Share

บทที่ 10

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เฉิงจืออี้กล่าวอย่างมีความหมาย “หลังจากมาถึงหลงเฉิงแล้ว กระหม่อมได้ยินมาหลายครั้งว่า เหล่าองค์ชายและองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนมิลงรอยกัน ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร องค์ชาย หากท่านประสงค์ทวงคืนศักดิ์ศรี ท่านสามารถร่วมมือกับเหล่าองค์ชายแห่งต้าเหยียนได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เป็นความคิดที่ดี!”

มู่หรงฟู่ตบต้นขาของตนในทันใด และลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

แต่หลังจากสงบลงแล้วเขาก็ถอนหายใจด้วยความหดหู่ “วันนี้เราก่อความวุ่นวายในราชสำนักต้าเหยียน องค์ชายแห่งต้าเหยียนเหล่านี้คงเกลียดเราแล้วจะมีใครร่วมมือกับเราอีกหรือ?”

“องค์ชาย หาอย่าได้ประมาทความยั่วยุของตำหนักบูรพา องค์ชายเหล่านั้นต่างรอมิไหวที่จะได้เหยียบย่ำฉินซูพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วตามที่ขุนนางอาวุโสเฉิงบอก เราควรร่วมมือกับองค์ชายคนใดดีเล่า?”

เฉิงจืออี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์ชายสามฉินหงหรือองค์ชายหกฉินเหยี่ยนแห่งต้าเหยียน ทั้งสองเผชิญหน้ากับฉินซูในราชสำนักในวันนี้ พวกเขาจะตกลงร่วมมือกับเราอย่างแน่นอน”

มู่หรงฟู่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องนี้มิควรล่าช้า เราไปคุยกับพวกเขาตอนนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“องค์ชาย หากออกไปเช่นนี้จะถูกดึงดูดความสนใจได้ง่าย สวมอาภรณ์เรียบ ๆ ออกไปดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

“ขุนนางอาวุโสเฉิงรอบคอบมิเปลี่ยน!”

หลังจากนั้นมินาน

มู่หรงฟู่สวมอาภรณ์ธรรมดาแล้วออกจากสถานีหลวงไปพร้อมกับเฉิงจืออี้ มุ่งไปที่จวนอ๋องฉี

เมื่อพวกเขามาถึงจวนอ๋องฉี พวกเขาก็ได้พบว่าอ๋องฉีมิได้อยู่ในจวน

ด้วยความสิ้นหวังจึงต้องเปลี่ยนเส้นทางไปที่จวนอ๋องจิ้น

จวนอ๋องจิ้น

ฉินเหยี่ยนกำลังฝึกดาบในสวนหลังบ้าน

รูปร่างของเขาเคลื่อนไหวดั่งสายลม ทุกท่าทางแสดงถึงความสง่างามและจังหวะที่แน่นอน

ขณะที่เขารู้สึกควบคุมได้มากขึ้น ขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา

“ท่านอ๋อง องค์ชายห้าแห่งเป่ยเยี่ยนและขุนนางอาวุโสเฉิงเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินเหยี่ยนก็หยุดดาบพลางขมวดคิ้ว “พวกเขามีธุระอันใดกับตัวข้า?”

“เอ่อ… พวกเขามิได้บอกชัดเจนพ่ะย่ะค่ะ”

ขุนนางประจำจวนอ๋องที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเตือนว่า “ท่านอ๋อง วันนี้องค์ชายมู่หรงฟู่ถูกองค์รัชทายาททำให้อับอายในราชสำนัก พวกเขามาที่นี่ยามนี้ เกรงว่าพวกเขาต้องการร่วมมือกับท่านเพื่อจัดการกับองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”

“ร่วมมือ?”

ฉินเหยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดด้วยความสนใจ “หากเป็นเช่นนั้น ตัวข้าก็อยากจะรู้นักว่าพวกเขาจะจัดการกับฉินซูอย่างไร พาพวกเขาไปที่ห้องโถงรับแขก เอาชาให้พวกเขาด้วย ส่วนตัวข้าจะตามไปทีหลัง”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากที่ขันทีน้อยเดินออกไปแล้ว ขุนนางประจำจวนอ๋องซุนฉีก็ถามอย่างเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง ท่านจะร่วมมือกับพวกเขาจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินเหยี่ยนยิ้มเบา ๆ “มิว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ เรามาดูกันก่อนเถอะว่าพวกเขาจะพูดอะไร”

“ท่านอ๋อง สิ่งที่กระหม่อมอยากจะพูดคือ เป่ยเยี่ยนเป็นแคว้นศัตรู และมู่หรงฟู่อาจมีเจตนาแอบแฝง…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉินเหยี่ยนก็ขัดจังหวะเขาด้วยการโบกมือ

“ตัวข้ามิใช่คนโง่ จะมิระวังพวกเขาได้อย่างไร บางทีเราอาจใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้”

ซุนฉีถามอย่างสงสัย “ท่านอ๋อง ท่านทรงวางแผนที่จะใช้พวกเขาอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยี่ยนตะคอกเบา ๆ จากนั้นกระซิบแผนของเขาอย่างเงียบ ๆ

หลังจากฟังสิ่งที่เขาพูดแล้ว ซุนฉีก็ยกนิ้วให้

“ท่านอ๋อง แผนนี้ช่างแยบยลนัก ด้วยวิธีนี้ เราคงได้นั่งดูอย่างสบาย ๆ แล้ว!”

“ฮ่าฮ่า มาดูกันว่า วันพรุ่งมู่หรงฟู่จะกล้าพูดต่อหน้าธารกำนัลหรือไม่ ไป ไปพบเขากัน”

หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังพลางเอามือไพล่หลังเดินกลับไปที่เรือน

หลังจากมาถึงห้องโถงรับแขก ฉินเหยี่ยนก็โค้งคำนับพลางยิ้มไปทางมู่หรงฟู่

“องค์ชายมู่หรง ขุนนางอาวุโสเฉิง ท่านทั้งสองมาที่นี่ดึกดื่น มีเรื่องอันใดหรือ?”

มู่หรงฟู่โค้งคำนับและกล่าวทักทาย “อ๋องจิ้น หากเราไม่มีธุระคงมิมา ท่านคงเดาจุดประสงค์ที่เรามาที่นี่ในครั้งนี้ได้"

“เช่นนั้น อย่าได้อ้อมค้อม บอกมา พวกท่านวางแผนจะจัดการกับฉินซูอย่างไร?”

“อ๋องจิ้นช่างรวดเร็วตรงไปตรงมา เช่นนั้นเราก็จะมิซุ่มซ่อน”

จากนั้นทั้งสามก็คุยกันเกือบหนึ่งชั่วยาม

เป็นเวลาดึกแล้วเมื่อมู่หรงฟู่และเฉิงจืออี้ออกจากจวนอ๋องจิ้น

ระหว่างทางกลับโรงเตี๊ยม พวกเขายิ้มแย้มกระปรี้กระเปร่า

มู่หรงฟู่เงยหน้าขึ้นมองแสงจันทร์ที่ส่องสกาวแล้วพูดอย่างมีชัย “ฉินซู รอข้าก่อน วันพรุ่งจะได้เห็นดีกัน"

……

วันต่อมา

หลังจากที่ฉินซูรับประทานอาหารเช้าแล้ว เขาก็ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังพระราชวังอย่างสบาย ๆ โดยมีองครักษ์ล้อมรอบ

เมื่อเขามาถึงเชิงเมืองจักรพรรดิ ฉินเหยี่ยนยิ้มและประสานมือคำนับอย่างสุภาพ

“เสด็จพี่องค์รัชทายาท ในภายหลังหากเสด็จพ่อปฏิเสธคำขอของเป่ยเยี่ยน มู่หรงฟู่จะใช้โอกาสนั้นโจมตีเป็นแน่ จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเสด็จพี่แล้ว อย่าทำให้เสด็จพ่อผิดหวังเล่า”

ฉินซูมิได้มองเขาด้วยซ้ำ เขาแค่เดินผ่านไปโดยมิแยแสสักนิด

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินเหยี่ยนก็มิโกรธ เขาเดินเอามือไพล่หลังตามฉินซูเข้าไปในพระราชวังอย่างสบาย ๆ

ภายในพระตำหนักจินหลวน

เสนาบดีทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ของราชสำนักต่างก็กระซิบและพูดคุยกันเอง

เมื่อฉินอู๋ต้าวผู้สวมอาภรณ์ลายมังกรปรากฏตัวขึ้น เหล่าเสนาบดีทั้งหลายก็คุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพ

หลังจากทำความเคารพเสร็จ ฉินอู๋ต้าวเหลือบมองขันทีอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ เขา

มีคนตะโกนจนสุดปอดจากด้านนอกห้องโถง “ประกาศ ทูตเป่ยเยี่ยนมาเข้าเฝ้าแล้ว!”

หลังจากนั้นมินานมู่หรงฟู่และคนอื่น ๆ ก็ก้าวเข้ามา

หลังจากเข้าไปในท้องพระโรงแล้วมู่หรงฟู่ก็เหลือบมองฉินซูด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน

เฉิงจืออี้ประสานมือโค้งคำนับเล็กน้อยให้ฉินอู๋ต้าวซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร และถามว่า “องค์จักรพรรดิต้าเหยียน พระองค์จะคืนชิ่งโจวให้กับเป่ยเยี่ยนของเราหรือไม่ วันนี้ถึงเวลาที่พระองค์จะทรงให้คำตอบที่ชัดเจนแก่เราแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินอู๋ต้าวยิ้มเบา ๆ และเอ่ยว่า “ขุนนางอาวุโสเฉิงล้อเล่นหรือไร นับตั้งแต่ต้าเหยียนสถาปนาชิ่งโจวก็เป็นดินแดนของเรามาโดยตลอด จะพูดถึงเรื่องคืนได้อย่างไร?”

เฉิงจืออี้ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “องค์จักรพรรดิต้าเหยียน อดีตส่วนอดีต ปัจจุบันคือปัจจุบัน หากมิคืนชิ่งโจว ทหารเป่ยเยี่ยนของเราจะเดินกำลังติดอาวุธเป็นแน่ กองทัพมาถึงที่หน้าประตูเมือง เมื่อถึงเวลานั้น แคว้นของเราทั้งสองจะจัดการทุกอย่างด้วยกำลัง กระหม่อมพูดไปหมดแล้ว เช่นนั้น ขอทูลลา!”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังกลับและเตรียมจะเดินออกไป

ทว่าฉินอู๋ต้าวไม่มีความตั้งใจที่จะเปิดปากเพื่อชักชวนให้เขาอยู่ต่ออย่างคาดมิถึง

เขาอดมิได้ที่จะรู้สึกสงสัยในใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าต้าเหยียนตั้งใจแน่วแน่ที่จะเริ่มสงครามกับเป่ยเยี่ยนจริง ๆ?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็อดมิได้ที่จะหันกลับไปถาม “องค์จักรพรรดิต้าเหยียน ข้าขอถามอีกครั้ง เพื่อชิ่งโจวแห่งเดียว ต้าเหยียนต้องการจะเผชิญหน้ากับเราเป่ยเยี่ยนเช่นนั้นจริง ๆ ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ทันทีที่เขาพูดจบเหวินเยวี่ยนซานเสนาบดีกรมกลาโหมก็หัวเราะเยาะและพูดว่า “ขุนนางอาวุโสเฉิง คำพูดของท่านน่าขันนัก ชิ่งโจวเป็นของเราต้าเหยียนมาโดยตลอด หากเป่ยเยี่ยนต้องการยึดไป เช่นนั้นก็ลองดูได้เลย”

“ใช่แล้ว ท่านคิดว่าต้าเหยียนของเรากลัวพวกท่านจริง ๆ หรือ?”

"พวกเราต้าเหยียนมิเคยเกรงกลัวการต่อสู้!"

เสนาบดีคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยเช่นกัน

เฉิงจืออี้อดมิได้ที่จะแอบประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเมื่อวานเสนาบดีเหล่านี้มิเห็นด้วยกับการทำสงคราม ไฉนตอนนี้พวกเขาจึงเปลี่ยนแนวคิดไปเช่นนี้?

ในเวลานี้ มู่หรงฟู่ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ย่อมได้ ในเมื่อต้าเหยียนตัดสินใจเข้าสู่สงครามแล้ว พวกเราเป่ยเยี่ยนก็จะมิถอยเช่นกัน”

จากนั้นเขาก็มองไปที่ฉินซูและถามไปในทิศทางอื่น “องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ก่อนออกเดินทางข้ามีคำถามจะถามท่าน”

ฉินซูเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “อะไร?”

“มิใช่เรื่องสำคัญ แค่ว่าเมื่อวานนี้ คนรักของอ๋องฉีอยู่ในตำหนักบูรพานานกว่าครึ่งชั่วยาม แต่ข้ามิรู้ว่าท่านทำสิ่งใดกับนางในช่วงเวลานั้น”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ในท้องพระโรงก็เกิดความโกลาหล!

ดวงตาของฉินเหยี่ยนฉายแววแห่งชัยชนะ ข่าวนี้เขาเป็นคนเปิดเผยต่อมู่หรงฟู่เมื่อคืนนี้

ใบหน้าของฉินหงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ผันผวน

ทันใดนั้นเขาก็จำสิ่งที่ฉินซูพูดเมื่อวานนี้ได้ เช่นเดียวกับพฤติกรรมที่ผิดปกติของหลินชิงเหยา

ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้นเขาจึงถามด้วยความโกรธ “ฉินซู เมื่อวานเจ้าทำอะไรกับชิงเหยา!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 846

    เกาตงเช็ดคราบเลือดที่มุมปากแล้วกัดฟันกรอด “วางใจเถิด ข้าตายมิได้ หนี้เลือดในวันนี้ วันพรุ่งข้าจะให้พวกมันชดใช้คืนร้อยเท่าพันทวี!”สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ใบหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัวหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็สั่งการ “ไช่ซือ เจ้าเกณฑ์คนไปซุ่มโจมตีรอบ ๆ ป้องกันมิให้พวกมันมาลอบโจมตีอีก! ส่วนคนอื่น ๆ ก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ ฟื้นฟูพละกำลังให้เต็มที่ แล้ววันพรุ่งค่อยบุกขึ้นเขาไปล้างแค้นความอัปยศในวันนี้!”“น้อมรับบัญชา! ท่านแม่ทัพเกาวางใจได้ หากพวกมันกล้ามาอีก ข้าจะทำให้พวกมันมิได้กลับไปอีก!”ไช่ซือโบกมือแล้วนำทหารฝีมือดีหลายพันนายไปซุ่มโจมตี......เหนือหุบเขาเจี่ยเซิ่งมาหาฉินซูแล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้น “บุตรแห่งนักปราชญ์ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราควรนำคนลงจากเขาไปลอบโจมตีพวกมันดีหรือไม่ขอรับ?”เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ดวงตาของทุกคนรอบข้างก็พลันสว่างไสวขึ้นมาทันที ต่างเตรียมพร้อมที่จะลงมือฉินซูถอนหายใจเหลือบตามองพวกเขา แล้วกล่าว “พวกมันเพิ่งจะประสบความสูญเสียใหญ่หลวงไปเมื่อครู่ ตอนนี้คงวางแผนซุ่มโจมตีรอเราตกหลุมพรางอยู่เป็นแน่!”เจี่ยเซิ่งคิดดูแล้วก็เห็นด้วย จึงจำใจยอมแพ้ฉินซ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 845

    “รองแม่ทัพของอ๋องเซียงหยางทุกคนล้วนเป็นผู้ที่สามารถนำทัพทำศึกได้ดีเยี่ยม เพียงแต่อ๋องเซียงหยางตั้งมั่นแน่วแน่ที่จะแก้แค้นให้บุตรชายของตน ดังนั้นเมื่อใดที่อาการบาดเจ็บของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เขาย่อมต้องพักรบ ซึ่งจะทำให้พวกท่านเป่ยเยี่ยนมีเวลาเสริมสร้างปราการป้องกันเมือง!”“พูดง่ายนี่ ต่อให้อ๋องเซียงหยางมาถึงแนวหน้า เขาย่อมต้องปักหลักตั้งค่ายใหญ่โต คิดว่าลอบโจมตีเขาง่ายนักหรือ?”ชิวเจ๋อเอ่ยปาก “ข้าน้อยยินดีช่วยเหลือพวกท่าน ขอเพียงพวกท่านปล่อยข้ากลับไป ข้าจะลอบเข้าหาอ๋องเซียงหยาง แล้วลงมือโจมตีเขาให้บาดเจ็บ เช่นนี้เขาก็จำต้อง...”ยังมิทันกล่าวจบ เจี่ยเซิ่งก็แค่นยิ้มเย็นเอ่ย “ปล่อยเจ้ากลับไปรึ? เจ้าเห็นพวกข้าโง่เง่าเต่าตุ่นหรือไร? อีกอย่างวรยุทธ์ของเขาทั้งทรงพลังลึกล้ำจนมิอาจหยั่งถึง อย่างเจ้าน่ะหรือจะทำกระไรเขาได้?”ชิวเจ๋อหน้าซีดด้วยความอับอาย มิรู้จะพูดอย่างไรเจี่ยเซิ่งมิสนใจเขา หันไปทางฉินซูแล้วกล่าว “บุตรแห่งนักปราชญ์ อ๋องเซียงหยางมีวรยุทธ์แกร่งกล้า กวาดสายตาไปทั่วเป่ยเยี่ยน ผู้ที่สามารถทำร้ายเขาได้เห็นจะมีเพียงท่านเจ้าสำนักเท่านั้น ดังนั้นเก็บเจ้านี่ไว้ก็เปล่าประโยชน์ เชือดม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 844

    แสงไฟลุกโชนขึ้นจากเชิงเขาที่อยู่ไกลออกไป ปนเปไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน“ท่านแม่ทัพเกา แย่แล้วขอรับ ค่ายของเราโดนไฟไหม้!”ทหารนายหนึ่งได้สติแล้วรีบตะโกนเตือนเกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ เขาตะโกนลั่น “ถอย! รีบถอยลงไปช่วยค่าย!”ดังนั้น พวกเขาจึงรีบหันหลังถอยลงจากเขาไปอย่างรวดเร็วระหว่างการถอยทัพ ด้านหลังของพวกเขาเปิดกว้าง พลธนูบนภูเขาจึงมิพลาดโอกาสที่ฟ้าประทานนี้เสียงสายธนูดังผึงสลับกัน ลูกธนูพุ่งทะลุห้วงอากาศว่างเปล่าราวกับลำแสงสีดำในแสงจันทร์เลือนรางพร้อมกันนั้น ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากกลิ้งลงมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน การลอบโจมตีของเกาตงในครั้งนี้จึงประกาศความล้มเหลว มิหนำซ้ำยังสูญเสียทหารไปอีกสองสามร้อยนายเมื่อมาถึงตีนเขา เขากับไช่ซือก็รวมกำลังกันแล้วรีบไปช่วยค่ายที่กำลังไฟไหม้ในตอนนั้นเอง เสียงแหวกอากาศดังลั่นมาจากสองข้างถนนอีกครั้ง“อ๊าก!!”“แย่แล้ว รีบแยกย้ายกันเร็วเข้า!”เสียงกรีดร้องและเสียงอุทานปะปนระงมทั่วเกาตงและคนอื่น ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธขึ้งพวกเขาต้องการตอบโต้ ทว่าภายใต้แสงจันทร์อันมืดสลัว พวกเขามิรู้ด้วยซ้ำว่าลูกธนูยิงมาจาก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 843

    “เช่นนี้… เช่นนี้...”เกาตงเล่าแผนของเขาให้ฟังไช่ซือและรองแม่ทัพคนอื่น ๆ ที่ได้ยินดังนั้น ต่างคนต่างพยักหน้าถี่ ๆ“แผนของท่านแม่ทัพเกายอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าน้อยเลื่อมใส!”“หึหึ รอให้บุกขึ้นไปได้แล้วข้าจะสับแขนขาพวกทหารเป่ยเยี่ยนเหล่านั้นให้ละเอียด ให้พวกเขาทรมานเจียนตาย!”ทุกคนพูดคุยกันด้วยใบหน้าที่ยิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้นเรื่อย ๆหนึ่งชั่วยามต่อมา ดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าเจี่ยเซิ่งถามด้วยความกังวลเล็กน้อย “บุตรแห่งนักปราชญ์ ฟ้าใกล้จะมืดแล้วขอรับ หากพวกเขาอาศัยความมืดลอบบุกขึ้นมา พวกเราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ?”ฉินซูครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วสั่งการ “ให้พลธนูประจำการอยู่ตามหุบเขาทั้งสองด้านฝั่งละห้าร้อยนาย แสร้งทำให้ดูน่ากลัวเข้าไว้ หากข้างล่างมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็ให้ยิงธนูทันที จากนั้นท่านและข้าจะนำทหารคนละสองพันนายเลี่ยงเส้นทางลงจากเขาแล้วอ้อมไปซุ่มโจมตีด้านหลังค่ายของพวกเขา!”“หา? ลงจากเขาหรือ? แล้วถ้าบังเอิญเจอระหว่างทางเล่าขอรับ?”“พวกเขาจะต้องอาศัยความมืดลอบขึ้นมาเช่นกัน พวกเราเลี่ยงเส้นทางลงจากเขา จึงเป็นไปมิได้ที่จะชนกับพวกเขา และต่อให้ปะทะกันก็มิได้มีกระไร การตีจากสูงลงต่ำ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 842

    ไช่ซือหันกลับไปมองหุบเขาแล้วถาม “ท่านแม่ทัพเกา เราควรจะบุกขึ้นไปตามเนินเขาทั้งสองด้านหรือไม่?”เกาตงครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วกล่าว “ให้สหายเราพักรบอยู่กับที่ก่อนดีกว่า ไปดูแลคนเจ็บ ฟื้นฟูสรรพกำลัง แล้วค่อยตามข้าบุกขึ้นไป เพื่อแก้แค้นให้สหายที่ตายจากไป!”“น้อมรับบัญชา!”ไช่ซือรับคำสั่งอย่างนอบน้อม แล้วถ่ายทอดคำสั่งออกไปเหนือหุบเขาในเวลานี้ เจี่ยเซิ่งและคนอื่น ๆ ต่างตื่นเต้นเหลือคณา!“เมื่อครู่ ทัพหน้าของแคว้นฉีคงจะสูญเสียไพร่พลนับหมื่นนายได้กระมัง? กลยุทธ์อันยอดเยี่ยมของบุตรแห่งนักปราชญ์ช่างร้ายกาจจริง ๆ!”“ใช่แล้ว น่าเสียดายที่พวกเรามีกำลังคนมิเพียงพอ มิเช่นนั้นย่อมกำจัดพวกเขาได้สบาย”เจี่ยเซิ่งรู้สึกสงสัยเล็กน้อย หันไปถามฉินซู "บุตรแห่งนักปราชญ์ กลยุทธ์ของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เหตุใดตอนนั้นท่านจึงมินำกำลังคนมามากกว่านี้หรือขอรับ?”คนอื่น ๆ ก็มิเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน ต่างพากันจับจ้องฉินซูฉินซูอธิบายว่า “จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของพวกเราคือการถ่วงเวลาพวกเขา เพื่อให้แม่ทัพใหญ่มีเวลาเตรียมตัว หากนำคนมามากเกินไป หนึ่งจะทำให้พวกเขาสังเกตได้ง่าย และทำให้พวกเขาระวังตัวยิ่งขึ้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 841

    ไช่ซือพึมพำขณะโบกมือ แล้วนำเหล่าทหารติดตามเกาตงเข้าไปในหุบเขาอย่างหยิ่งผยองสิ่งที่พวกเขามิรู้คือ ที่ปากทางเข้าหุบเขาทั้งสองด้าน พลธนูหนึ่งพันนายกำลังซุ่มตัวอยู่ในที่ลับตา เฝ้ามองความเคลื่อนไหวของพวกเขาอย่างเงียบเชียบ“บุตรแห่งนักปราชญ์ พวกเขาเข้าสู่หุบเขาแล้วขอรับ!”ทหารนายหนึ่งกระซิบเตือนด้วยความตื่นเต้นฉินซูโบกมือเบา ๆ เป็นสัญญาณมิให้กระทำการผลีผลามจากนั้น ฉินซูก็หยิบคันธนูขึ้นมา ลูกธนูที่พันด้วยเศษผ้าและน้ำมันไฟถูกจุดไฟรออยู่แล้วเขาง้างธนูเล็งเป้า เมื่อเกาตงและคนอื่น ๆ กำลังจะข้ามร่องน้ำที่ฝังน้ำมันไฟไว้ เขาก็ปล่อยสายธนูออกไปอย่างรวดเร็วฟิ้ว!ภายใต้เสียงแหวกอากาศอันแหลมคม ธนูพุ่งลงสู่ร่องดินอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าน้ำมันไฟในร่องดินถูกจุดติดทันที เปลวไฟลุกโชนขึ้นไปสูงถึงหนึ่งจั้ง!ม้าศึกของเกาตงและคนอื่น ๆ ตกใจกับเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมาอย่างกะทันหัน และเนื่องจากความเร็วในการเดินทัพของพวกเขาที่รวดเร็วเกินไป คนที่อยู่ข้างหลังจึงมิสามารถหยุดได้ทันทำให้พวกเขาตกม้าพร้อมกัน สถานการณ์อลหม่านในพริบตา“ยิงธนู!”ฉินซูโบกมือ พลธนูที่ดักซุ่มอยู่สองข้างหุบเขาก็เริ่มยิงธนูทันทีลูก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status