“เราคุยเรื่องนี้กันไม่รู้กี่รอบแล้วนะเพิร์ล ถ้าคุณยังไม่มีทางออกใหม่ ๆ มาให้เราสองคน ก็กลับไปเถอะ ที่นี่ที่ทำงาน ผมจะทำงาน...”
“ฮึ ไล่ไปเถอะ ต่อให้คุณจะไล่หรือจะทำเย็นชาใส่ฉันยังไง คุณก็กำจัดฉันออกไปจากชีวิตคุณไม่ได้หรอกนะธาม จำเอาไว้ก็แล้วกัน”
หญิงสาวประกาศก่อนจะหันหลังกลับออกจากห้อง โดยไม่ลืมเหวี่ยงกระเป๋าถือในมือใส่แจกันดอกไม้ที่ตั้งบนโต๊ะรับแขกกลางห้องจนแตกกระจาย สักพักใหญ่ ๆ เมื่อแน่ใจว่าไข่มุกกลับไปแน่แล้ว อังคณาเลขาฯ ของเขาจึงค่อยโทรเรียกแม่บ้านให้เข้ามาเก็บกวาดทำความสะอาดเศษแก้ว
“วันนี้กลับบ้านได้เลยนะอังคณา ผมคงไม่มีธุระอะไรจะให้คุณทำแล้ววันนี้”
ธามเอ่ยกับเลขา อังคณารับคำ เดาได้ว่าเจ้านายคงรู้สึกเหนื่อยใจจนไม่มีแก่ใจจะอยู่ที่ทำงานต่อ
แต่ธามก็ไม่ได้ไปปลดปล่อยอารมณ์ที่ไหนอย่างที่ใครคาดเดา เขาแค่ตรงดิ่งกลับบ้าน บ้านที่เงียบเหงาเพราะแม่ของเขาพาเด็กรับใช้อีกสองคนไปปฏิบัติธรรมกับท่านด้วยที่เชียงใหม่ อีกหลายวันกว่าจะกลับ
แต่อย่างน้อยก็ยังมีป้าละออง...คนเก่าแก่อีกคนที่รับใช้แม่ของเขามานาน เมื่อชายหนุ่มกลับถึงบ้าน ป้าละอองก็รีบยกน้ำหวานใส่น้ำแข็งมาเสิร์ฟเขาทันที
“ขอบคุณครับป้า”
ชายหนุ่มรับแก้วเครื่องดื่มสีแดงใสมาดื่มด้วยความชื่นใจ มันเป็นเครื่องดื่มที่เขาชอบดื่มมาตั้งแต่เด็ก ๆ และป้าละอองก็จดจำได้เสมอ
“จะให้ป้าตั้งโต๊ะกี่โมงดีคะคุณหนู”
“สักทุ่มนึงก็ได้ครับ ผมขอขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“แล้วคุณผู้หญิงจะกลับมารับทานด้วยกันไหมคะ”
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ธามนึกขัน ป้าละอองเรียกเขาว่าคุณหนู แต่กลับเรียกเมียเขาว่าคุณผู้หญิง ฟังดูลักลั่นอย่างไรชอบกล
“เพิร์ลก็คงไม่กลับมากินข้าวบ้านเหมือนเคยน่ะครับ ป้าจัดสำรับให้ผมคนเดียวก็พอ...”
“ได้เลยค่ะ คุณหนูรีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าจะให้พวกในครัวทำอาหารอร่อย ๆ เตรียมไว้ให้”
ป้าละอองบอกก่อนยื่นถาดมารับแก้วเปล่า ๆ คืนจากมือชายหนุ่มแล้วกุลีกุจอเดินกลับเข้าครัวไป ใจจริงธามอยากบอกว่าเขากินอะไรไม่ค่อยลง แต่ก็ไม่อยากเพิ่มบรรยากาศเงียบเหงาให้บ้านมากกว่านี้ อีกอย่างก็ไม่อยากเห็นสีหน้าผิดหวังของป้าละอองก็เลยยอมรับปากจะกินข้าว หากแม่เขาไม่อยู่บ้าน สะใภ้ดีเด่นอย่างไข่มุกก็ไม่เคยกลับมารับประทานอาหารมื้อเย็นกับเขาเลยสักวันเดียว
* * * * *
“พี่ลักษ์ไม่น่ายอมให้ลิลลี่บังคับได้เลยนะคะ ไหนจะต้องขับรถมารับ แล้วยังจะพามาเลี้ยงชาบูอีก”
ศีตลาเอ่ยอย่างเกรงใจ ลลิตาที่นั่งข้าง ๆ กำลังเติมผักกับเนื้อสัตว์ลงไปในหม้อต้มที่เดือดปุด ๆ ตรงหน้า เด็กสาวยักคิ้วให้พี่ชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม แต่ลักษมันไม่สนใจเพราะเขากำลังมองและยิ้มให้เพื่อนของน้องสาว
“ถึงไม่บังคับพี่ก็พร้อมจะมา ถ้าลูกตาลยอมให้พี่มารับมาส่งทุกวัน พี่ก็จะมา”
“แหวะ...หอยัยตาลอยู่ใกล้แค่นี้เอง พี่ลักษ์จะถ่อมารับยังไง”
“พี่ก็ย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ ลูกตาลไง”
“เอางั้นเลยเหรอ เข้าท่านะ เดี๋ยวลี่กลับไปบอกป๊ากับแม่ให้ว่าพี่ลักษ์จะไม่อยู่บ้านแล้ว จะออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง”
“กิน ๆ เข้าไปไอ้ลี่ ลำไย”
ลักษมันดุเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงกึ่งรำคาญ แต่นอกจากจะไม่สลด ลลิตายังหัวเราะคิกคักชอบใจที่ได้ยั่วพี่ชาย
ลักษมันอายุมากกว่าสองสาวแค่ปีเดียว เขากำลังเรียนปริญญาตรี ชั้นปีที่สาม เมื่อตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐได้ ป๊าก็ถอยรถยุโรปป้ายแดงให้ลูกชายขับไปเรียนทันที
‘มันจะไม่เกินหน้าเกินตาไปหน่อยหรือป๊า ลูกมันเพิ่งได้ใบขับขี่เองนะ แม่ว่าให้มันนั่งรถไฟฟ้าหรือไม่ก็ให้คนรถไปส่งก็ได้ถ้าพ่อกลัวลูกจะลำบาก’คนเป็นแม่ทักท้วงเพราะกลัวลูกชายจะเสียนิสัย มีอย่างที่ไหนยังหาเงินเองไม่ได้แต่ได้รถยุโรปไปขับ
‘ให้มันขับเองนั่นแหละดีแล้ว มันจะได้เก่ง ๆ อีกหน่อยต้องมาช่วยงานที่โรงงาน ขับรถไม่เก่ง ไม่เป็น อายลูกน้องตาย’
ป๊าให้เหตุผล ลักษมันกลัวจะถูกเรียกของขวัญคืนเขาจึงไม่เคยขับรถไปทำเปรี้ยวซ่ากับใครที่ไหน แค่ไปกลับบ้านกับมหาวิทยาลัย พาแม่กับน้องไปโน่นนั่นนี่บ้างเป็นครั้งคราว
แต่คนที่เขาอยากเชิญมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถอย่างศีตลากลับยังไม่มีทีท่าใจอ่อนสักที ทั้งที่ลักษมันก็มั่นใจว่าตัวเองรูปร่าง หน้าตา สถาบันการศึกษาก็ชื่อดังพอตัว
เมื่อคุยเรื่องเจ้าตัวแล้วศีตลาไม่ค่อยจะตอบ เด็กหนุ่มเลยพยายามชวนคุยเรื่องอื่นเผื่อว่าเธอจะสนใจ
“พี่ต้นยังทำงานที่เดิมใช่ไหมน่ะตาล...”
ศีตลาเกือบสำลักน้ำซุป แต่สองพี่น้องไม่ได้ผิดสังเกต
“เออนั่นสิ พี่ต้นย้ายไปอยู่คอนโดใกล้ที่ทำงานด้วยใช่ไหม แล้วก็ยังอยู่คนเดียวเหรอ มีแฟนแล้วหรือยังพี่ต้นน่ะ”
ลลิตาเจื้อยแจ้วไปเรื่อยตามประสา ไม่ได้อยากรู้คำตอบอะไรจริงจัง มือก็สาละวนทั้งตักทั้งคนหม้อน้ำซุป ศีตลานึกขอบคุณควันที่ลอยกรุ่นขึ้นจากหม้อ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องออกแรงปั้นสีหน้ามากกว่านี้
“ก็ทำที่เดิมนั่นแหละ... ไอ้นี่มันสุกหรือยังอะ หรือต้องให้สุกกว่านี้”
เด็กสาวเปลี่ยนเรื่องทันที บทสนทนาจึงหันเหไปเรื่องอื่นได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีใครรู้สึกผิดปกติแต่อย่างใด
* * * * *
“ทำไมกับข้าวมันเยอะจังล่ะก้อย คุณเพิร์ลเขาจะกลับมากินด้วยหรือ”
ธามถามก้อยที่ยืนหน้าแป้นแล้นรอเขาอยู่ในห้องกินข้าว อาหารบนโต๊ะมีไม่ต่ำกว่าสามจาน ทั้งไก่ผัดมะม่วงหิมพานต์ พะแนงไก่ แกงจืดลูกรอก หลนปูกับผักเครื่องเคียงจานใหญ่ ยังไม่รวมของหวานที่เขาแน่ใจว่าคนครัวจะต้องเตรียมไว้ให้อย่างน้อยหนึ่งถึงสองอย่างแม้เขาจะไม่ได้สั่งก็ตาม
“ก็ป้าละอองสั่งให้ทำค่ะ กลัวว่าคุณผู้ชายจะกินไม่อิ่ม”
“แล้วป้าละอองไปไหนล่ะ”
“แกเดินไปตามกับข้าวอีกจานค่ะ หนูก็บอกแกแล้วนะคะว่าคุณผู้ชายกินไม่หมดหรอก”
ก้อยเจรจาตามประสาคนช่างพูดช่างคุย ธามส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะนั่งที่
“ฉันบอกเธอแล้วเหมือนกันนะก้อยว่าไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณผู้ชาย ถึงเพิร์ลจะชอบให้เธอเรียกเขาว่าคุณผู้หญิง แต่ฉันก็ไม่ชอบถูกเรียกแบบนั้นด้วย...”
“แล้วจะให้ก้อยเรียกว่า คุณหนู เหมือนที่ป้าละอองเรียกหรือคะ”
ก้อยถามอย่างทะเล้น ถ้าไข่มุกอยู่ เธออาจจะเอ็ดเด็กรับใช้คนสนิทไปแรง ๆ สักที แต่ธามแค่ส่ายหน้าอย่างระอา
“ฉันชื่ออะไรเธอก็เรียกอย่างนั้นนั่นล่ะ”
ก้อยไม่ได้ต่อปากต่อคำต่อเพราะป้าละอองยกจานใส่ปอเปี๊ยะทอดเข้ามาพอดี
“โถ่ป้าละออง ผมกินไม่หมดหรอกนะครับ”
“ก็ไม่ต้องหมดหรอกค่ะ แค่ชิม ๆ ก็ได้ วันนี้พวกในครัวลองห่อปอเปี๊ยะเอง อร่อยเชียวค่ะ ป้าเลยเอามาให้คุณหนูชิม”
“ถ้าคุณผู้ชาย...เอ๊ย คุณธามกินไม่หมด ก้อยขอกินต่อนะคะ”
“เอ๊ะนังก้อยนี่ เสียมารยาท พูดจาแบบนั้นกับคุณเขาได้ยังไง ของแกก็ไปกินกับพวกในครัวสิยะ ใช่ว่าไม่ได้แบ่งให้เสียเมื่อไหร่”
ป้าละอองดุหลานสาวที่พาตัวมาจากบ้านนอก ก้อยแลบลิ้นตีหน้าจ๋อย ก่อนจะรีบตักข้าวให้ ‘คุณหนู’ ของป้าละอองที่รอท่าอยู่ตั้งนานแล้ว
“ทำไมกินน้อยจังล่ะคะคุณหนู”
ป้าละอองที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ ๆ อดถามไม่ได้เมื่อเห็นชายหนุ่มที่เธอเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก เขี่ยมากกว่าจะกิน
“ขอโทษนะครับป้า แต่ผมคงไม่ค่อยจะหิว”
“ฝืนกินอีกสักคำสองคำก็ยังดีนะคะ คุณหนูทำงานหนัก ต้องกินเยอะ ๆ”
“คงเพราะ...กินคนเดียวมันเหงามั้งครับ ก็เลยไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไหร่”
ธามบอกไปตามที่คิด
ป้าละอองได้แต่มองอย่างเห็นใจ หลายปีก่อนตอนที่ธามเพิ่งจะก้าวสู่ช่วงวัยรุ่น เด็กหนุ่มเคยงอแงจะให้แม่นมนั่งกินข้าวด้วยกัน นางสงสารเพราะคิดว่าธามคงเหงาจึงหย่อนตัวลงนั่งด้วยใกล้ ๆ ทว่าเมื่อคุณหญิงธัญญา ผู้เป็นประมุขสูงสุดของบ้านเดินลงมาเห็น สายตาเย็นชาและแข็งกร้าวที่มองตรงมาที่นางก็ทำให้ละอองรีบเลื่อนตัวลงไปนั่งยอบกับพื้นแทบไม่ทัน
แม้ไม่มีวาจาตำหนิแม้สักคำ แต่แววตาคู่นั้นของคุณหญิงธัญญาก็บอกชัดว่าบ่าวก็คือบ่าว อย่าได้คิดจะตีสนิทผู้เป็นนาย ต่อให้ ‘นาย’ คนนั้นจะเป็นคนที่บ่าวช่วยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดก็ตาม...
แต่วีณายังไม่ทันได้ถาม... ก้อยก็รีบวิ่งกลับมาเคาะประตูด้วยท่าทางตื่นเต้น"คุณท่านคะ คุณท่าน!""อะไร! มีอะไร!""คุณธามกลับมาแล้วค่ะ มาถึงก็ถามหาคุณท่านทันทีเลยค่ะ!"* * * * * ตอนแรกธามคิดว่าอาจจะพักสมองอยู่ที่เชียงรายต่ออีกสองสามวันแต่ปีขาลเตือนเขาว่า เรื่องบางเรื่อง ปล่อยไว้นานก็จะยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง 'ถึงยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของมึงนะธาม เลี้ยงดูกันมาขนาดนั้น จะไม่มีเยื่อใยความผูกพันกันเลยก็คงไม่ใช่ มึงกลับไปคุยกับแม่ดี ๆ เถอะ อย่างน้อยก็จะได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีอะไรค้างคา'ขนาดคนที่หุนหันพลันแล่นอย่างปีขาลยังบอกแบบนี้ ธามจึงนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ มาทันทีเมื่อเลขาฯ บอกว่าท่านประธานฯ ไม่เข้าบริษัท เขาจึงมาที่บ้าน และก็เจอธัญญาจริง ๆ ในห้องทำงานของธัญญา มีกันเพียงสองคนแม่ลูก ชายหนุ่มใจชื้น อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ไล่เขาทันทีที่เห็นหน้า"มาทำไม ต้องการอะไร""ผมอยากรู้ความจริงครับ ว่าผมเป็นลูกของ...คุณทีน่า...จริง ๆ ใช่ไหม""แกยังไม่ได้ไปถามมันอีกเหรอ""ผมยังไม่ได้ไปเจอเธอเลยครับ ผมอยากมาคุยกับแม่ก่อน เพราะสำหรับผม คุณทีน่าก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แม่ต่างหากที่ยังเป็นแม่ของผม""แต่สำ
หลังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ปีขาลถึงกับนั่งงงอยู่เป็นนานสองนานถ้าไม่ใช่เพราะคนเล่าคือ "ธาม" เพื่อนที่แสนจะสุขุม จริงจัง และไม่เคยล้ออะไรใครเล่น เขาก็คงนึกว่ากำลังฟังละครวิทยุอยู่แน่ ๆ"แล้วป่านนี้แม่มึง...ทั้งสองแม่ ไม่ตามหาตัวมึงให้วุ่นหรือวะ จู่ ๆ หลบมาแบบนี้""ไม่รู้"ธามตอบเนือย ๆ "แม่...หมายถึงแม่ตามกฎหมาย คงไม่อยากเห็นหน้ากูเท่าไหร่ แต่คุณทีน่า บอกตรง ๆ ว่ากูยังช็อก..."ชายหนุ่มนึกถึงหญิงคนนั้น คนที่ดวงตาซึ้งดูเศร้าแต่ก็จับใจเขาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น"กูถูกชะตาเขามากตั้งแต่วันแรกที่เจอที่โรงแรม รู้สึกอยากเข้าใกล้ อยากรู้จัก... ไม่ใช่เชิงชู้สาว แต่เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...""เขาเองก็คงอึดอัดอยากบอกมึงเหมือนกันว่าเป็นแม่..."ปีขาลคาดเดาจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า"ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าไม่เพราะคุณน้าธัญญาดันเกลียดแม่ที่ให้กำเนิดมึงน่ะไอ้ธาม..."นี่ปีขาลก็เดาอีก แต่ธามพยักหน้าเห็นด้วย"เท่าที่ได้ยิน แสดงว่าพ่อกับคุณทีน่าลักลอบมีอะไรกัน จนเกิดเป็นกูขึ้นมา กูก็คือลูกชู้ ลูกนอกสมรส ที่แม่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากทำร้าย เพื่อที่แม่แท้ ๆ จะได้เ
เวลาสองทุ่ม จังหวัดเชียงรายไร่อรุณเบิกฟ้าเปิดไฟสว่างไสวตั้งแต่ปากทางเข้าไร่มาจนถึงตัวเรือนด้านในเพราะผู้มาเยือนโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าหลายชั่วโมงแล้วว่ากำลังจะมา เมื่อรถเล็กซัส แอลเอ็กซ์-หกร้อย มาถึงจึงมีคนงานคอยเปิดประตูให้ และเจ้าของไร่ตัวสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวรอต้อนรับด้วยสีหน้าดีใจแกมโล่งใจที่เพื่อนมาถึงโดยปลอดภัย"ไงมึง"ปีขาลทักสั้น ๆ พลางเข้าไปโอบเพื่อน ตบหลังเบา ๆ หนึ่งที แล้วหันไปทักทายลุงธงคนขับรถของเพื่อนสนิท"สวัสดีครับลุง ขับมาไม่ได้พักเลยสินะครับ""ก็มีแวะปั๊มบ้างครับ"ลุงธงยิ้มเหนื่อย ๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้ขับรถออกต่างจังหวัด เพราะปกติที่ขับรถให้นาย ไกลสุดก็แค่อยุธยา"ที่จริงคุณธามแกจะขับเองครับ บอกให้ผมกลับบ้านได้เลย แต่ผมขอมาด้วย อย่างน้อยจะได้เปลี่ยนมือกัน...นี่ก็ออกมาเลย เสื้อพงเสื้อผ้าอะไรไม่มีสักตัวเลยครับ"ลุงธงบอกอย่างเป็นห่วงมากกว่าจะฟ้อง"ผมให้แม่บ้านเตรียมห้องกับพวกกับข้าวกับปลาไว้ให้ลุงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกันนะลุง เดี๋ยวเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้แม่บ้านหาให้แป๊บเดียว...แม่ต้อย ฝากดูแลลุงเปิ้นกำเน่อ""เจ้า"แม่บ้านวัยกลางคนรับคำแล้วพาลุงธงเดินหายเข้าไปด้านหลั
ธามยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขาอยากจะคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก เขากำลังถูกแกล้ง แต่สีหน้าของผู้หญิงสูงวัยสองคนที่กำลังมองมาที่เขาก็จริงจังเกินกว่าจะคิดเช่นนั้น"ทำไมแม่พูดอย่างนั้นล่ะครับ ก็แม่เป็นแม่ผม...""ใช่ แม่ควรจะเป็นแม่ของแก แม่ก็เคยเชื่อแบบนั้น"ธัญญาหันกลับไปมองทิพย์ลาวัณย์อย่างเจ็บแค้น"ฉันให้แกมาอุ้มบุญลูกของฉัน แต่แกกับทิมกลับสวมเขาให้ แอบไปมีอะไรกันตอนไหนฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยคิดจะระแวงเลยสักครั้ง แต่ตอนแกเกิด สายตาของแกกับทิมทำให้ฉันสงสัยและตัดสินใจแอบตรวจดีเอ็นเอ จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย... แกหลอกฉันตลอดแปดเก้าเดือนที่ท้อง แกกับทิม เลวทั้งคู่""แม่...นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้วนะครับ""จนป่านนี้แล้วยังไม่ชัดอีกหรือไง"ธัญญาหันมาตอบเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน"ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของแก ฉันแค่เลี้ยงแกมา เพราะว่าแม่แท้ ๆ ของแกมันเป็นชู้ มันแค่อุ้มท้องแล้วก็คลอด แล้วก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอกเพราะทนขายขี้หน้าไม่ได้ที่แอบนอนกับผัวของพี่สาว..."ธามหน้าซีดเผือด ไม่กล้ามองทิพย์ลาวัณย์ให้ชัด ๆ ด้วยซ้ำ ธัญ
ธัญญาก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ ทิพย์ลาวัณย์เบี่ยงตัวหลบให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ต้องฟังคำสั่งของญาติผู้พี่อยู่เสมอ...แต่เธอก็อนุญาตให้ธัญญาเข้ามาแค่คนเดียว บรรดาผู้ช่วยผู้ติดตามของเขา เธอให้รออยู่ด้านนอกธัญญามองไปรอบ ๆ ห้องพักที่มีห้องนอนย่อยสองห้อง มีชุดครัว มุมนั่งเล่นดูโทรทัศน์ และมุมอ่านหนังสือ ทุกอย่างดูสะดวกสบายครบครันสมเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม"ฉันไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว ธามเขายังดูแลได้ดีทีเดียว ดูดีกว่าตอนทิมยังอยู่เสียอีก""พี่ธัญมาทำไมคะ"ทิพย์ลาวัณย์ถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม ญาติผู้พี่ของเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อแค่ทักทายอย่างแน่นอนธัญญาหันกลับมาทันที "แกต่างหากกลับมาทำไม 'กล้า' กลับมาทำไม หรือมันนานเกินไปจนแกลืมไปแล้วว่าแกสัญญาอะไรกับฉัน""ใช่ค่ะพี่ธัญ มันนานเกินไปแล้ว"ทิพย์ลาวัณย์ยอมรับ แววตาและน้ำเสียงอ่อนลงอย่างอ้อนวอน"มันสามสิบกว่าปีแล้วนะคะ พี่จะไม่ให้ฉันกลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเลยหรือไง ฉันแค่อยากพาลูกชายฉันกลับมาเที่ยว... ไม่ได้มาเพราะต้องการจะรบกวนอะไรพี่... ขนาดงานศพพี่ทิม ฉันยังไม่มาเลย เท่านั้นยังไม่มา
เย็นนั้นลูกชายบอกว่าจะขอออกไปดินเนอร์กับเพื่อนใหม่ 'ที่อื่น'"มีบาร์ชั้นดาดฟ้าที่มองลงไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ แวนอยากลองไปที่นั่น""ไปกับสาวก่อน แล้วค่อยพาแม่ไปวันหน้าใช่ไหม"ทิพย์ลาวัณย์แกล้งถาม แต่อีแวนยิ้มและพยักหน้าจริงจัง"แน่นอนครับ ถ้าร้านโอเคแวนจะพาแม่ไปอีกแน่นอน...""แล้วจะกลับดึกไหมลูก"อีแวนลังเลเล็กน้อย"น่าจะดึก หรืออาจจะค้างที่อื่นครับ"ทิพย์ลาวัณย์ตกใจนิด ๆ อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่"ระมัดระวังตัวให้ดีนะแวน ที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา""ครับ ไว้ใจได้ครับ"ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ่ยก่อนก้มลงจูบแก้มสองข้างของมารดา แล้วขอตัวออกจากห้องไปเพื่อไปตามนัดกับเพื่อนใหม่ที่เขาว่า ทิพย์ลาวัณย์ไม่เซ้าซี้ถามว่าใคร แม้จะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวสวยคนที่ส่งยิ้มให้ลูกชายเธอเมื่อเช้าเมื่อลูกชายไม่อยู่ ทิพย์ลาวัณย์เลยคิดว่าอาจจะโทรสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมาก่อนบนห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพสมวัยแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่สีเลือดหมูลงไปที่ห้องอาหาร..."วันนี้มีดนตรีสดด้วยหรือคะ"เธอเอ่ยกับพนักงานอย่างแปลกใจตอนที่พนักงานมารับออเดอร์"ใช่ค่ะ ทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ กับวันหยุดย