ด้านเฝิงอี้นั้นเมื่อเดินทางมาถึงปักกิ่งเขาก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ในใจกลับไม่ได้สงบสุขเท่าใดนัก เขารู้สึกว่าใจมันสับสนปั่นป่วนเหมือนจะไม่สบายใจ อีกทั้งยังรู้สึกว่าสังหรณ์ใจไม่ดีอีกด้วย
เขานอนกับผู้หญิงมาก็มาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกผิดกับเธอคนนั้น นับตั้งแต่คืนนั้นเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาสองปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ลืมเธอเสียที
"เฝิงอี้ ฉันอยากไปซื้อของต่ออีก นายไปกับฉันหน่อยนะ"
เฝิงอี้ที่กำลังคิดถึงเรื่องคืนนั้นก็พลันได้สติตื่นจากความคิด ก่อนจะหันไปมองสวีเพ่ยที่กำลังมองเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
สวีเพ่ยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับเขา เธอมักจะตามมาเกาะแกะเขาอยู่เสมอ เขาเองก็หาทางหนีจากเธออยู่ตลอดเช่นกัน
"ฉันไม่ว่างหรอกนะสวีเพ่ย"
"อะไรกัน ครั้งก่อนนายก็บอกว่าไม่ว่าง"
"อ้าว เติ้งเทียนอวี้!!!”"
สวีเพ่ยรีบหันไปมองทันที แต่เมื่อหันกลับมาก็พบว่าเฝิงอี้วิ่งหนีไปไกลเสียแล้ว หล่อนกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความโกรธ
เฝิงอี้!!! นายหลอกฉันอีกแล้วนะ เหอะ!!! ต่อให้นายคิดจะหนีฉันไปสุดขอบฟ้า ฉันก็จะตามนายไม่เลิกแน่นอน เรากำลังจะหมั้นกันแล้วนะ!!!
เฝิงอี้ที่เห็นว่าสวีเพ่ยไม่ตามเขามาแล้วก็ทิ้งกายนั่งลงข้างเติ้งเทียนอวี้ เพื่อนสนิทของเขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ เติ้งเทียนอวี้ที่เห็นแบบนั้นก็ลดหนังสือในมือลง ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนสนิทอย่างหยอกล้อ
"อาอี้ วิ่งหนีสวีเพ่ยมาอีกแล้วเหรอ"
เฝิงอี้ไม่ตอบ เพียงหันไปถลึงตาใส่เติ้งเทียนอวี้เล็กน้อย
"หรือว่าลืมผู้หญิงที่เคยนอนด้วยคนนั้นไม่ได้ อาอี้ นี่มันผ่านมาสองปีแล้วนะ ปกตินายไม่เคยเป็นแบบนี้เลย หรือว่าจะเกิดหลงรักผู้หญิงที่นอนด้วยกันเพียงแค่คืนเดียวคนนั้น พูดเป็นเล่นน่า”
เติ้งเทียนอวี้เอ่ยถามเฝิงอี้ด้วยความสงสัย เดิมทีเพื่อนของเขาคนนี้ใช้ผู้หญิงเปลืองอย่างกับอะไรดี เฝิงอี้ไม่ตอบเพียงมองหน้าเติ้งเทียนอวี้อย่างเบื่อหน่าย
"ฉันถามจริงๆ นายวิ่งหนีสวีเพ่ยทำไม หล่อนก็สวยดี เป็นฉัน ฉันจะเก็บหล่อนไว้ข้างกายไม่ปล่อยหลุดมือไปแน่"
"งั้นนายก็เก็บเธอเอาไว้เองสิ จะได้ไปพ้นๆ จากฉันเสียที"
"ให้ตายเถอะ ฉันไม่ชอบแย่งของของเพื่อนหรอกนะ"
"ไม่ใช่ของฉันเสียหน่อย"
สองเพื่อนรักถกเถียงกันไปมาจนถึงเวลากลับบ้าน เมื่อเฝิงอี้กลับมาถึงบ้าน ก็พบว่ามีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาเดินไปรับโทรศัพท์ก่อนจะพบว่าเป็นแม่ของเขานั่นเองที่โทรมา
"สวัสดีครับแม่"
"อาอี้เพิ่งกลับถึงบ้านเหรอลูก เฝิงอินล่ะ"
คุณนายเฝิงเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เฝิงอี้ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนจะเอ่ย
"คงจะอยู่ในห้องแหละครับ ผมเห็นรองเท้าของอาอินถอดอยู่หน้าห้อง แม่มีอะไรหรือเปล่าครับถึงโทรมา"
คุณนายเฝิงที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ย
"ลูกยังจำซินซินได้ใช่ไหม"
เฝิงอี้ที่ได้ยินผู้เป็นแม่เอ่ยถามแบบนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยตอบ
"จำได้สิครับ ทำไมเหรอครับแม่"
"เฮ้อ เมื่อสองปีก่อนซินซินตั้งท้องน่ะสิ ไม่นานก็คลอดลูกชายออกมา"
"อะไรนะครับ?"
เฝิงอี้ที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มก็พลันชะงักไปในทันที เขารีบเอ่ยถามแม่ของตนเองทันที
"ท้องกับใครครับ แล้วทำไมแม่ไม่บอกผม"
คุณนายเฝิงถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเล่าให้ลูกชายฟัง
"สือชิงบอกว่าไม่รู้ ซินซินบอกเพียงว่าเมื่อสองปีก่อน วันนั้นที่ภัตตาคารงานเลี้ยงปีใหม่หล่อนดื่มไปหนึ่งแก้วแล้วเมา จากนั้นก็เจอผู้ชายคนหนึ่งขับรถผ่านมา เธอเองจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตื่นมาก็พบว่าตัวเองไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนั้นในรถแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าท้อง จนท้องโตขึ้นมาถึงได้รู้ว่าตนเองตั้งท้อง อีกอย่างซินซินเป็นเด็กดีไร้เดียงสา ผู้ชายคนนั้นคงมาหลอกลวงเธอเป็นแน่ น่าสงสารเหลือเกิน ตอนนี้ก็ต้องออกจากงานไปเลี้ยงลูกที่บ้านแล้ว แม่ก็รู้เพียงเท่านี้ แต่ว่าลูกชายของหล่อนน่ารักมากเลยนะ อวบอ้วนจ้ำม่ำเลยเชียว แม่เคยเห็นตอนไปเยี่ยมวันที่หล่อนคลอด แม่เห็นว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลูก เลยไม่อยากจะนำเรื่องลำบากใจไปรบกวนเรื่องเรียนของลูกน่ะจ้ะ อีกอย่างลูกกับซินซินสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แม่กลัวว่าลูกจะไม่สบายใจเอาได้"
เฝิงอี้คล้ายกับถูกไม้ฟาดเข้าใส่ศีรษะอย่างจัง ริมฝีปากของเขาสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่
สองปีก่อนอย่างนั้นหรือ?
สองปีก่อนเขาเองก็มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่งในรถทั้งที่ไม่รู้จักกัน
หรือว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็น...
เป็นไปไม่ได้!!!
"อาอี้ ลูกเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ"
คุณนายเฝิงที่เห็นลูกชายเงียบไปก็รีบเอ่ยเรียกทันที เสียงของคุณนายเฝิงผู้เป็นแม่ทำให้เขาได้สติ ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ไม่มีอะไรครับแม่ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้างครับ"
"ก็ลำบากเหมือนกัน สงสารสือชิงเลี้ยงลูกแล้วยังต้องมาเลี้ยงหลานอีก แม่คงช่วยเธอได้เท่าที่ช่วยไหวนั่นแหละลูก ไม่ต้องห่วงนะ ตระกูลชุยเองก็เคยมีบุญคุณกับเราเรื่องพ่อของลูก อาอี้ แม่มีงานต้องจัดการต่อ เท่านี้ก่อนนะจ๊ะ ฝากความคิดถึงให้เฝิงอินด้วย"
เสียงปลายสายของผู้เป็นแม่เงียบไปแล้ว แต่เฝิงอี้ยังคงไม่ยอมวางสายโทรศัพท์ลง ใจของเขาเต้นรุนแรงอย่างบ้าคลั่ง
เขาจะต้องกลับกวานซี กลับไปดูให้แน่ชัดว่าเรื่องราวมันจะเหมือนที่ใจเขาคิดเอาไว้หรือไม่!!!
เมื่อผ่านช่วงไว้ทุกข์มาแล้ว เฝิงอี้และชุยซินอี๋ก็แต่งงานกัน งานแต่งนี้ไม่ได้จัดใหญ่โตมากนัก เน้นเพียงความสะดวกและเรียบง่าย เติ้งเทียนอวี้และกวงจือหลินเพราะติดงานที่ต้องสะสางจึงไม่ได้มาร่วมงาน เพียงโทรมาแสดงความยินดีและส่งของขวัญแต่งงานมาให้เท่านั้น เฝิงอี้เองก็เข้าใจและเอ่ยขอบคุณเพื่อนรักทั้งสองอย่างเต็มใจหยางตงและสวีเพ่ยนั้นก็มาร่วมงานด้วย คนทั้งสองนำของขวัญมามอบให้ และอยู่ร่วมงานจนถึงเย็น ก่อนจะกลับไป เพราะสวีเพ่ยยืนนานไม่ค่อยไหว เนื่องจากเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ เฝิงอี้และชุยซินอี๋มองดูหยางตงที่แบกสวีเพ่ยขึ้นหลังและเดินจากไปด้วยแววตาที่มีความสุขนับว่าพวกเขาทั้งสองเป็นคู่ที่สวรรค์บันดาลจริงๆ"พ่อครับ แม่ครับ ผมหิวอีกแล้ว"เฝิงอี้และชุยซินอี๋ที่ได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมอง ก่อนจะพบกับเฝิงเป่าที่วิ่งเข้ามาหาเขาทั้งสอง เจ้าเด็กอ้วนตัวสูงขึ้นอีกแล้ว อีกทั้งยังชอบกิน วันๆ ถามหาแต่ของกิน แล้วยังบ่นว่าเหงามากอีกต่างหาก ชุยซินอี๋ย่อตัวลงไป ก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มของเฝิงเป่าอย่างมันเขี้ยว"แม่จะอุ้มลูกไม่ไหวแล้วนะรู้ไหม"เฝิงเป่าเบ้ปาก ก่อนจะเงยหน้าไปมองเฝิงอี้"พ่อครับ ผมอยากได้น้องสาวตัวอ้วนๆ
เฝิงอี้หลับตาลงรอรับลูกปืนจากเซวียนซาน แต่ทว่าเขากลับไม่พบกับความเจ็บปวดใดๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อลืมตามองดูก็พบว่าตอนนี้ที่หน้าท้องของเซวียนซานมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาถูกยิง!!!เฝิงหลงหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง อีกทั้งยังมีภรรยาของเขา แม่ของชุยซินอี๋ และหยางตงกับสวีเพ่ยก็มาด้วย ตำรวจเล็งปลายกระบอกปืนเข้าหาเซวียนซานอีกครั้ง เฝิงหลงที่เห็นอย่างนั้นก็ตกใจก่อนจะเอ่ย"อย่ายิง!!! นี่ลูกชายของผมเอง"ปัง ปัง ปัง"พ่อ!!!"เฝิงอี้ตะโกนเรียกพ่อของตนเองสุดเสียง คุณนายเฝิงเองก็แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าเฝิงหลงใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระเสือกกระสนไปบังลูกกระสุนแทนเซวียนซาน ร่างของคนทั้งสองล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน เฝิงหลงจับมือของเซวียนซานเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ย "พ่อขอโทษ พ่อผิดไปแล้ว พ่อที่เห็นแก่ตัวคนนี้สำนึกเสียใจแล้ว หวังว่าชีวิตนี้ของพ่อจะชดใช้ความแค้นทั้งหมดในใจของแกได้ อย่าทำร้ายใครอีกเลยนะ อาซาน"เซวียนซานหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันมืดมนไปหมด เขาส่งเสียงเหอะในลำคอก่่อนจะร้องไห้ออกมาแผนการสำเร็จแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจเลยล่ะ!!!คนชั่วคนนี้กำลังจะตาย แต่
เซวียนซานตอนนี้เหมือนกับคนเสียสติไปแล้ว ก่อนหน้านี้เซวียนชวนเตือนเท่าไรเขาก็ไม่ฟัง ในใจของเขามีแต่ความแค้นที่ฝังลึก เขาถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจนมันบิดเบี้ยวเกินจะเยียวยาแล้วชุยซินอี๋จ้องมองเฝิงอี้และเฝิงเป่าด้วยแววตาที่แดงก่ำ หากวันนี้เธอเป็นอะไรไป เธอเชื่อว่าเฝิงอี้จะสามารถดูแลเฝิงเป่าได้เป็นอย่างดีแต่สำหรับเฝิงอี้แล้วเขาไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดเพียงว่าจะต้องช่วยชุยซินอี๋ออกมาให้ได้ หากช่วยไม่ได้เขาก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นเซวียนซานลั่นไกปืนเตรียมจะยิงทุกคนที่ขวางหน้า เขาหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับชุยซินอี๋"เป็นยังไงล่ะซินซิน ไอ้คนที่เธอรักนักรักหนามันช่วยอะไรเธอได้ จะตายกันหมดอยู่แล้ว!!! เลือกฉันสิ แล้วเราจะมีความสุขไปด้วยกัน"ชุยซินอี๋ปรายตามองเซวียนซานด้วยความเย็นชา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน"คนที่ไม่เห็นใครเป็นคนในสายตา ไม่คู่ควรที่จะได้ความรักจากใครหรอก ปล่อยให้ความแค้นบังตาจนมืดบอด ไม่ละอายแก่ใจตัวเอง""ซินซิน!!! โอ๊ย!!!"ชุยซินอี๋อาศัยจังหวะที่เซวียนซานเผลอใช้เศษกระเบื้องที่เธอถือเอาไว้ในมือแทงเข้าไปที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง เซวียนซานร้องไม่เป็นภาษา ใบหน้าหล
ก่อนหน้านี้ชุยซินอี๋ได้สติตื่นขึ้นมา เมื่อตั้งสติได้และคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเธอก็ถึงกับลนลานรีบมองหาเฝิงเป่าทันที ก่อนจะพบว่าเฝิงเป่ากำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เธอ ชุยซินอี๋หันมองซ้ายขวาพบว่ามือของตนเองถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือก "ไม่ต้องดิ้นไปหรอก ถึงเวลาผมจะปล่อยคุณเอง"เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ชุยซินอี๋จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะพบว่าเป็นเซวียนซานนั่นเองภาพก่อนหน้านี้คือเขายื่นขวดน้ำให้เธอ จากนั้นเธอรู้สึกเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างฟาดเข้ามาที่ต้นคอและสลบไปไม่ได้สติ จนเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่เก่าๆ เหมือนกับโรงงานร้างอย่างไรอย่างนั้น ชุยซินอี๋ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม“คุณจับฉันมาเหรอ"เซวียนซานยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ทว่ารอยยิ้มของเขามันดูเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัว ชุยซินอี๋ขยับตัวเข้าไปใกล้เฝิงเป่า พร้อมกับระแวดระวังเซวียนซานเอาไว้ด้วยเขาจะจับตัวเธอและลูกมาทำไมกัน ทั้งที่พวกเราไม่เคยมีเรื่องผิดใจอะไรต่อกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำเซวียนซานมองดูท่าทีของชุยซินอี๋ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาชอบเธอเข้าเสียแล้ว เขาคิดทบทวนมาหลายคืนแล้วก็ได้คำตอบที่แน่ชัด เขาชอบชุย
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ก็ถึงเวลาที่เฝิงอี้และชุยซินอี๋จะจัดงานแต่งงานกันอย่างมีความสุขเสียทีเช้านี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส เฝิงอี้พาชุยซินอี๋มาตัดชุดแต่งงาน เดิมทีคนทั้งสองคิดจะประวิงเวลาออกไปก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์ในบ้านตระกูลเฝิงก็ยังไม่ดีเท่าใดนัก แม่ของเฝิงอี้ยังคงเย็นชากับพ่อของเขาอยู่ แต่ทว่าคุณนายเฝิงกลับบอกว่า จะให้ความทุกข์ที่พ่อแม่เป็นคนก่อ มาทำให้ลูกไม่มีความสุขได้ยังไงกัน จึงไม่ให้คนทั้งสองประวิงเวลาออกไปอีก บอกเพียงว่าจะต้องรีบจัดงานให้เร็วที่สุดชุยซินอี๋มองดูเฝิงเป่าที่กำลังนั่งกินขนมอยู่กับพี่เลี้ยง ไม่นานมานี้เฝิงอี้จ้างพี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งมาดูแลเฝิงเป่า เฝิงเป่าเองก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับพี่เลี้ยงคนใหม่ อีกทั้งยังช่างพูดช่างเจรจา ยิ่งพูดได้ก็พูดไม่หยุด จนบางครั้งเธอเองยังตอบคำถามของเฝิงเป่าไม่ทันกิจการร้านบะหมี่ยังคงไปได้ดี เฝิงอี้ได้แม่ครัวคนใหม่มา แรกเริ่มชุยซินอี๋ยังคงไปสอนและแนะนำสูตรบะหมี่เดิมที่เธอทำเอาไว้ให้แม่ครัวคนใหม่ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ปล่อยให้คนงานทำงานกันเองต่อไปด้านภัตตาคารก็สร้างเสร็จแล้ว และเปิดทำการขายได้เหมือนเดิมแล้ว โดย
หยางตงที่ได้ยินอย่างนั้นก็จ้องมองซ่งชางอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปดึงตัวของสวีเพ่ยกลับมาหาตนเอง แต่คนของซ่งชางก็ยกเท้าถีบเขาจนกระเด็นลงไปกองกับพื้น หยางตงไอออกมาอย่างรุนแรง รู้สึกจุกแน่นที่หน้าท้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"อาตง!!!"สวีเพ่ยเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอถูกจับตัวเอาไว้จนไม่อาจเข้าไปหาเขาได้ สวีเพ่ยหันไปมองซ่งชางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะเอ่ย"อย่าแตะต้องเขา เขาเป็นคนรักของฉัน!!!"ซ่งชางที่ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาหาสวีเพ่ย และยื่นมือขึ้นมาเชยปลายคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาชัดๆ"คนรักอย่างนั้นเหรอ เธอไม่มีสิทธิ์ไปรักกับใครได้หรอก เธอจะต้องไปที่ตระกูลซ่ง ไปเป็นเมียขัดดอกให้ฉัน คอยรับใช้คนตระกูลซ่งเพื่อชดใช้หนี้ บ้านของเธอและกิจการของพ่อเธอ ฉันจะยึดมาเป็นของฉันให้หมด เธอรู้ไหมว่าบ้านและกิจการของพ่อเธอมันยังไม่พอใช้หนี้ให้บ้านฉันเลยด้วยซ้ำ"สวีเพ่ยที่ได้ยินอย่างนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย"นายอยากได้อะไรก็เอาไปให้หมดเลย ฉันไม่ยึดติดกับของพวกนี้แล้ว ส่วนเงินที่เหลือฉันจะหางานทำมาผ่อนจ่ายให้นายเอง""ผ่อนจ่ายเหรอ น้ำหน้าอย่างเธอเนี่ยนะจะทำงา