อันหลินไม่ทันจะได้ปฏิเสธ เขาก็จับปลายคางนาง และให้ผ้าในมือซับน้ำรอบ ๆ ริมฝีปากนางอย่างเบามือ สัมผัสนั้นกลับทำให้นางรู้สึก ราวกับมีไฟผ่านไปทั่วทั้งร่าง มันทั้งดึงดูดและร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัว อย่างบอกไม่ถูก
“เสร็จแล้ว”
“อ้อ… ขอบใจเจ้ามาก”
“อยากไปฟังข้าบรรเลงฉินแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปสิ”
เขาพานางมาที่สวน ซึ่งจัดเอาไว้เพื่อฟังดนตรีโดยเฉพาะ ปกติบริเวณนี้ จะมีนักดนตรีหลายคนที่มาบรรเลงดนตรีให้นางฟัง แต่ตอนนี้ทั้งตำหนักดูเหมือนว่า จะเหลือเขาเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่น ๆ ถูกส่งไปที่กรมสังคีตทั้งหมด
“เริ่มเลยสิ ข้าอยากจะฟัง”
เขาพานางมานั่งที่เตียง และเดินไปที่ฉินตัวใหม่ ซึ่งองค์หญิงสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ
“รางวัลของเจ้า เมื่อวานนี้ซานหูบอกข้าแล้วว่า เจ้าเป็นคนอุ้มข้ากลับมา เร็วเข้าสิ ข้ารอฟังแทบไม่ไหวแล้ว”
สายตานางยั่วยวนเขา จนเริ่มคอแห้งอีกครั้ง นางเอนกายพิงกับหมอนบนตั่งสูง และจิบชาเพื่อฟังเขาบรรเลงเพลงให้ฟัง เมื่อเริ่มบรรเลง นางก็เคลิ้มไปกับดนตรี พร้อมกับเสียงน้ำตกเล็ก ที่ไหลผ่านกระทบกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งคนสวนจัดเอาไว้ เสียงเพลงที่ผ่อนคลายทำให้นางยิ้มออกมาได้
“นานแล้วที่มิได้ฟังฉินที่ไพเราะเช่นนี้ จริงสิอวี้หยาง นอกจากฉินแล้วเจ้ายังเล่นเครื่องดนตรีอย่างอื่นได้อีกหรือไม่”
“องค์หญิงอยากให้ข้า เล่นเครื่องดนตรีใดให้ฟังหรือพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าทรงเบื่อที่จะฟังฉินเสียแล้ว”
“มิใช่เช่นนั้น ข้าเพียงแค่คิดว่า ผู้ที่มีพรสวรรค์และความสามารถเช่นท่าน น่าจะเล่นเครื่องดนตรีได้หลายประเภท”
“ที่จริงข้าดีดฉินได้ไม่ชำนาญ เท่าการเป่าขลุ่ย”
“เป่าขลุ่ยงั้นหรือ เจ้าเป่าขลุ่ยได้หรือ เช่นนั้นเป่าให้ข้าฟัง...”
“เห็นทีคงจะต้องเป็นวันหลังเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่อวี้หยางพูดจบ อันหลินก็หันไปมองที่บริเวณหน้าสวนทันที นางเห็นขบวนเสด็จ ของสนมอิ่นกำลังจะมาทางนี้
“มาหาเรื่องข้าถึงที่ เช่นนี้ก็ช่วยไม่ได้ละนะ”
“องค์หญิง”
“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ถึงอย่างไรนางก็แค่ อยากจะมาดูที่ปรึกษาคนใหม่ของข้าเท่านั้น”
“พระสนมอิ่นเสด็จ”
เมื่อสนมอิ่นเดินเข้ามาถึงหน้าศาลา อันหลินมิเพียงไม่ออกมาถวายการต้อนรับ นางยังนั่งจิบชาอย่างโดยไม่สนใจ จนกงกงที่มากับพระสนมตะโกนอีกครั้ง
“พระสนมอิ่นเสด็จ!”
“พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดหรอก ดูเหมือนว่าองค์หญิง จะเสมอต้นเสมอปลายเรื่องความไร้มารยาทอยู่แล้ว”
“ข้าจะมีมารยาท ก็ต่อเมื่อคนผู้นั้นคู่ควร ส่วนกากเดนมนุษย์ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
“บังอาจ! องค์หญิงกล้าเอ่ยวาจาสามหาวเช่นนี้ กับพระสนมได้อย่างไรเพคะ”
ฟิ้ว! พรึด!
“โอ๊ย! องค์หญิง…ฮือ”
อันหลินโยนจอกน้ำชาร้อน ๆ ไปที่ใบหน้าของสาวใช้อาวุโส ที่ยืนข้างกายสนมอิ่นทันที
“จะมากเกินไปแล้วนะอันหลิน”
องค์หญิงลุกขึ้นมาและเดินเข้ามาหาอิ่นซานถงอย่างท้าทาย แม้ว่าเมื่อวานนี้นางจะถูกฝ่าบาทตำหนิ แต่วันนี้ที่นี่เป็นตำหนักของนาง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์มาหาเรื่องนางได้
“เจ้าต่างหากที่มากเกินไป เป็นแค่สนมปลายแถว ที่พยายามปีนขึ้นเตียงเสด็จพ่อ กลับคิดจะลองดีกับองค์หญิงขั้นหนึ่งอย่างข้า เจ้าคงคิดมาดีแล้วสินะ สาวใช้ของเจ้าเองก็ไร้มารยาท ไม่ต่างกับผู้ที่เป็นนาย ต่อให้ข้าสั่งตัดหัวนางตอนนี้ เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า เสด็จพ่อจะยังเข้าข้างเจ้า"
สนมอิ่นกำหมัดแน่น นางรู้ดีว่าอำนาจในวังหลวง แม้ว่านางจะเป็นสนมคนโปรด แต่ก็แค่ขั้นเฟยเท่านั้น หากมีเรื่องกับองค์หญิง ที่เป็นธิดาของฮองเฮาอย่างจ้าวอันหลิน อย่างไรก็เสียเปรียบอยู่ดี
"ก็อย่างว่าละนะ ไก่บ้านอยากเป็นพญาหงส์ มันจะทำได้เช่นไรกันเล่า อย่างมากก็ร้องเป็นอีกาเฝ้าศพเท่านั้นแหละ”
“เจ้า! องค์หญิงอันหลิน เมื่อวานนี้เจ้าถูกฝ่าบาทสั่งสอน ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สำนึกเลยสินะ”
“นี่สินะสิ่งที่เจ้าจะเอามาข่มขู่ข้า เจ้าคิดจริงหรือว่า ที่เสด็จพ่อกล้าตบข้าต่อหน้าเจ้า คือเจ้าชนะแล้ว ข้าคิดว่าในวังนี้ข้าโง่ที่สุดแล้วนะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้ที่โง่กว่าข้า"
“จ้าวอันหลินนี่เจ้า!”
"เฮ้อ…อิ่นซานถง เจ้ามีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ มัวแต่ชี้หน้าข้าแล้วพูดจาติด ๆ ขัด ๆ เช่นนี้ ผ่านไปอีกสามวันก็ไม่รู้เรื่อง ข้าไม่มีเวลาฟังเจ้าพล่ามมากนักหรอก เห็นอยู่มิใช่หรือว่าข้ากำลังฟังดนตรีอยู่”
“เจ้า!”
เพียงแค่อิ่นซานถง หันมามองบุรุษหนุ่มตรงหน้าที่เดินมาคำนับ นางก็ตกตะลึงไปในทันที
“กระหม่อมอวี้หยาง ถวายพระพรพระสนม”
“เจ้าลุกขึ้นเถอะ”
น้ำเสียงอ่อนหวาน ผิดกับเมื่อครู่ทำให้อวี้หยางเริ่มเดาบางอย่างออก ที่แท้พระสนมก็เป็นอย่างที่อันหลินเคยพูดไว้ นางก็เป็นพวกบ้าผู้ชายไม่ต่างกัน
“เจ้าเป็นที่ปรึกษาคนใหม่ขององค์หญิงงั้นหรือ มาได้กี่วันแล้ว และ…”
“อะแฮ่ม พระสนมเพคะ”
สาวใช้อาวุโส ที่ยืนลูบใบหน้าของตัวเองอยู่ พยายามเตือนนาง อิ่นซานถงหันมามองหน้าองค์หญิงอีกครั้ง
“องค์หญิงคงได้ยินชัดเจนแล้ว ว่านับจากนี้ไป ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้ามาดูแลท่านที่ตำหนัก ตามความเหมาะสม”
“งั้นหรือ เช่นนั้นข้ากำลังทำอะไรไม่เหมาะสมเล่า ข้าเห็นก็แต่เจ้า... ที่กำลังส่งสายตายั่วยวนที่ปรึกษาของข้า ทำเช่นนี้ไม่ต่างกับนางยั่วเมือง ตามหอนางโลมข้างนอกมิใช่หรือ อย่างเจ้ามีอะไรที่จะมาสั่งสอนคนอื่น แม้แต่ตัวเองยังควบคุมสติไม่ได้เลย”
“มันจะมากไปแล้วนะองค์หญิง”
ฝ่ามือของพระสนม ง้างมาเต็มที่เมื่อองค์หญิงพูดจบ อวี้หยางดึงอันหลินออกมาได้ทัน และก้าวเข้าไปขวางเอาไว้ จนถูกฝ่ามือของอิ่นซานถงฟาดเข้าเต็มแรง
เพี๊ยะ!
“โอ๊ะ! เจ้า… เหตุใดจึง”
“อวี้หยาง! อิ่นซานถง นี่คือสิ่งที่เจ้ากำลังทำหรือ เอะอะใช้กำลังตบตีคน ที่บ้านเจ้าไม่สอนหรือว่า การอบรมต้องใช้หลักคุณธรรม และจริยธรรมในการปกครองคน แม้แต่กฎเบื้องต้นเหล่านี้ยังไม่รู้ มีหน้าอะไรมาชูคอสอนผู้อื่น ทหาร!”
""พ่ะย่ะค่ะ""
“จะ เจ้าจะทำอะไร”
“เชิญสนมอิ่นกลับไป จากนี้ห้ามนางก้าวเข้ามาเหยียบตำหนักข้าอีก”
“เจ้ากล้าหรือ!”
“หริือว่าเจ้าอยากจะลองดูเล่า เอาสิอิ่นซานถง เช่นนั้นข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อในตอนนี้ และรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ให้พระองค์ทราบ จะได้รู้เสียทีว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะสั่งสอนผู้อื่นหรือไม่!”
สนมอิ่นเดินถอยออกมา เมื่อเห็นว่าอันหลินโกรธจัด สาวใช้และกงกงที่มาพร้อมกับนาง ถูกทหารของตำหนักเต๋อหยวนล้อมเอาไว้นับสิบคน ทุกคนมีอาวุธและพร้อมลงมือทันที
“พระสนมเพคะ วะ วันนี้ถอยก่อนเถิดเพคะ”
ทุกคนตัวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า อวี้หยางหันไปมองรอบ ๆ แต่ไม่ทันจะได้พูดสิ่งใด องค์หญิงก็เดินมาพยุงเขาลุก
“เจ้าเจ็บหรือไม่ หน้าเจ้าเป็นรอยเล็บเช่นนี้ อิ่นซานถง”
องค์หญิงหันไปจะเอาเรื่องนางคืน แต่อวี้หยางคว้าข้อมือนางเอาไว้
“องค์หญิงอย่ามีเรื่องเลย ตอนนี้ท่านได้เปรียบอยู่ อย่าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเอง”
นางเหมือนจะได้สติ ก็ตอนที่อวี้หยางเอ่ยเตือนขึ้นมา เขารู้แล้วว่าตำหนักเต๋อหยวนไม่ธรรมดา ทุกที่รายล้อมไปด้วยองครักษ์ที่มองไม่เห็น เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็พร้อมจะปรากฏตัวออกมา เมื่อเห็นว่าองค์หญิงกำลังมีภัย
“พาพวกนางออกไปจากตำหนักข้าเดี๋ยวนี้!”
""พ่ะย่ะค่ะ""
“จ้าวอันหลิน เจ้ากล้าให้พวกต่ำต้อยเหล่านี้… แตะต้องข้าหรือ เจ้าไม่กลัวว่า…”
“อิ่นซานถง เจ้ากล้าพูดว่าองครักษ์ป้ายทองของเสด็จพ่อ เป็นผู้ต่ำต้อยเลยงั้นหรือ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เอานางไปที่ตำหนักกลาง รายงานให้เสด็จพ่อทราบ เรื่องพฤติกรรมทั้งหมดที่นางทำในตำหนักนี้ ให้เสด็จพ่อตัดสินลงโทษนางเอง”
ศพของเซินลี่หง ถูกส่งกลับไปที่สกุลเซิน พร้อมกับหนังสือแจ้งเรื่องความผิดวินัยกองทัพ ซึ่งทางสกุลเซินเองก็มิได้มีข้อโต้แย้งอันใด พวกเขาเหมือนจะทราบชะตากรรมของนาง ก่อนที่จะกลับมาถึงชิงโจวเสียด้วยซ้ำไป เพราะท่านอ๋องไม่เคยปล่อยให้ผู้ใด ละเมิดกฎกองทัพทลายเมฆามาก่อน“ท่านอ๋อง ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นก็ดี สั่งให้ออกเดินทางในอีกสองวัน ข้าจะต้องไปถึงเสิ่นตูภายในเจ็ดวัดนี้”“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”จิ่นหลงเดินออกไปแล้ว หลังจากรายงานทุกอย่างให้ท่านอ๋องทราบ ก่อนหน้านี้เขานึกรำคาญเซินลี่หงนักหนา เพราะระหว่างเดินทาง นางทำเหมือนกับว่า ตัวเองเป็นชายาท่านอ๋องเสียเองคอยสั่งการผู้อื่นจนทุกคนเอือมระอา แต่เมื่อเห็นนางตายต่อหน้า เขาก็นึกเสียดายฝีมือของนาง แต่ก็คิดว่าท่านอ๋องมิได้ทำเกินกว่าเหตุ เป็นนางเองที่ทำให้ตัวเอง เดินมาถึงจุดนี้“พวกเจ้ารีบเตรียมของ ท่านอ๋องสั่งให้ออกเดินทาง ในอีกสองวันข้างหน้า”""ขอรับ""หรงอวี้หยางนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เขาลูบไปที่หน้าท้องซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกอาวุธลับ ของพวกกบฏชั่ว จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะอาวุธนั้นมีพิษ ตอนนี้แม้ว่าแผลจะหายสนิทแล้ว แต่เขาก็มักจะเผลอไปจ
“เอาเถอะเสี่ยวจิ่น ตอนนี้อาการท่านอ๋องก็มิได้หนักหนามาก รองแม่ทัพเซินมีใจให้ท่านอ๋องมานาน แต่ข้าก็คิดไม่ถึงว่า นางจะกล้าขัดคำสั่งกองทัพ ลอบมาหาท่านอ๋องถึงที่นี่ ทำให้ศัตรูไหวตัวทัน จนทำร้ายท่านอ๋องเข้า”“โชคดีที่มีกองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตูช่วยเอาไว้ จึงจับคนที่เหลือของอ้ายต้านเฟิงได้”“ท่านอ๋องบาดเจ็บคราวนี้ หากอาการดีขึ้น คงต้องรีบส่งกลับชิงโจว เพื่อรักษา อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว”“ว่าอย่างไรนะ แต่ว่าท่านอ๋องกับองค์หญิง”“เรื่องชีวิตของท่านอ๋องสำคัญกว่า แม้ว่าข้าจะรักษาแผลให้ท่านอ๋องได้ แต่ก็ต้องหมั่นดูอาการ ที่นี่ไม่สะดวกเจ้าก็เห็น หากเกิดเหตุการณ์เช่นเมื่อครู่อีก ครั้งนี้ข้าคงช่วยไม่ได้แล้ว อีกอย่างในอาวุธนั่นมีพิษ ยาที่รักษาพิษได้อยู่ที่เมืองชิงโจว อย่างไรก็ต้องกลับไปรักษาที่นั่น" “เช่นนั้นข้าจะรีบส่งรายงาน ไปที่กองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตู จะให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้ว่า ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัส”“เจ้ารีบไปจัดการเถอะ”“ท่านหมอ แล้วจะต้องพาท่านอ๋องกลับไปเมื่อใด” บัดนี้กบฏถูกท่านอ๋องสังหารแล้ว เรื่องชายแดนก็นับว่าพระองค์จัดการได้อย่างยอดเยี่ยม ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ ส่งจดหมายเพื่อขอบคุ
“องค์หญิง ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าจะไม่ดื่มนี่เพคะ”“ตอนนี้ข้าอยากจะดื่มแล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ยานี้ไม่ได้มีผลอะไรกับการตั้งครรภ์ในวันข้างหน้าหรอก เจ้าไม่มั่นใจวิชาแพทย์ของข้าหรอกหรือ”“มิใช่เช่นนั้นนะเพคะ เพียงแต่ข้าคิดว่าองค์หญิง กับคุณชายอวี้”“ข้ากับเขาทำไมหรือ นี่เจ้าคงจะไม่คิดว่า ข้าจะเลือกเขาเป็นราชบุตรเขย ให้กับเสด็จพ่อหรอกนะ แม้ว่าเขาจะหน้าตาดี มีความรู้มาก อีกอย่างก็เป็นบุรุษที่ข้าพาเข้าวังมา และทำให้ทะเลาะกับเสด็จพ่อไปครั้งหนึ่ง แต่ก็น่าแปลกที่หลังจากนั้น เสด็จพ่อก็ไม่ต่อว่าข้าอีกเลย คงเป็นเพราะรู้สึกผิดที่ตบข้ากระมัง”“องค์หญิง”“เอาล่ะข้าจะเข้านอนแล้ว เจ้าก็ดับไฟเสียเถอะ”“เพคะ”สองวันถัดมา / หอหรูเยว่ “องค์หญิงเพคะ คนของหอหรูเยว่มาแล้วเพคะ”“ให้เข้ามาเถอะ”“เพคะ”ซานหูนำคนของหอหรูเยว่เข้ามาเข้าเฝ้า จิ้งมาม่าและผู้ติดตามอีกคนเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวในหอหรูเยว่ ด้วยสีหน้ามิใคร่สู้ดีเท่าใดนัก“ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ”“จิ้งมาม่า ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้ามาที่นี่เพราะเหตุใด”“เอ่อ คือว่าหม่อมฉันก็พอทราบเพคะ เพียงแต่ว่า”“เจ้าทราบงั้นหรือ ไหนลองว่ามาสิ ว่าที่เจ้าทราบนั่นคือสิ่งใด”จิ
“โอ๊ย! ท่านออกไม่ได้นะ”“ปล่อยข้านะ!”เขาสะบัดแขนนางออก และรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที พร้อมกับกุมหน้าท้อง ที่เริ่มมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด“หยุดเขาไว้เร็วเข้า รีบเรียกหมอมา”“ขอรับ”อวี้หยางรีบวิ่งไป แต่ผู้คนมากมายในคืนนี้ล้วนสวมหน้ากาก ซึ่งเป็นประเพณีของงานเทศกาลที่นี่ เขามองหานางท่ามกลางผู้คน แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา ตอนนี้จมูกเขาเริ่มไม่ได้กลิ่น สายตาก็เริ่มพร่ามัวแต่เมื่อวิ่งลงไปด้านล่าง ตรงโต๊ะก่อนถึงทางออก เขาก็เห็นหน้ากากที่ถูกถอดเอาไว้ ในนั้นเปียกไปด้วยน้ำตา เมื่อเขาหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันเป็นของนางอย่างแน่นอน น้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา คงจะเจ็บปวดมาก เมื่อเห็นว่าเขาอยู่กับสตรีอื่น“อันหลิน…”“อวี้หยาง! เร็วเข้ารีบพยุงเขาขึ้นไป!”“ขอรับ”อวี้หยางยังกอดหน้ากากของนางเอาไว้แน่น ก่อนที่สติทั้งหมดของเขาจะดับวูบลงไป พร้อมกับบาดแผลที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย….“องค์หญิง! ท่านอยู่ที่นี่จริงด้วย ท่านร้องไห้หรือเพคะ”“เปล่า ข้าก็แค่หลงทาง พอดีเจอหอหรูเยว่ก็เลยจำทางได้ เจอพวกเจ้าก็ดีแล้ว กลับกันเถอะข้าเหนื่อยแล้ว”“เอ่อ เช่นนั้นกระหม่อม จะเรียกรถม้ามารับที่นี่”“ไม่ต้อง ไ
“ก็ได้ ข้ารับปากท่าน”อวี้หยางกอดนางแนบแน่น ยากเหลือเกินที่จะทำใจคลายอ้อมกอดนี้ออกไป แต่ภารกิจที่เหลือ ยังต้องการเขาไปดำเนินการให้จบ ในเมื่อตอนนี้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่ขั้นสุดท้ายเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็จะรีบจัดการเรื่องของแคว้นและ…จ้าวอันหลิน“ข้าไปนะ”“เดี๋ยวก่อน”อันหลินเดินไปที่โต๊ะ และหยิบบางอย่างออกมา มันเป็นถุงหอมที่นางแอบทำเอาไว้นานแล้ว เดิมทีก็คิดว่าจะเก็บเอาไว้เอง แต่นับตั้งแต่อวี้หยางเข้ามาในตำหนัก นางก็เริ่มหัดเย็บปักสิ่งนี้ขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยชอบงานเหล่านี้เลย“นี่เป็นถุงหอมที่ข้าเย็บเอง ท่านเอาไปสิ”อวี้หยางมองถุงหอมที่ผูกพู่สีแดงอยู่ ในนั้นมีกลิ่นที่คุ้นจมูกของเขา ซึ่งเป็นกลิ่นที่นางมักจะใช้อยู่เป็นประจำ เขารับและดึงมาสูดกลิ่นทันที“สิ่งนี้จะเป็นตัวแทนเจ้า จะได้เหมือนมีเจ้าอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา ขอบใจมากนะอันหลิน”“ท่านชอบก็ดีแล้ว ข้าไม่ถนัดงานปักเย็บ ก็เลยทำได้เพียงแค่นี้ มิได้ปักอะไรเอาไว้”“ขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้าให้ อย่างไรก็มีค่าสำหรับข้าเสมอ”นางกอดเขาอีกครั้ง ไม่คิดมาก่อนเลยว่า เพียงแค่เขาบอกว่าจะกลับหอหรูเยว่เพียงไม่กี่วัน กลับทำให้นางรู้สึ
“เดี๋ยวก่อนสิ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน ท่านไปที่ไหนมากันแน่ แล้วจู่ ๆ ทำไมจึงมีเรื่องด่วนเข้ามาเล่า”“ข้าก็อยากจะบอกนะ แต่ว่าตอนนี้อย่าพึ่งพูดจะได้ไหม ซานหูกับเจาอินออกไปข้างนอก เรามีเวลาไม่นานเท่าใด หากอยากรู้ข้าจะบอก แต่คงต้องหลังจากนี้ก่อน”“อ๊ะ อวี้หยางคนผีทะเล…อื้อ เบาหน่อยสิมันยังช้ำอยู่เลย”“ข้าจะอ่อนโยน”“อื้อ…อ๊าา”เมื่อปลดชุดนางออกได้ เขาก็ไม่รอที่จะให้นางขัดขืน และเริ่มดึงชุดของตัวเองออกด้วยเช่นกัน เมื่อตอนเข้ามาเขาลงกลอนแน่นหนา แต่คิดว่าช่วงเวลานี้ คงไม่มีใครกล้ามายุ่งกับทั้งสองเป็นแน่“อ๊าา เบาหน่อยสิ ดูดเสียงดังไปแล้ว ท่านอดอยากมาจากไหน อ๊าา”นางต่อว่าเขา แต่ก็กอดศีรษะของเขาแน่น เมื่ออวี้หยางดูดดึงหน้าอกของนาง พร้อมกับใช้นิ้วสอดเข้ามากลางร่องศึก ที่พึ่งพักไปได้ไม่กี่ชั่วยาม“อ๊าา อวี้หยาง ช่วยด้วย!”เขารู้ว่านางอ่อนไหวมากขนาดไหน เพียงแค่ถูกเล้าโลมนิดหน่อยนางก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว แน่นอนว่าเขาเองก็เช่นกัน ช่วงเวลากลางวันที่เห็นเรือนร่างนางชัดเจนเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งตาย“ฮึก! อึ๊ยย!!”"เจ็บอยู่หรือไม่"นางส่ายศีรษะเป็นคำตอบ เมื่อเช้านางแช่น้ำอุ่นเพื่อคลายกล้ามเนื้อไปแล้ว