ลี่เซียนสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกถึงความเหนียวหนืดบนใบหน้า พอลืมตาขึ้นดูก็เห็นใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั่งน้ำลายยืดอยู่ด้านข้าง
"เสี่ยวซี หิวหรือคะลูก"
สิ้นเสียงหวานที่เอ่ยถาม ร่างเล็กป้อมก็ไต่ลงจากเตียงแล้วเดินเตาะแตะไปตรงประตูห้อง
"แม่ หม่ำ หม่ำ"
"เดินเก่งแล้วด้วยหรือคะ เก่งจริงๆ"
ลี่เซียนที่เห็นเด็กน้อยลุกขึ้นเดินเอง ในตอนแรกนางนึกว่าแก่เดินยังไม่แข็งหรือเดินยังไม่ได้เสียอีก ดูท่าคงจะหิวมาก นางจึงรีบลุกขึ้นสางผมยาวยุ่งเหยิงของตนให้เข้าที่แล้วเดินไปอุ้มร่างกลมไว้ในอ้อมแขนพาเดินลงไปชั้นล่างของโรงเตี๊ยม สั่งอาหารสองสามอย่างแล้วมารอยังห้องพัก สั่งมากินข้างบนคงจะสะดวกกว่าเพราะบุตรของนางยังเล็กหากจะให้กินด้านล่างกลัวจะรบกวนคนอื่น
เมื่อเสี่ยวเอ้อที่ยกสำรับมาให้ปิดประตูลง ลี่เซียนถึงกับมองอาหารบนโต๊ะตาโต นี่คืออาหารที่ดีที่สุดตั้งแต่นางหลุดมาอยู่ที่นี่เลยก็ว่าได้ จึงรีบลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อยและไม่ลืมส่งเข้าปากบุตรสาวตัวน้อยที่ดูจะชมชอบกับการกินอยู่ไม่น้อยทีเดียว
เมื่อกินกันจนอิ่มจึงพากันไปอาบน้ำล้างตัวด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข คงต้องลงไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับนางและบุตรเสียก่อนเพราะชุดที่สวมอยู่คือชุดเดียวที่มีติดตัว พรุ่งนี้ค่อยไปดูที่ทางสำหรับปักหลักเป็นที่อยู่อาศัยหากจะใช้โรงเตี๊ยมเป็นที่อยู่ที่กินเห็นทีว่าเงินที่สตรีนางนั้นทิ้งไว้ให้คงจะสูญเปล่า คงต้องหาที่สำหรับอยู่ถาวรลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงและหาการหางานทำเลี้ยงดูทั้งตัวเองและบุตร ต่อจากนี้ไปนางคือหลานลี่เซียน หญิงม่ายลูกติดแห่งยุคเอ่อ ยุคอะไรนางก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ก็ช่างเถอะจะอยู่ยุคไหนสมัยไหนมันก็ต้องดิ้นรนต่อสู้ปากกัดตีนถีบทั้งนั้น ขอเพียงมีใจสู้คงจะไม่อดตาย จากนั้นจึงอุ้มกระเตงบุตรตัวน้อยลงไปยังร้านตลาดด้านล่างที่มีร้านรวงมากมายเต็มสองข้างทาง ใช้เพียงผ้าผืนบางปิดบังใบหน้าเท่านั้น ถึงแม้นางในตอนนี้จะผอมแห้งแต่ก็ยังคงงดงามอย่างมาก นางไม่อยากจะมีปัญหาอะไรในตอนนี้ เพราะความงามมักจะพ่วงปัญหามากมายตามมาเสมอ
ร่างสูงสง่าดูน่าเกรงขามแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ที่มองลงมายังตลาดเบื้องล่างเห็นสตรีร่างผอมบางที่อุ้มกระเตงเด็กที่ดูสะดุดตาเพราะใบหน้างามนั้นช่างดึงดูดสายตาอย่างประหลาดจำต้องละความสนใจจากภาพตรงหน้าหันมามองผู้ที่กำลังรายงานเรื่องที่ทำให้ตนต้องเดินทางมาที่นี่อย่างเร่งด่วน
"ว่ามา"
เมื่อได้รับอนุญาตจากร่างสูง บุรุษผู้ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ถึงกับกำมือแน่น
"ท่านฉางชุน สิ้นแล้วขอรับนายท่าน แต่ฮูหยินและบุตรีนั้นหลบหนีไปได้ ยังตามหาไม่พบ เจอเพียงคลาบเลือดซึ่งคาดว่าคงเป็นของฮูหยินขอรับ"
สิ้นคำรายงานของคนสนิทร่างสูงพลันหลับตาลงปิดบังดวงตาปวดร้าวที่สั่นระริก ตนมาช้าเกินไป มาช้าเกินไปจนสหายที่เป็นดั่งพี่น้องต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ กว่าจะได้ข่าวที่สหายลอบส่งมาขอความช่วยเหลือก็สายไปเสียแล้ว กล้ำกลืนความเจ็บปวดลืมดวงตาพยัคฆ์ที่แดงก่ำสั่งการต่อไป
"สั่งการลงไปให้คนของเราตามหาฮูหยินและบุตรของสหายข้าให้พบ"
"ขอรับ นายท่าน"
ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรีบค้นหาครอบครัวของสหายให้เจอ เพื่อจะได้ไม่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้ หากเขามาช่วยสหายได้ทันเวลาสหายของเขาคงจะไม่ตายอย่างน่าอนาถ
ลี่เซียนที่อุ้มเจ้าเด็กอ้วนนี่ รับรู้ถึงแขนที่รู้สึกชาไปทั้งแถบ แต่เหมือนร่างเล็กจะรู้ว่าทำให้มารดาลำบากจึงใช้มือเล็กกลมป้อมลูบใบหน้านาง
"แม่ เดิน เดิน"
เอ่ยบอกพร้อมดิ้นดุ้กดิ้กจะลงไปเดินเอง
"จะเดินเองหรือคะ งั้นแวะซื้อรองเท้าร้านข้างหน้านี้ก่อนดีกว่าเนาะ"
หางตานางเหลือบไปเห็นร้านรองเท้าที่อยู่ข้างหน้าพอดีจึงอุ้มหนูน้อยไปซื้อรองเท้าผ้าทั้งของนางที่ขาดจนแทบจะใส่ไม่ได้และของเจ้าตัวน้อยที่ยังไม่มีรองเท้า พอได้รองเท้าจึงพากันเดินจูงมือกันไปซื้อเสื้อผ้าคนละสองชุดและขนมกินเล่นอีกเล็กน้อยจึงพากันกลับโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อนเอาแรง พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อสู้กันต่อ
อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ รีบสาวเท้าตรงมายังเรือนนอนของตนกับผู้เป็นชายาอย่างเร่งรีบกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาบ่าวไพร่ที่จะเห็นภาพเหล่านี้เมื่อวันเวลาสี่วันเวียนมาบรรจบวันนี้พระองค์รีบเร่งสะสางงานเพื่อจะได้รีบกลับมาอยู่กับชายารัก ซึ่งวันนี้เป็นวันของพระองค์หากจะถามว่าเหตุใดจึงกล่าวว่าวันนี้เป็นวันของพระองค์น่ะหรือ เหตุเพราะการแย่งชิงกันที่จะได้นอนกอดมารดาของเจ้าสี่แสบ ทำให้ต้องทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันนอนกับมารดา และผู้เป็นบิดาเช่นพระองค์ก็มิได้รับข้อยกเว้น จำต้องแบ่งวันอยู่กับชายารักเหมือนกับบุตรทั้งสี่ แม้จะได้นอนร่วมเตียงแต่ก็มีบุตรตัวน้อยที่นอนคั่นกลาง ซึ่งวันนี้ก็เวียนมาบรรจบที่พระองค์จะได้อยู่ตามลำพังกับผู้เป็นชายา หลังจากมิได้นอนกอดชายารักมาหลายค่ำคืนเมื่อสาวเท้าข้ามผ่านประตู เห็นชายารักนั่งหวีผมยาวสลวยอยู่หน้ากระจก มองจากการแต่งกายให้รู้ว่านางอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนทำให้คิ้วหนาขมวดมุ่น"เหตุใดจึงไม่รออาบพร้อมกัน" ลี่เซียนที่มองสบตาสวามีผ่านกระจก เห็นสายตาร้อนแรงนั้น ให้รู้สึกร้อนวูบวาบนัก"ก็ อากาศมันร้อนอบอ้าวหนิเจ้าคะ" เสียงหวานใสที่เอ่ยขึ้นใบหน้
"ท่านแม่เจ้าขาาา"เสียงเล็กที่ร้องเรียกดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างกลมป้อมของเจ้าของเสียงที่สองมือเล็กนั้นถือข้าวของมาเต็มสองมือ ทำให้ลี่เซียนที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสามต้องเงยหน้าขึ้นมอง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ ดูท่าช่วงนี้จะมั่งคั่งเหลือเกินนะเราน่ะ ไปรับสินบนจากใครมากัน หืม"เจ้าตัวเล็กเห็นสายตาที่มองมาของมารดาถึงกับสะดุ้ง รีบเอ่ยจนปากเล็กสั่นระรัว "สินบนอันใดกันเจ้าคะ ลูกไม่เห็นจะเข้าใจเลย ข้าวของเหล่านี้ เป็นบิดาเมตตาลูกเองทั้งนั้น ลูกมิได้ร้องขอแม้แต่น้อย"ลูกแค่บอกว่าถุงเงินของลูกช่างเบายิ่งนักท่านพ่อก็กุลีกุจอยัดเยียดกุญแจหีบเงินให้ลูก แน่นอนว่าประโยคนี้มิได้หลุดออกไปจากริมฝีปากเล็กใบหน้าเล็กใสซื่อเอ่ยขึ้นในตาใสแจ๋ว"อืมมม บิดาเจ้าช่างประเสริฐแท้"ลี่เซียนที่เอ่ยขึ้นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงผู้ที่ทำให้นางรู้สึกจุกหน่วงในท้องอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วหางตาก็เห็นผู้ประเสริฐกำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาแล้วช้อนตัวเจ้าตัวแสบขึ้นอุ้ม พร้อมหอมแก้มย้วยนั้นฟอดใหญ่ มองใบหน้างอง้ำของภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม"เสี่ยวซี ซื้ออันใดมาฝากพ่อบ้าง หืม" " เยอะแยะเลยเจ้าค่ะ มีชาแบบใหม่ด้วยนะเจ้าคะ
ภาพโฉมสะคราญนอนเปลือยแผ่นหลังขาวผ่องอยู่บนตั่งเล็กริมหน้าต่าง ทำให้อ๋องสามยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล ช่างงดงามดังเทพธิดาที่ปรมาจารย์ผู้เป็นเอกด้านรูปวาดจรดปลายพู่กันปั้นแต่งความงามเหมาะเจาะลงตัวปรากฏเป็นภาพโฉมสะคราญที่ทำให้ผู้คนหลงใหล เส้นผมดำยาวดุจดังน้ำหมึกที่หลุดลุ่ยคลอเคลียบนกรอบใบหน้าเล็กขาวนวลเนียน คิ้วเรียวดั่งคันศรดำขลับโดยมิต้องเติมแต่ง ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นแพขนตางอนยาวทาบทับเปลือกตา จมูกโด่งเล็กรั้นเชิดตรงส่วนปลาย และริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ ช่างชวนให้อยากสัมผัสความหวานที่พระองค์รู้ดีว่าละมุนเพียงใด สายตาคมดุจพยัคฆ์ไล่สำรวจมายังลำคอและลาดไหล่ขาวละเอียดเห็นเนินอกขาวผ่องรำไรพาลให้ลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวนวลตัดกับเส้นผมดำยาวที่คลอเคลียไหล่มนจนมาถึงแผ่นหลัง ดึงให้ฝ่ามือหนายกขึ้นปัดป่ายก่อนจะประทับริมฝีปากร้อนลงบนหัวไหล่ไล่พรมจูบมาตามกระดูกสันหลัง มือหนาที่พยายามดึงรั้งให้อาภรณ์ที่เกาะเกี่ยวสะโพกงามงอนให้พ้นทาง ปากร้อนก็จูบพรมไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง จนเจ้าของร่างเย้ายวนรู้สึกตัวตื่น สัมผัสแผ่วเบาที่ขยับยุกยิกทางด้านหลังจนทำให้รู้สึกวาบหวิวจนต้องลืมตาฉ่ำน้ำมองสิ่งที่รบกวนการพัก
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเจ้าคะ" เสียงเล็กที่กระซิบแผ่วเบากับร่างสูงที่ย่อตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อให้คุยกับร่างเล็กได้สะดวก "วันนี้ซีเอ๋อไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือ" เสี่ยวซีที่ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น"อืมมม ไม่เจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ เพราะท่านแม่นั้นเหนื่อยมาก" "ให้พ่อช่วยดีหรือไม่ ส่วนซีเอ๋อจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก" "ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่กับท่านแม่"ว่าพลางร่างเล็กก็ทำท่าจะหันหลังกลับเข้าไป อ๋องสามที่รีบคว้าไหล่เล็กเอาไว้ จนไม่ทันสังเกตรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ยกขึ้นของเจ้าตัวเล็ก" เมื่อวันก่อนพ่อได้ยินว่าท่านแม่ของเจ้าบ่นว่าอยากกินถังหูลู่ด้วยนะ ถ้าท่านแม่ได้กินคงจะหายเหนื่อยแน่ๆ เอ.. หรือว่าพ่อจะไปซื้อเองนะ แต่หากเสี่ยวซีเป็นคนไปซื้อท่านแม่คงจะชื่นใจจนหายเหนื่อยเป็นแน่"เสี่ยวซีน้อยที่มองใบหน้าของบิดาที่กำลังมองนางสายตาพราวระยับ"ท่านแม่ ไม่ชอบกินของหวาน"เจ้าตัวเล็กที่ใช้มือเล็กกลมยกขึ้นกอดอก"แต่พ่อได้ยินจริงๆ นะ""ท่านพ่อจะหลอกให้ลูกออกไปข้างนอก เพื่อจะได้อยู่กับท่านแม่ตามลำพังใช่หรือไม่เจ้าคะ"OoO! ".... " อ๋องสามที่โดนจับได้ รีบก้มห
หลังจากวันนั้นที่สองพ่อลูกผู้มากเล่ห์ใช้กลเม็ดต่างๆ ขยันหาเรื่องจนนางอดสงสารทั้งสี่คนไม่ได้ ก็ดูเหมือนเรื่องราวของทั้งสี่จะเริ่มชัดเจนขึ้นโดยมีสองพ่อลูกที่เป็นผู้รับหน้าที่ผูกด้ายแดงเชื่อมโยงหนุ่มสาวให้กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ปล่อยให้มันสายเกินไปจนยากที่จะแก้ไข แต่กว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดีก็เล่นเอาบอบช้ำกันไปตามๆ กัน เพราะบรรดาพระเชษฐาของสามีนางจะมีใครธรรมดาได้อย่างไร ตอนนี้ท้องของนางใกล้จะคลอดเต็มที ยิ่งใกล้คลอดนางยิ่งรู้สึกกังวล แต่ก็มีสามีที่คอยอยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจและยังมีเจ้าตัวเล็กที่มักจะมานั่งคุยกับน้องๆ ทั้งสามอยู่เสมอ จนเมื่อถึงวันที่นางเจ็บท้องคลอดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของบุคคลทั้งสองที่นางรัก ทั้งนางและบุตรตัวน้อยทั้งสามล้วนปลอดภัยและแข็งแรงดี อ๋องสามและเสี่ยวซีที่เห่อเจ้าตัวเล็กทั้งสามจนไม่คิดจะออกห่างไปไหนต่างช่วยกันดูแลนางและเจ้าตัวน้อยทั้งสาม บุตรที่คลอดออกมาคนแรกนั้นเป็นอ๋องน้อยเป็นคุณชายใหญ่ของจวนบิดาให้นามว่า มู่หยวนฟง คนที่สองก็ยังเป็นบุตรชายคุณชายรองนามว่า มู่อวิ๋นซาน ส่วนคนที่สามเป็นท่านหญิงน้อยซึ่งดูจะได้รับความโปร
ตอนนี้บรรยากาศในศาลาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบพี่สาวคนสวยทั้งสองเป็นอย่างมาก จากที่ได้สนทนากันคุณหนูหลิวทั้งสองนั้นน่าคบหามากเลยทีเดียว จนตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานลี่เซียนก็สามารถพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นกันเองอย่างสนิทใจแต่เหตุใดนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป พี่หย่งไท่ที่มักจะพูดคุยหยอกล้อกับเสี่ยวซีกลับเงียบจนผิดปกติจะมีหันมาตอบคำถามบ้างเมื่อมีใครถามเท่านั้นและนางยังไม่เห็นพระองค์พูดกับหลันเอ๋อแม้แต่คำเดียว ส่วนองค์รัชทายาทนั้นที่ปกติมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดแต่ก็ยังสนทนากันบ้างวันนี้กลับเงียบจนน่าอึดอัด แต่นางกลับเห็นว่าสายตาคู่นั้นมักจะมองมายังสตรีผู้หนึ่งเสมอ มิใช่คู่หมั้นแต่เป็นน้องสาวของคู่หมั้น แต่เชี่ยนเชี่ยนกลับนิ่งเฉยนางรู้สึกได้ว่าเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแต่กลับไม่ยอมหันไปสบตายังคงพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเสี่ยวซีด้วยรอยยิ้ม บางครั้งรอยยิ้มสดใสนั้นก็มักมีความเศร้าหมองวาบผ่านโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงออกมาฝ่ามืออุ่นที่โอบกระชับรอบเอวทำให้นางหลุดจากภวังค์หันมามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาใ