"สวัสดีค่ะคุณเพ้นท์บอกให้คุณสั่งอาหารรอได้เลยค่ะถ้าว่างจะออกมา" ธารณ์ที่เดินเข้ามาถึงเคาน์เตอร์ร้านเดิมที่มาเหยียบเมื่อวานชะงักทันทีเมื่อพนักงานคนเดิมที่เขาเคยให้ไปตามเจ้าของร้านพูดขึ้นทันทีที่เห็นหน้าเขา
"ครับ?"
"รับอะไรดีคะข้าวผัดเหมือนเมื่อวานไหมคะ"
"เอาเป็นผัดกะเพราปลาหมึกเผ็ดน้อยมาก็ได้ครับ" เมื่อโดนจ้องรอเอาคำตอบแบบนั้น คนตัวสูงจึงสั่งอาหารไปอย่างมึนงง
"ไข่ดาวด้วยไหมคะ"
"ไม่ครับ" คนที่เพิ่งได้รับไข่ดาวรูปหัวใจรีบปฏิเสธทันที
"ถ้าอย่างนั้นคุณลูกค้าเชิญนั่งได้เลยค่ะ" ธารณ์เดินไปนั่งโต๊ะตัวเดียวกับเมื่อวานอย่างงงๆ ความจริงเขาควรจะต้องงงตั้งแต่เดินเข้ามาในร้าน จุดประสงค์แรกคือตั้งใจจะมาคุยกับเจ้าของร้านให้รู้เรื่อง แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ กลับกลายเป็นแบบนี้ซะได้ พนักงานที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์พูดเหมือนรู้ว่าเขาต้องการจะมาพบเจ้าของร้าน ซึ่งเขาคิดว่าเธอน่าจะบอกไว้อยู่แล้ว
แต่ที่งงยิ่งกว่าคือเขากลับสั่งอาหารไปหน้าตาเฉย แถมยังเดินมานั่งรอที่โต๊ะเดิมอีกต่างหาก คิดไปคิดมาไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นเหยื่อรึเปล่า เหมือนโดนเธอบังคับกินข้าวกลายๆ แต่ก็เอาเถอะเห็นว่าทำกับข้าวอร่อยหรอกนะ ถือซะว่าไม่ได้เสียประโยชน์อะไร
นั่งรอไม่นานก็มีอาหารมาส่งเหมือนเดิม แต่ดันมีนอกเหนือจากรายการที่สั่งไป คือชามะนาวแก้วเล็กที่เสิร์ฟมาคู่กัน เดาได้ไม่ยากว่ามาจากใคร
"เช็กบิลเลยครับ"
"คะ?"
"ผมจ่ายก่อนเลย" เขายื่นธนบัตรสีเทาให้พนักงานที่หน้าเหลอหลาอยู่ สราลียื่นมือไปรับงงๆ ถึงอย่างนั้นก็จัดการเช็กบิลให้ตามความต้องการของลูกค้า
คุณหมอหนุ่มสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้จ่ายค่าอาหารก่อนที่เธอจะชิงบอกลูกน้องว่าไม่ให้คิดเงินเขา แล้วเริ่มลงมือรับประทาน แต่เมื่อเห็นหน้าตาผัดกะเพราปลาหมึกในจาน ก็ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ
อุตส่าห์ไม่มีไข่ดาวมาให้วาดหัวใจแล้ว เจ้าตัวยังตกแต่งด้วยการเอาปลาหมึกสองวงมาวางไว้ตรงกลาง เอาถั่วฝักยาวมาบิดโค้งๆ เป็นรอยยิ้ม
นี่คิดว่าทำให้เด็กอนุบาลกินรึไง!
ถึงแม้จะเคืองแค่ไหน แต่เมื่ออาหารหน้าตาน่ากินวางอยู่ตรงหน้า ไหนจะกลิ่นหอมยั่วยวนที่ส่งมาทำให้ร่างสูงลงมือรับประทานอย่างรวดเร็ว ซึ่งใช้เวลาไม่นานทุกอย่างในจานรวมถึงเครื่องดื่มในแก้วก็หมดเกลี้ยง ธารณ์พยักหน้าพึงพอใจ ความจริงตัวเขาไม่ได้กินยากอะไร ด้วยนิสัยหมอต้องรีบกินรีบทำงาน แต่พอระหว่างวันมีอาหารรสชาติอร่อย สะดวกรวดเร็วมาวางตรงหน้าแบบนี้ ก็ดีไม่น้อยสำหรับอาชีพอย่างเขา
"สวัสดีค่ะ" ธารณ์เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงอัตโนมัติ เมื่อเห็นใบหน้าหวานคุ้นตาที่ยืนส่งยิ้มมาให้ก็แสร้งเก๊กหน้าขรึมตอบกลับ
"เชิญนั่งครับ" รวีธารยกยิ้มอารมณ์ดีตอบกลับ ก่อนจะนั่งลงตามคำชวนของเขา เมื่อเห็นความว่างเปล่าในจานอาหาร รอยยิ้มก็กว้างขึ้นกว่าเดิมอัตโนมัติ "ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ"
เขาเปิดประเด็นทันทีเมื่อเห็นเธอนั่งเรียบร้อย
"จะผูกปิ่นโตกับฉันเหรอคะ"
"พูดอะไร!?" ธารณ์สะดุ้งตกใจทันทีเมื่อเธอพูดจบ ถามกลับน้ำเสียงเลิ่กลั่ก หรี่สายตามองอย่างหวาดระแวง
"คะ? ก็นี่ไง คุณอยากจะมาผูกปิ่นโตกับฉันเหมือนคนอื่นรึเปล่า" เธอชี้ไปยังจานข้าวที่ว่างเปล่าของเขา "ฉันรู้นะหมอพยาบาลงานยุ่งจะตาย ที่ร้านรับบริการผูกปิ่นโต จะสั่งไว้แจ้งเวลาแล้วลงมากินที่ร้าน หรือจะให้ทางเราไปส่งก็ได้" เธอรีบขายของตามนิสัยเจ้าของร้าน ดีจะตายได้ทั้งเห็นหน้าเขาทุกวัน ได้ทั้งออเดอร์!
"ผมไม่ได้มาเรื่องนั้น" คุณหมอหนุ่มเมื่อทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอว่าไม่ได้หมายถึงผูกปิ่นโตเดียวกับที่เขาคิดแสร้งพูดเสียงเข้ม ส่งสายตาดุๆ ปรามเธอทันที
"อ้าว แสดงว่าคิดถึง" เธอยิ้มกว้างตอบกลับ
"ไม่ใช่อีกเหมือนกัน แต่ผมจะมาบอกว่าไม่ต้องส่งมาแล้วกาแฟพวกนี้" เขาพูดจบก็เลื่อนบัตรสะสมแต้มที่มีตราประทับสี่ช่องส่งให้
"ทำไมละคะ"
"เมื่อวานผมบอกไปแล้ว" เขาเสหลบตายกแก้วขึ้นดื่ม พยายามไม่มองตาแป๋วๆ ที่จ้องมองมา
"แค่ให้กาแฟก็ไม่ได้เหรอคะ"
"บอกแล้วให้ถือว่าคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น" รู้ว่าโคตรเหี้ย แล้วก็เห็นแก่ตัว แต่ทำยังไงได้ ตัดปัญหาตั้งแต่ต้นดีกว่า ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่พ้นเจอปัญหาเดิมๆ เหมือนที่ผ่านมา
"เราก็เริ่มต้นกันใหม่ได้นี่"
"...."
"ปัญหาของคุณคือเพราะเราอยู่ใกล้กัน แค่นี้น่ะเหรอ"
"ใช่ แค่ถนนกั้นเนี่ยแหละคือปัญหาของผม ผมไม่อยากยุ่งกับคนใกล้ตัว"
บ้าไปแล้ว!
"ถ้าอย่างนั้นคุณซื้อคอร์สอาหารที่ร้านสิ"
"ห้ะ?" ธารณ์อุทานตกใจ ทั้งงุนงงสับสน ที่อยู่ๆ กลายเป็นมาขายคอร์สอาหารกันเฉย
"ซื้อสิ เอาเป็นรายอาทิตย์ก่อนก็ได้ลองดู"
"แค่นั้นจริงเหรอ" ลูกค้าหนุ่มถามกลับอย่างหวาดระแวง
"ใช่" เมื่อเห็นเธอตอบกลับน้ำเสียงหนักแน่นเขาจึงลอบถอนหายใจ ตัดสินใจสั่งคอร์สกับเธอไป
"งั้นเอาแบบหนึ่งอาทิตย์มาก่อน" เขาตอบรับสั้นๆ ในหัวคิดในแง่ดี ถือว่าข้อเสนอนี้ก็ไม่เลว ยอมรับว่าอาหารร้านเธออร่อยจริงๆ การที่ผูกปิ่นโต เอ้ย! ซื้อคอร์สอาหารไปก็ถือว่าไม่แย่ ตัวเขาก็ได้ประโยชน์ ตัวเธอก็ได้ลูกค้า
"ถ้างั้นขอไลน์หน่อย"
"หือ?" เขาทำท่าหวาดระแวงอีกหนเมื่ออยู่ๆ เธอขอคอนแทกต์กันหน้าตาเฉย
"ก็จะส่งเมนูให้เลือกไง" เมื่อเธอบอกเหตุผลมาแบบนั้น เขาจึงหยิบปากกาที่เสียบไว้อยู่ตรงกระเป๋าเสื้อ ตามด้วยกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ จดเมนูอาหารง่ายๆ เป็นเมนูที่เขาผ่านๆ ตาว่ามีแน่นอนส่งไปให้
"อะนี่"
"หวงจัง" เล่นตัวชะมัด ไม่เห็นเหมือนวันนั้นเลย!
ส่วนคนตัวสูงไม่สนใจที่เธอพูด ลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินออกจากร้าน ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายออกคำสั่งก่อนไป
"อาทิตย์หน้าผมขึ้นเวรเช้า เอามาส่งช่วงเที่ยงก็ได้ อ้อ! แล้วเอาไปส่งที่วอร์ดได้เลย เพราะผมคงไม่มาเหยียบที่นี่อีก"
"อ่า....พี่ไทม์ลืมที่เพ้นท์พูดไปเถอะค่ะ" คนที่ดีใจจนเผลอลืมตัวพูดเรื่องแฟนเก่ารีบตอบกลับเสียงอ่อยๆ"ลืมไม่ได้หรอก พูดมาสิ""...""เล่ามา" เมื่อเขาพูดย้ำอีกเสียงเรียบเธอจึงเริ่มเล่าเรื่องที่รู้มา"คือเพ้นท์เพิ่งรู้ว่าความจริงพี่พายไม่ได้แย่งพี่..เอ่อ เขาไป แต่พี่พายไปได้ยินว่าเขาพูดถึงเพ้นท์เสียๆ หายๆ แล้วจะหลอกพาเพ้นท์เข้าโรงแรม พี่พายเลยแกล้งไปตีสนิท จะได้พิสูจน์ด้วยถ้าเขารักเพ้นท์จริงจะต้องไม่สนใจพี่พาย แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขาเลือกที่จะนอกใจเพ้นท์" เธอเอ่ยเล่ารวบรัด จะได้พูดถึงแฟนเก่าให้น้อยที่สุด"..." ธารณ์นิ่งฟัง ทดไว้ในใจถึงไอ้ที่ชื่อก้องภพ บังอาจจะมาลากเมียกูเข้าโรงแรม!"พี่ไทม์โกรธเหรอคะ" เธอเอ่ยถามคนรักเสียงอ่อย เมื่อเห็นเขานิ่งไป"พี่ไม่ได้โกรธเรา" แต่ไอ้เหี้ยนั่น! ได้เจอกันแน่"แล้วทำไมเงียบไป""พี่แค่ดีใจที่เพ้นท์มีพี่สาวที่ดี" เขาพอรู้มาบ้างว่าก่อนหน้านี้พวกเธอไม่ถูกกัน แต่การที่เรวิกาทำแบบนี้กับเพ้นท์ แปลว่าลึกๆ แล้วก็คงรักและเป็นห่วงน้องสาวอยู่เหมือนกัน"นั่นสิคะ วันนี้เพ้นท์ดีใจมาก เหมือนได้ครอบครัวกลับมาเลย รู้สึกตัวเองโชคดีชะมัด ที่มีครอบครัวที่ดี" เธอยกยิ้มก
"พี่ไทม์คะ ชุดนี้มาได้ยังไง" รวีธารคว้าชุดเดรสสีหวานที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า เลิกคิ้วมองคนรักงงๆ"พี่สั่งมาให้ น่ารักดี""อีกแล้วเหรอคะ อาทิตย์นี้สามชุดแล้วนะ"ธารณ์เดินมาหาคนที่หน้ายู่ ฉุดแขนคนรักให้นั่งลงบนตัก หลังจากที่ตนเองทรุดนั่งลงบนเตียง โอบกอดคนตัวเล็กแน่น จมูกโด่งซุกไซ้จากทางด้านหลัง ในขณะที่มือเคลื่อนเข้าไปในเสื้อตัวหลวม"ก็พี่เห็นแล้วอยากให้เพ้นท์ใส่นี่""พี่จะเห็นอะไรแล้วซื้อทุกอย่างแบบนี้ไม่ได้ค่ะ" เธอปรามคนรักเสียงเข้มเพี๊ยะ!"โอ๊ย! เพ้นท์" เขาร้องลั่นทันทีเมื่ออยู่ๆ โดนคนตัวเล็กตีมือเสียงดัง"อย่าเนียนค่ะ""ไม่ได้เนียนสักหน่อย" เขาตอบกลับก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มร่างบาง"พี่ไทม์อะ! พอเลยมาคุยกันก่อน" เมื่อเห็นคนรักเริ่มโวยวาย เจ้าตัวจึงอุ้มคนตัวเล็กมานั่งข้างกัน หันหน้าเธอมาสบสายตา เอ่ยถามเธอ"ว่าไงครับ""เพ้นท์รู้สึกว่าของพี่ไทม์เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เสื้อผ้าก็จะเต็มตู้แล้ว" รวีธารชี้ไปยังตู้เสื้อผ้าที่นับวันของเขาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆดูเหมือนจะเยอะกว่าครั้งก่อนที่เขาขนเสื้อผ้ามาอยู่กับเธออีกพอมาคิดๆ ดูก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะหลังๆ ธารณ์มักจะเอาเสื้อผ้าใหม่ๆ มาใส่เสมอ ขนจาก
รวีธารสบตากับคนที่มองกันอยู่ทั้งน้ำเสียงและสายตาอ้อนวอน "พี่ไทม์...รักเพ้นท์จริงๆ เหรอคะ""พี่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดจะทำให้เราเชื่อได้ไหม แต่พี่ยืนยันได้ว่าไม่เคยทำแบบนี้กับใคร พี่ไม่เคยพาใครไปบ้าน ไม่เคยเก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับใครที่ไหน ไม่เคยมาตามง้อใครแบบนี้ด้วย" สิ่งที่เขาพูดมา มันก็คงจะเหมือนที่พี่ชากับพี่นาวบอก ว่าบางอย่างการกระทำอาจจะชัดเจนกว่าคำพูด"แล้ว...พี่ไทม์รู้เรื่องเกี่ยวกับเพ้นท์แล้วใช่ไหม" การที่เขาได้เปิดใจคุยกับเฮีย แปลว่าเขาน่าจะรู้เรื่องปูมหลังของเธอ "เพ้นท์ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เป็นตัวอัปมงคลของบ้าน""เพ้นท์อย่าพูดแบบนี้" เขาดึงเธอเข้ามากอดแน่น "ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เกี่ยวกับเราเลย สิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่มีใครห้ามได้""แล้วพี่ไทม์ โอเคใช่ไหม""พี่รักเพ้นท์ ไม่ได้รักปัจจัยอะไรทั้งนั้น ของพวกนั้นไม่ได้ทำให้พี่รู้สึกว่าคุณค่าเราจะลดลงสักนิด" ไม่เกี่ยวเลยว่าเธอจะเป็นลูกเต้าใคร ใครจะเป็นเมียหลวงเมียน้อย เขารักที่เธอเป็นเธอแค่นั้น"พี่ไทม์...""เพ้นท์พี่รู้...ที่ผ่านมา พี่ไม่เคยพยายามอะไรให้เห็นเลย ขนาดจีบพี่ยังไม่เคยทำ แต่ถ้าจะให้พี่มาตามจีบเรากลับพี่คงทนไม่ไหว ไม่ใช่พี่จะอดทนเพื่อเ
"ตอนนี้คุณไทม์ยังโทรมาไม่หยุดเลยค่ะ" รวีธารหน้าเจื่อนโชว์หน้าจอให้พี่สาวทั้งสองคนดู ใบชาปรายตามองก่อนจะเอ่ยตอบกลับ"ไม่ต้องสนใจเพ้นท์ ใจแข็งไว้""ใช่ เราไม่ได้ทำอะไรผิด พวกนั้นนั่นแหละผิด" ตามด้วยลัลนาที่พูดขึ้นน้ำเสียงจริงจัง"พี่นาวกับพี่ชาโกรธมากเลยเหรอคะ ความจริงไม่ใช่ความผิดหมอพีร์กับหมอหมอกเลยนะคะ เป็นเพราะคุณไทม์ต่างหาก" คนที่คล้ายเป็นต้นเหตุพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด ที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกัน"เพ้นท์อย่างพวกพี่จะไปโกรธอะไรพวกนั้น" ใบชาหัวเราะน้อยๆ ตอบกลับยิ้มๆ"อ้าว ก็เห็นพวกพี่ดูโกรธมาก แถมหนีกันมาอีก""พวกพี่ไม่ได้โกรธ แล้วก็ที่มานี่ไม่ได้หนี แต่อยากมา" ดาราสาวตอบกลับอย่างเอ็นดู"อยากมาเหรอคะ?""เห้อ! น้องน้อย เราซึมซับบรรยากาศเที่ยวแบบนี้ไว้นะ เพราะต่อไปเราจะไม่ได้มาอีก" ใบชาเอ่ยเตือน"ทำไมคะ?""ก็หมอไทม์ไม่มีทางปล่อยให้เรามา เหมือนกับหมอกแล้วก็คุณพีร์ไง""อ้าว แล้วที่เรามานี่คือ...""พวกพี่อยากมา เลยถือโอกาสแกล้งงอนไปเลย อย่างน้อยเที่ยวที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ที่นี่ก็ไม่เลว" ลัลนายกตอบกลับยิ้มๆ ยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม"นี่เรื่องจริงเหรอคะเนี่ย""หมายถึงเรื่องไหน เรื่องที่พวกพี่แกล้งงอน ห
รวีธารมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟากว้างกลางห้อง หลังจากที่กลับมาถึงรีสอร์ต เขาก็ขอเข้ามาพักในห้องเธอก่อนเนื่องจากตัวเขายังไม่ทันได้จองห้อง มาถึงก็ไปตามหาเธอเลย คนตัวสูงส่งยิ้มมาให้เมื่อเห็นเธอยังคงจ้องมองนิ่ง ปากก็บ่นว่าปวดขาปวดตัวอะไรสักอย่าง"คุณอยากได้อะไรไหม" เธอไม่รู้ว่าเขาอยากได้ยา หรือของกินอะไรไหม"พี่แค่อยากอยู่กับเพ้นท์" รวีธารไม่ตอบอะไร เดินไปหยิบขนมปังที่เธอซื้อตุนไว้เผื่อหิวช่วงกลางคืนเนื่องจากรีสอร์ตแห่งนี้ เน้นการพักผ่อนแบบธรรมชาติ จึงค่อนข้างห่างไกลในตัวเมืองหรือร้านค้าพอสมควร"กินนี่รองท้องก่อนค่ะ" คนตัวสูงหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ยื่นมือไปรับขนมปังจากเธอ แกะกินรองท้องอย่างที่คนตัวเล็กบอก เพิ่งคิดได้ว่าไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า"ถ้าพี่จะรบกวนเพ้นท์สั่งข้าวให้พี่ได้ไหม พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า" ร่างบางมองคนที่ขอร้องท่าทางน่าสงสาร ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ จัดการสั่งอาหารตามที่เขาบอก"นั่งรออยู่นี่ค่ะ เดี๋ยวเขามาส่ง" เธอบอกเขาก่อนจะผุดลุกขึ้น เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อย"เพ้นท์ไปไหน" คนตัวสูงละล้าละลังฉุดมือเธอเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำท่าจะเดินหนี หัวใจร้อนรนไปหม
"เดี๋ยวจอดตรงนี้ให้กูก่อน กูจะเข้ารีสอร์ต" ธารณ์บอกเพื่อนที่ขับรถอยู่ให้จอด เมื่อกำลังจะผ่านรีสอร์ตของหมอพีร์ ที่ตากับยายมันเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มทำโรงแรม"ไม่เข้าบ้านก่อนเหรอมึง" รพีภัทรเอ่ยถามเพื่อนเมื่อเห็นท่าทางเร่งรีบของมัน"คุณนาวครับตอนนี้เพ้นท์อยู่ไหนครับ""นาวก็ไม่รู้สิคะ น้องตัวคนเดียวคงไม่ต้องมาคอยบอกใครหรอกว่าไปไหน" ธารณ์หน้าเจื่อนๆ ลอบมองเพื่อนสนิททั้งสองคนที่นั่งเงียบอยู่บนรถเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่านั่งเงียบตั้งแต่เจอกันที่สนามบินหลังจากที่เมื่อคืนเพื่อนสนิททั้งสองคนกลับบ้าน ตัวเขาที่นั่งรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อก็ได้รับข่าวดี ทั้งสองยอมบอกแล้วว่าเพ้นท์อยู่ที่ไหน ซึ่งไอ้หมอทั้งสองคนต้องบรรยายความน่าสงสารอย่างหนัก กว่าจะยอมบอกแต่ก็ต้องแลกมากับการที่พวกเขาสามคนโดนเมินกันหมด ถามคำก็ตอบคำ"ถ้ายังไงมีอะไรก็โทรมานะมึง" อวัศย์ยิ้มแหยๆ บอกเพื่อนก่อนจะหันหน้าหนีเมื่อเห็นคนรักปรายตาดุๆ มองมาหลักๆ คือพวกเขาสองคนโดนตึงๆ ใส่เพราะดื้อดึงจะตามมาด้วยนี่แหละเรื่องไอ้ไทม์ไม่ค่อยเท่าไหร่ ทีแรกพวกเธอแพลนกันจะเที่ยวกันตามประสาสาวๆ แต่เรื่องอะไรจะยอมเขากับไอ้พีร์ไม่ยอมลูกเดียว สุดท้ายก็