หลินชิงชิงจัดเตรียมตะกร้าสะพายหลังให้เรียบร้อย เธอตรวจดูให้แน่ใจว่ามีมีดเล็ก ขวดน้ำ และถุงผ้าสำหรับใส่ของป่าอยู่ในนั้นครบถ้วนแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันนี้
"ชิงชิง หนูพร้อมหรือยัง?" เสียงของหวังจื้อเหยา ดังมาจากหน้าบ้าน
"พร้อมแล้วค่ะแม่" หลินชิงชิงตอบรับเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไปสมทบกับครอบครัว
พ่อของเธอแบกขวานคู่ใจไว้บนบ่า ส่วนแม่ของเธออุ้มตะกร้าสานใบใหญ่สำหรับใส่ของป่า หลินเสี่ยวหลงน้องชายของเธอวิ่งตามมาติดๆ มือเล็กๆ กำเชือกไว้แน่น เตรียมพร้อมสำหรับการผูกมัดฟืนที่พวกเขาจะเก็บได้
"วันนี้พวกเราจะไปหาของป่ากันที่ไหนหรือคะ?" หลินชิงชิงถามพ่อของเธอ
"พ่อว่าจะไปที่เนินเขาด้านตะวันออก วันนี้พ่อกับแม่จะเข้าไปหาไม้เนื้อแข็งในป่าลึก ส่วนหนูกับเสี่ยวหลงไปหาของป่าแถวชายป่าแถวนี้ก็พอ" พ่อของเธออธิบาย
หลินชิงชิงพยักหน้ารับ "เข้าใจแล้วค่ะพ่อ" ก่อนจะมองไปที่น้องชาย "เสี่ยวหลง วันนี้พวกเราต้องช่วยกันหาของป่าให้ได้เยอะๆ นะ"
"ได้เลยครับพี่สาว!" หลินเสี่ยวหลงตอบรับด้วยดวงตาเป็นประกาย
ครอบครัวบ้านสามต่างก็เดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดผ่านทุ่งนาสีเขียวขจี กลิ่นดินและหญ้าสดชื่นโชยมาตามลม เมื่อมาถึงชายป่า พ่อและแม่ของเธอก็โบกมือลา ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในป่าลึก
"เอาล่ะเสี่ยวหลง พี่จะพาน้องไปดูจุดที่เราเคยเจอเห็ดขึ้นเยอะๆ" หลินชิงชิงพูดพร้อมกับจูงมือน้องชายเดินเข้าไปในป่าตามความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม
"เย้ ผมชอบเห็ด" หลินเสี่ยวหลงร้องออกอย่างดีใจ
ทั้งสองคนต่างก้าวเท้าเดินไปตามทางเล็กๆ อย่างระมัดระวัง พวกเขาช่วยกันมองหาของป่าที่กินได้ ทั้งเห็ด ผลไม้ป่า และสมุนไพรต่างๆ
"พี่สาว ดูสิ ผมเจอเห็ดแล้ว" หลินเสี่ยวหลงร้องบอก
หลินชิงชิงรีบเดินไปดู "ว้าว นี่มันเห็ดหอมนี่ น้องเล็กตาดีจริงๆ เลย"
พวกเขาเก็บเห็ดใส่ตะกร้าหวายอย่างเบามือ ก่อนจะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ หลินชิงชิงคอยสอนน้องชายเกี่ยวกับพืชชนิดต่างๆ ว่าอันไหนกินได้ อันไหนมีพิษ
"จำไว้นะเสี่ยวหลง เราต้องรู้จักของป่าให้ดี จะได้ไม่เป็นอันตราย" หลินชิงชิงบอกน้องชาย
"ครับพี่สาว ผมจะจำไว้"
หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบหัวน้องชายเบาๆ "เก่งมาก งั้นเดี๋ยวน้องไปเก็บฟืนอยู่บริเวณนี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะเข้าไปในหุบเขาข้างหน้าเพื่อดูว่าจะหาสมุนไพรได้หรือเปล่า"
ดวงตากลมโตของเสี่ยวหลงเบิกกว้างด้วยความสงสัย "สมุนไพรเหรอพี่? ทำไมพี่ถึงอยากไปหาสมุนไพรล่ะ?"
หลินชิงชิงยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของน้องชาย "เมื่อคืนพี่ฝันว่าเจอสมุนไพรอยู่แถวๆ นั้นน่ะ พี่เลยอยากลองไปหาดู เผื่อจะโชคดีเจอบ้าง"
หลินเสี่ยวหลงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย "งั้นพี่สาวระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าไปลึกเกินล่ะ"
"น้องไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมานะ" หลินชิงชิงบอกพร้อมกับโอบกอดน้องชาย "น้องเล็กก็อย่าออกไปไกลจากแถวนี้ล่ะ รอพี่อยู่ตรงนี้นะ"
หลังจากกล่าวคำอำลา ชิงชิงก็เดินตรงไปยังหุบเขาเบื้องหน้า ทิ้งให้เสี่ยวหลงเริ่มต้นภารกิจเก็บฟืนของเขาอยู่ด้านหลัง เสียงฝีเท้าของเธอค่อยๆ เงียบหายไป เหลือเพียงเสียงใบไม้ไหวตามแรงลมและเสียงนกร้องประสานกันเป็นท่วงทำนองแห่งธรรมชาติ
เมื่อหลินชิงชิงไปยังบริเวณที่ไม่มีคนอยู่เธอเหลียวมองไปรอบๆ เมื่อไม่มีใครเธอก็นำผลไม้ป่า ผัก และสมุนไพรหายากในมิตินำออกมาใส่ตะกร้า
ในขณะที่เธอกำลังจะเดินกลับ เธอได้ยินเสียงต่อสู้ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของหุบเขา หลินชิงชิงชะงักฝีเท้าลงทันที ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ต้นไม้ใหญ่ แอบมองเหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง
ภาพที่ปรากฏแก่สายตาคือเธอเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำยำหน้าตาหล่อเหลา กำลังวิ่งหนีหมูป่าตัวมหึมาอย่างสุดชีวิต หมูป่าตัวนั้นถูกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส และร่างกายของเขามีบาดแผลฉกรรจ์อยู่หลายแห่ง หมูป่าคำรามเสียงดัง ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มด้วยความเร็ว
"ไม่ได้การแล้ว!" ชิงชิงพึมพำกับตัวเอง เธอไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือชายหนุ่มผู้น่าสงสาร
ด้วยความรวดเร็ว หลินชิงชิงเปิดมิติส่วนตัว เธอหยิบธนูออกมาจากห้องคลังอาวุธ แม้เธอจะไม่เคยใช้ธนูมาก่อน แต่หลังจากดื่มน้ำวิเศษจากมิติเข้าไป ร่างกายของเธอก็แข็งแรงขึ้นผิดหูผิดตา สายตาของเธอเฉียบคมราวกับเหยี่ยว
เธอเล็งธนูไปที่หมูป่าอย่างใจเย็น นิ้วเรียวสวยดึงสายธนูจนสุดกำลัง ก่อนจะปล่อยลูกธนูพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง
ลูกธนูเจาะเข้าที่คอของหมูป่าอย่างแม่นยำ สัตว์ร้ายคำรามเสียงดัง ก่อนจะล้มลงแน่นิ่ง หลินชิงชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเดินออกมาจากที่ซ่อน
ชายหนุ่มหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง
"ขอบคุณนะครับ ที่คุณได้ช่วยชีวิตผมเอาไว้" เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความรู้สึกหลากหลายตีตื้นขึ้นมาในอก ทั้งความรู้สึกขอบคุณ ความโล่งใจ และ...บางอย่างที่เขาเองก็ยังไม่เข้าใจ
หลินชิงชิงส่งยิ้มหวานละมุนให้เขา "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดีใจที่ช่วยคุณ...เอ่อ.."
หลี่เหว่ยรู้สึกราวกับมีใครสาดน้ำเย็นใส่หน้า เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองเสียมารยาทแค่ไหนที่ยังไม่แนะนำตัว
"ผมชื่อหลี่เหว่ย เป็นยุวชนปัญญาที่มาทำงานที่หมู่บ้านแห่งนี้ คุณชื่ออะไรครับ?"
หลินชิงชิงได้ยินชื่อของชายหนุ่มเธอก็ถึงกับชะงักกึก ราวกับโลกหยุดหมุน เธอจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพิจารณาเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูหล่อคมคาย ดวงตาสีดำสนิทเป็นประกาย รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เธอแทบไม่เชื่อตัวเอง นี่มันพระเอกในนิยายที่เธออ่านนี่นา เขาคือลูกชายของหลี่หย่ง ที่เป็นมือขวาของท่านผู้นำเจิ้ง ตระกูลหลี่ของเขาเป็นคนรวยจากเมืองหลวง แต่เนื่องจากครอบครัวของชายหนุ่มถูกใส่ร้ายจนพวกเขาต้องแยกย้ายกันหนีหัวซุกหัวซุน หลี่เหว่ยแยกมาลงหลักปักฐานเป็นยุวชนปัญญาที่หมู่บ้านหลงเหมินแห่งนี้ ส่วนหลินชิงชิง...เธอคือตัวร้ายในนิยายที่ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น
"โอ๊ยชักจะยุ่งแล้วสิ นี่ฉันมาขัดขวางเส้นทางความรักของคุณพระเอกและคุณนางเอกเข้าให้แล้ว" ในนิยายหลี่เหว่ยจะได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกหวังอ้ายหลินนางเอกของเรื่องช่วยไว้ เธอช่วยดูแลคุณพระเอก จนเป็นจุดเริ่มต้นให้พระเอกเริ่มให้ยอมนางเอกมาเข้าใกล้ชิด จนสุดท้ายค่อยๆ กลายมาเป็นคนรัก เนื่องจากพระเอกเป็นพวกไว้ใจคนยากเนื่องจากครอบครัวโดนหักหลัง กว่าพระเอกจะเริ่มมีใจให้นางเอกก็ปาไปแล้วครึ่งเรื่อง
ความคิดมากมายตีกันวุ่นวายอยู่ในหัวของเธอ หลินชิงชิงพยายามตั้งสติ เธอพยายามไม่ตื่นตระหนกแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป ร่างบางค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งที่สุด
"ฉันชื่อหลินชิงชิงค่ะ" เธอตอบกลับชายหนุ่มด้วยใบหน้ากระอักกระอ่วน
หลี่เหว่ยพยักหน้ารับ "หลินชิงชิง...คุณชื่อเพราะมากครับ" เขาเอ่ยชมอย่างจริงใจ
หลินชิงชิงรู้สึกแก้มร้อนผ่าว เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอพระเอกในชีวิตจริง แถมเธอยังช่วยชีวิตเขาไว้อีกต่างหาก นี่มันเหมือนพรหมลิขิตชัดๆ
แต่เธอก็ต้องเตือนตัวเองว่าเธอคือนางร้ายในนิยาย เธอต้องระวังไม่ให้ทำพลาดเหมือนในเรื่อง ไม่งั้นเธออาจจะต้องเจอกับจุดจบที่น่าอนาถ
หลี่เหว่ยยังคงจ้องมองหลินชิงชิงไม่วางตา ความงดงามและความกล้าหาญของเธอสะกดสายตาเขาไว้ เขาไม่เคยพบหญิงสาวคนใดที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อน ยิ่งได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเฉลียวฉลาด ยิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง
"ผมไม่รู้จะขอบคุณ คุณยังไงดี ถ้าไม่มีคุณ ผมคง..." หลี่เหว่ยเว้นช่วง ไม่อยากนึกถึงภาพเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เกือบเกิดขึ้น "คุณช่วยชีวิตผมไว้ ผมเป็นหนี้บุญคุณคุณเข้าแล้ว"
หลินชิงชิงรีบโบกมือปฏิเสธ "ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นเลยค่ะ ใครอยู่ตรงนั้นถ้าได้เห็นเหตุการณ์ก็ต้องทำแบบฉันเหมือนกัน"
หลี่เหว่ยยิ้มบาง "แต่ไม่มีใครกล้าหาญและเก่งกาจแบบคุณหรอกครับ"
หลินชิงชิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอไม่คุ้นเคยกับการได้รับคำชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคุณพระเอกที่เธอแอบชื่นชอบ เธอจึงได้แต่เสมองไปทางอื่น พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ
หลี่เหว่ยรู้สึกขบขันกับท่าทีประหม่าของหญิงสาว เขาไล้มองใบหน้าของเธออย่างช้า ๆ ดวงตากลมโตของเธอดูสวยเป็นอย่างมาก ริมฝีปากบางแดงระเรื่อ และผิวขาวผ่องราวกับหยก แม้จะยังเด็กประมาณ 15-16 ปี แต่ความงามของเธอก็เริ่มฉายแววออกมาให้เห็นแล้ว
หลี่เหว่ยรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพบเจอหญิงสาวมากมายในชีวิต แต่ไม่มีใครสามารถทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ได้ หลินชิงชิงคนนี้ช่างแตกต่างจากหญิงสาวทุกคนที่เขาเคยรู้จัก เธอเป็นดังสายลมแห่งโชคชะตาที่พัดพาเข้ามาในชีวิตของเขา และเขาไม่อาจละสายตาจากเธอได้ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจของเขาอย่างเงียบงัน
เสียงประทัดดังกึกก้องทั่วลานบ้านตระกูลหลิว บ่งบอกถึงความยินดีปรีดาของงานมงคลสมรสระหว่างหลิวชิงชิงและหลี่เหว่ยบ้านของเธอประดับประดาไปด้วยโคมแดงสด ตัดกับผ้าแพรสีทองอร่ามระยิบระยับ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ญาติมิตรต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างเนืองแน่น เสียงพูดคุยจอแจ เสียงหัวเราะร่าเริงดังแทรกกับเสียงดนตรีบรรเลงเพลงมงคลภายในบ้านเจ้าสาว หลิวชิงชิงในชุดแต่งงานสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินวิจิตรงดงาม จากช่างตัดเย็บฝีมือดี ที่คนรักของเธอพาไปตัดเย็บ ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา เผยให้เห็นแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย หลิวชิงชิงนั่งก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างประหม่า ขณะรอเจ้าบ่าวเข้ามาในบ้าน"ชิงชิง ลูกสาวของพ่อ" เสียงทุ้มของหลิวเหวินเจิ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยน "วันนี้ลูกสาวพ่อสวยที่สุดเลย"หลิวชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยแววตาสั่นไหว "คุณพ่อ...""ไม่ต้องกังวลนะลูก" หลิวเหวินเจิ้งกล่าวปลอบ "เดี๋ยวลูกเหว่ยก็จะมารับเจ้าสาวไปงานแต่งที่โรงแรมแกรนด์""ค่ะคุณพ่อ" หลิวชิงชิงพยักหน้ารับ น้ำตาคลอหน่วยด้วยความต
หลิวเหวินชางจ้องมองหลี่อ้ายเจียเย็นชา"เรื่องที่หล่อนขโมยลูกของฉัน ฉันจะให้เจ้าหน้าที่มาจัดการกับหล่อน"หลี่อ้ายเจียทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเว้าวอน"ท่านจอมพลหลิว...ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ฉันมันเลว ฉัน...""เลว ใช่ เธอมันเลว" หลิวเหวินชางคำรามเสียงดังจนสนั่น "หลี่อ้ายเจีย เธอขโมยลูกของฉันไป เธอพรากลูกของฉันไปจากอกฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทรมานแค่ไหน""ฉันเลอะเลือนไปแล้วถึงได้เชื่อฟังคำพี่สาว ฉันแค่ไม่อยากให้ทางบ้านสามีรู้เรื่องลูกที่เสียไปก็เท่านั้นเอง หลี่อ้ายเจียได้แต่สะอื้นไห้"แกเลยต้องมาพรากลูกคนอื่นไป แล้วลูกของคนอื่นไม่ใช่ลูกคนหรือไง " หลิวเหวินชางกัดฟันกรอด "สิ่งที่หล่อนทำมันโหดร้ายเกินไป หลี่อ้ายเจีย เธอทำลายชีวิตฉันมายาวนานหลายสิบปี""ท่านจอมพลฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ..." หลี่อ้ายเจียได้แต่พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาหลิวเหวินชางไม่ฟังคำขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น เขาหันไปสั่งลูกน้องเสียงเย็นชา "พาตัวหลี่อ้ายเจียไปให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองลงโทษตามกฎหมาย""ไม่...ท่านจอมพลหลิว อย่า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงชิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวทันที เรื่องราวเมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่ในใจ กับคำพูดของท่านเจิ้ง ที่บอกว่าพ่อของเธออย่างจะไม่ใช่ลูกชายของคุณย่าหลินชิงชิงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องของบิดา หลินเจิ้งเทียนยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าราวกับแบกปัญหาหนักอึ้งเอาไว้ หลินชิงชิงยืนมองบิดาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากปลุก"พ่อคะ"หลินเจิ้งเทียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยความงุนงง "ชิงชิง มีอะไรรึ? ""พ่อคะ หนูว่าพวกเราไปบ้านใหญ่ตระกูลหลินกันเถอะค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "หนูอยากให้พ่อไปถามคุณย่าให้แน่ใจว่าพ่อใช่ลูกชายของท่านใช่หรือเปล่า"หลินเจิ้งเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยแววตาที่แน่วแน่"ก็ได้" เขาเองก็อยากรู้ความจริงเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน คนบ้านสาม ประกอบด้วยหลินเจิ้งเทียน หวังจื้อเหยา และหลินชิงชิง ต่างก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ระหว่างทาง หลินชิงชิงสังเกตเห็นสีหน้าเคร่
ท่านเจิ้งเมื่อเห็นทุกคนอยู่ในความตกตะลึง จึงเอ่ยเตือนสติขึ้นมา"เอาละๆ ทุกคน อย่ามัวแต่คุยกันเลย มาทานข้าวกันได้แล้ว ฉันชักจะเริ่มหิวแล้วสิ"หวังจื้อเหยา ได้สติก่อนใคร รีบเชื้อเชิญทุกคนให้เริ่มทานอาหาร หลินชิงชิง ตักข้าวใส่จานให้ทุกคนอย่างคล่องแคล่ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารน่ารับประทาน ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ"อืม... อร่อยมาก" เฉินเหม่ยหลิงเอ่ยชม "ฉันไม่เคยทานอาหารที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย""ใช่ๆ " หลี่หย่ง พยักหน้าเห็นด้วย "รสชาติกลมกล่อม หอมเครื่องเทศกำลังดี"ท่านเจิ้งตักซุปเยื่อไผ่เข้าปากอีกคำ ซดน้ำซุปจนหมดชามแล้ววางช้อนลง พลางพยักหน้าชมด้วยสีหน้าพึงพอใจ "รสชาติดีจริงๆ กลมกล่อม หอมหวาน ซดคล่องคอ ใครเป็นคนทำอาหารมื้อนี้หรือ? "หลินชิงชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินคำชมก็ยิ้มแก้มปริ "หนูกับแม่ช่วยกันทำค่ะ หนูเป็นเพียงแค่ลูกมือเท่านั้นค่ะ" หลินชิงชิงตอบเสียงใส ความจริงแล้วที่อาหารอร่อยเป็นเพราะวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารล้วนมาจากมิติของเธอทั้งสิ้น ทั้งเยื่อไผ่อ่อนๆ เห็ดหอมชั้นดี และเครื่อง
แสงตะวันโพล้เพล้ทาบทาขอบฟ้า สาดสีส้มแดงระเรื่อทั่วลานบ้าน กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยยั่วน้ำลาย หลินชิงชิงและผู้เป็นมารดาต่างก็จัดเตรียมสำรับกับข้าวหลายอย่างจนเต็มโต๊ะอาหาร ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่วนของหวานและผลไม้ล้วนแต่ตัดวางอย่างสวยงาม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเลิศรสที่แม่ของเธอตั้งใจปรุงขึ้นด้วยความพิถีพิถันกับข้าวพร้อมแล้วค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวังจื้อเหยาหันมายิ้มให้ลูกสาว "ชิงชิงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ ใกล้เวลาที่พ่อแม่สามีของหนูจะมาแล้ว"หลินชิงชิงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ "แม่.. " เสียงของเธอเอ่ยแผ่วลง "หนู.. หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะเป็นอย่างไรบ้าง" มือบางบิดชายเสื้อไปมาอย่างประหม่า"ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก" หวังจื้อเหยาตบบ่าลูกสาวเบาๆ อย่างให้กำลังใจ "แม่ได้ยินมาว่าครอบครัวของท่านนายพลหลี่เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ มีชื่อเสียงเรื่องความใจดี แม่เชื่อว่าพวกท่านต้องเอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งแน่ๆ ""แต่.. หนูยังไม่เคยพบพวกท่านเลยนี่คะ" หลินชิงชิงยังคงกังวล "แล้ว.. แล้วถ้าหนูทำ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป นับตั้งแต่หลินชิงชิงพาครอบครัวเข้ามาในมิติแห่งนี้หลินเสี่ยวหลง เด็กน้อยวัย10ขวบ กลับมิได้วิ่งเล่นซุกซนตามประสาเด็ก แต่กลับขะมักเขม้นฝึกฝนวิชายุทธ ร่างน้อยๆ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว กระบี่ไม้ในมือฟาดฟันไปตามกระบวนท่าที่หลินชิงชิงถ่ายทอดให้ เหงื่อไหลไคลย้อยอาบใบหน้า แต่เด็กน้อยก็ยังคงมุ่งมั่น มิย่อท้อ"ฮึบ...ฮ่า" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นเป็นระยะหลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นบิดา นั่งมองลูกชายอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ ในใจรู้สึกทั้งภาคภูมิใจและเป็นห่วง เสี่ยวหลงเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร แต่บางครั้งก็ดื้อรั้นเกินไป"เสี่ยวหลง พักสักครู่ ลูกฝึกมาตั้งแต่เช้าแล้ว" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใยหลินเสี่ยวหลงหยุดฝึกซ้อม เช็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้า "พ่อครับ ผมยังไม่เหนื่อยครับ ผมอยากเก่งๆ จะได้ปกป้องทุกคน จะไม่ให้คุณย่ามารังแกบ้านเราได้" เด็กชายตอบเสียงใส แววตามุ่งมั่นหลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ เรื่องบาดหมางระหว่างเขากับมารดาเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจที่สุด เขาไม่รู้ว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้เกลียดชังเขามากนัก ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยได้รับความรักจากท