Share

บทที่ 8 ขึ้นเขาไปเก็บยา

Author: ฮวาฮวาน่งหยวี่
หลังจากเช็ดหน้าให้นางหยูแล้ว ซูจื่อหังก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แบกตะกร้าขึ้นหลังแล้วพูดกับถูซินเยว่ว่า "เจ้ารออยู่ที่นี่ หากว่าพวกท่านย่ามาระรานเจ้าอีก เจ้าก็ลงกลอนประตูซะ บนโต๊ะมีไข่ไก่อยู่สองฟอง เจ้าก็กินซะเถอะ ท่านแม่บาดเจ็บอยู่กินไข่ไม่ได้"

ถูซินเยว่พยักหน้าอย่างว่าง่าย มองดูซูจื่อหังที่แบกตะกร้าอยู่ อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า "เจ้าจะไปไหน"

"ไปบนเขา" ซูจื่อหังไม่ปิดบังเธอ กล่าวต่อว่า "ท่านแม่เสียเลือดมาก ข้าจะไปดูว่ามีอะไรพอจะมาบำรุงท่านแม่ข้าได้บ้าง"

ถูซินเยว่ชะงัก "เจ้าจะขึ้นไปบนภูเขา?"

ซูจื่อหังเป็นลูกกตัญญูจริง ๆ แต่ปกติเขาคุ้นเคยอยู่แต่กับการใช้เวลาอยู่ในห้องหนังสือ ขึ้นไปบนเขาคนเดียวจะไม่มีปัญหาจริง ๆ หรือ?

ถูซินเยว่แสดงความสงสัยเมื่อมองดูรูปร่างซูบผอมของอีกฝ่าย

เมื่อเห็นว่าซูจื่อหังกำลังจะเปิดประตูออกไป ถูซินเยว่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า "ข้าไปกับเจ้าด้วย"

"เจ้าจะไปด้วย?" ซูจื่อหังเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วพูดหลังจากนั้นชั่วครู่ "บนภูเขาไม่มีอะไรน่าสนุก แถมปีนเขาก็เหนื่อย ข้าว่าเจ้า...."

"ไม่ ข้าจะไปด้วย" ถูซินเยว่กล่าวอย่างหนักแน่น

โดยไม่รอให้ซูจื่อหังตอบ เธอก็กลับไปเปิดหีบใส่ของของตน จากนั้นซ่อนตัวอยู่หลังผ้าม่านเปลี่ยนเอากระโปรงลายดอกไม้ออก ใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ที่สะอาดสะอ้าน แล้วรีบเดินออกไปมา

เสื้อผ้าคับไปนิด ถูซินเยว่ดึงกางเกงของตนก็เห็นว่าซูจื่อหังยังมีสีหน้าไม่เห็นด้วยนัก เธอจึงพูดว่า "ท่านแม่คงอีกสักพักกว่าจะตื่น พวกเรารีบไปรีบกลับ ไม่เป็นไรหรอก"

ซู่จือหังไม่ได้กังวลว่าจะไม่มีคนดูแลนางหยู แต่เขากังวลว่าหากถูซินเยว่เกิดเหนื่อยขึ้นมาระหว่างทาง และเดินต่อไม่ไหวจะทำอย่างไร แต่เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของเธอ ซูจื่อหังจึงไม่อยากปฏิเสธ จากนั้นจึงพยักหน้า "งั้นเจ้าก็ตามมา"

ไม่แน่ว่าเดินไปได้ครึ่งทาง ถูซินเยว่อาจจะบ่นเหนื่อย และเปลี่ยนใจเดินกลับมาเองก็ได้

เมื่อเห็นว่าเขาเห็นด้วย ถูซินเยว่ก็ยิงฟันยิ้มร่า

เดิมทีซูจื่อหังอยากจับมือเธอเดินออกมา แต่เห็นหญิงสาวฟันเหลืองเต็มปาก จึงมุ่นปากอย่างลังเล ก็เห็นว่าถูซินเยว่เดินสะบัดก้นออกไปราวกับเสือกระโจน

แม่เฒ่าตระกูลซูและซูเฟิ่งอี๋ไม่อยู่บ้าน ทั้งสองคนจึงปิดประตู เดินออกไปจากลานบ้านตระกูลซู

ทันทีที่ออกมา ถูซินเยว่ก็สัมผัสได้ถึงทิวทัศน์ธรรมชาติของชนบทท่ามกลางหุบเขา ชาติก่อนขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ก็เคยอาศัยอยู่ในชนบท อย่างไรก็ตามพื้นที่ชนบทหลายแห่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขตเมืองไปแล้ว จึงไม่ใช่ชนบทที่สมบูรณ์อีกต่อไป ตอนนี้เมื่อเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ภูเขาเขียวน้ำใสตรงหน้า เธอรู้สึกราวกับกำลังล่องลอยอยู่

แน่นอนว่าถ้าดูจากน้ำหนักตัวของถูซินเยว่แล้ว เธอคงลอยไม่ขึ้นอย่างแน่นอน

หมู่บ้านต้าเย่ล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ บ้านของตระกูลถูอยู่หัวหมู่บ้าน ส่วนตระกูลซูอยู่ท้ายหมู่บ้าน หากจะบังเอิญเจอกันภายในหมู่บ้านนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ในตอนนี้ถูซินเยว่และซูจื่อหังเพิ่งจะเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็เจอเข้ากับคนของตระกูลถู

แต่ทว่า คนที่บังเอิญเจอนั้นไม่ใช่พ่อแม่ของถูซินเยว่ แต่เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลถู ซึ่งก็คือป้าของถูซินเยว่ นอกจากถูชิวหลานแล้ว ข้าง ๆ ยังมีหญิงสาวที่ดูบอบบางอ้อนแอ้นคนหนึ่งและชายหนุ่มหน้าตาค่อนข้างน่าเกลียดอีกคนหนึ่ง

หากถูซินเยว่จำไม่ผิด หญิงสาวที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกันน่าจะเป็นถูหมิงซวนลูกสาวของป้าคนโต และชายหนุ่มคนนี้ก็น่าจะเป็นเหลียงปิน คู่หมั้นของเจ้าของร่างที่เดิมทีถูกหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่ยังเด็ก

ได้เจ้าสาวไปผิดคนเมื่อวาน ตระกูลซูโวยวายกันอย่างโกลาหล นางหยูก็ยังมาได้รับบาดเจ็บเช่นนี้อีก แต่ป้าของเธอกลับดูเบิกบานเปี่ยมไปด้วยความสุข ถูหมิงซวนเองก็คล้องแขนเหลียงปินอย่างรักใคร่ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าหวานชื่นกันขนาดไหน

ดูจากรูปการณ์นี้ หากบอกว่าพวกเขาไม่ได้วางแผนกันมาก่อนล่วงหน้า ก็ยากจะเชื่อ

การสลับเจ้าสาวผิดฝาผิดตัวครั้งนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นการวางแผนของพวกเขาก็ได้

มองดูถูหมิงซวนและเหลียงปินที่รักกันปานจะกลืนกินเช่นนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร อย่างไรแล้วเธอก็เป็นผู้ที่ย้อนอดีตเข้ามากลางคัน จึงไม่ได้อินกับอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ของเจ้าของร่างมากนัก ยิ่งกับผู้ชายที่ชื่อเหลียงปินนั่นแล้วเธอยิ่งไม่รู้สึกอะไรโดยสิ้นเชิง

แต่ไม่ใช่กับซูจื่อหัง

ซูจื่อหังเป็นคนฉลาด เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า คาดว่าก็เดาได้ทันทีว่าคงถูกสวมเขาเข้าให้แล้ว

ถูซินเยว่เกรงว่าว่าหากเผชิญหน้ากันจะเกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วน จึงคว้ามือของซูจื่อหัง พลางชี้ไปถนนเล็ก ๆ ข้าง "เราไปทางนั้นกันเถอะ"

ซู่จื่อหังเหลียวมองคนของตระกูลถูแวบหนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า

เดิมทีพวกเขาทั้งสองตั้งใจจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ในขณะที่กำลังจะเดินไปทางถนนสายเล็กนั้น ถูชิวหลานที่กำลังเดินมาทางพวกเขากลับมองเห็นพวกเขาแล้ว สายตาส่งประกาย รีบเดินสะบัดก้นเข้ามาหา

"เอ๊า นี่ไม่ใช่ซินเยว่หรอกรึ" ถูชิวหลานเหลือบมองซูจื่อหัง ทำทีเป็นพูดคุยกับถูซินเยว่

หูของถูซินเยว่ถูกเสียงแหลมของอีกฝ่ายบาดหูจนรู้สึกอึดอัด เธอหยุดเดินและหันไปทางถูชิวหลาน สีหน้าบึ้งตึง

เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร ก็อดไม่ได้ที่จะทำทีแสร้งหัวเราะ "ซินเยว่ เมื่อวานพักอยู่ที่บ้านตระกูลซูเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้เจ้าเป็นสะใภ้บ้านนั้นแล้ว ต่อไปต้องสงบสติอารมณ์หน่อยนะ ได้ยินมาว่าแม่สามีเจ้าเกือบตกคันนาตายรึ? หวังว่าคงไม่ใช่เพราะถูกเจ้ายั่วโมโหเอาหรอกนะ เฮ้อ เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านตระกูลถู ข้าก็ว่าแล้วว่าเจ้าน่ะเป็นตัวกาลกิณี ดูท่าตอนนี้ก็คงเป็นเพราะ..."

ถูชิวหลานพูดน้ำไหลไฟดับไม่หยุด จนซูจื่อหังที่อยู่ข้าง ๆ นิ่วหน้า ใครที่ไหนกันพูดจาแบบนี้กับหลานสาวตัวเอง

กำลังจะเอ่ยปากพูด ก็เห็นว่าถูซินเยว่ที่เมื่อครู่ยืนอยู่ดี ๆ จู่ ๆ ก็นั่งยอง ๆ ลงไปพร้อมกับยิ้มอย่างคนเสียสติ ตักโคลนขึ้นมาจากคันนาแล้วเดินเอาไปยัดเข้าใส่ในปากของถูชิวหลานโดยที่นางไม่ทันตั้งตัว

ถูซินเยว่ปัดมือ หัวเราะคิกคักชอบใจ "สนุกจังเลย ๆ ท่านป้า กิน...กินขี้..."

ถูชิวหลานกำลังจะพูดอย่างออกรส ทันใดนั้นก็ถูกก้อนโคลนป้อนเข้าเต็มปากจึงกรีดร้องออกมาทันที แต่น่าเสียดายที่ปากของนางถูกดินโคลนอุดไว้อยู่ จึงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ได้แต่เอามือยัดเข้าไปในปากเพื่อควักเอาโคลนออกมา ส่งเสียงแหวะ ๆ พยายามจะแกะเอาโคลนออกมา

ถูหมิงซวนเองก็ตกใจใหญ่ รีบเข้ามาประคองถูชิวหลาน กว่าจะบ้วนโคลนออกจากปากหมด เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นถูซินเยว่ลากซูจื่อหังกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากไปตั้งนานแล้ว

"นางอ้วนอัปลักษณ์สมควรตาย สมน้ำหน้าที่เป็นบ้าไปทั้งชาติ" ถูชิวหลานสาปแช่ง เมื่อจำได้ว่าลูกเขยคนใหม่ยังยืนอยู่ใกล้ ๆ จึงรีบฉวยโอกาสพูดขึ้นว่า "ภรรยาแบบนี้ใครได้ไป ก็โชคร้าย ไม่เหมือนหมิงซวน เหลียงปิน ต่อไปเจ้าต้องดูแลหมิงซวนของพวกเราไว้ให้ดีนะ"

"แน่อยู่แล้ว" เหลียงปินพูดด้วยรอยยิ้ม ดวงตามองข้ามไปยังร่างอ้วนของถูซินเยว่ที่อยู่ไม่ไกล แววตาแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์

เขาคว้าเอวของถูหมิงซวนแล้วพูดปนรอยยิ้ม "ไป กลับบ้านกันเถอะ"

เอวของภรรยาคนใหม่นั้นนั้นนุ่มนวลและคอดเล็ก เขาต้องรีบกลับบ้านไปเอาอกเอาใจนาง

ขณะนี้ เมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง ถูซินเยว่ก็นึกถึงท่าทางของถูชิวหลานที่มีโคลนอยู่เต็มปาก อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

"สะใจจริง ๆ คนเลว ๆแบบนี้ก็สมควรโดนแบบนี้แหละ ดูซิว่าต่อไปยังจะมีหน้าเดินก้นบิดมาโอ้อวดต่อหน้าข้าอีกไหม"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status