03 15:30:54

เสียงเหยียบกิ่งไม้ดังตามจังหวะที่เท้าของทั้งสองนางกำลังพากันวิ่งไปยังกำแพงสูงอีกด้าน วงแขนของเหมยลี่ยกขึ้นป้องกิ่งไม้ออกไปให้พ้นทาง พร้อมทั้งเปิดเส้นทางเท้าให้คุณหนูแห่งแคว้นอันวิ่งตามได้อย่างสะดวก จนเมื่อมาถึงเสียงหอบได้ดังมาก่อนเสียงพูดราวกระซิบเสียด้วยซ้ำ

“รีบปีนไปเร็วคุณหนู เหยียบบนหลังข้า” เหมยลี่ก้มหลังให้

“เร็วเถิดคุณหนู หากผู้ใดไหวตัวทัน หนทางหนีคงไม่มีอีกหนแล้ว”

เมื่อถูกรบเร้าสตรีผู้น้อยจึงยอมเหยียบหลัง มือพยายามเอื้อมไปจับกำแพงสูง และปีนป่าย ขณะที่เหมยลี่ได้ช่วยดันตัวสตรีผู้น้อยอีกแรง

“ปะ...ปีนได้แล้ว” ด้วยความตัวบางฟู่ฟู่จึงสามารถขึ้นไปอยู่บนสันกำแพงได้อย่างง่ายดาย พลางยื่นมือให้สาวรับใช้จับ

“ขึ้นมาสิ”

“นั่นใครน่ะ!”

แต่ยังไม่ทันที่เหมยลี่จะได้ปีนกำแพงก็มีเสียงของทหารดังมา สองนางตาเบิกโพลงหันมองกันด้วยความตกใจ หญิงอัปลักษณ์ใช้คิดเพีนงครู่เดียว ก่อนรีบปีนหนี

“ลงไปก่อนคุณหนู ท่านวิ่งแยกไปที่ท่าน้ำ ตรงนั้นมีเกวียนที่พาไปวัดได้ ส่วนข้าจะล่อคนพวกนั้นให้ไปอีกทางเอง” เหมยลี่พูดอย่างจริงจัง

“แล้วเจี่ยเจียจะไม่เป็นอะไรหรือ”

“ชีวิตข้าไร้ค่ายิ่งนัก โปรดรักษาตัวด้วย” สาวรับใช้ก้มโค้งให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนผลักอีกฝ่ายให้แยกทาง

“เจี่ยเจีย”

ฟู่ฟู่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมหยดน้ำตา พลางวิ่งหนีจากเหมยลี่ซึ่งหนทางนั้นกำลังมีทหารปีนกำแพงและวิ่งตาม

สองเท้าเร่งวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปตามถนนที่มีผู้คนเดินกันให้ควัก เหมยลี่เลือกวิ่งเข้ามาในตลาดเพื่อให้พวกทหารวิ่งตามไม่ทัน พร้อมจับผ้าคลุมศีรษะไว้แน่น

“อย่าคิดหนีนะ” ทหารชายฉกรรจ์วิ่งตามจนแทบประชิดตัว กำลังของสตรีจะไปสู้อะไรได้

ทว่าเหมยลี่ยังมิอาจยอมแท้ต่อชะตาชีวิต นางอยากต่อเวลาอีกสักหน่อย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้คุณหนูฟู่ฟู่ได้มีเวลาหนี นางวิ่งพร้อมปัดข้าวของข้างทางมาขวางกั้นทหารพวกนั้น

“หยุดนะ”

เหมยลี่ไม่ฟัง นางวิ่งจนขาอ่อนแรงและหยุดยืนอยู่กลางทางซึ่งกำลังมีม้าเร็ววิ่งเข้ามาใกล้ หญิงอัปลักษณ์ไม่มีทางหนี หากถอยหลังพลันมีเหล่าทหารมาตามจับ สู้ทิ้งชีวิตไว้ที่ตรงนี้ไม่ดีกว่าหรือ นางจึงหลับตาเสียสนิท หากโดนม้าชนเข้าก็คงสลบไปสักวันหรือสองวัน

ฮี่....

เสียงม้าสีหมอกดังขึ้นพร้อมยกขาหน้าทั้งสอง จากการดึงเชือกของคนขึ้นขี่อยู่หลังม้า มู่หยางเห็นสตรีวิ่งพรวดมายืนขวางเส้นทางจึงต้องรีบหยุดไว้จนเท้าของม้าเสียดสีกับพื้นจนเกิดเสียง

บุรุษอยู่หลังม้าสวมใส่ชุดแม่ทัพกำลังหลุบตามองสตรีนางนี้ที่บ้าระห่ำเกินงาม เหล่าทหารหลวงที่กรูกันเข้ามาล้อมวงเมื่อเห็นท่านแม่ทัพจึงรีบยืนตรงพร้อมคำนับ

“ท่านแม่ทัพมู่หยาง”

“เกิดเห็นอันใดขึ้น”

“บุตรสาวของฟู่เฟิงหนีออกมานอกเรือน พวกข้าจึงรีบวิ่งมา”

“สตรีนางนี้หรือ” มู่หยางมองหน้านางผู้นี้ซึ่งกำลังค่อย ๆ ลืมตา

เหมยลี่ถูกเข้าใจผิดว่านางคือคุณหนูฟู่ฟู่ นางค่อย ๆ ลืมตามองเมื่อไม่รู้สึกถึงอันตรายทั้งปวง ทว่าเมื่อสบต้องนัยน์ตาสีนิลของท่านแม่ทัพเบื้องหน้า นางพลันรู้สึกถึงอันตรายซึ่งกำลังแผ่ซ่านเข้ามา

บุรุษในชุดแม่ทัพมีร่างกายบึกบึนและสูงใหญ่ ทั้งยังน่าเกรงขรามจนเหมยลี่ประหวั่นพรั่นพรึง นางยืนขาแข็งไม่กล้าขยับเท้าหนี เมื่อดวงตาคู่คมหรี่มองอย่างหยามเหยียด

มู่หยางไม่คิดว่าจะมาเจอบุตรสาวแห่งแคว้นอันในเวลานี้ เขาไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย คนอยู่บนหลังม้าพลันสะบัดชายเสื้อแล้วลงมา ก่อนย่างกรายเดินสามขุมเข้าไปใกล้นางผู้นี้ที่จะเข้ามาเป็นภรรยาใต้อาณัติ

“เจ้าชื่ออันใด” เมื่อยืนประจันหน้ามู่หยางจึงไม่เสียเวลา

“เหมยลี่” หญิงสาวหลุบตามองพื้นอย่างไม่กล้าสู้หน้า ทว่าต้องตกใจกลัวเมื่อถูกดึงผ้าปิดบังใบหน้าออกจากฝีมือของท่านแม่ทัพ

“ท่านคิดทำการอันใด” เหมยลี่ยกมือป้องใบหน้าซีดขวาของนาง ใบหน้าอัปลักษณ์ผิดแผลกจากผู้คนจึงทำให้มีเสียงอื้ออึงดังเข้าหู

“หน้าตาเจ้าอัปลักษณ์ยิ่งนัก” มู่หยางพูดทันควันเมื่อได้เห็น ไม่ต่างอะไรกับผู้คนที่ยืนมุมดูอยู่ห่าง ๆ

“ดูหญิงอัปลักษณ์นางนั้นสิ กล้าออกมาจากเรือนได้ยังไง”

“อย่าไปมอง เดี๋ยวได้เกิดอาเพศกันพอดี”

“จะปล่อยให้นางปีศาจผู้นี้อยู่ในแคว้นเราอย่างนั้นรึ ออกไป ออกไป”

เสียงโห่ไล่พร้อมข้าวของปาใส่อย่างไม่ขาดสาย เหมยลี่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับนางอีก เธอทั้งหวาดกลัวและกลัวจนสั่นเทา

“เอาผ้าคลุมของข้ามา ท่านแม่ทัพรู้เช่นนี้แล้ว ท่านควรกลับไปเสีย ข้ามิเหมาะกับการเป็นภรรยาของท่าน” เหมยลี่คว้าผ้ามาคลุมไว้ดังเดิม ก่อนวิ่งหนีออกไปจากที่แห่งนี้ด้วยหยดน้ำตา

“นางหนีไปแล้ว!” ทหารนางหนึ่งพูด

“ช้าก่อน มิต้องตามไป ข้าจัดการเอง”

มู่หยางตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นหน้าของหญิงอัปลักษณ์ พลันยิ่งโกรธแค้นเข้าไปใหญ่ แต่เขาไม่อาจขัดบัญชาจึงได้กัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิดปนขยะแขยง

“สตรีผู้นี้ใครจะเอาไปทำเมีย” พร้อมบ่นพึมพำกับตัวเอง ราวกับโดนสวรรค์กลั่นแกล้งให้มีชีวิตแสนอัปยศเช่นนี้

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 43 เปลวเพลิงอบอุ่น

    บุรุษรูปงามแบกร่างอรชรวิ่งผ่านสายฝนเข้าไปหลบหนาวอยู่ในถ้ำที่อยู่ใกล้ ก่อนเหมยลี่จักป่วยกายไปมากกว่านี้ เซียวจ้านจึงรีบก่อฟืนไฟให้ในที่แห่งนี้อบอุ่นและมีแสงสว่าง เพียงแค่ขยับมือกวาดผ่านไม้แห้งที่สุมเป็นกองเปลวไฟก็พลันลุกโชนขึ้นง่ายดายสายตาเฉี่ยวมองหน้าผากที่มีบาดแผล เซียวจ้านจึงรีบหาสมุนไพรมาบดและทาให้ พร้อมดึงผ้าคาดเอวมาพันรอบศีรษะ แต่พอหลุบตามองเสื้อผ้าที่หญิงอัปลักษณ์ซึ่งในยามนี้บางและเปียกจนแนบเนื้อ ใบหน้าสะอาดพลันแดงระเรื่อเสียจนต้องรีบหันหน้าหนี“นะ...หนาว” คนสลบละเมอพูดเสียงหวานแผ่วเบาราวกระซิบ เมื่อหันกลับไปมองก็ได้เห็นเหมยลี่กำลังปากสั่นตัวสั่นเทาคล้ายกับอาการของคนจับไข้“เจ้า” เซียวจ้านนึกเป็นห่วงพลางจับต้นแขนเล็กไว้มั่น“นะ...หนาว”“ข้าจักทำเช่นไรดี หากปล่อยให้เจ้าสั่นกายอยู่เยี่ยงนี้ เจ้าคงได้สิ้นลมหายใจแน่” เซียวจ้านไม่เคยรู้สึกว่าตัวเขาจนตรอกเช่นนี้มาก่อน เขามิรู้ว่าจักต้องทำเช่นไรดีให้ร่างอรชรแสนบอบบางอบอุ่น คิดพลางเอื้อมมือหมายจักจับดึงเสื้อผ้าเปียกปอนออกแต่ก็ต้องรั้งมือไว้“มิได้ ข้าจักทำเช่นนี้มิได้” เซียวจ้านตบตีกับความคิด เขาเพียงแค่อยากนำผ้าเปียกบนกายนางมาผึ่งไฟให

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 42 คุณชายขี่ม้าขาว

    แววตาแห่งความสะใจฉายให้เห็นในความมืด อู๋ท่งยืนมองอยู่หลังกอไผ่ก่อนเดินย่างกรายออกมาเพื่อชื่นชมคนขับรถม้า“เจ้าทำได้ดีมาก นางตายแล้วรึไม่” อู๋ท่งพูดเสียงเบาราวกระซิบ“ข้ามิแน่ใจ แต่ผาสูงชันเช่นนี้หากมิตายก็คงพิการ แต่ถ้านางรอดกลับมาพวกเราจักไม่เป็นภัยดอกรึ” ชายขี้ขลาดตาขาวพูด เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรมีจิตสำนึกที่ดี“มิเป็นเยี่ยงนั้นดอก ใครจักไปเชื่อคำของหญิงอัปลักษณ์เพียงผู้เดียวกัน เจ้ากับข้ารีบกลับไปยังเรือนตระกูลกู้ก่อนเถิด มิเช่นนั้นจักโดนท่านแม่ทัพสงสัยเอาได้” อู๋ท่งพูดพร้อมเดินกลับไปยังรถม้าอย่างมิคิดกลับหลัง ทำให้ชายผู้เป็นคนลงมือตามคำสั่งต้องเร่งฝีเท้าตามไปหน้าผาชันเป็นเหวลึกแต่ก็ยังมีพื้นที่ให้ร่างของหญิงอัปลักษณ์ตกลงมาบนต้นไม้ใหญ่ก่อนกลิ้งไปตามพื้นแล้วสลบลงไป เหมยลี่เจ็บและจุกกายจนขยับไปไหนมิได้ นางพยายามปรือตามองผ่านความมืดมิดก่อนที่เปลือกตาจะดับสนิทไปในไม่ช้าทางด้านเซียวจ้านที่เร่งควบม้าตามหาหญิงอัปลักษณ์ด้วยความร้อนใจ เขาได้พบกับรถม้าซึ่งมีตราประจำตระกูลกู้ติดอยู่ นั่นทำให้บุรุษบนหลังม้ารีบไปไปดักหน้าขวางทางไว้โดยพลันเสียงม้าร้องลั่นเมื่อถูกเชือกดึงรั้งอย่างกะทันหัน คนขับร

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 41 ช่วยข้าด้วย

    แม่ทัพมู่หยางเดินทางกลับมาด้วยความร้อนใจ ถึงเขาจักยินดีเมื่อได้รู้ข่าวว่าภรรยาเอกได้ตั้งครรภ์แล้วก็ตาม ทว่าอีกใจหนึ่งก็นึกอยากกลับไปถามหญิงคนลวงให้รู้แล้วรู้รอด ว่านางลวงหลอกสมอ้างเป็นบุตรสาวคนเล็กของผู้ครองแคว้นอันรึไม่เมื่อเดินทางมาถึงยังเรือนตระกูลกู้ บุรุษร่างสูงพลันจ้ำเท้าเข้าไปอย่างมิรีรอ เพื่อมุ่งหน้าไปหาหญิงอัปลักษณ์ โดยมิสนใจต้าเหนิงเลยด้วยซ้ำ“ท่านพี่จักไปที่ใดรึเจ้าคะ” ต้าเหนิงเห็นหน้าสามีที่ผ่านเลยไป ราวกับเห็นนางเป็นเพียงอากาศธาตุก็ยิ่งเจ็บแค้นใจอยู่มิน้อย ทั้งที่นางตั้งหน้าตั้งตารอถึงเพียงนี้ และในท้องของนางก็ยังมีบุตรของตระกูลอีกด้วย“ข้า...” มู่หยางมิสามารถพูดออกมาได้“ท่านพี่มิดีใจรึเจ้าคะที่ข้าตั้งท้องบุตรของเรา” ภรรยาเอกเยี่ยงนางถูกลดความสำคัญลงไปอย่างเห็นได้ชัด แล้วเยี่ยงนี้จักให้นางอยู่นิ่งเฉยได้เยี่ยงไร“ข้าดีใจ ดีใจที่สุด” มู่หยางเดินมาหาต้าเหนิง“ถ้าเช่นนั้นท่านพี่ก็จงรีบไปหาท่านแม่ และขุนนางท่านอื่นที่มารอร่วมยินดีกับพวกเราเถอะเจ้าค่ะ” ต้าเหนิงรีบดึงแขนสามีมู่หยางปรายตามองไปยังหลังเรือนอีกหน ก่อนเดินตามภรรยาเอกไป พลางคิดว่าไม่ช้าก็เร็วเขาคงมีเวลาได้คุยกับหญิ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 40 แผนล่อลวง

    “เจ้าควรพักนะต้าเหนิง” ฮูหยินชิงชิงเดินเข้ามาหา เมื่อเห็นว่าสะใภ้เอกกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมงาน“ท่านแม่ ข้าอยากให้งานในวันนี้ออกมาดีเจ้าค่ะ อีกอย่างวันนี้ท่านพี่ก็ได้กลับมาเสียที” ต้าเหนิงพูดด้วยรอยยิ้ม นางดีใจอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะต้องการเห็นสีหน้าของสามีว่าจักดีใจเช่นไรเมื่อรู้ว่านางตั้งครรภ์แล้ว“แต่เจ้ายังท้องอ่อน ๆ อยู่ มิควรขยับตัวมากมายเช่นนี้ ไปพักเสียทางนี้ข้าเป็นคนจัดการเอง”“เจ้าค่ะท่านแม่” ต้าเหนิงจำเป็นต้องเชื่อคำ นางจึงเดินเข้าไปพักในห้องของตัวเองส่วนฮูหยินชิงชิงได้เป็นคนดูแลสถานที่ให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมต้อนรับผู้มาเยือน ก่อนหันไปหานางรับใช้คนสนิทเพื่อวานบางอย่าง“เจ้าอู๋ท่ง”“เจ้าคะ?” อู๋ท่งรีบตอบรับ“หาเรื่องให้หญิงอัปลักษณ์ผู้นั้นออกไปให้พ้นเรือนเสีย ข้ามิอยากให้นางต้องมาขวางหูขวางตาแถวนี้ เดี๋ยวคนอื่นคงได้หวาดกลัวจนสาปแช่งเรือนข้าให้ป่นปี้”“เจ้าค่ะ แต่หากท่านแม่ทัพถามหาล่ะเจ้าคะ”“ก็จงบอกว่านางหนีตามชู้ไปแล้ว เจ้าคงรู้ใช่ไหมว่าต้องพานางไปให้ไกลเพียงใด”“เจ้าค่ะ”อู๋ท่งรับคำอย่างว่าง่าย แล้วรีบเดินไปหาหญิงอัปลักษณ์โดยทันที ส่วนฮูหยินชิงชิงทำพียงมองนางรับใช้แค่ห

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 39 ความจริงเริ่มปรากฏ

    สายตาคู่หนึ่งแอบจดจ้องมองสองสามีภรรยาอยู่หลังพุ่มไม้ เมื่อเห็นว่าทั้งสองคุยกันจนเสร็จพลางพากันเข้าไปในบ้าน ปลายเท้าจึงขยับออกแล้วหันหลังกลับ คิ้วหนาขมวดเป็นปมด้วยความสงสัย ดวงตาเหม่อมองไปเบื้องหน้า พลางคิดสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจเมื่อได้ยินชื่อของสตรีผู้น้อยมาจากที่แห่งใดมู่หยางจึงแอบสะกดรอยตามจางเหว่ยมาถึงบ้าน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นนั่นเอง และชื่อของหญิงผู้นี้คุ้นหูซะจนต้องสืบหาความจริงให้กระจ่าง“ข้าว่าข้าต้องรู้จักนาง” มู่หยางพึมพำกับตัวเอง พลางเดินกลับไปยังฐานทัพ เพื่อสืบหาความจริงที่ว่า มิรู้เป็นเพราะเหตุใดกันแน่ถึงอยากเสาะหาความจริงในเรื่องนี้ ทั้งที่มิจำเป็นและมีสิ่งที่สำคัญกว่านั่นคือการปราบกบฏเหมือนอย่างคราวที่ไปสู้รบยังแคว้นอัน จนปราบผู้ครองเมืองได้สำเร็จ“แคว้นอัน!” เมื่อนึกถึงแคว้นอันขึ้นมา มู่หยางก็เริ่มคิดว่ากำลังใกล้ความจริงเข้ามาทุกที เขาจึงเดินไปค้นสมุดบันทึกรายชื่อวงศ์ตระกูลของแคว้นอันมากางดูสายตาคมมองตัวหนังสือที่ถูกเขียนด้วยปลายพู่กัน จนหยุดสายตามาเจอกับชื่อหนึ่งเข้าซึ่งชื่อตรงกับสตรีผู้น้อยคนนั้นมิมีผิด “บุตรสาวคนเล็กเยี่ยงนั้นรึ” ดวงตาของท่านแม่ทัพเบิกกว้างด้วยค

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 38 ความกังวลของฟู่ฟู่

    ฟู่ฟู่นิ่งค้างไปชั่วขณะ นางมิคิดเลยว่าท่านแม่ทัพจักลั่นวาจานี้ออกมา หรือว่าเขาจักรู้แล้วว่านางคือคนจากแคว้นอัน ใบหน้านวลมีเหงื่อผุดด้วยความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก นางมิรู้จักแก้ต่างว่าเยี่ยงไรดี แต่คงต้องปฏิเสธออกไปหน้าตาเฉยเพื่อมิให้อีกฝ่ายจับได้“มิใช่ข้าเกิดละโตที่นี่ ท่านอย่ามาตามตื๊อข้าให้เสียเวลาเลย ข้าขอตัว” ฟู่ฟู่รีบเดินหนี ทว่าคนขายาวขยับตัวคล่องแคล่วมายืนขวางทางนาง“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ควรเล่าให้ข้าฟังได้” มู่หยางมองใบหน้าสตรีอ่อนเยาว์อย่างพินิจ ขณะที่ฟู่ฟู่เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาเขาข้าจักทำเช่นไรดีฟู่ฟู่คิดในใจนางกำลังตกที่นั่งลำบากและเหมือนถูกท่านแม่ทัพกำลังต้อนให้ติดกับหากเป็นเช่นนั้นความลับทั้งหมดคงได้แตกแน่ นางมิอยากกลับไปเป็นภรรยารองของผู้ใดในเมื่อมีจางเหว่ยอยู่แล้วทั้งคน“เจ้าคิดจักทำอันใดกับภรรยาข้า!” ในที่สุดก็มีเสียงสวรรค์เปิดทางให้นางจางเหว่ยส่งเสียงเข้มพร้อมเดินมาขวางบุรุษแปลกหน้าซึ่งเขาพินิจดูแล้วว่าเป็นผู้ใด จึงคอยกันให้ฟู่ฟู่หลบไปอยู่ด้านหลังเขา สายตาเอาเรื่องจ้องไปยังท่านแม่ทัพที่ยามนี้แต่งกายเหมือนคนธรรมดา แต่ความมีสง่าราศีปกปิดความสูงศักดิ์ไว้มิมิด“ขออภัยท่า

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status