Home / วัยรุ่น / อคิราห์คนคลั่งรัก / ตอนที่ 4 ดูตัว (2)         

Share

ตอนที่ 4 ดูตัว (2)         

last update Last Updated: 2025-06-02 09:45:40

    

          “ไปเดินเล่นกันไหม”

          “คะ?” ถ้อยคำเชิญชวนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยทำเอาฉันต้องถามกลับอีกรอบให้แน่ใจ

          “ไปเดินเล่นด้วยกันหรือเปล่า พวกแม่ ๆ เขาคุยกันอยู่ ไม่อยากไปขัดท่าน”

          “เอ่อ... ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับอย่างเหนียมอายก่อนจะเดินข้างพี่คิณออกไป แล้วเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินของห้างสรรพสินค้าโดยไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนด้วยซ้ำ

          “ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรา”

          “หนูก็ไม่คิดว่าจะเป็นพี่คิณเหมือนกันค่ะ ไม่งั้นหนูก็คงไม่แต่งตัวพิลึกแบบนี้” ฉันว่าด้วยน้ำเสียงติดงอแง อีกนิดฉันจะปาดน้ำตาโชว์พี่คิณที่เดินอยู่ข้าง ๆ ฉันแล้วเนี่ย

          “ก็ว่าอยู่ ไม่คิดว่าเราจะแต่งตัวแบบนี้” พี่คิณว่าอย่างขบขัน ฉันได้ยินพี่เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยจนฉันต้องหันไปมองเขาอย่างประหลาดใจ

          “ก็ฉันไม่อยากให้ใครมาชอบฉันนี่คะ”

          “งั้นที่บอกว่าถ้ารู้ว่าเป็นพี่จะไม่แต่งตัวแบบนี้คือ...” เดี๋ยวนะ บอกแบบนี้ก็หมายความว่าอยากให้พี่คิณชอบน่ะสิ

          “ไม่ค่ะ ๆ ๆ คือหนูรู้อยู่แล้วไงว่าพี่ไม่มีทางชอบหนูหรอก” ฉันรีบยกมือห้ามปรามความคิดของพี่เขาพลางส่ายหน้าระรัวด้วยความลนลานแล้วส่งยิ้มเจื่อนให้ปดปิดความลุกลี้ลุกลน

          “ทำไมถึงคิดว่าพี่ไม่มีทางชอบเราล่ะ” พี่คิณหยุดฝีเท้าก่อนจะยืนนิ่ง สองมือล้วงกระเป๋าพลางหันหน้ามามองฉันอย่างเต็มตาจนฉันรู้สึกใจสั่นชอบกลเหมือนมีใครเอาที่เจาะหินมาสั่นสะเทือนอยู่ในทรวงอกแล้วหลบสายตาช่างสงสัยของพี่เขา

          “ก็... พี่เป็นแฟนกับพี่เมนิลนี่คะ”

          “รู้ด้วยเหรอ” ฉันค่อย ๆ หันหน้าไปมองคนถามแล้วพยักหน้าช้า ๆ ให้ตายสิรู้สึกหน้าชายังไงก็ไม่รู้

          พี่คิณหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองตรงแล้วเดินนำฉันออกไป ฉันรีบก้าวเท้ายาวเพื่อที่จะตามพี่เขาให้ทันพร้อมมองพี่เขาด้วยความสงสัย

          “พี่คิณหัวเราะทำไมคะ” ฉันรีบเอ่ยถามอย่างร้อนใจ

          “รู้ได้ยังไงว่าพี่เป็นแฟนกับเมนิล”

          “ก็เพื่อนฉันเห็นพวกพี่ไปดูหนังด้วยกันถ้าไม่ได้เดตกันก็น่าจะเป็นแฟนกันอยู่ใช่ไหมคะ” ฉันเอ่ยถาม

          “นี่จับตามองพี่อยู่เหรอ” พี่คิณหันมาถามพลางจ้องด้วยสายตาจับผิดทำเอาฉันรีบหันหน้าไปมองทางอื่นด้วยความเขินอายไม่กล้าจะสบตากับพี่เขาสักครั้ง

          “เปล่านี่คะ” ฉันรีบปฏิเสธเสียงสูง

          “แค่บังเอิญเจอกัน ไม่ได้ไปด้วยกันหรอก พี่เอาของไปให้พี่ชายเฉย ๆ”

          “อะไรนะคะ พี่ไม่ได้ไปกับพี่เมนิลเหรอ”

          “ไม่ได้ไป”

          “งั้นก็หมายความว่า...” ฉันรีบหันหน้ากลับมามองพี่เขาอย่างแปลกใจ

          “พี่กับพี่เมนิล ไม่ได้เดตหรือเป็นแฟนกันอย่างที่เราคิดไง”

          “จริงเหรอคะ” พี่คิณพยักหน้าเป็นการตอบรับ

          “ถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่ได้คบกันแล้วมากกว่า เพราะพี่กับเมนิลเลิกกันมานานแล้ว”

          “พี่กับพี่เมนิลเคยคบกันเหรอคะ”

          “ใช่ แต่ก็นานมากแล้ว แถมยังคบกันได้ไม่นานด้วย”

          “ไม่น่าล่ะ พี่เมนิลเลยดูจะชอบพี่มาก” ฉันยกมุมปากอย่างที่ทำประจำเวลาที่กำลังครุ่นคิดพลางมองลอยออกไปไม่ได้จดจ้องอะไร

          “เพราะงี้เหรอ เลยคิดว่าพี่ไม่มีทางชอบเรา” ฉันรีบแหงนหน้าขึ้นมามองคนพี่อย่างทันควัน

          “เอ่อ... หนู... ก็ดูไม่น่าใช่แบบที่พี่ชอบนี่คะ”

          “เรารู้เหรอว่าไทป์ที่ชอบเป็นยังไง” ฉันรีบส่ายหน้าระรัว

          “ไม่รู้ค่ะ” พี่คิณทอดสายตามามองฉันอย่างครุ่นคิดตั้งแต่หัวจดถึงปลายเท้า

          “ตามพี่มาสิ”

          “คะ?” ฉันเอ่ยถามอย่างงุนงงแต่ยังไม่ทันได้หายสงสัยพี่คิณก็เอื้อมมือมาดึงข้อมือฉันไว้อย่างหลวม ๆ ก่อนจะออกแรงดึงให้ฉันเดินตาม

          ฉันก้มหน้ามองมือหนาของพี่คิณที่มีเส้นเลือดขึ้นตามหลังมือขาวที่กำลังกุมข้อมือฉันไว้อยู่ยิ่งทำให้หน้าฉันเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ไออุ่นจากฝ่ามือของพี่เขามันทำให้หัวใจฉันเต้นอย่างกระชุ่มกระชวยยังไงก็ไม่รู้

          พี่เขาพาฉันเดินเข้ามาในร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาในโซนเสื้อยืดสีขาวล้วนแล้วหยิบตัวหนึ่งที่ดูจะพอดีกับฉันมาทาบที่ตัวฉันพลางมองด้วยสายตาครุ่นคิด

          “พอดีแหละ” พี่เขาว่าโดยที่ไม่ได้ถามฉันเลยสักคำก่อนจะจูงฉันให้เดินไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินพร้อมกับจ่ายเงินให้ฉันอย่างเสร็จสรรพ

          “เอ่อพี่คิณคะ ที่จริงฉันจ่ายเองก็ได้ค่ะ” ฉันว่าอย่างเกรงใจ

          “ไม่เป็นไร เอาไปเปลี่ยนเถอะ” พี่คิณยื่นเสื้อยืดสีขาวตัวนั้นมาให้ฉัน ฉันรับมันมาอย่างงุนงง “เปลี่ยนแค่เสื้อก็ดูดีแล้ว”

          ใบหน้าของฉันแดงฉ่าขึ้นมาจนฉันสัมผัสได้ก่อนจะรีบเดินเบี่ยงออกไปเพราะกลัวว่าคนพี่จะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงระรัวอยู่ในอก ทั้งใบหน้าแดงก่ำจากความเขินอาย

          ฉันเดินเข้ามาในห้องลองชุด ก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อลายดอกออกแล้วสวมเสื้อยืดสีขาวที่พี่คิณเลือกซื้อให้ก่อนจะสายสายเอี๊ยมทับอีกที สายตามองตัวเองที่เป็นเงาสะท้อนอยู่ในกระจก พอเอาเสื้อยืดลายดอกออกไปก็ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย

          พี่คิณก็ตาถึงนะ

          ฉันคิดในใจก่อนจะเปิดประตูออกไป สายตาจับจ้องไปยังพี่คิณที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหน้าร้าน ฉันรีบเดินเข้าไปหาพี่เขาทันที พี่คิณหันหน้ากลับมามองฉันก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

          “ดูดีนี่ น่ารักกว่าที่คิดอีก” ฉันรีบหันหน้าหนีไปมองทางอื่นเพื่อไม่ให้พี่เขาได้เห็นใบหน้าแดงระเรื่อของฉัน

          “ขอบคุณค่ะ” น้ำเสียงตะกุกตะกักของฉันทำเอาพี่คิณเผลอหลุดหัวเราะออกมา ฉันได้แต่ยกมือขึ้นมาลูบท้ายทอยอย่างประหม่า

          “ไปเดินเล่นต่อกันเถอะ”

          “ค่ะ” ฉันตอบรับก่อนจะเดินตามพี่คิณไป พวกเราเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินของห้างที่ทั้งสองฝั่งมีร้านขายของละลานตา

          ฉันเหลือบไปเห็นร้านชานมไข่มุกร้านโปรดที่ฉันชอบดื่มเป็นประจำก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าคนพี่ที่กำลังมองตรงไปด้านหน้า

          “พี่คะ หนูขอไปซื้อชานมก่อนนะคะ”

          “ได้สิ” ฉันรีบปลีกตัวออกมาแล้วเดินไปสั่งชานมไข่มุกอย่างอารมณ์ดี เพราะฉันถือคติว่าของหวานจะช่วยเยียวยาทุกอย่างจนบางทีก็น่าจะเยียวยามากไปหน่อย

          ต่อแถวได้ไม่นานชานมไข่มุกของโปรดก็มาถึงมือฉัน ฉันรีบเจาะหลอดแล้วดูดมันขึ้นมาดื่มอย่างชื่นใจกลิ่นชาหอม ๆ หวาน ๆ ติดปลายลิ้นพร้อมกับได้เคี้ยวเม็ดไข่มุกหนึบ ๆ มันทำให้อารมณ์ฉันดีขึ้นมาอย่างทันตาเห็น

          “อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”

          “พี่ไม่เคยดื่มเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามตาใส

          “พี่ไม่ค่อยทานของหวานน่ะ”

          “ลองชิมดูสิคะ นี่เจ้าโปรดหนูเอง” ฉันเผลอตัวเอ่ยชวนด้วยความคุ้นชินพร้อมกับยื่นแก้วไปให้พี่เขาอย่างดิบดีจนลืมไปว่าพี่เขาต้องใช้หลอดเดียวกันกับที่ฉันดูดไปแล้วนี่หว่า

          นิดาเอ๊ยนิดาทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังอีกแล้วนะ

          “โอ๊ะขอโทษค่ะลืมตัว” ฉันกำลังจะชักมือกลับแต่พี่คิณกลับเอื้อมมือมารั้งข้อมือของฉันไว้ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาดูดชานมไข่มุกในมือของฉันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

          ฉันเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงพลางหัวใจได้ทำงานหนักอีกรอบเพราะคราวนี้ใบหน้าหล่อของพี่คิณมันอยู่ใกล้ฉันเพียงแต่นิดเดียวเท่านั้น ฉันได้กลิ่นแชมพูที่ติดอยู่บนเส้นผมของพี่เขาลอยเข้ามาปะทะที่จมูก กลิ่นมิ้นต์บนศีรษะของพี่เขากลบกลิ่นชาที่ลอยออกมาจากร้านขายชาเสียจนฉันตัวแข็งทื่อ

          “อื้อ อร่อยดีนะ” พี่คิณที่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยังเคี้ยวไข่มุกในปากพูดขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นป้องริมฝีปากบาง

          ฉันพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองทางอื่นพลางยกชานมไข่มุกขึ้นมาดื่มแก้เขิน จนนึกได้ว่าแบบนี้มันเป็นการจูบทางอ้อมนี่

          “แค่ก ๆ ๆ” ไข่มุกเม็ดหนึ่งหลุดลงคอฉันไปเสียดื้อ ๆ จนฉันเกิดอาการสำลัก

          “เป็นไรไหม” พี่คิณลูบหลังฉันอย่างตื่นตระหนก ฉันรีบยกมือเพื่อบอกว่าไม่เป็นอะไร

          ให้ตายสิ วันนี้มีแต่เรื่องให้ขายหน้าชะมัดเลย

          พวกเราเดินต่อกันมาเรื่อย ๆ พลางพูดคุยกันเล็กน้อยเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูตึงเครียด

          “ปกติเราชอบทำอะไรเหรอ”

          “เวลาว่างเหรอคะ หนูชอบดูหนังดูซีรีส์ค่ะ แล้วพี่คิณล่ะคะ” ฉันเอ่ยถามกลับ

          “อือ ปกติพี่ไม่ค่อยว่างอะ ต้องไปฝึกงานที่บริษัทแล้วแถมยังต้องไปศึกษางานกับพี่ชายพี่อีก”

          “งั้นเหรอคะ ดูวุ่นวายจัง”

          “แต่พอเวลาพี่ว่างพี่ก็ชอบไปดูหนังนะ เราชอบดูหนังแนวไหนล่ะ” ฉันรีบยิ้มร่าก่อนจะเอ่ยตอบพี่คิณ

          “หนูชอบดูหนังผีค่ะ”

          “หนังผีเหรอ” คนพี่ถึงกับขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ “เราไม่กลัวผีเหรอ”

          “กลัวสิคะ แต่หนูชอบดู ท้าทายตัวเองดีมั้งคะ ฮ่า ๆ ๆ” ฉันอย่างขบขันจนพี่คิณฉีกยิ้มตาม คนอะไรยิ่งยิ้มก็ยิ่งหล่อเหมือนกันนะเนี่ย “แล้วพี่ล่ะคะ ชอบดูหนังแนวไหน”

          “พี่ชอบดูคอมเมดีอ่ะ”

          “หา?” ฉันหันไปมองพี่คิณด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าคนที่ปกติเคร่งขรึมดูหยิ่ง ๆ กลับชอบดูหนังคอมเมดี้หนังตลกพวกนี้เหรอเนี่ย “จริงเหรอคะ”

          “ทำไมอะ”

          “เปล่าหรอกค่ะ แค่ดูขัดกับสไตล์อะ”

          “เราก็เหมือนกันน่ะแหละ พี่คิดว่าเราจะชอบดูหนังแบบโรแมนติกอะไรพวกนี้ซะอีก”

          “อันที่จริงหนูก็ดูได้หมดแหละค่ะ แล้วแต่ว่าเรื่องไหนน่าดู” พี่คิณพยักหน้ารับเข้าใจที่ฉันพูด

          “เดือนหน้ามีหนังใหม่น่าดูอยู่ ไว้ไปดูด้วยกันไหม”

          “คะ” ฉันหยุดเดินอย่างกะทันหันพลางเงยหน้าขึ้นสบตากับคนพี่ตาปริบ ๆ “พี่ชวนฉันไปดูหนังเหรอคะ”

          “อื้อ เราไม่ว่างเหรอ”

          “เปล่าค่ะ” ฉันรีบส่ายหน้าระรัว “ว่างค่ะ ๆ เมื่อไหร่บอกได้เลยค่ะ”

          “งั้นแลกไลน์กันไว้ไหม พี่จะได้นัดวันได้” พี่คิณยื่นโทรศัพท์มือถือมาตรงหน้าฉัน ฉันรีบเอื้อมมือไปรับแล้วกดไอดีไลน์ให้พี่เขาทันทีโดยไม่ต้องรีรออะไร

          นี่ฉันฝันอยู่หรือไงเนี่ย ระหว่างที่พี่คิณกำลังจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือฉันก็แอบหยิกตัวเองเบา ๆ จนรู้สึกเจ็บแปล๊บจริง ๆ จนต้องนิ่วใบหน้า

         ไม่ได้ฝัน

         “พี่เพิ่มเพื่อนไว้แล้ว เดี๋ยวพี่ไปดูวันไหนแล้วพี่จะส่งข้อความไปบอกนะ”

         “ค่ะได้ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับคำพลางมองข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ

         พี่คิณส่งสติกเกอร์มาทักทายในห้องบทสนทนาทำเอาฉันรู้สึกเหลือเชื่อว่าตัวเองมีไลน์ของพี่คิณไว้ในเครื่องแล้วจริง ๆ

         “แม่พี่ไลน์มาบอกว่าจะกลับแล้ว วันนี้พวกเราพอแค่นี้แล้วกลับกันเถอะเนอะ”

         “ค่ะ”

         “กลับดี ๆ นะ”

        “เอ้อ พี่คิณคะ” ฉันรีบเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของคนพี่ไว้อย่างฉับไว

        “หือ?”

        “ขอบคุณสำหรับเสื้อแล้วก็ ร่มของวันนั้นด้วยนะคะ” พี่คิณส่งยิ้มอ่อนให้ก่อนจะพยักหน้ารับ ฉันรีบปล่อยมือออกจาก  ชายเสื้อของพี่เขาก่อนที่ร่างสูงของพี่เขาจะเดินจากไป

        ฉันรีบเม้มริมฝีปากของตัวเองที่กำลังจะฉีกยิ้มกว้างด้วยความตื้นตันใจ

        กรี๊ดดดดด

        ไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องทั้งหมดนี่เกิดขึ้นจริง ฮืออออ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนพิเศษ 2  Wedding Day

    “โอ๊ย ตื่นเต้นอะแก” ฉันเดินวกไปวนมาอย่างตื่นเต้นในห้องแต่งตัวโดยมีเพื่อนสาวสองคนของฉันคอยตามประกบ “แกใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหมเนี่ยเดี๋ยวชุดพังหมด” มนบ่นเหมือนแม่ตามเคยแถมยังคอยเดินตามจัดชุดให้ฉัน “งานแต่งงานทั้งทีเลยนะเว้ยจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง” “เรารู้ว่าแกอะตื่นเต้น แต่ช่วยอยู่เฉย ๆ ให้พี่ช่างแต่งหน้าซับหน้าก่อนได้ไหม” วิยื้อแขนของฉันไว้พลางพยักเพยิดหน้าไปทางพี่ช่างแต่งหน้าที่ถือแปรงรออยู่นานสองนาน “อุ๊ย ขอโทษค่ะ” ฉันรีบผงกหัวขอโทษแล้วเข้าไปนั่งที่หน้ากระจกเหมือนเดิม “ไม่เป็นไรค่ะคุณน้อง เจ้าสาวส่วนมากที่พี่เห็นก็อาการเหมือนน้องนี่แหละค่ะ เดี๋ยวพอเข้าไปเจอเจ้าบ่าวก็ดีขึ้นเอง” “พี่คิณหล่อมาก ฉันแวะไปดูมาแล้ว” มนก้มลงมากระซิบฉัน “พี่คิณก็หล่ออยู่แล้วปะ แฟนฉันทั้งคน” ฉันแอบขิงใส่เพื่อนสนิทจนเพื่อนสาวทั้งสองแอบเบะปากด้วยความหมั่นไส้ พี่ช่างแต่งหน้าเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเอือมระอา สงสัยคงเจอมาเยอะแล้วละมั้ง พอช่างแต่งหน้าซับหน้าแล้วแต่งเพิ่มใ

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนพิเศษ 1 Will you marry me?

    ห้าปีต่อมา ฉันเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมาได้ปีกว่าแล้ว และเข้ามารับช่วงต่อในบริษัทของผู้เป็นพ่อ ยอมรับเลยว่างานค่อนข้างหนักหน่วงเสียจนฉันแทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อน หรือแม้แต่ออกไปเที่ยวเล่น ทานข้าว ดูหนังกับพี่คิณเลยสักนิด เมื่อก่อนพี่คิณแบ่งเวลาให้ฉันได้ยังไงกันนะ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเวลาแทบจะจับโทรศัพท์ยังจะไม่มี “คุณฐานิดาคะ คุณอคิราห์ติดต่อมาว่าติดต่อคุณไม่ได้ค่ะ” เลขาฯสาวเดินเข้ามาในห้องก่อนที่ฉันจะเงยหน้าขึ้นไปมอง พอได้ยินฉันก็รีบเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะข้างกองเอกสารกองโตขึ้นมาดู ให้ตายสิ ลืมนัดพี่คิณไปได้ยังไงเนี่ย “ขอบคุณที่เข้ามาบอกนะ เดี๋ยวฉันขอโทร.หาพี่เขาก่อน” เธอพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ฉันรีบกดโทรศัพท์แล้วโทรหาแฟนหนุ่มทันทีด้วยความรู้สึกผิด ไม่นานนักพี่เขาก็รับสาย [สวัสดีครับ] “พี่คิณ วันนี้หนูคงไปทานอาหารด้วยไม่ได้แล้วนะคะ พอดีว่าหนูมีประชุมตอนเย็นอีก” [อ่า... เหรอครับ] “หนูขอโทษนะ”

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 25 The End

    “ทะเล” ฉันลากเสียงยาวพลางวิ่งลงจากรถแล้วด้าวเท้าเข้ามาเหยียบบนหาดทรายขาวละเอียดนำหน้าพี่คิณที่กำลังก้าวเท้าลงจากรถตู้ พวกเราเดินทางกันมาหลายคนเลยตัดสินใจที่จะเหมารถตู้มาสองคันเพื่อลดปริมาณรถลง ถ้าต้องขับมาเองได้มาเป็นขบวนแน่ ประหยัดน้ำมันแถมรักโลกด้วย “ยายนิดาเดินดี ๆ เดี๋ยวล้ม” มนเดินตามฉันเหมือนแม่ ในมือประคองหมวกกันแดดบนศีรษะหวั่นจะปลิวไปตามสายลมที่พัดพลิ้ว “มาทาครีมกันแดดด้วย” “ฉันไม่ชอบอะมันเหนียว” “ทา ๆ ไปเถอะ ผิวไหม้ขึ้นมาอย่ามาบ่นนะ” ฉันได้แต่เบะปากมองบนอย่างไม่พอใจในขณะที่มนบีบครีมใส่มือแล้วมาลูบทาบนแขนของฉันยกใหญ่ เหมือนแม่เลยจริง ๆ “พวกเราไปถ่ายรูปตรงนั้นกันไหม” วิชี้ไปทางโขดหินก้อนใหญ่ก่อนพวกเราจะเดินย่ำหาดทรายเพื่อไปถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน “ห้องนอนได้ห้องละสองคนนะ” พี่คุณเดินมาพร้อมกับกุญแจห้อง “ฉันนอนกับนิดานะคะ” พี่ธิดาว่าพลางเดินเข้ามากอดคอฉัน “ได้ค่ะ” ฉันส่งยิ้มรับ “แล้วพี่นอนกับใครล่ะ” พี่คุณเอ่ยทักท้วง ได้ข่าวว่าหลังจากที่พี่ธิดาเรียนจบทั้งส

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 24 เรียนจบ

    “หยุดยาวนี้ไปเที่ยวทะเลกันไหม” ฉันพลิกตัวมานอนค่ำบนเตียงนอนในขณะที่เพื่อนของฉันอีกสองคนกำลังนอนเปื่อย ๆ ในห้องนอน คอนโดฯ ของมน เจ้าของห้องนอนไถโซเชียลไปมาในขณะที่วิกำลังนอนอ่านหนังสืออย่างเบื่อหน่าย “พ่อฉันอะไม่เท่าไร แต่พ่อแกกับพ่อวิจะให้ไปเหรอ” มนเลิกคิ้วพลางเอ่ยถามทั้งฉันและวิ “หยุดยาวป๊าไปต่างประเทศ แอบไปเขาก็ไม่รู้หรอก” วิพูดพร้อมกับปิดหนังสือในมือลงเพื่อหันมาให้ความสนใจ “ใครสั่งใครสอนให้ลูกฉันเป็นเด็กใจแตกเนี่ย” มนเอ่ยแซว แต่กับเรียกสายตาของฉันและวิให้หันไปจ้องมองจนคนที่ถูกจับจ้องกระพริบตาถี่รัวอย่างประหม่า “แล้วแกล่ะนิดา พ่อแกให้ไปเหรอ” “พี่คิณบอกว่าจะไปขอพ่อให้” “แกคิดว่าพี่คิณจะขอพ่อแกได้เหรอ พ่อแกเขาก็ดูไม่ค่อยปลื้มที่แกมีแฟนสักเท่าไรนะ ถ้าไม่ติดที่เกรงใจแม่แกอะ” วิว่าอย่างขำขัน ฉันเองก็ขำพอกัน พ่อฉันหวงฉันมาก ๆ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่พอแม่เล่าให้ฟังฉันก็กระจ่างแจ้งเลย เพราะตอนเป็นวัยรุ่นพ่อเจ้าชู้มาก ๆ พ่อเลยกลัวว่ากรรมจะตามสนองกลัวว่าฉันจะเจอผู้ชายที่ไม่ดี แต่แม่ก็ได้ล้างบาปใ

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 23 เข้าใจ

    “อยากไปเที่ยวทะเลชะมัดเลย” ฉันไถหน้าจอโทรศัพท์มือถือดูโซเชียลไปมาอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้ฉันสอบเสร็จหมดแล้วเตรียมที่จะขึ้นปีสองอย่างสมบูรณ์ ส่วนพี่คิณน่ะเหรอก็วุ่นอยู่กับโปรเจกต์จบจนแทบจะไม่มีเวลาแม้แต่จะนอนพักเสียด้วยซ้ำ “ไว้พี่เรียนจบแล้ว เราไปด้วยกันนะคะ” พี่คิณยกยิ้มมุมปากพลางยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันเบา ๆ “ฉันอยากให้พี่ไปพักผ่อน ทำไมถึงได้ลากฉันมาดูหนังได้ล่ะคะเนี่ย” ฉันเลิกคิ้วขึ้นถาม ถึงแม้ในใจจะดีใจมากก็ตามที “ช่วงนี้เราไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ด้วยกันเลย พี่เลยหาเวลามาอยู่กับหนูไงคะ” “แฟนใครเนี่ยน่ารักจัง” ฉันกอดแขนของคนพี่พลางซบใบหน้าลงกับไหล่แกร่ง ช่วงนี้พี่คิณดูผอมลงหรือเปล่านะ ต้องเป็นเพราะพักผ่อนไม่พอแน่ ๆ “ไปดูหนังกันเถอะครับ หนังจะเข้าแล้ว” “โอเคค่ะ” พี่คิณพาฉันเดินเข้ามาในโรงหนัง พวกเรานั่งดูภาพยนตร์จนจบเรื่องก่อนจะเดินออกมาจากโรงหนัง หนังเรื่องเมื่อกี้เป็นหนังที่ฉันอยากดูมากแล้วพี่คิณก็ตามใจพาฉันมาดูเพราะรู้ว่าฉันชอบดูหนังผีมากแค่ไหนถึงพี่คิณจะแอบกลัวผีอยู่หน่อย ๆ ในโรงหนังเมื

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 22 สัญญานะคะ

    ฉันค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า สายตาพร่ามัวมองเพดานห้องสีขาวที่ลอยไปมาในอากาศก่อนจะกลับมารวมกันจนเห็นเป็นภาพได้ชัดเจน ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อขจัดความเมื่อยล้าแต่กับถูกแรงรัดจากวงแขนของใครบางคนดึงร่างกายเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันเข้ามาแนบชิดเนื้อหนังอุ่น เดี๋ยวนะ ที่เมื่อคืนฝันว่างูรัดไม่ใช่งูจริง ๆ หรอกเหรอ ฉันลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างตกตะลึงสายตาก้มลงมองร่างกายของตัวเองที่ขลุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาก่อนจะบกมือขึ้นมาหยิบมันขึ้นอย่างลุ้นระทึก ร่างกายเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าปกคลุมทั้งฉันและชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งตรอกย้ำว่าเมื่อคืนนั้นเป็นเรื่องจริง บทเพลงรักอันเร่าร้อนที่ถูกบรรเลงขึ้นเมื่อคืนมันเป็นเรื่องจริง เมื่อฉันตั้งสตินึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาอย่างแจ่มชัด ใบหน้าของฉันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างกับมีแสงแดดมาส่องหน้า “พี่คิณคะ” ฉันเขย่าปลุกอีกฝ่าย “อือ” พี่คิณส่งเสียงครางต่ำในลำคออย่างไม่พอใจยิ่งซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอของฉัน ลมหายใจอุ่นรินรดต้นคอเสียจนมันจั๊กจี้ในหัวใจ “ตื่น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status